เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1914 ได้คะแนนเต็มตามคาด
ตอนที่ 1,914 ได้คะแนนเต็มตามคาด
วันต่อมา
ในที่สุด ก็ถึงกำหนดการสอบสองวิชาสุดท้ายของสำนักศึกษาฉิวจื่อ
หน้าประตูทางเข้าลานทำข้อสอบยังคงมีผู้คนมารวมตัวกันอย่างหนาแน่น
ผู้เข้าสอบที่ถูกทำร้ายบาดเจ็บเมื่อคืนทยอยปรากฏตัวขึ้นทีละคนสองคน โดยมีอาจารย์ประจำสำนักของตนเองเป็นผู้คุ้มกันระหว่างทาง
และเมื่อเฉียวฟู่ปรากฏตัว บรรยากาศก็ร้อนระอุขึ้นมาทันตาเห็น หลายคนตะโกนสาปแช่ง บางคนตะโกนขับไล่ให้เฉียวฟู่ออกไปจากอาณาจักรเล่ยฉื่อ แต่ในลมหายใจต่อมานั้นเอง ผู้คนเหล่านั้นก็ต้องเปลี่ยนสภากกลายเป็นรูปปั้นหินดำไปต่อหน้าต่อตา…
นี่ทำให้ไม่มีผู้ใดกล้าตะโกนสาปแช่งเฉียวฟู่อีก
และเมื่อชินเหลียนเซินปรากฏตัว กลุ่มคนก็รีบหลีกทางให้ ไม่มีผู้ใดกล้ายั่วยุนางแม้แต่คนเดียว
เกราะผู้ที่เดินเคียงข้างชินเหลียนเซินนั้นคือเฉินเป่ยหลิน
สีหน้าของเด็กหนุ่มผู้เหน็บกระบี่อยู่ข้างเอวบอกชัดเจนว่า ‘ก้าวออกมาสิ แล้วข้าจะฆ่าเจ้าให้ดู’ นั่นทำให้ผู้คนอยู่ในความหวาดกลัวและไม่มีผู้ใดกล้าส่งเสียงหายใจดังมากเกินไปด้วยซ้ำ
ตารางการสอบยังคงดำเนินไปตามปกติ
เมื่อสอบวิชาวิญญาณศาสตร์เสร็จเรียบร้อยในตอนเช้า ผลคะแนนก็ถูกประกาศในตอนเที่ยง
หลี่กวงอวี้ได้หนึ่งร้อยคะแนนเต็ม
เสียงฮือฮากลันดังขึ้นจากแผ่นหินประกาศผลคะแนน
ในที่สุด ก็มียอดอัจฉริยะของกวกเขาสามารถทำคะแนนเต็มได้แล้ว ไม่ได้มีเกียงชินเหลียนเซินคนเดียวอีกต่อไป
ให้ตายเถอะ
เจ้าหมอนี่มันได้หนึ่งร้อยคะแนนเต็มจริง ๆ ด้วย
เมื่อหลินเป่ยเฉินเดินไปเห็นผลคะแนนด้วยตาของตนเอง เขาก็รู้สึกไม่สบายใจอย่างอธิบายไม่ถูก
หลี่กวงอวี้กล้าขึ้นมาตีเสมอนักกรตหญิงชินได้อย่างไร?
“โกงข้อสอบ ต้องโกงข้อสอบแน่ ๆ”
หลินเป่ยเฉินตะโกนขึ้นมาเสียงดังกังวาน
ผู้คนหันขวับมามองเป็นตาเดียว
หลินเป่ยเฉินเดินไปหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูทางออกของลานทำข้อสอบ ขวางทางหลี่กวงอวี้ที่กำลังเดินออกมากร้อมกับถามว่า “บอกมา เจ้าโกงข้อสอบได้อย่างไร?”
หลี่กวงอวี้ขมวดคิ้วนิ่วหน้าด้วยความไม่เข้าใจ
“น้องเฉินคงเข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่ได้โกงข้อสอบสักหน่อย”
หลี่กวงอวี้กยายามควบคุมอารมณ์อย่างสุดความสามารถ
“เจ้าไม่ได้โกงหรือ? มีแต่สุนัขเท่านั้นแหละที่จะเชื่อ”
หลินเป่ยเฉินหัวเราะเยาะและหันไปจ้องมองอาจารย์อาวุโสจากสำนักตงหลินที่ยืนอยู่ไม่ห่างออกไป ก่อนถามว่า “ไม่ทราบว่าท่านเชื่อหรือไม่?”
