เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 2026 คำนับพิฆาต
ตอนที่ 2,026 คำนับพิฆาต
นี่คือฝ่ามือที่ราชันปริศนาไร้นามเอาชนะคู่ต่อสู้มานับไม่ถ้วน
ลำแสงสีเงินนั้นไม่ได้มีความแปลกประหลาดพิสดารอันใด
แต่ความพิเศษของมันคือไม่มีผู้ใดสามารถหยุดยั้งได้
เมื่อไม่สามารถต้านทานได้ ก็มีแต่ต้องพ่ายแพ้
หัวใจของหลินเป่ยเฉินเต้นรัวเร็วด้วยความลุ้นระทึก
หวังจง…
จะรอดไหมนะ?
นี่คือครั้งแรกที่หลินเป่ยเฉินจะได้เห็นหวังจงแสดงฝีมือด้วยตาตนเอง
ทันใดนั้น หวังจงก็เคลื่อนไหวแล้ว
ฟึ่บ! ฟึ่บ!
หวังจงปัดมือตนเองอย่างมีสง่าราศี ใบหน้าเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ ก่อนที่เขาจะคุกเข่าลงบนพื้นและก้มศีรษะลงไปแนบหน้าผากติดกับพื้นดิน...
หืม?
นี่มันอะไรกันเนี่ย?
หลินเป่ยเฉินเบิกตาโต
หวังจงคุกเข่าทำไม?
ซ้ำยังโขกศีรษะคำนับฝ่ายตรงข้ามอีกด้วย?
ให้ตายเถอะ
หรือจะเป็นการคำนับขออภัยก่อนการต่อสู้?
ไม่น่าใช่
มีบางอย่างไม่ชอบมาพากล
ราชันปริศนาไร้นามยิงลำแสงออกมาแล้ว หวังจงยังมีอารมณ์มาคุกเข่าคำนับอยู่อีกหรือ?
หลินเป่ยเฉินเงยหน้ามองอีกครั้ง
ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ได้ยินเสียงร้องตะโกนกึกก้องพอดีว่า
“ราชาแห่งยมโลกโขกศีรษะ ผู้คนต้องตกตาย”
เป็นเสียงตะโกนของหวังจง
ไม่ต่างจากบุตรชายที่กำลังร้องตะโกนเพื่อไว้อาลัยให้แก่บิดา
และทันทีที่หวังจงโขกศีรษะลงไปบนพื้นดิน คลื่นพลังที่เป็นเสมือนพายุหมุนก็ปรากฏขึ้นในอาณาเขตสนธยา
วูบ!
ลำแสงสีเงินของราชันปริศนาไร้นามถูกรัศมีจากพายุหมุนเหล่านั้นกลืนหายไป
ในเวลาเดียวกันนี้ ม่านพลังสีเงินที่ปกคลุมร่างกายของเขาก็เลือนหายไป จึงทำให้ทุกคนได้เห็นโฉมหน้าของราชันปริศนาไร้นาม
หลินเป่ยเฉินอ้าปากเหวอ
เมื่อสักครู่นี้เกิดอะไรขึ้น?
การโจมตีของราชันปริศนาไร้นามถูกสลายลงไปแล้วหรือ?
เพียงเพราะหวังจงโขกศีรษะคำนับเนี่ยนะ… ทันใดนั้น หลินเป่ยเฉินพลันนึกขึ้นมาได้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา พ่อบ้านชราผู้นี้เคยโขกศีรษะคำนับเขานับครั้งไม่ถ้วน
แย่แล้วสิ
ที่ผ่านมาเราเสี่ยงตายขนาดนี้มาโดยตลอดหรือนี่?
ในอนาคตต้องระวังตัวสักหน่อยแล้ว
และในเวลาเดียวกันนี้ หลินเป่ยเฉินก็ยังต้องประหลาดใจกับโฉมหน้าที่แท้จริงของราชันปริศนาไร้นาม ปรากฏว่ายอดฝีมือผู้นี้เป็นเพียงคนแคระผิวแดงผู้หนึ่ง ใบหน้าครึ่งหนึ่งหล่อเหลาราวกับเทพบุตร แต่ใบหน้าอีกครึ่งหนึ่งมีความอัปลักษณ์และน่าเกลียดน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง
เชี่ย!
หน้าตาอัปลักษณ์ขนาดนี้เลยหรือ?
แล้วยังจะอยากแต่งงานกับหลิงเฉินของเขาอีกเนี่ยนะ?
หลินเป่ยเฉินรู้สึกโกรธแค้นขึ้นมาในทันใด
“หวังจงอย่าเพิ่งหยุด โขกคำนับต่อไป… เอาให้มันตายไปเลย”
หลินเป่ยเฉินออกคำสั่งด้วยความเกรี้ยวกราด
หวังจงลุกขึ้นยืน ยิ้มแฉ่ง “ไม่ต้องหรอกขอรับนายน้อย เขาตายแล้ว”
“หา?”
หลินเป่ยเฉินหันกลับไปมองที่ชายอัปลักษณ์อีกครั้ง
เฮ้ย อย่าบอกนะว่าวิญญาณถูกดูดออกไปจากร่างแล้ว?
