เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 2018 ยิ่งตายยิ่งแข็งแกร่ง
ตอนที่ 2,018 ยิ่งตายยิ่งแข็งแกร่ง
ฮันปู้ฟู่พูดอะไรไม่ออก
โจวเทียนอวิ๋นก็ตกอยู่ในอาการเดียวกัน
เช่นเดียวกับกลุ่มเด็กสาว
ทุกคนนึกว่าตนเองหูฝาดไป
แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจก็คือปีศาจหนุ่มผู้นี้สามารถเลียนแบบกิริยาท่าทางของหลินเป่ยเฉินได้แนบเนียนยิ่งนัก
เฉียนเหมยกะพริบตาปริบ ๆ “นายท่านอย่างนั้นหรือ?”
ปีศาจหนุ่มผู้นี้คือนายท่าน?
เฉียนเหมยพยายามเพ่งตาดูอย่างพินิจพิเคราะห์
หลังจากนั้น ใบหน้าของนางก็กระตุกด้วยความเดือดดาล
“โกหก!”
นางยกค้อนเหล็กในมือขึ้นและพุ่งออกไปข้างหน้าด้วยความดุร้าย “นายท่านของข้าไม่อัปลักษณ์อย่างเจ้าหรอก”
อวี้เหวินซิวเซียนเลิกคิ้วขึ้นสูงทันที
ดูเหมือนจะถูกเปิดโปงแล้วสินะ?
เขายกมือขึ้นโบกสะบัด
พลังปราณปีศาจไหลทะลัก
ก่อนที่เปลวไฟสีม่วงจะพุ่งเข้าไปหาเฉียนเหมย
“ระวัง”
ฮันปู้ฟู่หมุนฝ่ามือเพื่อใช้วิชาย้อนเวลา แล้วมวลอากาศรอบกายของเฉียนเหมยก็บิดเบี้ยว ก่อนที่ร่างของนางจะหายวับไปและลมหายใจต่อมา เฉียนเหมยก็มาปรากฏตัวขึ้นอยู่ด้านหลังของทุกคน
โจวเทียนอวิ๋นหันกลับไปตบไหล่เด็กสาวและกล่าวว่า “ระวังตัวหน่อย อย่าเพิ่งทำอะไรวู่วาม”
เฉียนเหมยพยายามขัดขืน แต่ร่างของนางเหมือนตะปูที่ถูกตอกให้ยึดอยู่กับที่
เยว่เว่ยหยางกระตุกชายเสื้อของนางแผ่วเบาและกล่าวว่า “ปีศาจตนนี้น่ากลัวยิ่งนัก… ใจเย็นก่อนเถอะ”
เฉียนเหมยเชื่อฟังคำพูดของอีกฝ่าย
เพราะว่าในหัวใจของนาง เยว่เว่ยหยางเป็นคนรักของหลินเป่ยเฉิน เด็กสาวจึงมีสถานะเท่ากับเป็นนายหญิงของนางเช่นกัน
เฉียนเหมยจึงจำเป็นต้องเชื่อฟังคำสั่งของนายหญิง
“ท่านแม่ทัพโจว รีบจัดการเจ้าสุนัขต่ำต้อยที่กล้าแอบอ้างเป็นนายท่านเถอะเจ้าค่ะ”
เฉียนเหมยอ้อนวอนต่อโจวเทียนอวิ๋น
โจวเทียนอวิ๋นพยักหน้าอย่างช้า ๆ
สายตาของเขาก็ปรากฏความโกรธแค้นขึ้นมาเช่นกัน
ในโลกใบนี้… ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถแอบอ้างเป็นผู้ใดก็ได้
การแอบอ้างมีราคาที่ต้องจ่าย
โจวเทียนอวิ๋นเดินไปข้างหน้าอย่างเชื่องช้า ใต้เท้าของชายฉกรรจ์มีคลื่นพลังสีทองคำปลิวไสว
โจวเทียนอวิ๋นกล่าวกับอวี้เหวินซิวเซียนว่า “ผู้ที่กล้าแอบอ้างเป็นท่านแม่ทัพใหญ่แห่งกองทัพเซียนกระบี่คงมีเจ้าเป็นคนแรกนี่แหละ… ไม่ทราบว่าเจ้าไปเอาความกล้าหาญมาจากที่ใด หน้าตาอัปลักษณ์อย่างเจ้ากล้าดีอย่างไรถึงได้แอบอ้างตนเป็นบุรุษที่หล่อเหลาที่สุดในเส้นทางดาราจักร?”
