เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 2035 สู่วิหารแห่งผู้แปรธาตุ
บนหอคอยนักรบ
ชายหนุ่มและหญิงสาวแยกออกจากกัน
หลินเป่ยเฉินรู ้สึกได้เพียงกลิ่นหอมที่ติดอยู่บนริมฝีปากและไรฟัน
เมื่อทั้งสองคนแยกจากกัน พวกเขาก็มองหน้ากันและหัวเราะ ออกมา
“วันแรกที่เจอกันในค่ายพักแรม ข้าไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งพวกเรา จะได้แต่งงานกันจริง ๆ”
หลินเป่ยเฉินพูดด้วยน้าเสียงอ่อนโยน
เขาจาได้ดีว่าวันเวลาเหล่านั้นมันเกิดขึ้นมานานมากแล้ว หลิง เฉินปรากฏตัวขึ้นมาโดยแอบอ้างว่าเป็ นคนรักของเขา แต่ภาพในวัน นั้นกลับฝังลึกในจิตใจของเขาโดยไม่รู ้ตัว
หลิงเฉินหัวเราะคิกคัก ก่อนจะกล่าวขึ้นว่า “แต่ข้าไม่เหมือนท่าน นับจากวันนั้นเป็ นต้นมา ข้าก็รอคอยวันนี้อยู่เสมอ”
หลินเป่ ยเฉินกุุมมือหลิงเฉินข้างหนึ่งและหันไปโบกไม้โบกมือ ให้แก่ผู้คนที่รับชมอยู่รายล้อมหอคอยนักรบ
นั่นยิ่งทาให้เสียงโห่ร ้องให้กาลังใจดังกึกก้องมากขึ้น
“ดูคนที่อยู่ทางด้านหลังนั่นสิเจ้าคะ”
หลิงเฉินชี้มือไปยังเรือเหาะที่ลอยลาอยู่ห่างออกไปและเห็นว่าองค์ ชายหลงก าลังหมุนตัวเดินกลับลงไปในใต้ท้องเรือด้วยความเดือด ดาลยิ่งนัก
“ข้าเห็นแล้ว… เขาคงเป็ นสุนัขโสดข้างถนนตัวหนึ่งกระมัง”
หลินเป่ยเฉินว่า
แล้วทั้งสองคนก็หัวเราะออกมาอีกครั้ง
หลังจากนั้น พวกเขาก็ต้องยืนรับค าอวยพรจากบรรดาคนบุญ หนักศักดิ์ใหญ่และผู้คนที่อยู่ในราชวงศ์ตามขั้นตอนพิธีการ
เดิมทีมีการวางกาหนดการมอบของขวัญให้แก่ผู้ที่ได้ตาแหน่ง คู่ครองขององค์หญิงไข่มุกขาวอยู่แล้ว
พิธีการทุกอย่างถูกจัดเตรียมเอาไว้ล่วงหน้า
เหตุการณ์ผ่านไปอย่างราบรื่น
หลินเป่ยเฉินสวมชุดของราชบุตรเขยที่ถักทอขึ้นมาจากเส้นไหม ทองคา หลังจากนั้นเขาก็โดยสารเรือเหาะลาเล็กไปพร ้อมกับหลิงเฉิน
เรือของพวกเขาลอยผ่านใจกลางเมืองเพื่อรับคาสรรเสริญจาก ชาวเมืองจ านวนมาก
เมื่อเสร็จสิ้นแล้ว พวกเขาก็เข้าวังหลวงเพื่อไปเข้าเฝ้ าองค์ จักรพรรดิหลิงจิว
ในเวลาเดียวกันนี้ กลุ่มขุนนางจากกรมพิธีการก็เริ่มจัดเตรียม พิธีวิวาห์ให้ออกมาอย่างสมบูรณ์แบบมากที่สุด
…
เมื่อได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง
หลินเป่ยเฉินกับหลิงเฉินก็รู ้สึกตื้นตันใจยิ่งนัก
หลินเป่ยเฉินเดินจับมือหลิงเฉินมาหยุดยืนอยู่หน้าต าหนักส่วน พระองค์ขององค์จักรพรรดิ
กลุ่มองครักษ์เปิดทางให้พวกเขาเดินผ่านไปแต่โดยดี
บัดนี้ องค์จักรพรรดิหลิงจิวได้รับความช่วยเหลือจากแขนกลใน การประคองให้ลุกขึ้นมายืนอยู่ข้างหน้าต่างห้องบรรทม สายตาของ พระองค์ก าลังจ้องมองไปนอกหน้าต่างอย่างเหม่อลอย
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า พระองค์ก็ทรงหันกลับมาอย่างแช่มช ้า
และเมื่อเห็นพวกของหลินเป่ยเฉินเดินเข้ามา องค์จักรพรรดิหลิง จิวก็เบิกตาโตด้วยความตื่นเต้น
“ถวายบังคมท่านพ่อตาพ่ะย่ะค่ะ”
หลินเป่ยเฉินทักทายขึ้นทันที
“ประเสริฐ ถือว่าเจ้ารักษาสัญญาจริง ๆ”
องค์จักรพรรดิหลิงจิวพยักหน้าด้วยความพอใจ เห็นได้ชัดว่า อาการบาดเจ็บของพระองค์ทรงดีขึ้นมากแล้ว “ไข่มุกผูกชะตา เหล่านั้นล่ะ…”
หลินเป่ ยเฉินตอบว่า “กระหม่อมน าออกมาหลอมรวมพลัง หมดแล้วพ่ะย่ะค่ะ ต้องขอบพระทัยท่านพ่อตามากที่มอบไข่มุก เหล่านั้นให้กระหม่อมได้ใช ้งานในครั้งนี้”
องค์จักรพรรดิอ้าปากด้วยความตกตะลึง
เศร ้าเสียใจยิ่งกว่าสูญเสียบุตรสาวบุญธรรมและสูญเสียกองทัพ ไปทั้งหมดเสียอีก!
