เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 278 เจ้าไม่อาจเทียบกับภรรยาของข้าได้ !
บทที่ 278 เจ้าไม่อาจเทียบกับภรรยาของข้าได้ !
“ข้าจะทิ้งภรรยาและหนีไปตามลำพังได้อย่างไร ?” ซูอันตอบอย่างเคร่งขรึม
เมื่อมองไปที่ใบหน้าที่ซีดเซียวและชุดเปื้อนเลือดของฉู่ชูเหยียน เขาก็รู้สึกขมขื่นในอก เขารีบหยิบยาฟื้นฟูออกมาและป้อนให้กับนาง “เร็วเข้า กินนี่สิ แม้ว่ายาจะไม่มหัศจรรย์เท่ายาที่ข้าให้ไว้ก่อนหน้านี้ แต่มันก็ยังเป็นยาที่ปรุงโดยหมอเทวะจี้”
ยาพวกนี้จี้เสี่ยวซีมอบให้เขาเป็นจำนวนมาก เมื่อพิจารณาว่าจี้เติ้งถู ทุ่มเทให้กับลูกสาวมากแค่ไหน ชายหนุ่มเองก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมในความเป็นพ่อที่แสนดีของอีกฝ่าย
“ไม่มีประโยชน์ เส้นลมปราณของข้าถูกทำลายไปหมดแล้ว” ฉู่ชูเหยียน ส่ายหัว น้ำเสียงของนางยังคงสงบอย่างเหลือเชื่อ ราวกับว่ายอมจำนนต่อโชคชะตาแล้ว
“ใครบอกว่าไม่มีประโยชน์ ! พอเราออกไปได้ข้าจะบอกให้หมอเทวะจี้รักษาเจ้าให้หาย ข้าแน่ใจว่าเขาทำได้ !” ซูอันยืนกรานอย่างแน่วแน่ในขณะที่เขายัดยาที่ดีที่สุดที่มีในตอนนี้เข้าไปในปากของฉู่ชูเหยียน
ทักษะทางการแพทย์ของจี้เติ้งถูเป็นของจริง นอกจากนี้ต่อให้จี้เติ้งถูไม่สามารถรักษาฉู่ชูเหยียนได้ แต่เขาก็ต้องแน่ใจว่าจะต้องมีบางสิ่งบางอย่างในโลกของการบ่มเพาะที่กว้างใหญ่นี้ทำได้อย่างแน่นอน !
และถึงแม้จะไม่มีสิ่งใดในโลกนี้ที่ทำได้ เขาก็ยังมีคีย์บอร์ด ! รางวัลที่สุ่มได้อาจสามารถสร้างปาฏิหาริย์ให้กับนางได้ !
“แค่กแค่ก…” ฉู่ชูเหยียนไม่เคยถูกใครยัดยาเข้าปากแบบนี้มาก่อนซึ่งมันทำให้นางทั้งเขินอายและกระสับกระส่าย อย่างไรก็ตาม ตอนนี้นางไม่มีแรงแม้แต่จะเคลื่อนไหว นับประสาอะไรกับการหลบเลี่ยงซูอัน
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะเข้ากันได้ดีกับจี้เสี่ยวซี” ฉู่ชูเหยียนสังเกตเห็นว่าถุงใส่ขวดยาถูกปักด้วยลายดอกไม้และมีกลิ่นหอมจาง ๆ เห็นได้ชัดว่ามันเป็นของผู้หญิงคนหนึ่งที่ดูแลมันอย่างพิถีพิถัน
“ข้าบอกเจ้าแล้วไม่ใช่หรือไงว่าสามีเจ้าโด่งดังในหมู่ผู้หญิง !” ซูอันเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าภูมิใจ แต่อย่างไรก็ตาม จู่ ๆ ชายหนุ่มก็นึกขึ้นได้ว่านางมีอาการไม่ดีอยู่แล้ว และคงจะไม่ดีถ้าจะทำให้นางโกรธ ดังนั้นจึงอธิบายต่ออย่างรวดเร็ว “เราพบกองทัพผีดิบในหุบเขาเมื่อไม่นานมานี้ ข้าบอกให้นางหนีไปขอความช่วยเหลือในขณะที่ข้าล่อพวกผีดิบไปอีกทาง ก่อนแยกทางกันนางจึงมอบยาพวกนี้ให้ข้า”
ฉู่ชูเหยียนถอนหายใจเบา ๆ และพูดว่า “ทำไมเจ้าถึงอธิบายเรื่องนี้กับข้า ?”