อ้อ ที่แท้ก็เป็นคนจากกองทัพเซียนกระบี่
อวี้เหวินซิวเซียนรู้ได้ในทันใด
ไม่แปลกใจอีกแล้วที่ตนเองจะถูกเปิดโปง
แต่คนจากกองทัพเซียนกระบี่มาทำอะไรที่นี่?
และก็ยังมีคนจากกองทัพเป่ยเฉินอีก?
อวี้เหวินซิวเซียนรีบคิดทุกอย่างด้วยความรวดเร็ว
เขาย่อมทราบดีว่าเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงปฏิบัติต่อหลินเป่ยเฉินแตกต่างจากผู้อื่น
หากกลุ่มคนเหล่านี้เกี่ยวข้องกับหลินเป่ยเฉิน นายหญิงของเขาก็คงไม่อยากให้ทำอะไรรุนแรงเป็นแน่… เพราะว่านายหญิงไม่อยากผิดใจกับหลินเป่ยเฉิน ดูอย่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอาณาจักรซือเว่ยและอาณาจักรหลิวเยวียนก่อนหน้านี้ก็ได้ เห็นได้ชัดว่านายหญิงมีเจตนาช่วยเหลือหลินเป่ยเฉินยิ่งกว่าอะไรดี
แต่วันนี้นายหญิงไม่ได้อยู่ที่นี่
หากคนกลุ่มนี้ถูกฆ่าตายหมด… หลินเป่ยเฉินก็จะไม่รู้ว่าผู้ใดเป็นฆาตกร และเมื่อหลินเป่ยเฉินไม่รู้ความจริง นายหญิงก็คงไม่มีปัญหาหรอกกระมัง?
แต่หากหลินเป่ยเฉินรู้ความจริงขึ้นมาล่ะ?
หลินเป่ยเฉินก็คงจะต้องโกรธแค้นนายหญิงแน่นอน
แม้จะไม่ได้แสดงออกชัดเจน แต่อย่างน้อยก็ต้องเกิดรอยร้าวขึ้นในหัวใจ
ทันใดนั้น อวี้เหวินซิวเซียนรู้แล้วว่าตนเองสมควรทำอย่างไร
เมื่อเห็นโจวเทียนอวิ๋นเคลื่อนกายเข้ามาใกล้ อวี้เหวินซิวเซียนก็ยกมือโบกสะบัดแผ่วเบา
เสียงร้องคำรามดังขึ้นรอบบริเวณ
พลังปราณปีศาจกระจายตัวอย่างหนาแน่น
กลุ่มปีศาจบรรพกาลปรากฏตัวออกมามากมาย พวกมันต่างก็พุ่งเข้าไปหาเรือเหาะของผู้บุกรุกด้วยจิตสังหารแรงกล้า
หลังจากนั้น อวี้เหวินซิวเซียนก็ยื่นมือออกมาข้างหน้า กระบี่เล่มหนึ่งปรากฏขึ้นในมือ เขาตวัดกระบี่วูบ แล้วลำแสงกระบี่ก็พุ่งแหวกอากาศตรงเข้าไปหาโจวเทียนอวิ๋น
ตู้ม!