“เจ้าใช ้พวกมันในการต่อสู้หมดเลยหรือ?”
องค์จักรพรรดิหลิงจิวถามด้วยความไม่อยากเชื่อ
หลินเป่ ยเฉินพยักหน้าพร ้อมกับกล่าวว่า “ใช ้หมดเลยพ่ะย่ะค่ะ ไข่มุกเหล่านั้นนับว่าใช ้งานได้ง่ายมาก กระหม่อมสามารถสังหารอสูร ผลาญดาราต่วนซิงได้ก็เพราะไข่มุกเหล่านั้นเอง…”
ระหว่างที่กล่าวอยู่นี้ ชายหนุ่มก็ลอบสังเกตสีหน้าขององค์ จักรพรรดิ
และพบว่าองค์จักรพรรดิยังคงมีสีหน้าดังเดิม นี่จึงหมายความว่า พระองค์ท่านไม่รู ้เรื่องราวเกี่ยวกับการขอยอมแพ้ของอสูรผลาญ ดาราต่วนซิง
“ถ้าอย่างนั้นก็ประเสริฐมาก”
องค์จักรพรรดิหลิงจิวพยักหน้าด้วยความพึงพอใจอีกครั้ง “ไม่ ทราบว่าเจ้าได้รับบาดเจ็บบ้างหรือไม่?”
หลินเป่ยเฉินตอบว่า “โอ๊ย ข้าได้รับบาดเจ็บสาหัสมากเลยพ่ะย่ะ ค่ะ แม้ว่ากระหม่อมจะใช ้ไข่มุกผูกชะตาเอาชนะอสูรผลาญดาราต่วน ซิงได้สาเร็จ แต่กระหม่อมก็ต้องสละอายุขัยถึงครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว
ตอนแรก กระหม่อมคิดจะยอมแพ้แล้ว แต่ก็นึกขึ้นมาได้ว่ากระหม่อม คือความหวังเดียวของพระองค์ท่าน และกระหม่อมก็รู ้ดีว่าเฉินเอ๋อร ์รัก กระหม่อมมากเพียงใด กระหม่อมจึงกัดฟันสู้ต่อไปจนสามารถ เอาชนะได้ในที่สุดพ่ะย่ะค่ะ แค่กระหม่อมรอดชีวิตกลับออกมาได้ก็ นับว่าเป็ นบุญวาสนามากแล้ว และอันที่จริง กระหม่อมก็ยังบาดเจ็บอยู่ ไม่หายเลยพ่ะย่ะค่ะ”
หลินเป่ยเฉินบีบมือของหลิงเฉินแนบแน่น
องค์จักรพรรดิขมวดคิ้วอย่างใช ้ความคิด
“เฉินเอ๋อร ์มีสายเลือดของบรรพบุรุษผู้แปรธาตุอยู่ในร่าง ก่อน เข้าพิธีอภิเษกสมรส นางจาเป็ นต้องเข้าไปเคารพบรรพบุรุษที่วิหาร แห่งผู้แปรธาตุเสียก่อน” องค์จักรพรรดิหลิงจิวเดินมาหาพวกเขาด้วย ความช่วยเหลือของแขนกลเหล็กซึ่งไม่ต่างจากไม้ค้ายัน “พวกเรารีบ ไปกันเถอะ.. รีบไปที่นั่นตอนที่ข้ายังมีลมหายใจอยู่ เมื่อเรื่องราวนี้จบ ลง ข้าจะได้นอนตายตาหลับ ไม่ต้องห่วงเฉินเอ๋อร ์อีกแล้ว”
แล้วพวกเขาก็มุ่งหน้าไปสู่วิหารแห่งผู้แปรธาตุโดยทันที
ตอนแรก หลินเป่ ยเฉินเคยเข้าใจว่าวิหารแห่งผู้แปรธาตุนั้นเป็ น สิ่งก่อสร ้างที่ลอยอยู่บนท้องฟ้ าท่ามกลางหมู่เมฆ
แต่ในความเป็ นจริงนั้น วิหารแห่งผู้แปรธาตุเป็ นอาคารที่สูงที่สุด ในตัวเมือง ส่วนด้านบนของวิหารจึงแทงทะลุก้อนเมฆ ท าให้เขา สามารถเห็นมันได้ตอนที่โดยสารเรือเหาะเข้ามาที่ตัวเมืองเป็ นครั้ง แรก