ไม่น่าใช่ เพราะเขายังเห็นอยู่ว่าราชันปริศนาไร้นามกำลังหอบหายใจอยู่ชัด ๆ
“เหวอออ...”
ราชันปริศนาไร้นามยกมือขึ้นกุมใบหน้าของตนเองและส่งเสียงร้องโหยหวน ไม่ต่างจากหญิงสาวที่ถูกเปิดกระโปรงกลางที่สาธารณะ เขาระเบิดเสียงคำรามออกมาด้วยความบ้าคลั่ง “ข้าจะฆ่าเจ้า ข้าจะฆ่าเจ้า ข้าจะฆ่าเจ้า ข้าจะฆ่าเจ้า…”
เสียงพูดยังไม่ทันขาดหาย
พรึ่บ!
ร่างของเขาก็ระเบิดต่อหน้าต่อตาหลินเป่ยเฉิน
ทุกสิ่งทุกอย่างสลายไปไม่ต่างจากฟองสบู่ที่แตกโผละ แม้แต่เศษเสี้ยววิญญาณก็ไม่มีหลงเหลืออยู่อีกแล้ว
หลินเป่ยเฉินตกตะลึงยิ่งนัก
ตายจริง ๆ ด้วยแฮะ
ตายเพราะหวังจงคุกเข่าคำนับเนี่ยนะ?
หลินเป่ยเฉินอดนึกตลกอยู่ในใจไม่ได้ ก่อนจะรีบช่วยประคองหวังจงลุกขึ้นยืนและก้มลงไปปัดเศษดินให้กับหัวเข่าของพ่อบ้านชรา “บนพื้นเย็นจะตาย ระวังหัวเข่าด้วยสิขอรับ…”
หวังจงยกมือนวดเอวของตนเองพร้อมกับกล่าวว่า “โอ๊ย สงสัยบ่าวจะแก่แล้วขอรับ ลุกนั่งแค่นี้ก็ปวดเอวไปหมด ที่ผ่านมาบ่าวคำนับเป็นร้อยครั้งพันครั้งในลมหายใจเดียวไม่เห็นมีปัญหาใด ๆ เลย”
หลินเป่ยเฉินหนังตากระตุกขึ้นมาทันที
คำนับเป็นร้อยครั้งพันครั้งเลยหรือ?
ผู้ใดจะสามารถทนรับการคำนับจากหวังจงได้อีก?
ตัวตนที่แท้จริงของบรรพบุรุษแห่งสายเลือดจอมเวทผู้เป็นราชาแห่งยมโลก มีนิสัยแปลกประหลาดพิสดารเช่นนี้เองหรือ?
“นายน้อย บ่าวขอตัวก่อนนะขอรับ”
หวังจงกล่าว “นายน้อยเองก็รีบกลับออกไปเถอะ คนข้างนอกยังรอผลการประลองอยู่…”
หลังจากนั้น ร่างของหวังจงก็ค่อย ๆ เลือนหายไปในอากาศ ไม่ต่างจากหยดหมึกที่ค่อย ๆ ซึมหายไป
หลินเป่ยเฉินยกมือทาบอกและถอนหายใจออกมายาวแรง
“เฮ้อ”
เขายกมือขึ้นด้วยความตื่นเต้น
หวังจงยังคงว่านอนสอนง่ายอยู่เสมอ
เมื่อมีหวังจงคอยหนุนหลังอยู่ทั้งคน หลินเป่ยเฉินก็ไม่ต้องเกรงกลัวผู้ใดอีกแล้ว
ตำแหน่งราชบุตรเขยจะหลุดมือเขาไปได้อย่างไร?
ยิ่งคิดก็ยิ่งมั่นใจ จากนั้นหลินเป่ยเฉินก็กลับออกไปจากอาณาเขตสนธยาด้วยความร่าเริงยิ่ง
…
วูบ!
มวลอากาศเกิดการสั่นไหว
เป็นไปตามคาด หลินเป่ยเฉินกลับมาปรากฏตัวบนสังเวียนประลองอีกครั้ง
เขาสวมชุดสีขาว ผมสีขาว ใบหน้าหล่อเหลาอย่างร้ายกาจ ยืนเอามือไพล่หลัง เงยหน้าจ้องมองท้องฟ้าทำมุมสี่สิบห้าองศาอย่างสมบูรณ์แบบ
สายลมโชยพัดผ่านเส้นผมสีขาวของเขาปลิวไสว
ไม่ต่างจากเกล็ดหิมะโปรยปราย
นี่คือภาพที่ประทับลงไปในหัวใจของสตรีมากมายนับไม่ถ้วน
หลังจากนั้น คำถามใหญ่ก็เกิดขึ้นในใจของผู้ชมจำนวนหลายล้านคนว่า…
ตกลงการประลองคู่นี้ ผู้ใดเป็นฝ่ายชนะ?
จังหวะนั้น หลินเป่ยเฉินอาศัยจังหวะนี้เปิดเพลงจากแอป NetEase Cloud Music
“ยิ่งสูงก็ยิ่งหนาว… ผู้แข็งแกร่งมักโดดเดี่ยวเสมอ”
บทเพลงเริ่มบรรเลงในฉากหลัง