“ข้าแค่กลัวว่าเจ้าจะหึง” ซูอันตอบอย่างเขินอาย
ฉู่ชูเหยียนไม่โต้ตอบอะไรกับเขาอีก
ถึงเวลานี้ซือคุนและคนอื่น ๆ ได้หันกลับมามองแล้ว ใบหน้าของซือคุนมืดหม่น “ฉู่ชูเหยียน เจ้าทำให้ข้าประทับใจจริง ๆ ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะมีวิชาที่ทรงพลังพอจะจัดการกับเทพอสูรแห่งการกลืนกิน ‘คุน’ ได้ แต่อย่างไรก็ตาม เจ้ากลับลงเอยด้วยการทำให้ตัวเองพิการ มันคุ้มค่าแล้วงั้นเหรอ ?”
เขามองว่าฉู่ชูเหยียนเป็นภรรยาในอุดมคติมาตลอดและทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อให้ได้นางมา แต่ตอนนี้นางพิการเสียแล้ว ไม่มีทางที่ตระกูลของเขาจะยอมให้แต่งงานกับคนพิการอย่างนาง
แต่ด้วยรูปลักษณ์ที่งดงามของนาง แม้ว่านางจะสูญเสียการบ่มเพาะไป การที่ให้นางมาเป็นภรรยาน้อยของเขามันก็พอจะเป็นไปได้ อย่างไรก็ตาม อาการบาดเจ็บของนางตอนนี้รุนแรงมากเกินไปจนไม่น่าจะรอดชีวิตได้…
หลายปีของการวางแผนได้สูญเปล่า เขาอุตส่าห์ลงทุนกระทั่งใช้ไพ่ตายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา แต่ทุกอย่างกลับจบลงโดยเปล่าประโยชน์ เขาจะไม่ผิดหวังได้อย่างไร ?
เฉียวเสวี่ยอิงมีสีหน้าที่ซับซ้อน นางเข้าสู่ตระกูลฉู่ด้วยเหตุผลที่ซ่อนเร้น หลายปีที่นางได้อยู่ร่วมกับฉู่ชูเหยียน ทำให้ทั้งสองคนใกล้ชิดกันเหมือนพี่น้อง นางหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคุณหนูของนางจะได้แต่งงานกับนายน้อย
ในความเห็นของนาง มีเพียงนายน้อยคนที่หกของตระกูลซือเท่านั้นที่คู่ควรแก่การเป็นสามีของฉู่ชูเหยียน ไม่ว่านางจะมองซูอันในมุมไหน นางก็คิดว่าเขาไม่คู่ควรกับเทพธิดาอย่างคุณหนูของนาง
อย่างไรก็ตามสิ่งที่คาดไม่ถึงก็คือ นางไม่เคยคิดว่าฉู่ชูเหยียนจะยินดีทำให้ตัวเองพิการมากกว่าที่จะยอมจำนนต่อซือคุน มันทำให้นางรู้สึกผิดอย่างสุดซึ้ง เพราะนางรู้ว่าตนเองมีส่วนบังคับให้ฉู่ชูเหยียนมาถึงจุดนี้ ซึ่งนางได้แต่ตำหนิตัวเอง
ในขณะเดียวกัน ฉู่ชูเหยียนเอาแต่จ้องมองขึ้นไปบนท้องฟ้า แม้ได้ยินคำถามของซือคุน นางก็ไม่สนใจที่จะตอบเขาเลย
ซูอันสังเกตว่ารูม่านตาของนางไม่ตอบสนอง เขาตระหนักว่านางไม่ได้มองดูท้องฟ้าอย่างที่เห็น หัวใจของนางยอมจำนนต่อความสิ้นหวัง…
นางยอมแพ้ไปแล้ว…
อุณหภูมิร่างกายของนางเย็นจนน่ากลัว เวลาสัมผัสนางเขารู้สึกเหมือนกอดก้อนน้ำแข็งที่ยังคงความเย็นได้มานานกว่าพันปี ชายหนุ่มหนาวเหน็บลงไปถึงกระดูกของเขา แค่การกอดนางมันยังทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ ดังนั้นมันก็ยากที่จะจินตนาการว่าตอนนี้นางรู้สึกสิ้นหวังขนาดไหน ?