บัดนี้ ประตูทางเข้าของวิหารยังคงอยู่ท่ามกลางกลุ่มก้อนเมฆเช่น เคย ประตูทางเข้าทาขึ้นมาจากโลหะบริสุทธิ์ ให้ความรู ้สึกของความ เป็ นวิทยาศาสตร ์สมัยใหม่ ซึ่งเป็ นสิ่งที่วิหารอื่นไม่มี
ทางเดินที่นาไปสู่ประตูทางเข้านั้นปูด้วยแผ่นทองคาหรูหรา
องค์จักรพรรดิหลิงจิวใช ้ไม้ค้ายันแขนกลพยุงตัวเดินไปหยุดยืน อยู่หน้าประตูโลหะยักษ์บานนั้น
ประตูทางเข้าวิหารมีความสูงเท่ากับตึกสิบชั้น พื้นผิวของบาน ประตูเป็ นมันเลื่อมไม่ต่างจากกระจก เมื่อผู้คนเดินไปหยุดยืนอยู่หน้า ประตู ก็จะสามารถมองเห็นเงาสะท้อนของตนเอง
นี่ก็ผ่านมาได้หลายพันปีแล้ว ไม่ทราบเลยว่ามียอดอัจฉริยะนัก แปรธาตุมากมายเพียงใดที่พยายามเปิดประตูบานนี้ แต่ก็ต้องพบกับ ความล้มเหลว และบางคนถึงกับได้รับบาดเจ็บจนธาตุไฟแตกซ่านไป ตลอดชีวิต
แม้แต่องค์จักรพรรดิหลิงจิวก็เปิดประตูบานนี้ไม่ได้
ครั้งหนึ่ง พระองค์เคยได้รับการยกย่องให้เป็ นนักแปรธาตุยอด อัจฉริยะแห่งแผ่นดิน มีผู้คนเคารพนับถือมากมายมหาศาล
แต่โชคร ้ายที่ประตูบานนี้ไม่ยอมเปิดให้แก่พระองค์
แม้ว่าองค์จักรพรรดิหลิงจิวจะได้ขึ้นครองบัลลังก ์ในภายหลังและ พยายามเปิดประตูบานนี้อีกนับครั้งไม่ถ้วน
แต่สุดท้ายก็ต้องล้มเหลว
เมื่อมาหยุดยืนอยู่หน้าประตูบานนี้ องค์จักรพรรดิหลิงจิวจึง เหมือนได้กลับมาเผชิญหน้ากับความล้มเหลวของตนเองเสมอ
และวันนี้ เขาก็กลับมาที่นี่อีกครั้ง
นี่คือความพยายามครั้งสุดท้ายในการเปิ ดประตูขององค์ จักรพรรดิ
กว่าจะมีวันนี้ได้ พระองค์ต้องเตรียมแผนการมาอย่างเนิ่นนาน
องค์จักรพรรดิหลิงจิวจึงเชื่อมั่นว่าการเปิดประตูในครั้งนี้จะต้อง ส าเร็จอย่างแน่นอน
“พวกเจ้าสองคนเข้าไปก่อนเถอะ”
องค์จักรพรรดิหลิงจิวหันมามองหน้าหลินเป่ ยเฉินกับหลิงเฉินที่ ยืนอยู่ด้านหลังและกล่าวว่า “ประตูบานนี้เรียกว่าประตูใจสลาย มีข่าว ลือว่ามันสามารถท าให้หัวใจผู้คนแหลกสลายได้จริง ๆ มียอดฝีมือ จานวนมากต้องล้มเหลวกับการเปิดประตูบานนี้ แม้แต่ตัวข้าเองก็ไม่มี ข้อยกเว้นเช่นกัน ตลอดหลายร ้อยปีที่ผ่านมา ข้าเคยพยายามเปิดมัน นับครั้งไม่ถ้วน แต่ข้าก็ทาไม่สาเร็จเลยสักครั้ง”
หลินเป่ยเฉินรีบเดินเข้าไปส ารวจบานประตูโลหะยักษ์ทันที