เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 2038 ความลับถูกเปิดเผย
“ท่าน… อาการบาดเจ็บของท่านหายดีแล้วหรือ?”
หลินเป่ยเฉินถามด้วยความไม่อยากเชื่อ
“อาการบาดเจ็บอย่างนั้นหรือ?”
องค์จักรพรรดิหลิงจิวระเบิดเสียงหัวเราะ “ข้าบอกตอนไหนว่า ตนเองได้รับบาดเจ็บ?”
หลินเป่ ยเฉินยืนนิ่งอึ้ง ก่อนจะรีบถามต่อไปว่า “ท่านเคยบอก หลายครั้งเลยล่ะพ่ะย่ะค่ะ ท่านได้รับบาดเจ็บจากการพยายามเลื่อน ขั้นพลัง… นี่คือสิ่งที่ผู้คนล่วงรู ้กันทั่วอาณาจักร”
“อ้อ? ข้าบอกออกไปเช่นนั้นหรือ?”
องค์จักรพรรดิหัวเราะในล าคอเล็กน้อย “เอาเป็ นว่าข้าโกหกก็ แล้วกัน”
หลินเป่ ยเฉินเดือดดาลขึ้นมาในทันใด “นี่ท่าน… หลอกใช ้พวก เราอย่างนั้นหรือ?”
หลินเป่ยเฉินแทบไม่อยากเชื่อเลยว่าเหตุการณ์จะมาลงเอยเช่นนี้
ตัวเขาและหลิงเฉินถูกหลอกใช ้
องค์จักรพรรดิหลิงจิวยิ้มอย่างเย็นชา จ้องมองไปยังหลิงเฉินที่มี เลือดท่วมตัวพร ้อมกับกล่าวว่า “ขอบใจเจ้ามากนะ หากไม่ได้เจ้าที่ เป็ นผู้สืบสายเลือดบริสุทธิ์ของบรรพบุรุษแห่งผู้แปรธาตุ ข้าก็คงไม่มี วันได้เข้ามาอยู่ด้านในวิหารแห่งนี้ บัดนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในวิหาร จะตกเป็ นของข้า… และมันท าให้ข้ามีพลังแข็งแกร่งเทียบเท่ากับบรรพ บุรุษผู้แปรธาตุ ข้าจะกลายเป็ นบรรพบุรุษผู้แปรธาตุคนใหม่”
หลิงเฉินไม่พูดคำใด
ผิดกับองค์จักรพรรดิหลิงจิวซึ่งเมื่อแผนการทุกอย่างสาเร็จลุล่วง ด้วยดี พระองค์ก็รู ้สึกอยากจะพูดคุยเพื่อปลดปล่อยความอัดอั้นตันใจ ของตนเองออกมา
นี่จึงเป็ นเหตุผลที่บรรดาตัวร ้ายในนวนิยายมักจะต้องถึงแก่ความ ตายเพราะพูดมากเกินไป
“เจ้ารู ้หรือไม่ว่าเพราะเหตุใดครั้งที่แล้วเจ้าถึงเปิดประตูไม่ได้ แต่ ครั้งนี้เจ้ากลับเปิดประตูวิหารได้สาเร็จ?”
องค์จักรพรรดิยิ้มให้แก่หลิงเฉิน
หลิงเฉินถอนหายใจ
นางพยักหน้าบอกให้หลินเป่ ยเฉินวางตนเองลงบนพื้นหินและ เด็กสาวก็สามารถยืนหยัดได้อย่างมั่นคง
“เพราะว่าการเปิดประตูวิหารแห่งผู้แปรธาตุนั้นไม่สามารถกระทา ได้ด้วยตัวเพียงคนเดียว นอกจากจะต้องใช ้ผู้มีสายเลือดบรรพบุรุษ แห่งผู้แปรธาตุแล้ว ก็ยังต้องใช ้ผู้ที่มีสายเลือดศักดิ์สิทธิ์อยู่ในร่างกาย อีกด้วย”
หลิงเฉินตอบด้วยน้าเสียงแผ่วเบา
“อ้าว เจ้ารู ้อยู่แล้วหรือ?”
