เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 2036 เปิดประตู
แต่สิ่งเดียวที่หลินเป่ยเฉินเห็นบนประตูบานนั้นก็คือเงาสะท้อนอัน หล่อเหลาของชายหนุ่มผู้มีผมขาวผู้หนึ่ง
“เฮ้อ คนอะไรจะหน้าตาดีขนาดนี้วะ”
หลินเป่ ยเฉินได้แต่ถอนหายใจและยกมือลูบคล าใบหน้าของ ตนเอง
เสียงหัวเราะหึ ๆ ดังขึ้นข้างกายเขา เป็ นหลิงเฉินนั่นเอง
องค์จักรพรรดิหลิงจิวพลันกล่าวด้วยน้าเสียงเคร่งขรึมว่า “เมื่ออยู่ ต่อหน้าวิหารแห่งผู้แปรธาตุ เจ้าห้ามท าตัวเหลวไหลเด็ดขาด กิริยา วาจาต้องสงบส ารวม จิตใจต้องตั้งมั่น สมาธิต้องแน่วแน่ เพื่อให้ วิญญาณของบรรพบุรุษรับรู ้ได้ถึงความตั้งใจของพวกเรา… เฉินเอ๋อร ์ เจ้าเคยพยายามเปิดประตูบานนี้มาแล้ว เจ้าลองพยายามดูอีกสักครั้ง เถอะ บางทีอาจเกิดปาฏิหาริย์ขึ้นก็เป็นได้”
หลินเป่ ยเฉินรีบปรับเปลี่ยนท่าทางกลับมามีสีหน้าจริงจังอย่าง รวดเร็ว
ที่องค์จักรพรรดิพูดมาก็มีเหตุผล
เพราะวิหารแห่งผู้แปรธาตุแห่งนี้แทบไม่ต่างไปจากโถงคานับ บรรพบุรุษ
เขาจะมาทาตัวรุ่มร่ามที่นี่ไม่ได้เด็ดขาด
หลิงเฉินก้าวออกมาข้างหน้า จากนั้นนางก็ยกมือที่บอบบางของ ตนเองขึ้นและผลักประตูโลหะบานนั้นเบา ๆ
ก่อนจะเกิดคลื่นพลังสะท้อนออกมาทาให้มวลอากาศปั่นป่วน
พื้นผิวบนบานประตูไม่ต่างกับผิวน้าที่มีผู้คนโยนก้อนหินลงไป ก่อกวนความสงบ
ทันใดนั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงบานประตูเคลื่อนไหว
องค์จักรพรรดิหลิงจิวมีสีหน้าคาดหวังและตื่นเต้นขึ้นมาในทันใด
“พยายามต่อไป อย่าเพิ่งหยุด”
พระองค์ตัวสั่นเทา
องค์จักรพรรดิหลิงจิวรอคอยเวลานี้มาตลอดชีวิต แล้วจะไม่ ตื่นเต้นได้อย่างไร?
บานประตูแง้มเปิดออกกว้างขึ้นเรื่อย ๆ
รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของหลิงเฉิน ก่อนที่นางจะทุ่มเท พละกาลังทั้งหมดดันประตูให้เปิดออก
ครืน!
