เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 184 ไล่ต้อน
บทที่ 184 ไล่ต้อน
ซูอัน อึ้งไปชั่วขณะ ฝั่งตรงข้ามรู้ว่าเขากับ ฉู่ชูเหยียน นอนแยกห้องกัน…เวรละ! แต่แล้วความคิดหนึ่งก็ผุดเข้ามาในหัวของเขา และเขาก็พูดว่า “ข้าจำไม่ได้ว่าเคยพูดถึงชื่อของข้าเลยในตอนที่ข้าแนะนำตัวเองว่าเป็นสามีของชูเหยียน เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าชื่อของข้าคือ ซูอัน? เอ…หรือว่ามันเป็นไปได้ไหมที่เจ้าเคยส่งสายลับเข้ามาในตระกูลฉู่ ของเราเมื่อไม่นานมานี้? เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมามันบังเอิญว่าพวกเราเพิ่งจับได้ว่ามีคนทรยศในคฤหาสน์ของเราที่ใช้ชื่อเสวี่ยเอ๋อร์ เป็นไปได้ไหมที่เจ้าเป็นผู้บงการเบื้องหลังนาง?”
ฉู่ชูเหยียน หรี่ตามองไปที่ ซือคุน ทันที ตอนนี้นางพอจะเดาออกได้แล้วว่าทำไมตระกูล ของนางถึงตามหาตัว เสวี่ยเอ๋อร์ ไม่เจอสักที ที่แท้นางก็น่าจะถูกส่งมาโดยตระกูลที่มีอิทธิพล อันดับต้น ๆ ของอาณาจักร ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่ผู้บงการผู้นั้นน่าจะเป็น ซือคุน ที่จู่ ๆ ก็โผล่มาในเวลานี้
“ไร้สาระ! ข้าจะไปรู้จัก เสวี่ยเอ๋อร์ อะไรนั่นได้ยังไง หยุดใส่ร้ายข้าเดี๋ยวนี้!” ซือคุนปฏิเสธอย่างฉุนเฉียวทันที เขาไม่คิดเลยว่าซูอันจะเฉียบแหลมขนาดนี้ “ส่วนชื่อของเจ้า เป็นที่รู้กันทั่วไปว่า คุณหนูใหญ่ฉู่ แต่งงานแล้วดังนั้นมันน่าแปลกตรงไหนที่ข้าจะรู้จักชื่อของเจ้า?”
ซูอัน พยักหน้ารับฟังพร้อมกับหัวเราะ “อะฮ่า! ในเมื่อเจ้ารู้จักข้า แล้วทำไมเจ้าเมื่อครู่เจ้าถึงแสร้งทำเป็นไม่รู้? ดูเหมือนว่าภายใต้ใบหน้าที่ดูเป็นคนดีของเจ้ามันจะมีความอัปลักษณ์ซ่อนอยู่สินะ หึหึหึ”
“…” ซือคุน
ท่านยั่วยุ ซือคุน สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +300!
ซูอัน กล่าวต่อไปว่า “นอกจากนี้คนที่มีบุคลิก ‘สูงส่ง’ เช่นเจ้าควรจะไม่ใส่ใจอะไรกับ คำกล่าวหาลอย ๆ ของข้าไม่ใช่หรือ? แต่เมื่อครู่เจ้ากลับเถียงอย่างร้อนรนเป็นพัลวัน ถ้าให้ข้าเดานั่นคงเป็นความรู้สึกผิดชอบชั่วดีในใจลึก ๆ ของเจ้าใช่หรือไม่?”
ฝูงชนพยักหน้าเห็นด้วย กับคำพูดของ ซูอัน สิ่งนี้ขัดแย้งกับบุคลิกของนายน้อยซือจริง ๆ หรือว่าเขาจะรู้สึกผิดจริง ๆ ต่อเรื่องที่ทำลงไป?
