เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 247 มิติลับเปิด
บทที่ 247 มิติลับเปิด
นางเป็นใคร? นางดูมีเสน่ห์ขนาดนี้! ทำไมเขาถึงจำไม่ได้ว่าเคยเห็นนางในสถาบันจันทร์กระจ่างมาก่อน
หืม? อันที่จริงแล้วใบหน้าของนางดูคุ้นเคยเล็กน้อยอยู่เหมือนกัน…
ตอนนี้เองที่เขาได้ยินเสียงกระซิบจากนักศึกษารอบตัวเขา
“ว้าว นั่นมันสาวลึกลับที่ได้อันดับที่สิบของการจัดอันดับสิบสุดยอดสาวงามรึเปล่า?”
“ยากมากนะ ที่จะเห็นนางที่สถาบันจันทร์กระจ่าง นางคงจะมาเข้ามิติลับเราก็เลยมีโอกาสได้เห็นนาง”
“หืม? นางชื่ออะไรนะ? ทำไมข้าจำไม่ได้”
“ข้าคิดว่านางชื่อ…เฉียวเซี่ยหรือเปล่า?”
“ไม่ใช่เซี่ยอิงใช่ไหม?”
“ไม่ ๆ ข้าจำได้ว่ามันเป็นอะไรที่เฉียว ๆ อิงๆ”
ซูอันหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินการสนทนาของพวกเขา เจ้าพวกโง่ ถ้ารวมทุกอย่างเข้าด้วยกัน ก็ได้คำว่าเฉียวเสวี่ยอิงแล้วไม่ใช่เหรอไง? เอ๊ะ? เดี๋ยวนะทำไมชื่อนี้ฟังดูคุ้น ๆ จัง?
จู่ ๆ ก็มีชื่อมากมายผุดขึ้นในหัวเขา และทุกชื่อดูเหมือนถูกแต่ก็ไม่ใช่ ทำให้จิตใจของเขาสับสนอย่างรุนแรง
—
ท่านยั่วยุเฉียวเสวี่ยอิงสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +233!
—
ใช่แล้ว!
การแจ้งเตือนอย่างกะทันหันจากระบบได้คลายความสงสัยของซูอันทันที..
เสวี่ยเอ๋อร์! นางมาทำอะไรที่นี่?!
ก่อนหน้านี้เมื่อเขาเห็นซือคุน เขาตรวจสอบผู้ติดตามของฝ่ายนั้นและสังเกตเห็นว่าเสวี่ยเอ๋อร์หายไป น่าแปลกเหมือนกันที่จู่ ๆ ชื่อนางมาโผล่ที่นี่
เขาเริ่มใช้ความคิดในขณะที่หาใครก็ตามที่อาจจะเป็นเสวี่ยเอ๋อร์ได้ และในที่สุด สายตาของเขาก็ไปหยุดอยู่ที่สาวงามลึกลับอันดับที่สิบคนนั้น
ชั่วขณะหนึ่ง ดูเหมือนว่าเขาจะเห็นริ้วรอยความโกรธสะท้อนอยู่ในดวงตาของนาง แต่มันก็หายไปในชั่วพริบตา ทำให้เขาสงสัยว่าตัวเองมองผิดไปหรือไม่?
เขาจำได้ว่าเว่ยสั่วจำชื่อของสาวงามคนที่สิบไม่ได้ในขณะที่แนะนำสิบอันดับแรกของสุดยอดสาวงามให้เขา และเขาก็สังเกตเห็นบางสิ่งที่แปลก ๆ เกี่ยวกับเรื่องนั้น ด้วยนิสัยของเว่ยสั่วแล้ว มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะลืมชื่อผู้หญิงสวยๆ
ก่อนหน้านี้นักศึกษาที่กระซิบกระซาบกันเรื่องชื่อของสาวงามอันดับที่สิบ ด้วยเหตุผลบางอย่างที่อธิบายไม่ได้ พวกเขาไม่สามารถรวมชื่อทั้งหมดเข้าด้วยกันได้ แม้แต่ซูอันเองก็ตกอยู่ในความสับสนและลืมชื่อของนางที่เขาคิดออกไป
ถ้าไม่ใช่เพราะระบบแจ้งเตือน เขาอาจจะลืมชื่อของนางเหมือนนักศึกษาคนอื่น ๆ เช่นกัน
สาวงามอันดับที่สิบของสถาบันจันทร์กระจ่างคือเสวี่ยเอ๋อร์จริง ๆ งั้นเหรอ!