นี่แทบจะไม่ต่างจากการเคลื่อนย้ายภูเขาเลยสักนิด
พื้นดินถึงกับสั่นสะเทือนไปทั่วเมือง
และแล้ว ประตูโลหะบานยักษ์ก็ค่อย ๆ ถูกผลักไปด้านหลังมันเปิด อย่างเชื่องช ้า
ตลอดช่วงเวลาเหล่านี้เห็นได้ชัดว่าหลิงเฉินต้องทุ่มเทพละก าลัง มหาศาล มือของนางแตะอยู่บนบานประตู เส้นเลือดปูดโปนขึ้นมา ตามหลังมือและช่วงแขน แต่ที่สาคัญก็คือละอองเลือดซึมออกมาจาก รูขุมขนบนผิวหนังของนางและหยดลงสู่พื้นวิหาร…
หลินเป่ยเฉินทนเห็นภาพนั้นไม่ไหว กาลังจะเดินเข้าไปช่วยเหลือ
“หยุดอยู่ตรงนั้น”
หลิงเฉินกระซิบออกมาแผ่วเบา
ขาดค า
นางก็ระเบิดเสียงคารามออกมาจากลาคอและทุ่มเทเรี่ยวแรง ทั้งหมดที่มีอยู่ออกมา
สุดท้าย บานประตูก็ถูกเปิดออกโดยสมบูรณ์
องค์จักรพรรดิหลิงจิวตัวสั่นระริกด้วยความตื่นเต้น
นี่ไม่ต่างจากภาพความฝันที่กลายเป็ นจริง
พระองค์แทบรอไม่ไหวแล้วที่จะเดินเข้าไปดูสิ่งที่อยู่ด้านหลังบาน ประตู
แต่เมื่อพระองค์เดินเข้าไปดูแล้วก็ถึงกับต้องอุทานออกมาด้วย ความประหลาดใจและผิดหวัง
หลินเป่ยเฉินรีบชะโงกศีรษะเข้าไปดูด้วยความอยากรู ้อยากเห็น
เพราะว่าด้านหลังประตูบานนี้ยังคงมีประตูอีกบานหนึ่งตั้งอยู่
และเป็ นประตูรูปทรงเดียวกันทุกกระเบียดนิ้ว
ไม่ใช่สิ!
ต้องบอกว่าประตูบานใหม่มีความสูงและมีขนาดใหญ่กว่าประตู บานแรกพอสมควร
นี่หมายความว่าเมื่อเปิดประตูบานแรกได้แล้ว หลิงเฉินก็ยังต้อง เปิดประตูบานที่สองต่อไป
“…”
หลินเป่ยเฉินพูดอะไรไม่ออกอีกต่อไป
นี่มันประตูวิหารหรือตุ๊กตาแม่ลูกดกกันแน่?
ในขณะนี้ ใบหน้าขององค์จักรพรรดิหลิงจิวเต็มไปด้วยความ ผิดหวัง ความเสียใจและความสับสน
หลินเป่ ยเฉินกลัวว่าท่านพ่อตาจะหัวใจวายตาย จึงรีบวิ่งเข้าไป ช่วยประคองพร ้อมกับปลอบประโลมว่า “อดทนไว้ก่อนนะพ่ะย่ะค่ะ ท่านพ่อตา อย่าเพิ่งทรงม่องเท่งนะพ่ะย่ะค่ะ…”
องค์จักรพรรดิหลิงจิวตัวสั่นเทาอย่างไม่อาจควบคุมได้
ไม่ต้องเอ่ยถึงเลยว่าบัดนี้หลิงเฉินมีเลือดเต็มฝ่ามือ แต่นางก็ยังคง เดินไปยังประตูบานที่สอง แตะมือลงไปบนบานประตู โน้มตัวไป ข้างหน้าเล็กน้อยและเริ่มออกแรงผลักดันอีกครั้ง
ครืน!
ประตูบานที่สองเริ่มสั่นไหว
ทาให้วิหารแห่งผู้แปรธาตุสั่นสะเทือนไปทั้งหลัง
ดวงตาขององค์จักรพรรดิกลับมาเป็ นประกายระยิบระยับอีกครั้ง
หลินเป่ ยเฉินเห็นกล้ามเนื้อบนเรียวแขนของหลิงเฉินเต้นระริก อย่างชัดเจน และบัดนี้ ละอองโลหิตก็พุ่งออกมาจากรูขุมขนบนแขน ของนางเป็ นม่านหมอกเลือด ย้อมชายเสื้อของนางจนกลายเป็ นสีแดง ฉาน…
เห็นได้ชัดว่าการเปิดประตูบานนี้หนักหนาสาหัสสาหรับนางมาก
หลินเป่ ยเฉินรีบวิ่งเข้าไปร ้องบอกนางว่า “หยุดเพียงเท่านี้เถอะ สุดที่รักของข้า”
หลิงเฉินส่ายหน้าตอบกลับมาว่า “เพื่อเสด็จพ่อบุญธรรม ข้าต้อง เปิดประตูบานนี้ให้ได้เจ้าค่ะ
หลินเป่ยเฉินรีบหันไปมององค์จักรพรรดิด้วยความร ้อนใจยิ่งนัก “ท่านพ่อตาพ่ะย่ะค่ะ ท่านจะปล่อยให้นางเปิดประตูต่อไปจริง ๆ หรือ? ท่านไม่เห็นหรือว่าเฉินเอ๋อร ์มีเลือดออกเต็มไปหมดแล้ว เหตุใดถึงยัง ไม่หยุดนางอีก?”