ซือคุนไม่คิดว่า ซูอัน จะไล่ต้อนเขาด้วยคำพูดได้ขนาดนี้ ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่า เหมยเชาฟง และ เสวี่ยเอ๋อร์ รู้สึกอย่างไรกับผู้ชายคนนี้ เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธ เสวี่ยเอ๋อร์ ที่ฆ่าไอ้ขยะผู้นี้ ไม่สำเร็จก่อนหน้านี้!
ซือคุน หายใจเข้าลึกเพื่อสงบสติอารมณ์ก่อนที่จะไม่สนใจ ซูอัน และหันไปพูดกับ ฉู่ชูเหยียน “แม่นางฉู่ โปรดอย่าปล่อยให้คำพูดของเขาส่งผลต่อความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างตระกูลฉู่และตระกูลซือเด็ดขาด ข้าไม่รู้จริง ๆ เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในตระกูลของท่าน ข้าขอยืนยันตรงนี้เลยว่าตระกูลซือไม่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเลย”
ฉู่ชูเหยียน เดาเรื่องทั้งหมดได้อย่างคร่าว ๆ แล้ว ดังนั้นนางจึงตอบกลับอย่างใจเย็นว่า “ข้าหวังให้เป็นอย่างที่ท่านว่ามา แต่ข้าขอบอกเอาไว้ก่อนเลยว่าถึงแม้ตระกูลฉู่ ของข้าอาจจะไม่ใช่ตระกูลที่มีแข็งแกร่งที่สุด แต่เราจะไม่มีวันยอมให้ใครมาเอาเปรียบเราเช่นกัน”
ซือคุนหัวเราะออกมาอย่างเชื่องช้า “แม่นางฉู่ เจ้าล้อข้าเล่นแล้ว ตระกูลฉู่ของเจ้านั้นเป็นตระกูลที่โดดเด่นอย่างไม่ต้องสงสัย นอกจากนี้ข้าชื่นชมเจ้ามาเป็นเวลานานแล้ว ข้าไม่มีทางทำอะไรที่เป็นอันตรายต่อเจ้าแน่นอน”
ก่อนที่ ฉู่ชูเหยียน จะตอบ ซูอัน เอ่ยแทรกขึ้นเสียงดัง “อ่าใช่! ข้าเพิ่งนึกได้ว่า เจ้าบอกว่า เจ้าพบกับภรรยาของข้าเมื่อหลายปีก่อน และนางก็อยู่ในความฝันของเจ้าตั้งแต่นั้นมา เจ้าไม่ได้คาดหวังว่าจะพบนางใน สถาบันจันทร์กระจ่าง และเจ้ารู้สึกว่าเรื่องทั้งหมดนี้มันเกิดขึ้นจากโชคชะตาใช่ไหม?”
“ถูกต้อง!” ซือคุน ตอบกลับด้วยสีหน้าหงุดหงิด “ในตอนนั้น คุณหนูใหญ่ฉู่ ยังไม่ได้แต่งงานกับเจ้า มันผิดปกติตรงไหนที่ข้าจะชื่นชมนาง? ข้าชื่นชมนางมาหลายปีแล้วจนความรู้สึกเหล่านั้น ได้หยั่งรากลึกลงในใจของข้า ถึงแม้ว่าข้าจะรู้ว่านางแต่งงานแล้ว แต่ข้าควบคุมหัวใจตัวเองไม่ได้ แม่นางฉู่ ข้าต้องขออภัยจริง ๆ สำหรับเรื่องนี้”
เล่นเป็นคนอารมณ์อ่อนไหวที่นี่เหรอ? ซูอัน เยาะเย้ยอย่างเย็นชา
“โอ้? แต่ข้าคิดว่าเรื่องของเจ้ามันค่อนข้างแปลกอยู่สักหน่อย ถ้าข้าจำไม่ผิด ข้าเคยได้ยินมาว่าตระกูลซือเป็นตระกูลที่โดดเด่นในเมืองหลวง และมีเส้นสายมากมาย และยิ่งไปกว่านั้นภรรยา ของข้าก็ไม่ใช่คนคนธรรมดาเช่นกัน นางเป็นถึงคุณหนูใหญ่ของตระกูลฉู่! อันที่จริงถ้าเจ้าถามคนที่อยู่ในพื้นที่รอบ ๆ ตอนนั้น มันก็ต้องมีบางคนที่รู้จักว่าคนที่เจ้าหมายปองเป็นใคร แต่มาตอนนี้เจ้ากลับอ้างว่าเจ้าหานางไม่พบตลอดมา เพียงเพื่อจะพูดได้ว่า ‘โชคชะตานำพาเรามาพบกัน’ พอมาคิดถึงจุดนี้…ข้าไม่สามารถบอกได้จริง ๆ ว่าสรุปแล้วเจ้ามีเจตนาร้ายในใจหรือว่าเจ้าเป็นแค่ไอ้โง่ คนหนึ่งที่ไร้ความสามารถสุด ๆ กันแน่?”