องค์จักรพรรดิดูตกใจไม่ใช่น้อย
หลิงเฉินกัดฟันด้วยความเคียดแค้น
คราบเลือดบนใบหน้าและโลหิตที่เปียกชุ่มเส้นผมของนางแห้งไป หมดสิ้น
“หม่อมฉันไม่ทราบเรื่องนี้หรอกเพคะ แต่หม่อมฉันแน่ใจว่าคน เพียงคนเดียวย่อมไม่สามารถเปิดประตูได้เด็ดขาด และนับตั้งแต่ที่มีพี่
หลินมายืนอยู่เคียงข้าง การเปิดประตูก็ดาเนินไปอย่างราบรื่น ไม่มี พลังขัดขวางจากวิหารเหมือนครั้งที่แล้ว”
หลังจากกล่าวจบ นางก็จ้องมองไปที่บิดาบุญธรรมพร ้อมกับ กล่าวว่า “นี่จึงเป็ นเหตุผลที่พระองค์ทรงช่วยเหลือให้พี่หลินเป็ นราช บุตรเขยไม่ใช่หรือ?”
ความประหลาดใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าขององค์จักรพรรดิหลิง จิว “ตกลงเจ้ารู ้มานานแล้วสินะ”
หลิงเฉินตอบ “และข้าก็รู ้เช่นกันว่าเพราะเหตุใดข้าจึงต้องได้รับ บาดเจ็บถึงเพียงนี้”
“จริงหรือ?”
องค์จักรพรรดิหลิงจิวมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นเล็กน้อย ดวงตาเป็น ประกายวาวโรจน์ “งั้นบอกข้ามาสิ”
คราบเลือดที่เปรอะเปื้อนบนร่างกายของหลิงเฉินก็สลายหายไป แล้วเช่นกัน นางก้าวเดินออกมาข้างหน้าและกล่าวว่า “มันเป็ นเพราะ ตัวบัดซบเช่นท่านเอง!”
เฮ้ย!
เมื่อหลินเป่ยเฉินได้ยินคาพูดของหลิงเฉินก็รู ้แล้วว่าอะไรกาลังจะ ตามมา
นี่กาลังจะเกิดการแตกหักกันแล้วใช่หรือไม่?
นี่คือครั้งแรกเลยกระมังที่เขาได้ยินหลิงเฉินพูดคาหยาบ
หลินเป่ยเฉินตกใจเป็ นอย่างยิ่ง
แต่องค์จักรพรรดิหลิงจิวไม่ได้แสดงท่าทีโกรธเคืองแต่อย่างใด
สีหน้าของเขาค่อนข้างแสดงออกถึงความประหลาดใจ
“เจ้ารู ้ได้อย่างไร?”
องค์จักรพรรดิจ้องมองเข้าไปในดวงตาของหลิงเฉิน “ผู้ใดเป็ น คนบอกเจ้า?”
หลินเป่ ยเฉินได้แต่อุทานอยู่ในใจว่า ‘เช็ดเข้ นี่องค์จักรพรรดิ ยอมรับแล้วหรือ?’
“ยังจะต้องให้ผู้อื่นบอกหม่อมฉันด้วยหรือเพคะ?”
หลิงเฉินยิ้มออกมาก่อนจะอธิบายต่อไป “เรื่องราวเหล่านี้ สามารถค้นพบได้ไม่ยาก เพราะหม่อมฉันไม่ได้เติบโตขึ้นมาภายใต้ การเลี้ยงดูของราชวงศ์ หม่อมฉันจึงไม่ได้เกรงกลัวหรือเคารพท่าน เพราะในขณะที่ผู้อื่นมองท่านเป็ นเทพเจ้าและไม่เคยสงสัยในตัวท่าน เลย แต่หม่อมฉันถูกทอดทิ้งอยู่ในดินแดนแสนไกล หม่อมฉันจึงไม่ เคยหวาดกลัวท่านมาตั้งแต่แรก… เพราะฉะนั้น หม่อมฉันจึงดูออกว่า ทุก ๆ การกระทา และทุก ๆ คาพูดของท่านล้วนมีแต่คาโกหกทั้งสิ้น”
เห็นได้ชัดว่าองค์จักรพรรดิหลิงจิวไม่ได้คาดหวังคาตอบเช่นนี้
สิ่งที่อยู่ในความทรงจาของเขาก็คือนับตั้งแต่ที่รับตัวหลิงเฉินก ลับมา เด็กสาวก็เป็ นองค์หญิงที่ฉลาดเฉลียวและมีความอ่อนน้อม ถ่อมตน มีความรอบรู ้และมีความรับผิดชอบ นางเชื่อฟังคาสั่งของเขา เป็ นอย่างดี มิหนาซ้ายังมีความเคารพจนน่าเอ็นดูอีกด้วย
ดังนั้นองค์จักรพรรดิจึงเข้าใจว่าต้องมีผู้ใดสักคนบอกความลับ ให้หลิงเฉินรับทราบ
แต่คิดไม่ถึงเลยว่า…
นางเองก็ตบตาเขามาตั้งแต่แรกเช่นกัน?
