เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ - ตอนที่ 986 สร้างโอกาสให้เขาฟรีๆ
บทที่986 สร้างโอกาสให้เขาฟรีๆ
ในตอนที่หานมู่จื่อกับเย่โม่เซินกลับมา และเตรียมที่จะถอดรองเท้า กลับพบรองเท้าของเสี่ยวเหยียนถอดสะเปะสะปะ เธอตะลึงงัน ดูท่ายัยหนูนี่เพิ่งวิ่งออกไปแล้วกลับเข้ามา
เธอถอนหายใจเบาๆ จากนั้นจึงค้อมตัวหยิบรองเท้ามาวางที่ชั้น จากนั้นจึงเข้าไป
เย่โม่เซินกับหานชิงเปลี่ยนรองเท้าตามเข้าไป
ราวกับว่าคิดอะไรออก หานชิงพูดกับน้องสาวตัวเองว่า“เดี๋ยวพี่จะเก็บของออกไป พรุ่งนี้ต้องรีบไปขึ้นเครื่องบิน”
ฟังพูด หานมู่จื่อจึงชะงักฝีเท้า รู้สึกประหลาด“คืนนี้ก็ออกไปแล้วเหรอคะ รีบไปขึ้นเครื่องบินก็ไม่ต้องเช้าขนาดนี้นี่นา”
ในตอนที่พูดคำนี้ สีหน้าของเธอแสดงความอาลัยอาวรณ์
พี่ชายกว่าจะมาได้ในครั้งนี้ แต่เพราะรอบนี้เธอมีธุระเยอะเกินไปเลยไม่มีเวลาเป็นเพื่อนพี่ชายสักเท่าไหร่ แล้วก็ไม่ได้พาเขาเที่ยวด้วย รู้สึกแย่จัง
ตอนนี้เธออุตส่าห์ตั้งตัวได้ คิดไม่ถึงว่าหานชิงจะกลับไป
นอกจากนี้ ไม่อยู่ต่อแม้แต่คืนเดียว
พอเห็นสีหน้าเสียดายของน้องสาว หานชิงจึงมองเธอด้วยแววตารักใคร่ อดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปขยี้หัวเธอเบาๆ
“ไม่อยากให้พี่ไปเหรอ”
พอเห็นฉากนี้ เย่โม่เซินแววตาเป็นประกาย เขาหรี่ตาด้วยแววตาอันตราย
แม้ว่าเขาจะรู้ว่าหานชิงเป็นพี่ชายของหานมู่จื่อ แต่ในสายตาของเขาหานชิงก็คือผู้ชายคนหนึ่ง ขยี้หัวภรรยาเขาด้วยความสนิทสนม แบบนี้……
เขารู้สึกไม่สบอารมณ์มาก
แต่ว่า ในใจเย่โม่เซินรู้สึกไม่สบอารมณ์เข้าแล้ว
แต่พอเห็นเมียตัวเองแสดงสีหน้าอาลัยอาวรณ์ เขาจึงได้แต่เก็บอารมณ์ไว้
ช่างเถอะ ญาติกัน
ก่อนที่เธอจะแต่งกับเขา ญาติพี่น้องก็คือคนที่เธอฝากชีวิตไว้มากที่สุด อีกอย่างหานชิงจะไปพรุ่งนี้แล้ว เขาจะไปถือสาหาความอะไร
“พี่คะ พี่เพิ่งมาได้ไม่กี่วันเอง ไม่กี่วันนี้ฉันยุ่งมาก เลยไม่ได้ต้อนรับพี่เลย……”
ในใจเธอ รู้สึกผิดนัก
“ยัยบ๊องส์เอ๊ย”หานชิงยิ้มน้อยๆ“ฉันเป็นพี่เธอนะ ไม่มีเวลาต้อนรับก็ไม่ต้องต้อนรับสิ อีกอย่าง……ได้มาเห็นครอบครัวเธอพร้อมหน้าพร้อมตา พี่ก็ถือว่าไม่ได้มาเปล่าแล้ว”
พูดจบ จึงเก็บมือเข้าไป“เอาล่ะ เข้าไปเถอะ”
เซียวซู่ยังคงยืนที่เดิม ไม่นานก็ได้ยินเสียงฝีเท้า จากนั้นพวกหานมู่จื่อก็เข้ามา
