เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 2013 ราชันปริศนาไร้นาม
ตอนที่ 2,013 ราชันปริศนาไร้นาม
เมืองเหลียนจินฉู่
การประลองยังคงดำเนินต่อไป
คู่ต่อสู้รอบต่อมาของหลินเป่ยเฉินเป็นชายชราผมขาวหนวดขาวผู้หนึ่ง
“เฮ้อ ไม่ดูสังขารตัวเองบ้างเลยน้า”
หลินเป่ยเฉินจ้องมองอีกฝ่ายด้วยความเหยียดหยาม “ท่านผู้เฒ่า ผมของท่านขาวโพลนไปทั้งศีรษะแล้ว ข้าขอแนะนำให้ท่านกลับบ้านไปเลี้ยงดูบุตรหลานดีกว่า อย่าได้มายุ่งย่ามกับเรื่องราวของคนหนุ่มสาวอย่างพวกเราเลย”
ชายชราผมขาวหนวดขาวเงยหน้าระเบิดเสียงหัวเราะใส่ท้องฟ้า “เด็กน้อย ผมของเจ้าขาวยิ่งกว่าผมของข้าเสียอีก”
หลินเป่ยเฉินเดือดดาลขึ้นมาในทันใด
เขากระโดดเข้าไปกระแทกฝ่ามือใส่ชายชราผมขาวหนวดขาวพร้อมกับระเบิดพลังเต็มอัตรา หลังจากนั้น ชายชราก็ถูกตบหน้าอีกหลายฉาดด้วยความอำมหิตยิ่ง
การต่อสู้จบลง
แน่นอนว่าชายชราผมขาวหนวดขาวไม่ถึงขั้นเสียชีวิต
เพราะเขาทราบว่าตนเองไม่ใช่คู่มือของบุรุษหนุ่มผมขาวอวี้เหวินซิวเซียน ชายชราจึงรีบขอยอมแพ้โดยเร็ว
แต่สภาพของเขาตอนที่ขอยอมแพ้ก็ย่ำแย่มากแล้ว
ชินเซียนเฉิงสายลับรหัส 91 รู้สึกตกตะลึงไม่น้อย
อวี้เหวินซิวเซียนแข็งแกร่งยิ่งกว่าเมื่อวานเสียอีก
“ดูสิ คุณชายผมขาวชนะอีกแล้ว”
“จอมเทพอนันต์ย่อมผ่านรอบสอบได้ไม่มีปัญหา”
“อยู่ที่ว่าคู่ต่อสู้เป็นผู้ใด”
“ดูเหมือนคู่ต่อสู้ของเขาในรอบนี้จะเป็นผู้เฒ่าเต่าผมขาว”
“เฮอะ ผู้เฒ่าเต่าผมขาว ใคร ๆ ก็รู้ว่าตาแก่ผู้นี้เป็นเพียงเต่าหดหัวผู้หนึ่ง หาได้มีฝีมืออันใดไม่”
“ดูเหมือนผู้เฒ่าเต่าผมขาวจะไปพูดอะไรบางอย่างที่ทำให้คุณชายอวี้เหวินซิวเซียนโมโหขึ้นมาน่ะสิ”
“เจ้าจำการต่อสู้รอบที่แล้วได้หรือไม่? คู่ต่อสู้ของคุณชายอวี้เหวินซิวเซียนก็พูดในสิ่งที่ไม่สมควรพูดออกมาเช่นกัน สุดท้ายจึงต้องตายอย่างน่าอนาถเช่นนั้น”
“หรือว่าพลังของคุณชายผมขาวจะเพิ่มขึ้นตามแรงโทสะ?”
กลุ่มคนดูที่รับชมการประลองต่างก็อดอุทานออกมาไม่ได้
ชินเซียนเฉิงบันทึกภาพเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยความตื่นเต้น
นี่เป็นวัตถุดิบที่ดีเยี่ยม
อวี้เหวินซิวเซียนมีใบหน้าที่หล่อเหลา มีผมสีขาวราวหิมะ มีพลังการต่อสู้รุนแรงดุเดือด… นับเป็นองค์ประกอบสำหรับความโด่งดังอย่างแท้จริง
ชินเซียนเฉิงมั่นใจมากว่าด้วยฝีมือการถ่ายภาพและการตัดต่อของตนเอง ประกอบกับการสนับสนุนขององค์ชายหลง เขาก็จะทำให้บุรุษหนุ่มผมขาวผู้มีนามว่าอวี้เหวินซิวเซียนกลายเป็นผู้เข้าแข่งขันที่โด่งดังในชั่วข้ามคืนได้อย่างง่ายดาย
ในเวลาเดียวกันนี้
“หืม นี่หรือคือผู้เข้าแข่งขันที่หลิงหวงฉีสนับสนุน?”