องค์จักรพรรดิหลิงจิวแทบไม่อยากเชื่อว่าตนเองจะถูกเด็กสาวผู้ หนึ่งหลอกมานานถึงเพียงนี้
“แล้วเจ้าจะทำอย่างไรได้?”
องค์จักรพรรดิรีบปรับสีหน้าของตนเองและกล่าวว่า “สุดท้ายข้า ก็เข้ามาอยู่ในวิหารได้ส าเร็จ ส่วนพวกเจ้าสองคน…”
เขาจ้องมองหลิงเฉินก่อนหัวเราะเยาะ “เจ้าใช ้พลังไปกับการเปิด ประตูทั้งเจ็ดบานหมดแล้ว…”
เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้ องค์จักรพรรดิหลิงจิวก็หันมามองหน้าหลิน เป่ ยเฉิน “ส่วนเจ้าเด็กหน้าขาวผู้นี้ก็ใช ้พลังหมดไปกับการประลอง เรียบร ้อยแล้ว ต่อให้พวกเจ้าผนึกก าลังร่วมมือกัน คิดหรือว่าจะ สามารถหยุดยั้งข้าได้?”
หลินเป่ยเฉินระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทันที
“ท่านเข้าใจผิดแล้ว”
ชายหนุ่มยิ้มอย่างมีความสุข “อันที่จริง ในการประลอง…”
หลินเป่ ยเฉินพูดยังไม่ทันจบ หลิงเฉินก็ระเบิดพลังออกมาจาก ร่างกาย จนดูไม่ออกเลยว่านางเป็ นคนเดียวกับเด็กสาวที่เพิ่งสูญเสีย พลังไปทั้งหมดจากการเปิดประตูทั้งเจ็ดบานเหล่านั้น
“ข้าเสแสร ้งต่างหาก”
ริมฝีปากสีชมพูของหลิงเฉินยกยิ้ม “อันที่จริง เพียงผลักเบา ๆ ข้าก็สามารถเปิดประตูได้แล้ว… ที่เสแสร ้งแกล้งทาว่ายากลาบาก ก็ เพราะว่าข้าเพียงต้องการหลอกให้ท่านตายใจเท่านั้นเอง”
หลินเป่ยเฉินพูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว
นี่หลิงเฉินเรียนจบมาจากโรงเรียนสอนการแสดงหรือเปล่าเนี่ย?
แม้แต่เขาก็ยังถูกหลอกจนเชื่อสนิทใจ
องค์จักรพรรดิหลิงจิวหรี่ตาลงและระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอีก ครั้ง “แล้วไงล่ะ? ต่อให้เจ้ายังมีพลังแข็งแกร่งดังเดิม แต่เจ้าก็ไม่ใช่ คู่มือของข้าอยู่ดี อย่าว่าแต่…”
ชายชราเอื้อมมือไปหาคบไฟทองคาที่เสียบอยู่บนเสาใหญ่กลาง ห้องโถงกว้าง
แล้วเปลวไฟเหล่านั้นก็ถูกดูดซับมาที่ฝ่ามือของเขา
องค์จักรพรรดิแสดงสีหน้าเจ็บปวดรวดร ้าวขณะที่รูปร่างเริ่มแปร เปลี่ยนไป
เขาก าลังหลอมรวมพลังกับเปลวไฟอมตะ
วูบ!
คลื่นพลังเปลวเพลิงพวยพุ่งออกมาจากฝ่ ามือขององค์ จักรพรรดิหลิงจิว
“นี่คือเปลวไฟอมตะ เปลวไฟที่เป็ นต้นกาเนิดของธาตุไฟ…”
องค์จักรพรรดิแสดงสีหน้าชั่วร ้ายพร ้อมกับระเบิดเสียงคารามว่า “บัดนี้ ข้าได้ครอบครองของพลังแห่งเปลวไฟอมตะแล้ว ข้าจะใช ้มัน หลอมกับสิ่งใดก็ได้ ข้าจะทาลายทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยเป็ นของบรรพ บุรุษผู้แปรธาตุและสร ้างขึ้นมาใหม่เป็ นของข้าเอง… ฮ่า ๆๆๆ ความ รุ่งเรืองของเผ่ามนุษย์ทะเลทรายจะกลับคืนมาอีกครั้ง”