เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 250 หนูขนทอง
บทที่ 250 หนูขนทอง
คำอธิบายของซูอัน ทำให้จี้เสี่ยวซีสงบลงและนางก็ยิ้มออกมา “ของพวกนี้ข้าคงไม่สามารถใช้มันได้ทั้งหมด ข้าจะแบ่งให้ท่านด้วย!”
นางมอบขวดยาและอุปกรณ์บางส่วนให้กับมือของซูอัน ซึ่งทำให้เขาได้รับคะแนนความโกรธแค้นจำนวนมาก เขารีบกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ตัวเขาอย่างรวดเร็ว และเห็นนักศึกษาชายหลายคนจ้องเขม็งมาที่เขา
ตอนแรกเขาตั้งใจที่จะปฏิเสธสิ่งของเหล่านี้ด้วยความสุภาพ แต่ปฏิกิริยาของคนรอบข้างทำให้เขาเปลี่ยนใจ เขายอมรับทุกอย่างที่จี้เสี่ยวซีมอบให้เขาอย่างเบิกบานและกล่าวว่า “ขอบใจเจ้าจริง ๆ เสี่ยวซี! ฮ่าๆๆๆ!”
คะแนนความโกรธแค้นหลั่งไหลมาอย่างท่วมท้นอีกครั้ง!
“อะแฮ่ม ๆ ดูเหมือนว่าพี่ซูจะอยู่ในความสนใจของผู้คนเสมอไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ตาม” เซี่ยซิวยิ้ม เขารู้สึกประทับใจซูอันอย่างลึกซึ้ง แต่ในขณะเดียวกันเขาเองก็ไม่สามารถเข้าใจได้ว่าซูอันสามารถอยู่รอดมาจนถึงทุกวันนี้ได้อย่างไรทั้ง ๆ ที่ผู้คนรอบข้างอยากจะฉีกเนื้อกินเลือดเขาตลอดเวลา
ซูอันยืดหลังและกระแอมในลำคอก่อนจะพูดว่า “อะแฮ่ม ๆ โปรดเรียกข้าว่าอาจารย์ซู”
“…” เซี่ยซิว
บัดซบเอ๊ย! นี่ข้าควรจะเรียกตามใจไอ้คนหลงตัวเองคนนี้ดีมั้ยเนี่ย?
อย่างไรก็ตามซูอันก็เปลี่ยนอารมณ์อย่างรวดเร็วและพูดว่า “เห็นแก่ความสัมพันธ์ของเรา ข้าอนุญาตให้เจ้าเรียกข้าว่า อาซู!”
“อา…เอาล่ะ อาซู มิติลับเปิดเพียงครั้งเดียวทุก ๆ สองสามทศวรรษ หากมีอะไรเกิดขึ้นในนี้ แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสืบสวนเรื่องทั้งหมด ด้วยเหตุนี้มันจึงเป็นสถานที่ที่มักจะเกิดการฆ่าและปล้นเสมอ เจ้าต้องระมัดระวังตัวให้ดีตลอดทั้งสิบวันข้างหน้า”
“ฮ่า ๆ ไม่คิดว่าเจ้าจะเป็นห่วงข้าขนาดนี้ ตกลง ข้าจะเชื่อเจ้านะสหาย!” เมื่อถึงจุดนี้ซูอันได้เปลี่ยนหัวข้ออย่างกะทันหัน “พูดถึงวันนั้น ผู้หญิงสวย ๆ ที่นั่งข้างเจ้าในงานประลองระหว่างตระกูลครั้งก่อนคือพี่สาวของเจ้าใช่มั้ย? ทำไมนางไม่เข้ามาในมิติลับด้วยล่ะ? แนะนำนางให้ข้ารู้จักหน่อยสิ!”
เซี่ยซิวพูดไม่ออก นี่เจ้าแค่พยายามเข้าใกล้ข้าเพื่อจะจีบพี่สาวของข้างั้นเหรอ?