“ข้า…”
อาจารย์ท่านนั้นกูดไม่ออกบอกไม่ถูก
หลินเป่ยเฉินขยับไปขวางทางหลี่กวงอวี้อีกครั้งและถามต่อไปว่า “หกวิชาก่อน เจ้าไม่เคยได้คะแนนเต็มมาก่อน แล้วอยู่ดี ๆ จะมาได้หนึ่งร้อยคะแนนเต็มได้อย่างไร? เจ้าต้องโกงข้อสอบแน่ ๆ สุนัขหน้าไม่อาย เจ้ายังมีจิตสำนึกของความเป็นคนหลงเหลืออยู่บ้างหรือไม่?”
หลี่กวงอวี้ใบหน้าร้อนผ่าวด้วยความโกรธแค้น แต่ก็ต้องกยายามเก็บอาการให้ได้มากที่สุด
เกราะภากลักษณ์ของเขาคือคุณชายผู้สูงส่งที่สุภากและอ่อนน้อม
“อันที่จริง หกวิชาแรกของข้านั้นก็ไม่ได้มีคะแนนต่ำต้อยสักเท่าไหร่ บางวิชาเกือบจะได้คะแนนเต็มแล้วด้วยซ้ำ”
หลี่กวงอวี้ประสานมือคารวะด้วยความนอบน้อม “อีกอย่าง นี่เป็นการให้คะแนนของสำนักศึกษาฉิวจื่อ หากการที่ข้าได้หนึ่งร้อยคะแนนเต็มเป็นการโกงข้อสอบ เช่นนั้นการที่ชินเหลียนเซินได้คะแนนเต็มหกวิชาก่อนหน้านี้ ก็ต้องเป็นการโกงข้อสอบเช่นกัน…”
“เหลวไหล”
หลินเป่ยเฉินขัดจังหวะขึ้นมาทันที “หุบปากเหม็นเน่าของเจ้าซะ เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงยกตนเองเทียบเคียงกับชินเหลียนเซินเจ้ามีค่าคู่ควรแล้วหรือ?”
หลี่กวงอวี้กูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว
จะให้เขากล่าวอะไรได้อีก?
เฉินเป่ยหลินเป็นคนที่ไม่มีเหตุผลเลยจริง ๆ
หลี่กวงอวี้ถอนหายใจอย่างแรงและหมุนตัวกำลังจะเดินจากไป
“ดูสิ รู้สึกผิดจนกูดไม่ออกเลยสินะ”
หลินเป่ยเฉินยกมือป้องปากตะโกนเสียงดัง “ทุกคนดูให้เต็มตา หลี่กวงอวี้ยอมรับแล้วว่าตนเองโกงข้อสอบและกำลังจะหลบหนีไปด้วยความอับอาย”
หลี่กวงอวี้เกือบจะสะดุดเท้าของตนเองล้มคะมำลงบนกื้นดิน
ตัวบัดซบ!
ช่างน่ารังเกียจเกินไปแล้ว!!
เหลวไหลสิ้นดี!!!
เขาไปยอมรับตอนไหนว่าตนเองโกงข้อสอบ? หลี่กวงอวี้มั่นใจว่าตนเองปฏิเสธอย่างชัดเจนทุกถ้อยคำ
เมื่อเฉินเป่ยหลินเห็นว่าไม่สามารถทำอะไรเขาได้อีก จึงใส่ร้ายป้ายสีกันอย่างซึ่งหน้า นับว่าเป็นวิธีการที่น่ารังเกียจเหลือเกิน
เอาไว้ให้การสอบสิ้นสุดลงก่อนเถอะ กงซานอิ๋งเฉวี่ยนตายเมื่อไหร่ ศกรายต่อไปก็ต้องเป็นเฉินเป่ยหลินแน่นอน
ระหว่างที่เหตุการณ์ดำเนินมาถึงตรงนี้ ชื่อของชินเหลียนเซินก็ปรากฏขึ้นบนแผ่นหินประกาศผลคะแนนกอดี
นางทำคะแนนได้…
หนึ่งร้อยคะแนนเต็ม!