แววตาทั้งสามคนมองปราดดูเซียวซู่ทั้งตัว
ทั้งสามคนต่างรู้สึกประหลาดใจ พอเห็นใบหน้าของเซียวซู่มีรอยฝ่ามือ หานมู่จื่อตกตะลึง ออกปากถามอย่างเซ่อ“เกิดอะไรขึ้นเหรอ เซียวซู่……หน้าของคุณ……”
เซียวซู่ชะงัก ถึงได้สติขึ้นมาว่าบนใบหน้ามีรอยฝ่ามือ
เมื่อกี้เสี่ยวเหยียนตบลงมาทีไม่เบา ต่อให้เขาเป็นผู้ชาย ผิวหน้าหนาหน่อย ก็ยังรู้สึกเจ็บ ได้ขนาดนี้
หานชิงจ้องเขม็งไปที่รอยฝ่ามือ แววตาที่เรียบง่ายในตอนแรกค่อยๆลุ่มลึกขึ้น
“ไม่มีอะไร”เซียวซู่เปิดปากอธิบายเบาๆ สายตาโฉบไปบนหน้าหานชิง หลังจากที่สายตาคนทั้งคู่จับจ้องกันอย่างว่างเปล่า จึงแยกออกจากกัน
“……”หานมู่จื่อไม่เชื่อว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่เซียวซู่คงจะกลัวว่าคนอื่นๆจะคิดมาก แล้วเสี่ยวเหยียนจะโกรธเอา ก็เลยพูดต่อ“คนบางคนเมาแล้วอาละวาดก็แค่นั้น”
เสี่ยวเหยียนไม่อนุญาตให้เขาพูดเรื่องนี้ออกไป แต่รอยฝ่ามือที่ประทับอยู่บนหน้ายังคง ปิดไม่มิด
ไม่พูดอะไรทั้งสิ้น ยิ่งจะทำให้คนอื่นคิดมากไปใหญ่ สู้อธิบายออกมาสักคำไม่ได้
เสี่ยวเหยียนดื่มเหล้า เมาแล้วอาละวาด ก็เลยตบหน้าเขาฉาดใหญ่ คำอธิบายแบบนี้ชัดเจนดี
“เมาแล้วอาละวาดเหรอ”หานมู่จื่อฟังแล้วอดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้“เกิดอะไรขึ้น เธอเพิ่งหายป่วยได้ไม่นาน ทำไมถึงกลับมาดื่มเหล้าอีกล่ะ ตกลงเธอไม่รักสุขภาพตัวเองเลยหรือไง”
เซียวซู่ยิ้มเล็กน้อย ยักไหล่แสดงว่าเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน
หานชิงกลับไปเก็บของโดยที่ไม่พูดอะไรเลย
ห้องโถงเงียบสนิท หานมู่จื่อมองดูรอยฝ่ามือที่ชัดแจ้งบนใบหน้าของเซียวซู่ อดพูดขึ้นไม่ได้“เสี่ยวเหยียนก็เมาอาละวาดหนักไปหน่อยนะ ฉันไปเอาน้ำแข็งมาประคบบวมให้”
หานมู่จื่อกำลังเตรียมจะก้าวขาออกไป แต่เย่โม่เซินกลับดึงมือเธอไว้ เธอหันกลับ“เกิดอะไรขึ้น”
“พี่ชายคุณจะไปโรงแรมไม่ใช่เหรอ ไปคุยเป็นเพื่อนเขาหน่อยสิ”เย่โม่เซินมองเธออย่างอ่อนโยน ยื่นมือออกไปขยี้หัวตำแหน่งเดิมที่หานชิงขยี้ หลังจากที่ขยี้หัวเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกแล้วจึงชักมือกลับ“ไปเถอะ ที่นี่มอบให้ผมจัดการ”
หานมู่จื่อมักจะรู้สึกว่าอากัปกิริยาเมื่อครู่ของเขาประหลาดเหลือเกิน แต่คิดไปคิดมาก็คิดว่าไม่มีอะไรน่าพูดถึง เธอจึงได้แต่พยักหน้า“งั้นก็ได้ค่ะ ฉันไปคุยเป็นเพื่อนพี่ชายก่อนแล้วกัน เดี๋ยวค่อยกลับมา”