“พี่สาวคนโตของข้าไม่สนใจมิติลับและอะไรทำนองนี้หรอก…” เซี่ยซิว ฝืนหัวเราะก่อนที่จะรีบหนีไป
ไม่นานนัก…คนเดียวที่เหลืออยู่ที่จุดเริ่มต้นคือ จี้เสี่ยวซีและซูอัน จี้เสี่ยวซีอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “อาซู…ท่านนี่นิสัยไม่ดีเลย!”
“ข้าเป็นคนไม่ดียังไงล่ะ?” ซูอันถาม
“ท่านพยายามจะเจ้าชู้ทั้ง ๆ ที่ตอนนี้…” จี้เสี่ยวซีเหลือบมองที่เป้าของ ซูอัน ความเขินอายของนางทำให้ดวงตาของนางสั่นไหว
“เจ้าจะไปรู้อะไร? นี้เรียกว่าเตรียมพร้อมสำหรับอนาคต! มีแต่คนโง่เท่านั้นที่ยอมรับชะตากรรมที่เกิดขึ้นต่อพวกเขาโดยไม่ทำอะไร คนที่ฉลาดจริง ๆ อย่างข้ามักจะคิดไปข้างหน้าก่อนคนอื่นหลายก้าว!”
จี้เสี่ยวซีกระพริบตาด้วยความประหลาดใจ นางไม่คิดว่าเขาจะมองโลกในแง่ดีขนาดนี้ ท้ายที่สุด การค้นหาดอกบัวเร้นลักษณ์ในพื้นที่กว้างใหญ่ขนาดนี้ ก็เหมือนกับการงมเข็มท่ามกลางมหาสมุทรที่ไร้ขอบเขต
นางรู้สึกว่าซูอันมองโลกในแง่ดีจนเกินไป แต่นางก็ไม่อยากจะพูดอะไรขัด ซึ่งมันจะทำให้ขวัญกำลังใจของเขาแย่ลง
“อาซู…เราจะไปที่ไหนกันดี?”
“เราจะมุ่งหน้าไปทางตะวันตก! ตะวันตกไปเรื่อยๆ!”
…
ทั้งสองคุยกันอย่างสนุกสนานขณะมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตก แต่ทันใดนั้นซูอันก็ได้ยินเสียงลมกรรโชกแรง เขาคว้าแขนของจี้เสี่ยวซีและดึงนางไปด้านข้างทันที
แค่เพียงชั่วอึดใจหลังจากที่พวกเขาหลบไปด้านข้างหนามสีเหลืองหลายอันทิ่มแทงไปยังจุดที่พวกเขายืนอยู่ก่อนหน้านี้อย่างฉับพลัน หากเมื่อครู่พวกเขาหนีไม่ทัน หนามอาจจะเจาะร่างกายของพวกเขาจนทำให้บาดเจ็บสาหัสหรือแม้กระทั่งถึงแก่ชีวิตไปแล้วก็ได้!
“นั่นมันบ้าอะไรกัน?”
ซูอันสังเกตเห็นหนูตัวหนึ่งกำลังขบเคี้ยวเขี้ยวฟันมองมาทางเขาและจี้เสี่ยวซี แม้ว่ามันจะดูคล้ายกับหนู แต่มันกลับมีขนาดใหญ่พอ ๆ กับลูกหมู!
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญกว่าในตอนนี้คือความเจ็บปวดอันน่างุนงงที่แขนของซูอัน เขาหันไปหาจี้เสี่ยวซี ด้วยท่าทางโกรธเคืองในขณะที่เขาพูด “เสี่ยวซี ขอยาแก้พิษ!”
