เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 139 โทษหนัก(ต้น)
บทที่ 139 โทษหนัก(ต้น)
ฉู่จงเทียน กำลังจิบชาของเขาอยู่ดี ๆ แต่เมื่อจู่ ๆ ภรรยาของเขาตบโต๊ะจนกระเด้งกระดอน เขาก็สะดุ้งจนแทบจะสำลักน้ำชา
เพื่อปกปิดอาการกระอักกระอ่วนของตัวเอง เขากระแอมในลำคอและตามน้ำไปกับภรรยาของเขา “ถูกต้อง! ซูอัน เจ้ารู้ไหมว่าเจ้าทำอะไรผิด”
ซูอัน แอบหัวเราะ ฉู่จงเทียน ว่าช่างเป็นสามีที่กลัวภรรยาจริง ๆ แต่ภายนอกเขาตอบกลับด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ข้ารู้ว่าข้าทำผิด”
ฉู่จงเทียน และ ฉินว่านหรูต่างตกตะลึงกับคำตอบของ ซูอัน พวกเขาคิดว่าไอ้เด็กคนนี้มันจะต้องไม่ยอมรับผิดง่าย ๆ แน่นอนและพยายามปฏิเสธเหมือนที่เขาเคยทำมาหลายครั้งแล้วจน ก่อนหน้านี้พวกเขายังคิดหาวิธีตอบโต้การโต้แย้งของซูอันอยู่นานสองนาน แต่การกระทำที่ไม่คาดฝันของ ซูอัน ที่ยอมจำนนง่าย ๆ ทำให้พวกเขาไม่รู้จะพูดยังไงต่อ
ฉู่ชูเหยียน และ เยว่ซาน ก็แลกเปลี่ยนสายตากันด้วยความประหลาดใจที่ ซูอัน กลับแสดงท่าทีเชื่อฟังง่าย ๆ ในขณะนี้ นี่หรือคือคนที่สยบทุกคนในบ่อนด้วยปากที่เฉียบแหลมของเขา ก่อนหน้านี้?
ฉินว่านหรูครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตัดสินใจดำเนินการตามบทพูดที่นางเตรียมไว้ก่อนหน้านี้ “เจ้าไม่รู้หรือว่าตระกูลฉู่ ของเรามีกฎห้ามสมาชิกของเราจากการเล่นพนัน!”
“ข้าไม่รู้ ข้าเพิ่งรู้หลังจากได้ยินคำพูดของท่านตอนนี้” ซูอัน โกหกโดยไม่แม้แต่จะกะพริบตา เขาทุบหน้าอกตัวเองด้วยท่าทางมั่นใจ “ท่านแม่ยาย โปรดระงับความโกรธของท่านก่อนไม่เช่นนั้นท่านอาจจะป่วยได้ ข้าสัญญาว่าข้าจะไม่เดินเข้าไปในสถานที่ที่เลวทรามแบบนั้นอีกในอนาคตแน่นอน”
เหมยเชาฟงจะต้องโง่ขนาดไหนถึงยอมให้เขาเข้าไปในบ่อนและคว้าเงินของพวกเขาต่อไป? สัญญานี้โดยพื้นฐานแล้วไม่มีทางที่เขาจะทำไม่ได้!
ฉินว่านหรู ไม่รู้จะพูดยังไง ท่าทีที่จริงจังจนผิดปกติของ ซูอัน ได้ทำลายบทพูดที่นางเตรียมไว้อย่างสิ้นเชิง ดังนั้นนางจึงทำได้เพียงหันไปจ้องที่ ฉู่ชูเหยียน เพื่อตำหนิ “เจ้าเองควรจะเตือนเขา! แต่ทำไมเจ้ากลับตามเขาไปง่าย ๆ แบบนั้น?”
ฉู่ชูเหยียน ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ในที่สุดนางก็ตัดสินใจที่จะไม่เปิดเผยคำโกหกของ ซูอัน “มันเป็นความประมาทของข้าเอง”
นางกังวลว่า ซูอัน จะถูกลงโทษอย่างรุนแรงเกินไป ดังนั้นนางจึงตัดสินใจรับผิดกับเขา
ในขณะเดียวกัน เสวี่ยเอ๋อร์ ก็อยากจะพูดใส่ไฟอะไรเข้าไปเหมือนกัน แต่ท้ายที่สุดนางก็ตัดสินใจที่จะเงียบ ข้าจะเอาชีวิตไอ้เลวนี่ในคืนนี้อยู่แล้ว ดังนั้นมันไม่สำคัญว่าตระกูลฉู่ จะลงโทษเขาหรือไม่อีกต่อไป!