ซือคุน สำลักทันทีเมื่อได้ยินประโยคนี้ของ ซูอัน แม้ว่าเขาจะระวังตัวเป็นอย่างมาก แต่เขา ก็ตระหนักได้ว่าตัวเขานั้นยังคงตกหลุมพรางของ ซูอัน อยู่ดี
ถ้าเขาบอกว่าเขาหา ฉู่ชูเหยียน ไม่เจอ ก็ต้องยอมรับว่าเขาไร้ความสามารถ แต่ถ้าเขา บอกว่าเขาทำ นั่นมันจะหมายความว่าทั้งหมดที่ผ่านมาเขาจงใจวางอุบายเพื่อที่จะแสร้งทำเป็น พบนางโดยบังเอิญ ซึ่งตัวเลือกทั้งคู่ไม่มีตัวไหนที่เป็นผลดีต่อเขาเลย!
แต่โชคดีที่มีคนก้าวออกมาข้างหน้าก่อน ซือคุน จึงรอดจากสถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจไปได้อย่างหวุดหวิด
เป็น หยวนเหวินตง ก้าวออกมาและพูดขึ้นเสียงดัง “ซูอัน ดูเหมือนว่าเวลาส่วนใหญ่ที่เจ้าใช้ไปกับการเดินเตร่อยู่บนถนนนั้นทำให้ทักษะการเล่นลิ้นของเจ้ามันน่ารังเกียจเกินมนุษย์มนาทั่วไปหลายเท่าจริง ๆ เจ้าคิดว่านายน้อยซือ เป็นใคร? สุภาพบุรุษอย่างเขาไม่จำเป็นต้องลดตัวมาโต้เถียงกับคนอย่างเจ้า! นอกจากนี้ นายน้อยซือจะไร้ความสามารถได้อย่างไร? “ไม่มีใครที่ไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับพรสวรรค์ของนายน้อยซือ เขาเป็นที่รู้จักว่าเป็นอัจฉริยะในการบ่มเพาะ เขาคือผู้ที่ใกล้จะบ่มเพาะถึงระดับ 6 แล้วโดยที่เขายังมีอายุไม่ถึง 25 ด้วยซ้ำ! ในทางกลับกัน เจ้ามีดีอะไร? จีบผู้หญิง? ทะเลาะวิวาทโดยใช้วิธีสกปรก?”
ซือคุน หัวเราะออกมาเสียงดังทันทีเพื่อเป็นการทับถม ซูอัน และระบายความโกรธในใจ ของเขา
ในทางกลับกัน ซูอัน เอียงคอมองไปที่ หยวนเหวินตง และถามกลับด้วยสีหน้าขบขัน “เจ้าคงชอบแทะกระดูกมากใช่ไหม?”
หยวนเหวินตง ที่คิดว่า ซูอัน จะโมโหจนหัวฟัดหัวเหวี่ยงกับคำพูดของเขา เมื่อถูกถามกลับอย่างรวดเร็ว เขาจึงตอบกลับอย่างไม่รู้ตัวว่า “เปล่าซะหน่อย”
นายน้อยของตระกูลมั่งคั่งอย่างเขาไม่เคยขาดอาหารชั้นเลิศบนโต๊ะ เขาจะชอบแทะกระดูกทำไม?