จี้เสี่ยวซีจ้องมองไปที่หนูประหลาดขนาดมหึมาด้วยความงงงวย นางไม่เคยเห็นพวกมันมาก่อน แม้นางจะเคยสำรวจภูเขามังกรซ่อนอยู่บ่อยๆ
คำพูดของซูอันกระตุ้นให้นางออกจากภวังค์ความคิด จากนั้นนางก็รีบหยิบยาเม็ดสีฟ้าจากกระเป๋าและส่งให้เขา “กินนี่เร็วเข้ามันจะสร้างภูมิคุ้มกันต่อพิษให้ท่าน!”
ซูอันรู้สึกประหลาดใจที่ได้ยินคำพูดเหล่านั้น “เจ้าแน่ใจหรือว่าจะให้ข้า? เจ้าไม่กลัวว่าถ้าข้ามีภูมิคุ้มกันต่อพิษแล้วจะทำอะไรไม่ดีกับเจ้าก็ได้งั้นเหรอ?”
ใบหน้าของจี้เสี่ยวซีแดงขึ้นขณะที่นางพูดว่า “ท่านไม่เหมือนผู้ชายคนอื่น นอกจากนี้ เราจำเป็นต้องเอาชีวิตรอดในมิติลับนี้เป็นเวลาสิบวัน ดังนั้น มันจะไม่สะดวกถ้าท่านได้รับพิษทุกครั้งที่ท่านสัมผัสข้า!”
ไม่จำเป็นต้องพูด ซูอันก็เข้าใจว่า ‘เจ้าไม่เหมือนผู้ชายคนอื่น’ ที่นางพูดหมายถึงอะไร เขาไม่คิดว่าการเสื่อมสมรรถภาพจะทำให้เกิดประโยชน์เช่นนี้ ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมผู้ชายหลายคนในชีวิตก่อนของเขาจึงยอมถูกเข้าใจว่าเป็นเกย์เพื่อเข้าหาผู้หญิง ทำให้ผู้หญิงลดความระมัดระวังตัวลง…
“พ่อเจ้าให้ยานี้แก่เจ้าใช่หรือเปล่า?” ซูอันถาม
เมื่อพิจารณาถึงวิธีการสุดโต่งที่จี้เติ้งถูทำเพื่อปกป้องนาง เขาอาจจะต้องให้ความระมัดระวังแม้แต่ยาแก้พิษนี่ด้วย…
“ข้าปรุงเอง” จี้เสี่ยวซีตอบ “ข้าเรียนรู้จากพ่อมาบ้างในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ดังนั้นข้าจึงพอที่จะปรุงมันด้วยตัวเองได้”
ซูอันพยักหน้ารับรู้ แต่เขาสังเกตเห็นปัญหาอื่นอย่างรวดเร็ว “ว่าแต่ยาของเจ้าปลอดภัยแน่มั้ย? กินเข้าไปจะมีผลข้างเคียงรึเปล่า?”
จี้เสี่ยวซีโบกมืออย่างรวดเร็วและพูดว่า “ท่านไม่ต้องกลัว! ข้าเลือกสมุนไพรที่มีฤทธิ์ไม่แรง ดังนั้นท่านไม่ต้องกังวลเรื่องผลข้างเคียงเลย”
ในที่สุดซูอันก็สามารถขจัดความกังวลของเขาและกลืนยาลงไปได้ ถัดมาไม่นานในที่สุดความเจ็บปวดที่มือของเขาก็หายไปอย่างรวดเร็ว แต่เพื่อทดสอบผลภูมิคุ้มกันของยา เขาทดลองแตะเสื้อคลุมของจี้เสี่ยวซี และพบว่าพิษไม่ได้มีผลต่อเขาอีกต่อไป
เขาลองจับผมของนางและหยิกแก้มของนาง อาการเจ็บและชาก็ไม่เกิดขึ้น
“อาซู…ท่านเอาเปรียบข้า!” จี้เสี่ยวซีถูแก้มข้างที่ถูกหยิกขณะที่นางบ่นอุบ
ซูอันหัวเราะคิกคักกับคำบ่นของนางและพูดว่า “ผิวเจ้านุ่มดี”
“จี๊ดจี๊ด~ จี๊ดจี๊ดจี๊ด~!”