ไม่จำเป็นต้องพูด ฉินหว่านหรู สามารถมองเห็นผ่านความพยายามของ ฉู่ชูเหยียน ที่พยายามจะปกป้อง ซูอัน นี่ไอ้เด็กบ้านี่ร่ายมนตร์คาถาอะไรกับลูกสาวของข้ากัน ทำไมลูกสาวของข้ากลับมารับผิดแทนเขาได้แบบนี้?
ทันใดนั้นนางก็รู้สึกเหมือนกับว่าลูกสาวล้ำค่าของนางถูกขโมยไป ทำให้นางจ้องเขม็งไปที่ ซูอัน ด้วยสายตาขุ่นเคือง
ท่านยั่วยุ ฉินว่านหรู สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +33!
การแจ้งเตือนนี้ทำให้ ซูอัน ตกตะลึง แม้แต่ ฉู่ชูเหยียน ก็พูดแทนข้าแล้ว แต่เจ้ายังโกรธข้าอีกงั้นเหรอ? นี่เจ้าจะไม่ไร้เหตุผลเกินไปหน่อยหรือไง?
อย่างไรก็ตาม เขาก็เองก็มีความสุขเช่นกันที่จู่ ๆ ก็ได้รับคะแนนความโกรธเพิ่มมาอีก มันเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้น
ฉู่จงเทียนกระแอมเบา ๆ ก่อนพูดแทรก “เรื่องนี้มันกลายเป็นเรื่องใหญ่โตเกินไปจนเราเกือบจะขัดแย้งกับกองทหารของทางการ ดังนั้นไม่ว่าจะยังไงผู้ที่เริ่มเรื่องนี้เช่นเจ้าก็ต้อง…”
แต่ก่อนที่ ฉู่จงเทียน จะทันได้พูดจบ ซูอัน ก็หยิบตั๋วหนี้ออกมาและยื่นออกไปข้างหน้า “ข้าขอมอบเงิน 7,500,000 ตำลึงเงินนี้ให้กับพวกท่าน ชูเหยียน เป็นภรรยาของข้าซึ่งข้าก็เป็นผู้ชายของนางดังนั้นโดยปกติแล้ว อะไรก็ตามที่ข้าเป็นเจ้าของมันก็เป็นของตระกูลฉู่ เช่นกัน”
คิ้วของ ฉู่ชูเหยียน ขมวดเข้าหากันทันที ไม่ใช่ว่าสิ่งที่ ซูอัน พูดนั้นผิด แต่ประโยคของมันฟังดูแล้วขัดหูของนางยังไงชอบกลก็ไม่รู้
ฉินว่านหรู ตะโกนตอบกลับทันที “พวกเราจะไปกล้ารับเงินของเจ้าได้ยังไง! ตระกูลฉู่ของเรามีเกียรติและศักดิ์ศรีที่ต้องคงไว้ พวกเราจะไม่มีทางแตะต้องเงินสกปรกที่ได้มาจากการค้ายาเสพติด การค้าประเวณี และการพนัน ถ้าเราเอาเงินของเจ้าไป คนนอกจะเริ่มนินทาว่าตระกูลฉู่ ของเราตกต่ำจนถึงขั้นที่เราต้องใช้ให้ลูกเขยของเราไปเล่นการพนันเพื่อช่วยด้านการเงินของเรา!”
“ถูกต้อง เราไม่สามารถทำลายชื่อเสียงที่สร้างสมมานานได้โดยการรับเงินของเจ้า จงรักษาเงินของเจ้าให้ดีและอย่าหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาพูดอีก” ฉู่จงเทียน กล่าวเสริม
ข้าง ๆ เสวี่ยเอ๋อร์ แอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก แม้ว่านางจะเดาได้อยู่แล้วว่ามันน่าจะลงเอยเช่นนี้ แต่นางก็ยังกังวลว่าตั๋วหนี้จะตกอยู่ในตระกูลฉู่จริง ๆ เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น มันจะเป็นเรื่องยากมากสำหรับพวกนางที่จะแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับตั๋วหนี้ นางดีใจที่เห็นว่าสิ่งต่าง ๆ ยังคงเป็นไป ตามแผน
ซูอัน เก็บตั๋วหนี้กลับเข้าไปในเสื้อคลุมของเขาพลางคิดในใจ โธ่เอ๊ย ข้ารู้หรอกน่าว่าที่พวกเจ้าปฏิเสธมันเป็นเพราะสิ่งที่ข้ามีอยู่มันเป็นแค่ตั๋วหนี้ที่ขึ้นเงินไม่ได้ ถ้าหากตอนนี้ข้ามีเงินสดจำนวน 7,500,000 ตำลึงเงินจริง ๆ แล้วเอามาวางกองตรงหน้าพวกเจ้า ข้าคิดว่าพวกเจ้าคงทิ้งไอ้คำว่า “เกียรติและศักดิ์ศรี” ไปอย่างไม่ใยดีแน่นอน!