คลื่นพลังสีทองคำและคลื่นพลังสีม่วงปะทะกันอย่างหนักหน่วง
กระบี่สีม่วงในมืออวี้เหวินซิวเซียนระเบิดกระจาย แม้แต่ร่างกายของเขาก็ถูกระเบิดแหลกสลายไม่เหลือชิ้นดี
“ฮ่า ๆๆ…”
เสียงหัวเราะของอวี้เหวินซิวเซียนพลันดังกังวานในอากาศ
คลื่นพลังสีม่วงหมุนเวียน แล้วร่างของอวี้เหวินซิวเซียนก็กลับมารวมตัวดังเดิมพร้อมกับกระบี่ในมืออีกครั้ง
“ข้าบรรลุขั้นจอมปีศาจอนันต์แล้ว ชีวิตของข้าเป็นอมตะ…”
อวี้เหวินซิวเซียนปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งพร้อมกับมวลพลังที่แข็งแกร่งและอันตรายมากยิ่งขึ้น “สมแล้วที่เจ้าเป็นยอดฝีมือแห่งผู้ใช้สายเลือดผู้คงกระพัน… เข้ามาเลย ข้าจะทำให้เจ้าได้ลิ้มรสชาติความหมดหวังของการเกิดเป็นมนุษย์เอง…”
อวี้เหวินซิวเซียนพุ่งตัวลงมาอีกครั้ง
โจวเทียนอวิ๋นยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย
การระเบิดพลังอย่างบ้าคลั่งของอวี้เหวินซิวเซียนไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาแม้แต่น้อย
โจวเทียนอวิ๋นยังใจเย็นมากพอที่จะชำเลืองมองไปทางเรือเหาะและหันกลับไปดูประตูเชื่อมแดนปีศาจที่อยู่ห่างออกไป แล้วจึงค่อยหันกลับมาสะบัดฝ่ามือระเบิดพลัง
ตู้ม!
ร่างกายของอวี้เหวินซิวเซียนถูกระเบิดกระจายไปอีกครั้ง
แต่เมื่อคลื่นพลังสีม่วงหมุนวน เขาก็ฟื้นคืนชีพกลับมาโดยทันที
พลังปราณปีศาจที่แผ่ออกมาจากร่างกายมีความหนาแน่นมากกว่าเดิม
เป็นความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นอีกระดับ
อย่าบอกนะว่าฟื้นคืนชีพหนึ่งครั้งก็จะมีความแข็งแกร่งมากกว่าเดิมอย่างนั้นหรือ?
“เป็นเผ่าพันธุ์ปีศาจก็ดีเช่นนี้ล่ะนะ”
อวี้เหวินซิวเซียนระเบิดเสียงหัวเราะด้วยความคลุ้มคลั่ง “บอกแล้วไงว่าข้าเป็นอมตะ ไม่มีผู้ใดที่จะสังหารข้าได้อีกแล้ว ฮ่า ๆๆ”
เป็นอีกครั้งที่ปีศาจหนุ่มระเบิดพลังออกมาจากร่างกายและพุ่งเข้ามาหาโจวเทียนอวิ๋น
โจวเทียนอวิ๋นยังคงรับมืออย่างไม่ใส่ใจเท่าไหร่
เขาระเบิดคลื่นพลังสีทองคำออกมาจากร่างกาย สร้างเป็นม่านพลังขึ้นมากำบังตนเอง จากนั้นโจวเทียนอวิ๋นก็กระแทกหมัดใส่อวี้เหวินซิวเซียน แล้วจึงพุ่งเข้าไปหาประตูเชื่อมแดนปีศาจ
ตู้ม!
โจวเทียนอวิ๋นยกกำปั้นขึ้นต่อยเต็มแรง
ลำแสงสีทองคำพุ่งไปข้างหน้าไม่ต่างจากลำแสงกระบี่
คลื่นพลังสีม่วงหมุนวนในอากาศ อวี้เหวินซิวเซียนฟื้นคืนชีพกลับมาอีกครั้ง
ลำแสงสีทองคำจากหมัดของโจวเทียนอวิ๋นพุ่งตรงเข้าไปหาประตูเชื่อมแดนปีศาจ
แต่จังหวะที่ประตูเชื่อมแดนกำลังจะถูกทำลายนั้นเอง…
ร่างที่สวยงามของสตรีนางหนึ่งก็ก้าวออกมาจากประตูบานนั้นอย่างเชื่องช้า
นางเพียงยกมือเรียวขาวผ่องขึ้นโบกสะบัดแผ่วเบา
วูบ!
แล้วลำแสงสีทองคำจากหมัดของโจวเทียนอวิ๋นก็ถูกสลายลงไปในพริบตา