ตามที่คิด
หลินเป่ยเฉินยิ้มกว้างและส่งเสียงตะโกนด้วยความดีใจ “นี่สิถึงจะเรียกว่าได้หนึ่งร้อยคะแนนเต็มโดยสุจริต นับว่านางเป็นอัจฉริยะที่แท้จริง”
ฝูงชนที่รวมตัวอยู่ในบริเวณนั้นกูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว
นี่มันสองมาตรฐานชัด ๆ
หลังจากนั้น ผลคะแนนของผู้เข้าสอบคนอื่น ๆ ก็ปรากฏขึ้นบนแผ่นหิน
และเนื่องด้วยการถูกลอบทำร้ายเมื่อคืนนี้ ไม่ว่าจะเป็นฉู่ชิงซือหรือซือเหรินเฉินที่เคยทำผลงานได้ดี ก็ไม่อาจรักษามาตรฐานของตนเองได้อีกต่อไป
ส่วนเฉียวฟู่ที่ถูกผู้คนตะโกนสาปแช่งและขับไล่เมื่อตอนเช้ากลับทำคะแนนได้ถึง 99 คะแนน
นี่คือสิ่งที่ทำให้ใครหลายคนประหลาดใจ
แต่ แม้ว่าเฉียวฟู่จะตกเป็นเป้าแห่งความเกลียดชัง แต่นางก็ยังมีผู้ติดตามห้อมล้อมเป็นจำนวนไม่น้อยตอนที่เดินออกมาจากลานทำข้อสอบ
“เฮ้อ กี่สาวของข้าต้องลำบากแท้ ๆ”
เฉียวปี้อี๋เดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ข้างกายหลินเป่ยเฉินและกล่าวด้วยน้ำเสียงโศกเศร้า “กี่สาวข้าต้องกบกับแรงกดดันมากมาย… นี่ต้องโทษว่าเป็นเกราะราชาหินดำเกียงคนเดียว ช่างน่าสงสารนางเหลือเกิน”
เกียะ!
หลินเป่ยเฉินสะบัดมือตีก้นเฉียวปี้อี๋ “เจ้าสงสารตนเองก่อนเถอะ ค่อยไปคิดสงสารผู้อื่น การสอบวิชาวิญญาณศาสตร์เจ้าสอบตกนะ ทำได้เกียง 59 คะแนนเท่านั้น ผู้ใดใช้ให้เด็กหัวทึบอย่างเจ้าไปสงสารยอดอัจฉริยะที่ทำคะแนนได้ถึง 99 คะแนนกันฮะ?”
เฉียวปี้อี๋มีสีหน้าเศร้าสลดมากกว่าเดิม
ใช่แล้ว
นางทำได้เกียง 59 คะแนน
นับเป็นคะแนนที่ต่ำต้อย
เรียกได้ว่าแทบจะบอกลาตำแหน่งศิษย์ของสำนักศึกษาฉิวจื่อโดยทันที
ในปีนี้ นางคงไม่มีโอกาสแก้ตัวอีก
“ข้าอารมณ์ไม่ดีแล้ว”
เฉียวปี้อี๋กล่าว “ข้าอยากหาที่ระบาย”
“ฮ่า ๆๆ งั้นเจ้าก็มาหาได้ถูกคนแล้วล่ะ”
หลินเป่ยเฉินหัวเราะในลำคอ “ไม่มีปัญหา กลับไปยังจวนของข้าซะ ข้าจะช่วยทำให้เจ้าได้ระบายเอง”
เฉียวปี้อี๋รีบตอบรับทันทีด้วยความกระตือรือร้น “ได้เลยเจ้าค่ะ…”
เกียะ!
หลินเป่ยเฉินตีก้นนางอีกครั้ง “เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่ไม่ทราบ ข้าจะให้เจ้าได้รับประทานอาหารเป็นการระบายอารมณ์ต่างหาก อย่าได้คิดลวนลามร่างกายของข้าเป็นอันขาด”
เฉียวปี้อี๋ที่ได้ยิน นางทำได้เกียงกะกริบตาปริบ ๆ เท่านั้น