“น่าเสียดายจริงๆ…”
ซูอัน รู้สึกกังวลกับสถานการณ์นี้เช่นกัน เขารู้ว่าเขาคงไม่สามารถเอาตั๋วหนี้ใบนี้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์อะไรได้ เนื่องจากเขาไม่มีความสามารถพอในการกดดันให้สำนักดอกบ๊วยชำระหนี้ได้ตามที่สัญญา อย่างมากที่สุด เขาทำได้แค่เรียกร้องดอกเบี้ยรายปีเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เหมยเชาฟง ไม่ใช่คนซื่อสัตย์ คงต้องเป็นคนที่ไร้เดียงสาจริง ๆ ถึงจะคิดว่าเหมยเชาฟงจะจ่ายดอกเบี้ยให้ง่าย ๆ เป็นที่แน่ชัดว่าพอถึงเวลากำหนดจ่าย เหมยเชาฟง คงจะพยายามทำทุกอย่างเพื่อเบี่ยงบ่ายไม่จ่ายเงินแน่นอน
“ไม่ว่าจะยังไงเจ้าต้องถูกลงโทษสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ ไม่เช่นนั้นคนอื่น ๆ ในตระกูลอาจจะเอาเจ้าเป็นแบบอย่างได้ในอนาคต พวกเขาอาจเข้าใจผิดว่าการไปบ่อนไม่ใช่เรื่องใหญ่!” ฉินว่านหรู ทุบกำปั้นของนางลงบนโต๊ะขณะที่นางพูด “จงไปที่ห้องสำนึกตนและคัดลอกกฎของตระกูล 10,000 จบ!”
“10,000 จบ?” ซูอัน เบิกตากว้างด้วยสีหน้าตกตะลึง “ข้าจะคัดลอกให้มันเสร็จได้ยังไง!?”
“ในระหว่างที่เจ้ายังคัดลอกไม่เสร็จ เจ้าจะถูกกักตัวให้อยู่แต่ในบริเวณคฤหาสน์ไม่ให้ ออกไปไหน ที่ข้าทำเช่นนี้เป็นเพราะข้าต้องยับยั้งไม่ให้เจ้าออกไปสร้างเรื่องเพิ่มอีก!” ฉินว่านหรู เอ่ยขึ้นด้วยแววตาเบิกบาน
ฮึ่ม อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้าให้ เฉิงโซวผิง คัดลอกกฎของตระกูลเมื่อรอบที่แล้ว ตอนนี้เจ้าต้องคัดลอก 10,000 จบ เจ้าไม่มีทางทำเสร็จได้แน่นอนแม้ว่าเจ้าจะขอความช่วยเหลือจากเด็กรับใช้ของเจ้าก็ตาม ด้วยวิธีนี้ เจ้าจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องอยู่ในที่ดินอย่างเชื่อฟังในอีกหลายคืนต่อจากนี้
“เอาล่ะจงไปที่ห้องสำนึกตนได้แล้วและเริ่มคัดลอกกฎของตระกูลทันที!”
ภายใต้คำสั่งของ ฉินหว่านหรู ซูอัน ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องจากไปด้วยสีหน้าที่ขมขื่น หลังจากที่เขาไปแล้ว ฉู่ชูเหยียน อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นว่า “ท่านแม่ การให้เขาคัดกฎตระกูล 10,000 จบมันไม่มากไปงั้นเหรอ? มันต้องใช้เวลาขนาดไหนกว่าจะคัดลอกทั้งหมดนั้นเสร็จ?”
“ทำไม? ตอนนี้เจ้าเป็นห่วงเป็นใยเขาขึ้นมาแล้วเหรอไง?” ฉินว่านหรูพูดขึ้นเสียงดัง
“ข้าเป็นห่วงเขาซะเมื่อไหร่กันล่ะ…” ใบหน้าของ ฉู่ชูเหยียน แดงขึ้นเล็กน้อย ข้าจะไปเห็นใจไอ้คนไร้ยางอายนั่นทำไมกัน…