ไม่ว่าจินตนาการของซูอันจะล้ำเลิศแค่ไหน ก็ไม่มีทางที่เขาจะเข้าใจเรื่องทั้งหมดได้ นางเป็นสาวใช้ของตระกูลฉู่ แต่ในขณะเดียวกัน นางก็ยังเป็นนักศึกษาของสถาบันจันทร์กระจ่างด้วยงั้นเหรอ? นางทำได้อย่างไรโดยที่ตระกูลฉู่ไม่รู้เรื่องนี้เช่นกัน?
อันที่จริง เป็นเรื่องแปลกที่คนละเอียดละอออย่างฉู่ชูเหยียนจะไม่รู้ว่าสาวใช้ของนางเป็นเพื่อนร่วมสถาบันเดียวกับนางด้วย!
ในขณะที่เขายังคงตกใจกับเรื่องนี้ เจียงลั่วฝูก็เริ่มเดินไปที่ประตูทางเข้ามิติลับแล้ว เรียวขาในถุงน่องของนางยังคงดึงดูดสายตาที่ร้อนรุ่มจากบรรดาชายหนุ่มที่อยู่ใกล้ ๆ ทุกคนมองจนตาแทบถลน ถึงแม้วันนี้นางจะสวมแว่นตา ซึ่งทำให้ความงามโดยรวมของนางลดลง แต่ก็ได้บรรยากาศแห่งความสง่างามออกมาแทน
ฝูงชนเงียบไปในทันที นอกจากซูอันแล้ว แทบไม่มีใครกล้าแสดงออกไร้สาระต่อหน้าเจียงลั่วฝู นางเดินไปที่ด้านหน้าของฝูงชนและชำเลืองมองไปทั่วนักศึกษาก่อนที่จะพูดว่า “ยังมีเวลาอีกหนึ่งชั่วโมงก่อนที่ มิติลับหยกจรัสจะเปิดขึ้น แต่ก่อนหน้านั้น มีบางสิ่งที่ข้าต้องเตือนพวกเจ้า
“พวกเจ้าเป็นชนชั้นสูงของสถาบันจันทร์กระจ่างที่ได้รับการคัดเลือกอย่างรอบคอบ ทุกคนล้วนมีความทะเยอทะยานและคาดหวังถึงโอกาสในมิติลับ ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามีโอกาสมากมายรอเจ้าอยู่ แต่พวกเจ้าต้องรู้ว่ามีอันตรายแฝงอยู่ในมิติลับด้วยเช่นกัน ที่ผ่านมาแม้จะมีคำเตือนและมาตรการต่าง ๆ คอยรองรับ แต่ทุกครั้งที่เปิดมิติลับก็ยังมีคนได้รับบาดเจ็บล้มตาย ข้าคาดหวังให้พวกเจ้าระวังตัวทุกย่างก้าวเมื่ออยู่ข้างในนั้น”
ความไม่สบายใจปรากฏบนใบหน้าของฝูงชนขณะที่พวกเขาเริ่มกระซิบกระซาบกันเบาๆ
ทุกคนต่างรู้ว่ามีอันตรายที่ต้องเผชิญในมิติลับ แต่พวกเขายังคงมุ่งความสนใจไปที่โอกาสมากกว่าอันตราย อย่างไรก็ตามการที่อาจารย์ใหญ่เจียงเน้นเรื่องความปลอดภัยแบบนี้ทำให้พวกเขารู้สึกว่าต้องระมัดระวังตัวกันมากขึ้น…