ในช่วงเวลาสั้น ๆ นี้ ซูอันได้ตรวจร่างกายของนางด้วยพลังชี่ของเขาแล้ว เส้นลมปราณของคนธรรมดาจะแข็งแกร่งดุจดั่งเหล็กกล้าและมีพลังชี่ไหลเวียนไม่หยุด แต่เส้นลมปราณของฉู่ชูเหยียนกลับขาดรุ่งริ่งไม่มีพลังชี่หลงเหลืออยู่เลย
นางอ่อนแอกว่ามนุษย์ธรรมดาเสียอีก นับประสาอะไรกับฟื้นการบ่มเพาะของนาง ความเสียหายที่เส้นลมปราณทำให้นางพิการ และร่างกายของนางเกือบจะเป็นอัมพาต
ซูอันสงสัยว่านางอาจจะตายทันทีหากนางไม่กิน ‘น้ำยาศรัทธาพี่น้อง’ ก่อนที่จะใช้วิชาต้องห้าม
ซือคุนไม่ได้รู้สึกไม่พอใจเลยแม้ฉู่ชูเหยียนจะไม่ตอบคำถาม แต่เขากลับพึมพำว่า “เจ้าเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของเมืองจันทร์กระจ่าง หรือต่อให้เทียบกับคนทั้งโลก คนที่สามารถแข่งขันกับเจ้าได้ก็คงมีน้อยจนนับได้ เจ้าที่เคยยืนอยู่ในตำแหน่งที่สูงส่งเช่นนั้น แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นคนพิการไปซะแล้ว ไม่สิ สภาพของเจ้าแย่กว่าคนพิการด้วยซ้ำ สภาพของเจ้าตอนนี้ แม้แต่จัดการธุระในชีวิตประจำวันของตัวเองยังไม่ได้เลย…”
“หุบปาก ! ไม่มีใครคิดว่าเจ้าเป็นใบ้ถ้าเจ้าไม่พูด !” ซูอันตะคอกขึ้นด้วยความหงุดหงิด ฉู่ชูเหยียนกำลังจะตายอยู่แล้ว แต่ซือคุนกลับยังคงพร่ำเพ้อไร้สาระ !
จากความรู้ที่จำกัดของเขาเกี่ยวกับการเยียวยาผู้ป่วย เขารู้ว่าประสิทธิผลของการรักษาใด ๆ มีส่วนสัมพันธ์กันอย่างมากกับแรงใจของผู้ป่วย
ถ้าผู้ป่วยหมดหวังไปแล้ว การรักษาใด ๆ ย่อมไม่อาจได้ผลดี
“ฮึ่ม ! พวกขยะชั้นต่ำอย่างเจ้าไม่มีทางเข้าใจปัญหาที่พวกเราต้องเจอหรอก !” ซือคุนมองไปที่ซูอันอย่างเย็นชา “อัจฉริยะอย่างเราเกิดมาเหนือกว่าคนธรรมดาทั่วไป เรามีความภาคภูมิใจและศักดิ์ศรีของตนเอง และเราจะไม่ปล่อยให้ตัวเองถูกดูถูก แม้ว่าเจ้าจะช่วยชีวิตนางได้ แต่มันก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าการทรมานนางหากเจ้าบังคับให้นางต้องใช้ชีวิตในฐานะคนพิการ”
“ข้าไม่คัดค้านที่เจ้าเรียกภรรยาของข้าว่าอัจฉริยะ แต่คนอย่างเจ้าถือว่าอัจฉริยะด้วยเหรอ ? เจ้าไม่สามารถเอาชนะภรรยาของข้าได้ด้วยซ้ำทั้ง ๆ ที่ภรรยาของข้าบาดเจ็บ แล้วไอ้สัตว์อสูรตัวเหมือนปลานั่นมีความแข็งแกร่งอยู่ระดับเก้าใช่ไหม ? มันยังถูกทำลายโดยภรรยาของข้าในการโจมตีครั้งเดียว แล้วเจ้าล่ะ ? เจ้ามีความสามารถอะไร ? เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงพูดอย่างกับว่าเจ้าอยู่ในจุดที่เท่าเทียมกับภรรยาของข้า !” ซูอันรู้สึกแย่มากเพียงแค่มองไปที่สภาพของฉู่ชูเหยียน แต่ชายคนนี้ยังคงพร่ำเพ้อเหมือนแมลงวันตัวเล็กที่น่ารำคาญ ท้าทายขีดจำกัดความอดทนของเขา
ซือคุนถึงกับนิ่งงันไม่โต้ตอบอะไร
การถูกคนที่เขาเห็นว่าไร้ค่าบอกว่าตัวเขาเองไม่ใช่อัจฉริยะเป็นความอัปยศสำหรับเขา แต่ความจริงที่ว่าเขาไม่สามารถเทียบได้กับฉู่ชูเหยียน นั้นเป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถหักล้างได้จริง ๆ
—
ท่านยั่วยุซือคุนสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 314 !