“อืม”
หลังจากที่หานมู่จื่อจากไป เย่โม่เซินจึงมองส่งเธอเข้าห้อง แล้วจึงมองมาที่เซียวซู่ ถามขึ้นเสียงหนึ่ง“ผิดหวังเหรอ”
“……”เซียวซู่
เขาอดไม่ได้ที่จะเงยหน้ามองคุณชายเย่ของเขา ราวกับว่าเห็นอะไรบางอย่างในแววตา ดำขลับของเขา ตอนนั้นเซียวซู่อึดอัดบอกไม่ถูก
ก่อนหน้านี้เห็นชัดๆว่าตอนที่เย่โม่เซินอยู่กับคุณนายน้อยกระทบกระทั่งกันออกบ่อย แต่ตอนนี้เขาสูญเสียความทรงจำ ก็เลยจะมาหัวเราะเยาะตัวเองเอาง่ายๆแบบนี้เหรอ
เดิมทีในใจก็ไม่ค่อยสบอารมณ์อยู่แล้ว เซียวซู่ก็เลยไม่ตอบคำถามเย่โม่เซินเอาดื้อๆเสีย เลย
เย่โม่เซินคิ้วกระตุก ริมฝีปากเชิดขึ้นเล็กน้อย“ยังมีโอกาส”
โอกาสเหรอ
พอเซียวซู่ได้ฟังสองคำนี้ก็รู้สึกมืดบอด
ถ้าคืนนี้เขาไม่ได้ทำเรื่องพรรคนี้ เขาอาจจะยังมีโอกาสอยู่บ้าง
แต่ว่าตอนนี้เสี่ยวเหยียนคงจะเกลียดเขาแล้วแน่นอน ต่อไปเจอเขาก็คงจะเหมือนแมวหลบหนู พูดให้ถูกคือ เกลียดเข้าไส้
เป็นไปได้ไง……ยังจะมีโอกาสอีกหรือ
“คุณชายเย่……”เซียวซู่เงียบอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้น“ผมไม่ฝืนแล้วดีกว่า บางคนอาจจะไม่ใช่ของผม”
ผ่านไปตั้งหลายปี ถ้าเขากับเสี่ยวเหยียนมีบุญสัมพันธ์กันจริง ระหว่างพวกเขาคงจะไม่เป็นแบบนี้
ฟังที่พูด รอยยิ้มในแววตาของเย่โม่เซินหายไปกว่าครึ่ง เขามองเซียวซู่อย่างดูแคลน“เจออุปสรรคหน่อยก็ยอมแพ้แล้ว งั้นก็ล้มเลิกเถอะ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาคนอื่นเขา”
เซียวซู่“คุณชายเย่……”
ในคืนนี้ เขาสร้างโอกาสให้เขาฟรีๆเสียแล้ว
“โง่เง่า”เย่โม่เซินโยนออกไปคำหนึ่ง แล้วพูดเสียงเย็นชา“ของที่ตัวเองอยากได้ ก็ต้องไขว่คว้า ถ้าไม่แม้แต่จะไขว่คว้า นับเป็นผู้ชายประสาอะไร”
เซียวซู่“……”
คุณชายเย่ของเขาพูดเข้าทีได้ตั้งแต่เมื่อไหร่ นี่คือกำลังสอนเขาจีบสาวอยู่เหรอ เซียวซู่รู้สึกเหมือนว่าตัวเองโดนเปลี่ยนโฉมใหม่ เขามองเย่โม่เซินอย่างประหลาดใจ
“ไปหาตู้เย็นเองไป ทุเรศ”
พอเย่โม่เซินพูดคำนี้ออกไป จึงเริ่มถอดเสื้อโค้ทออก จากนั้นเดินไปทางห้องนอน
เซียวซู่นั่งตัวตรงอยู่ตรงโซฟา เขาไม่ได้ลุกไปที่ตู้เย็น
รอยฝ่ามือนี้……ทิ้งมันไว้แบบนั้นแหละ
อย่างไรเสีย ก็นับว่าเป็นของที่เสี่ยวเหยียนให้เขา