“จะถอยตอนนี้ก็ยังไม่สาย เพราะเมื่อพวกเจ้าเข้าไปในมิติลับ พวกเจ้าจะต้องติดอยู่ด้านในถึงสิบวันกว่ามิติลับจะปิดตัวลงและเคลื่อนย้ายผู้ที่อยู่ด้านในออกมา เมื่อผ่านประตูเข้าไปแล้วพวกเจ้าจะออกมาเองไม่ได้” เจียงลั่วฝูมองเหล่านักศึกษาขณะที่นางชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงอย่างใจเย็น “พวกเจ้าทุกคนได้ลงนามในเอกสารสละสิทธิ์ความรับผิดไว้ล่วงหน้าแล้ว ดังนั้นควรจะรู้ว่าสถาบันจะไม่รับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นกับเจ้าภายในมิติลับหยกจรัสนี้”
นักศึกษามองหน้ากันด้วยความไม่แน่ใจ แต่ก็ไม่มีใครยอมถอยหลัง กว่าจะมาไกลได้ถึงขนาดนี้พวกเขาต้องผ่านการคัดเลือกอันยากลำบากมากมาย ดังนั้นจึงไม่มีใครล้มเลิกความตั้งใจของตัวเอง
“ทุกครั้งที่มิติลับหยกจรัสเปิดขึ้นสภาพแวดล้อมและภูมิประเทศจะเปลี่ยนไปตลอด ดังนั้นแม้จะมีอาจารย์คอยนำทางให้พวกเจ้า แต่มันก็ไม่ได้สร้างความแตกต่างอะไรมากนัก” เจียงลั่วฝูกล่าว “สำหรับผู้บ่มเพาะระดับสี่และระดับห้าทุกคน ด้วยระดับการบ่มเพาะของพวกเจ้า พวกเจ้าควรจะสามารถปกป้องตัวเองได้ หรือหากต้องการทดสอบความสามารถของตัวเองและต้องการจะพัฒนาความแข็งแกร่งให้มากยิ่งขึ้น พวกเจ้าควรจะสำรวจมิติลับด้วยตัวเองเพียงคนเดียวจึงจะดีที่สุด ส่วนคนอื่น ๆ ที่เหลือ ให้คอยติดตามเหล่าอาจารย์และสำรวจมิติลับภายใต้กลุ่มของตนเอง”
ณ จุดนี้ เจียงลั่วฝูหยุดชั่วคราวก่อนจะพูดต่อ “ในครั้งที่แล้ว เราปล่อยให้ผู้บ่มเพาะทุกคนสำรวจมิติลับได้อย่างอิสระ แต่ในครั้งนี้เราพบว่ามีบางสิ่งแปลกไปจากเดิม พวกเจ้าต้องระมัดระวังให้มาก โดยเฉพาะผู้ที่ไม่ถึงระดับสี่ให้อยู่ใกล้ ๆ อาจารย์ประจำกลุ่มของเจ้าไว้ให้ดี…”
ฝูงชนรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้ พวกเขารู้ว่าการอยู่เคียงข้างอาจารย์จะปลอดภัยกว่า แต่นั่นก็หมายความว่าผลประโยชน์ที่ได้รับระหว่างสำรวจจะต้องแบ่งกับคนอื่น ๆ ภายในกลุ่มไปด้วย
“อาจารย์ใหญ่เจียง ถ้าอยากเข้าร่วมกลุ่มกับอาจารย์คนที่เราต้องการ เราต้องทำยังไงบ้าง? อาจารย์บางคนที่มีความแข็งแกร่งมากย่อมเป็นที่หมายตาของนักศึกษา ดังนั้นพวกเขาคงรู้สึกไม่ยุติธรรมหากถูกบังคับให้อยู่ในกลุ่มของอาจารย์ที่มีความแข็งแกร่งต่ำกว่า?”