—
พูดหมา ๆ อะไรแบบนี้ ! ไม่ใช่เจ้าซะหน่อยที่น่าเกรงขาม แต่เป็นฉู่ชูเหยียนต่างหาก นางยังไม่พูดอะไรเลย แล้วเจ้ามาด่าข้าทำไม !
ซือคุนทำได้เพียงปลอบตัวเองด้วยความคิดดังกล่าว และสงบอารมณ์ของเขาก่อนที่จะพูดต่อ “ข้าอาจจะไม่เก่งเท่าฉู่ชูเหยียน แต่ข้ามีตระกูลใหญ่ที่พร้อมจะสนับสนุนข้า แม้แต่ตอนเกิด ข้าก็อยู่บนจุดที่สูงกว่าคนทั่วไปเป็นร้อยเป็นพันเท่า ซึ่งเจ้าไม่มีทางไปถึงได้ไม่ว่าจะพยายามสักแค่ไหน ข้าไม่ได้ตั้งใจจะคุยโว ข้าแค่บอกความจริงกับเจ้า ทรัพยากรที่ข้ามีอยู่มีมากกว่าของเจ้ามาก มันไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่เจ้าจะสามารถปรนเปรอนางได้เหมือนกับข้าไม่ว่าเจ้าจะมุมานะสักแค่ไหน”
“หรือถ้าจะให้ข้ายกตัวอย่างให้เจ้าเห็นภาพ อาการบาดเจ็บของนางในตอนนี้ไม่เพียงแต่ข้าสามารถรักษาชีวิตของนางเอาไว้ได้ แต่ข้ายังมีทรัพยากรมากพอที่จะสามารถเชื่อมต่อเส้นลมปราณของนางได้อีกด้วย ถ้าเจ้ารักนางจริง มอบนางให้ข้า แทนที่จะเก็บนางไว้ข้างกายอย่างเห็นแก่ตัว เจ้ามีแต่จะขัดขวางอนาคตของนางเท่านั้น”
เฉียวเสวี่ยอิงพยักหน้าเห็นด้วยเช่นกัน “ตระกูลซือมีสายสัมพันธ์มากมายในเมืองหลวงและหมอในราชสำนัก และยิ่งไปกว่านั้นตระกูลซือมีสมบัติวิเศษนับไม่ถ้วนในความครอบครอง สิ่งที่ตระกูลฉู่สามารถทำได้ย่อมไม่มากเท่าตระกูลซืออย่างแน่นอน หากเจ้ามอบคุณหนูฉู่ให้กับตระกูลซือ นายน้อยย่อมหาทางช่วยนางได้อย่างแน่นอน !”
เมื่อเห็นว่าซูอันตกอยู่ในห้วงความคิด รอยยิ้มก็ผุดขึ้นบนริมฝีปากของ ซือคุน สำหรับคนที่อยู่ในตำแหน่งสูงส่งเช่นเขา บางทีการใช้ความรุนแรงก็ไม่จำเป็น บางครั้งเขาสามารถทำสิ่งต่าง ๆ ให้ลุล่วงได้เพียงแค่อ้างเหตุผลด้านศีลธรรมแล้วใช้ประโยชน์จากมันเพื่อที่เขาจะได้รับผลประโยชน์ที่ต้องการเป็นการตอบแทน
เขาจะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อรักษาฉู่ชูเหยียน แต่โอกาสที่นางจะฟื้นตัวได้เต็มที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่เขาจะทำให้นางใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติ ซึ่งหมายความว่าเขาสามารถเก็บนางไว้เป็นภรรยาน้อยเคียงข้างเขาได้
มันเป็นเรื่องน่าเสียดายเกินไปหากนางไม่สามารถขยับตัวได้ เพราะเขาคงไม่สามารถทำอะไรสนุก ๆ กับนางได้มากนัก