“ถ้าเจ้าไม่ชอบแทะกระดูกถ้างั้นทำไมเจ้าถึงกระดิกหางริก ๆ ให้กับชิทคุนราวกับว่าเจ้ากำลังขอให้เขาโยนกระดูกให้กับเจ้า?” ซูอัน ด้วยขึ้นด้วยสีหน้าล้อเลียน “ถึงแม้ว่าครั้งล่าสุดเจ้ากับข้า จะไม่ลงรอยกัน แต่ตอนนั้นเจ้าก็ยังมีความกล้าจนน่านับถือ แต่แล้วตอนนี้ความภาคภูมิใจและเกียรติของเจ้าหายไปไหน? เฮ้อ…ข้าล่ะละอายแทนบิดาของเจ้าจริง ๆ”
“เจ้า!” สีหน้าของ หยวนเหวินตง เปลี่ยนเป็นแดงก่ำด้วยความโกรธ เขาไม่คิดว่า ซูอัน จะไล่ต้อนเขาขนาดนี้ แถมเขาเองก็กระโดดลงไปในหลุมพรางของฝั่งตรงข้ามแบบคนไร้สมอง อีกต่างหาก!
ท่านยั่วยุ หยวนเหวินตง สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +888!
ที่สำคัญที่สุด สิ่งที่ ซูอัน พูดนั้นไม่ผิดเลย เขาคือผู้ที่เป็นดาวเด่นของสถาบันจันทร์กระจ่าง มาตลอดซึ่งมีคนนับไม่ถ้วนคอยประจบประแจงเขา แต่ตอนนี้เขากลับต้องมาประจบประแจง คนอื่นแทน ซึ่งแม้แต่เขาเองก็ไม่คุ้นชินกับสถานะของตัวเองตอนนี้เหมือนกัน แต่มันก็ช่วยอะไรไม่ได้เพราะตระกูลซือ มีอิทธิพลเหนือกว่าตระกูลของเขาอย่างไม่เห็นฝุ่น ดังนั้นต่อให้เขาจะรู้สึก ไม่สบายใจ แต่เขาก็ยังต้องพยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อเอาใจซือคุน
ดังนั้นการที่ ซูอัน จี้จุดประเด็นนี้ในที่สาธารณะมันก็ไม่ต่างอะไรกับการตบหน้าเขา อย่างรุนแรง มันทำให้เขารู้สึกอับอายจนอยากจะมุดดินหนีไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด
“พี่หยวน ได้โปรดอย่าไปสนใจเขา ชายผู้นี้ไม่รู้อะไรเลยนอกจากการใช้คำพูดปั่นหัวพวกเรา พวกเราไม่ควรใส่ใจคำพูดของเขาเพราะมันจะหมายความว่าพวกเราลดระดับตัวเองลงไปอยู่ ระดับเดียวกับเขา” ซือคุนพยายามปลอบ หยวนเหวินตง อย่างใจเย็น
หยวนเหวินตง พยักหน้าเล็กน้อยเห็นด้วยกับคำพูดของ ซือคุน และด้วยความซาบซึ้งที่ ฝั่งตรงข้ามช่วยปลอบตัวเอง อารมณ์ของเขาจึงกลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็วและกัดฟันด้วย ความโกรธพร้อมกับจ้องไปที่ ซูอัน “นายน้อยซือพูดถูก! เจ้าไม่รู้อะไรเลยนอกจากใช้คำพูดปลุกปั่นพวกเรา! นี่คือโลกแห่งการบ่มเพาะ ถ้าเจ้ามีความสามารถจริงงั้นทำไมไม่ลองมาสู้กับข้าสักตั้งล่ะ? ข้าจะทุบตีแกจนแม่แกจำหน้าแกไม่ได้เลยไอ้ขยะ!”
ซูอัน รีบถอยกลับไปแอบข้างหลัง ฉู่ชูเหยียนทันทีและเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าออดอ้อน “ที่รัก ไอ้คนคนนั้นมันขู่ข้า เจ้าช่วยทุบตีเขาให้ข้าที!”