องค์จักรพรรดิหลิงจิวหอบหายใจอย่างรุนแรงมากขึ้น สีหน้า ปรากฏความสับสน แต่ก็ไม่พูดค าใดออกมา
ละอองโลหิตพุ่งออกมาจากแขนของหลิงเฉินอีกระลอกใหญ่ท า ให้แขนเสื้อของนางเปียกชุ่ม
หลินเป่ ยเฉินมองคนรักของตนเองด้วยความวิตกกังวล ก่อนจะ เขย่าแขนองค์จักรพรรดิหลิงจิวพลางกล่าวว่า “ท่านพ่อตา บอกให้ นางหยุดเถอะพ่ะย่ะค่ะ ในเมื่อท่านชื่นชอบวิหารแห่งผู้แปรธาตุมาก ขนาดนี้ เอาไว้ท่านตายเมื่อไหร่ เดี๋ยวกระหม่อมกับเฉินเอ๋อร ์จะเผา ตามไปให้ก็แล้วกัน…”
องค์จักรพรรดิเบิกตาโตขึ้นมาทันที
เพราะว่าในที่สุด ประตูบานที่สองก็เปิดออกแล้ว
บัดนี้ ไม่ทราบเลยว่าองค์จักรพรรดิหลิงจิวไปเอาเรี่ยวแรงมาจาก ที่ใด เขาวิ่งแซงหน้าทุกคนเข้าไปด้านหลังประตูบานที่สองอย่าง รวดเร็ว…
“หืม? ใจเย็นก่อนพ่ะย่ะค่ะ เกิดหกล้มหัวฟาดพื้นตายขึ้นมาจะทา อย่างไร?”
หลินเป่ยเฉินสะดุ้งเฮือก ก่อนจะรีบวิ่งตามเข้าไปช่วยประคองชาย ชรา
ทันใดนั้น หนึ่งชราหนึ่งเยาว์วัยก็ต้องอุทานออกมาพร ้อมกันว่า
“นี่มันอะไรกัน?”
“เชี่ยไรเนี่ย!”
เป็ นคาอุทานที่แตกต่างแต่มีอารมณ์เดียวกัน
เพราะว่าด้านหลังประตูบานที่สองยังคงมีประตูบานที่สามที่มี ขนาดสูงใหญ่มากกว่าเดิม…
ให้ตายสิ นี่มันตุ๊กตาแม่ลูกดกจริง ๆ ด้วย!
บรรพบุรุษผู้แปรธาตุน่าจะมีสติไม่สมประกอบแล้วกระมัง?
อย่าว่าแต่องค์จักรพรรดิจะตกตะลึงเลย แม้แต่หลินเป่ ยเฉินก็ยัง ต้องอุทานออกมาโดยไม่รู ้ตัว
แต่ในเวลาเดียวกันนี้ หลิงเฉินยังคงไม่พูดคาใด นางพับแขนเสื้อ ชุ่มโลหิตของตนเองขึ้น เดินไปหยุดยืนอยู่หน้าบานประตูบานที่สาม และแตะมือลงไปบนบานประตู ก่อนจะเริ่มออกแรงผลักดันสุดแรงเกิด อีกครั้ง!!!