บนเรือเหาะระดับสูงลำดับหนึ่ง บุรุษผู้มีผมสีแดงราวเปลวไฟลุกโชนกำลังยิ้มที่มุมปาก เขาเองก็เฝ้าดูการต่อสู้ของหลินเป่ยเฉินอยู่เช่นกัน บัดนี้ สายตาของเขาเป็นประกายระยิบระยับยิ่งนัก “ชักไม่ธรรมดาแล้วสิ”
“หลิงหวงฉีผู้นี้เป็นที่รู้กันดีว่าเป็นคนสนิทขององค์หญิงไข่มุกขาว ผู้เข้าแข่งขันที่ได้รับการสนับสนุนจากหลิงหวงฉีอาจจะเป็นองค์หญิงไข่มุกขาวเลือกมาด้วยตนเองก็เป็นได้” องค์ชายหลงที่ยืนอยู่ด้านข้างกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “สำหรับเผ่าพันธุ์มนุษย์ของพวกเรา การได้ครอบครองสตรีผู้หนึ่งนั้นไม่เพียงต้องครอบครองร่างกาย แต่ยังต้องครอบครองหัวใจให้ได้อีกด้วย”
บุรุษผมแดงกล่าวว่า “ช่างน่าตลกเสียจริง ข้าเคยบอกเจ้าหรือว่าข้าต้องการครอบครองหัวใจของนาง?”
องค์ชายหลงยิ้ม ไม่ตอบรับคำใด
“ข้าเพียงต้องการ... ทำลายหัวใจของนางเท่านั้น!”
บุรุษผมแดงเชิดหน้าขึ้น รอยยิ้มอำมหิตปรากฏขึ้นบนใบหน้า “การมีชีวิตที่ยืนยาวนั้นน่าเบื่อยิ่งนัก แต่ในที่สุดเผ่าพันธุ์มนุษย์ก็รู้จักที่จะทำอะไรแก้เบื่อบ้าง และยังมีอะไรน่าสนใจยิ่งไปกว่าการได้ครอบครองร่างกายของนางและทำลายหัวใจของนางทิ้งอีกเล่า?”
“แล้วแต่ท่านผู้อาวุโสจะจัดการเลยขอรับ”
องค์ชายหลงไม่ได้สนใจความเป็นความตายของหลิงเฉินแม้แต่น้อย “เพียงไม่ลืมข้อตกลงของพวกเราก็พอแล้ว”
“ฮ่า ๆๆ ข้าจะไปลืมได้อย่างไร”
บุรุษผมแดงอ้าปากหาว ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปข้างหน้า “ข้ากำลังจะต้องออกไปประลองแล้ว คืนนี้อย่าลืมส่งนางบำเรอมาให้ข้าสิบคนด้วยล่ะ… ข้ารู้สึกว่าตนเองชักจะเสพติดเสียงกรีดร้องและกลิ่นคาวเลือดของพวกนางซะแล้วสิ”
แล้วลมหายใจต่อมา บุรุษผมแดงก็ไปปรากฏตัวขึ้นบนสังเวียนต่อสู้ของหอคอยนักรบ
ทันใดนั้น บรรดาคนดูต่างก็หันมารับชมการถ่ายทอดสดจากหอคอยนักรบกันหมด
พวกเขารอคอยการปรากฏตัวของคนผู้นี้มานานแล้ว
“อสูรผลาญดารา ต่วนซิง”
“ในที่สุดก็ปรากฏตัวออกมาแล้วสินะ”
“ข้าได้ยินมาว่าเขาเป็นผู้ที่มีฝีมือแข็งแกร่งที่สุดในการประลองครั้งนี้ และแน่นอนว่าย่อมมีความแข็งแกร่งมากกว่าคู่แข่งของตนเองอย่างกงจักรนรกเฉินจิ้นเซิน ราชาทองคำจินโซว อสูรโลหิตทมิฬชิงอี้ ราชาฟ้ามืดเจี๋ยเซิง ราชาพายุคลั่งจูหร่ง และราชันปริศนาไร้นามอีกด้วย”
“ทุกครั้งที่ลงมือ ต่วนซิงจะดูดกลืนพลังจากคู่ต่อสู้ได้อย่างน่ากลัวยิ่งนัก แทบไม่มีผู้ใดรับมือการโจมตีของเขาได้เลย”
การพูดคุยในลักษณะนี้ดังขึ้นตามสถานที่ต่าง ๆ นับไม่ถ้วน
บนหน้าจอถ่ายทอดสดขณะนี้
อสูรผลาญดาราต่วนซิงซึ่งมีอายุที่แท้จริงหลายพันปีนั้นปรากฏตัวขึ้นในรูปลักษณ์ของบุรุษหนุ่มผมแดง ผู้มีสีหน้าเบื่อหน่ายชีวิต
คู่ต่อสู้ของเขาคือหนึ่งในตัวแทนจากราชวงศ์เกิงจิน