เสียงแหลมของหนูตัวใหญ่ดังขึ้น มันโกรธจัดเพราะไม่เข้าใจว่าทำไมทั้งสองคนถึงไม่สนใจมัน ทำไมไอ้มนุษย์สองคนนี้ถึงเอาแต่เกี้ยวพาราสีกัน ราวกับว่ามันไม่มีตัวตน!
เสียงร้องของมันทำให้ซูอันและจี้เสี่ยวซีหันกลับมาสนใจกับสถานการณ์ในปัจจุบันทันที
“เสี่ยวซี เจ้ารู้จักหนูแบบนี้มั้ย?”
“ข้าไม่เคยเห็นมันมาก่อน แต่ถ้าดูจากพลังของมัน ข้ารู้สึกว่ามันไม่น่าจะแข็งแกร่งสักเท่าไหร่”
“ข้าก็ว่าอย่างนั้น”
ในขณะที่หนูไม่เข้าใจสิ่งที่ทั้งสองพูด แต่มันก็ยังสัมผัสได้ว่าทั้งสองคนดูถูกมัน ดังนั้นมันจึงส่งเสียงแหลมก่อนที่จะพุ่งเข้าหาคนทั้งสอง มันอยากจะกัดกระชากเนื้อมนุษย์ทั้งสองคนนี้ที่ดูถูกมันให้สาแก่ใจ!
น่าเสียดายที่จี้เสี่ยวซีและซูอันเป็นผู้บ่มเพาะระดับสาม ดังนั้นแม้หนูจะพยายามเคลื่อนที่เร็วที่สุดเท่าที่มันจะเร็วได้ ทั้งสองก็ยังสามารถหลบการจู่โจมของหนูได้อย่างง่ายดาย…
“ดูเหมือนว่ามันจะอยู่ในระดับสอง” ซูอันสามารถสรุประดับความแข็งแกร่งของหนูได้คร่าว ๆ จากความเร็วและความแข็งแกร่งของมัน ถ้านี่คือทั้งหมดที่มันมี มันจะไม่เป็นภัยคุกคามต่อเขามากนัก
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เขากังวลคือหนามที่พุ่งปักพื้นดินก่อนหน้านี้
เมื่อเห็นว่าเป้าหมายของมันแข็งแกร่งมากกว่าที่คิด หนูก็หยุดอยู่กับที่ และตัวมันก็ขยายขนาดตัวใหญ่ขึ้นกว่าเดิมอีกครึ่งหนึ่งทันที อย่างไรก็ตาม เมื่อมองเข้าไปใกล้ ๆ ซูอันก็สังเกตเห็นว่าไม่ใช่เพราะร่างกายของมันขยายตัว แต่เป็นขนของมันที่ชูตั้งขึ้นต่างหากที่ทำให้มันดูใหญ่กว่าเดิม
“ระวัง!” จี้เสี่ยวซีตะโกนออกมาทันที
หนามแหลมคมสามอันพุ่งออกจากร่างหนูไปทางซูอัน
“มันโจมตีไกลได้!”
ซูอันหลบหนามได้อย่างง่ายดายด้วยระดับความเร็วปัจจุบันของเขา แม้จะไม่ได้ใช้วิชาร่างก้าวทานตะวัน เขาก็ยังสามารถหลบการโจมตีจากหนูระดับสองได้อย่างง่ายดาย
เขาสังเกตเห็นว่ามีกลุ่มขนสีเหลืองทองอยู่บริเวณหัวหนู เมื่อเปรียบเทียบกับสีขนส่วนอื่นของมัน หนามที่เพิ่งถูกยิงออกมาดูเหมือนจะมาจากกลุ่มขนสีเหลืองทองนั่นเอง…