เสียงนั้นมันมาจากซือคุน
ถ้าพวกเขาต้องการจัดการกับซูอัน เขาก็ต้องลดจำนวนคนที่อยู่รอบตัวอีกฝ่ายให้มากที่สุด
ขณะที่ซือคุนพูดขึ้นเขาก็หันไปมองที่ซูอัน เป็นความจริงที่ระดับการบ่มเพาะของซูอันนั้นต่ำกว่านักศึกษาหลายคนเสียอีก ดังนั้นใครจะอยากพึ่งพาเขาในมิติลับที่สุดแสนอันตราย?
เจียงลั่วฝูรู้ทันทีว่าซือคุนหมายถึงใคร นางจึงตอบอย่างใจเย็นว่า “เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของนักศึกษาทุกคน ดังนั้นเราจะไม่บังคับให้นักศึกษาเข้าร่วมกลุ่มใด ๆ นักศึกษามีอิสระในการเลือกด้วยตัวเองว่าจะไปกับอาจารย์คนไหน”
ทันทีที่พูดจบ นักศึกษาก็รีบเดินเข้าไปหาอาจารย์บางคนทันที ราวกับว่ากลัวว่าทางสถาบันจะเปลี่ยนเงื่อนไขนี้
“ข้าเลือกอาจารย์ไป๋!”
“ข้าเลือกอาจารย์ลู่!”
“ข้าเลือกลุงหวาง!”
…
นักศึกษาใช้เวลาไม่นานในการเลือกจนเสร็จ มีนักศึกษาจำนวนมากเลือกไป๋ซู่ซู่และลู่เต๋อ ซึ่งไม่น่าแปลกใจเลยเพราะพวกเขาเป็นอาจารย์ที่แข็งแกร่งอันดับต้น ๆ ของสถาบัน ส่วนอาจารย์คนอื่นก็มีนักศึกษาสองสามคนอยู่ใกล้ ๆ ตัวพวกเขาเช่นกัน
ยกเว้นแต่เพียงคนเดียวคือซูอัน ซึ่งไม่มีใครเลือกเขาเลยแม้แต่คนเดียว
ซือคุนหัวเราะเยาะเย้ยอย่างเปิดเผย ในขณะที่นักศึกษาส่วนใหญ่พยายามกลั้นหัวเราะเอาไว้
ฉู่ชูเหยียนขมวดคิ้ว ซูอันได้ชื่อว่าเป็นสามีของนาง ดังนั้นนางจึงรู้สึกไม่สบายใจที่เห็นเขาต้องอับอายต่อหน้าสาธารณชน นางคิดจะเข้าร่วมกลุ่มกับซูอัน แต่ทันใดนั้นนางก็นึกถึงคำพูดของอาจารย์ใหญ่ว่าผู้บ่มเพาะระดับห้าได้รับอนุญาติให้สำรวจได้อย่างอิสระ และถ้านางไปอยู่กลุ่มเขา มันจะทำให้คนอื่นคิดว่าเขาต้องคอยหลบหลังนาง ซึ่งจะทำให้เขาอับอายมากขึ้นไปอีก
เฉียวเสวี่ยอิงก็ลังเลเล็กน้อยเช่นกัน นางกำลังคิดที่จะเข้าร่วมกลุ่มกับซูอัน และนางก็สามารถทำได้เพราะระดับการบ่มเพาะระดับที่ห้าของนางยังไม่ได้รับการเปิดเผย การอยู่ในกลุ่มเดียวกันย่อมสะดวกในการจัดการกับเขา
แต่นางล้มเลิกความคิดนี้ไปในที่สุด หากนางเข้าร่วมกลุ่มกับซูอันต่อหน้าทุกคน คนอื่นคงจะสงสัยจุดประสงค์ของนาง ยิ่งไปกว่านั้น ถ้านางเป็นคนเดียวที่กลับมาจากมิติลับทั้ง ๆ อยู่กลุ่มเดียวกันกับเขา เรื่องก็คงจะยุ่งยากมากยิ่งขึ้นไปอีก มันไม่ฉลาดเลยที่จะทำให้ตัวเองโดดเด่นในตอนนี้
ทันใดนั้นเสียงที่ดูเขินอายก็ดังขึ้น “ข้าจะ… เข้าร่วมกลุ่มของอาจารย์ซู…”