“เจ้าเป็นเพียงอสูรโสโครก มีค่าอันใดให้มาแต่งงานกับองค์หญิงไข่มุกขาวของพวกเรา…” นักแปรธาตุหนุ่มกล่าวด้วยความมั่นใจ น้ำเสียงแข็งกระด้าง ใบหน้ามุ่งมั่น เพียงเขายกมือโบกสะบัด รถม้าโลหะกับกำแพงทองคำก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้า เช่นเดียวกับหุ่นเหล็กที่คอยป้องกันกำแพงนั้น
ทุกสิ่งล้วนเป็นวัตถุเล่นแร่แปรธาตุระดับสูง
แต่ต่วนซิงเพียงส่ายศีรษะเล็กน้อย ดวงตาก็เป็นประกายด้วยความอำมหิต ก่อนสูดหายใจลึก
แล้วกำแพงทองคำ รถม้าโลหะรวมไปถึงหุ่นเหล็กเหล่านั้น พร้อมด้วยตัวของนักแปรธาตุหนุ่มเองก็ถูกต่วนซิงดูดพลังเข้าไปจนทุกสิ่งทุกอย่างสลายหายไปกลางอากาศ
“เอื๊อก”
อสูรผลาญดาราต่วนซิงเรอออกมาเล็กน้อยก่อนจะหมุนตัวเดินจากไป
การต่อสู้จบลงแล้ว
เมื่อบรรดาคนดูเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ทุกคนก็ต้องตกตะลึงไปตาม ๆ กัน
พวกเขาตกตะลึงที่พบว่าผู้แปรธาตุหนุ่มผู้มีพลังอยู่ในขั้นจอมเทพจักรานั้น ไม่สามารถรับมือกับอสูรผลาญดาราต่วนซิงได้เลยแม้แต่ลมหายใจเดียว
นับว่าต่วนซิงมีความน่าหวาดกลัวสมคำเล่าลือจริง ๆ
บังเกิดข่าวลือว่าต่วนซิงเป็นอสูรที่เหลือรอดมาจากยุคแห่งการล่มสลายครั้งที่สอง
แล้วผู้คนธรรมดาจะไปต่อสู้กับอสูรร้ายในตำนานเช่นนี้ได้อย่างไร?
หลินเป่ยเฉินขมวดคิ้ว มองบุรุษผมแดงที่เดินลงจากเวทีบนหน้าจอถ่ายทอดสดไปพร้อมกับพึมพำขึ้นมาว่า “คนผู้นี้มีบางอย่างคล้ายกับอากวง… แต่ท่าทางจะไม่ใช่คนดี เสี่ยวหวัง”
“ผู้ต่ำต้อยมาแล้วขอรับ นายท่านได้โปรดบัญชา”
หวังเฟิงหลิวปรากฏตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“ช่วยข้าสืบรายละเอียดเกี่ยวกับเจ้าหัวแดงผู้นี้หน่อยสิ ยิ่งมีรายละเอียดเยอะเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น”
หลินเป่ยเฉินรู้ดีว่าหากตนเองต้องการชนะการประลองในครั้งนี้ เขาจะประมาทไม่ได้เป็นอันขาด โบราณเคยมีคำกล่าวเอาไว้ว่ารู้เขารู้เรารบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ดังนั้นข้อมูลของผู้ที่จะกลายเป็นคู่แข่งของเขาจึงเป็นสิ่งที่มองข้ามไม่ได้เป็นอันขาด
การประลองยังคงดำเนินต่อไป
ในหอคอยนักรบ ผู้เข้าแข่งขันต่างทยอยขึ้นประลอง
ในกลุ่มผู้เข้าแข่งขันชุดหลัง ราชันปริศนาไร้นามคือผู้ที่ได้รับความสนใจมากที่สุด ตัวตนของคนผู้นี้มีความลึกลับมากพอ ๆ กับชื่อเสียงเรียงนามของเขา ร่างของราชันปริศนาไร้นามถูกปกคลุมด้วยแสงสว่างและเงามืดตลอดเวลา ทำให้มองไม่เห็นรูปโฉมที่แท้จริง ยามเผชิญหน้ากับฝ่ายตรงข้าม เพียงลงมือกระบวนท่าเดียว เขาก็สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้โดยไม่ต้องฆ่าทิ้ง
และบรรดาคนดูต่างก็เห็นชัดถึงกระบวนท่าของราชันปริศนาไร้นาม
เป็นกระบวนท่าที่เรียบง่าย แต่ได้ผลอย่างน่ามหัศจรรย์
จนเกิดข่าวลือว่ามีแต่การได้เผชิญหน้ากับราชันปริศนาไร้นามเท่านั้น ผู้คนจึงจะรู้ซึ้งถึงความน่ากลัวของกระบวนท่าที่เรียบง่ายเหล่านั้น
ผู้คนต่างก็พากันสงสัยใจว่าหากอสูรผลาญดาราต่วนซิงมาเผชิญหน้ากับราชันปริศนาไร้นาม ผู้ใดจะเป็นฝ่ายชนะ?