เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ - ตอนที่ 714 ชีวิตคนเป็นเรื่องสำคัญ
บทที่714 ชีวิตคนเป็นเรื่องสำคัญ
หลังจากได้เห็นรูปภาพ ในตอนแรกชายคนนั้นเพียงแค่ประหลาดใจ เพราะชายหนุ่มในรูปมีใบหน้าที่หล่อเหลา ออร่าเยือกเย็น
แม้ว่าเป็นเพียงแค่รูปภาพรูปเดียว แต่ความมีอำนาจที่ปกคลุมอยู่บนตัวเขา ออร่าเฉยชาที่แผ่ไปทั่วกลับพัดตีมา ราวกับชายคนนี้ยืนอยู่ตรงหน้าเขา
ที่สำคัญที่สุดคือ ใบหน้าของชายคนนี้คุ้นตามา
“นี่…..นี่คือ? ”
ปฏิกิริยาที่แปลกไปนี้ ทำให้มู่จื่อคิดว่าเขารู้จักเย่โม่เซิน กระทั่งอยู่ในหมู่ผู้รอดชีวิตที่พากลับมา
ชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ข้างเขาเหลือบมองมาทางนี้อย่างไม่ตั้งใจ พอมองแล้วดวงตาก็เบิกกว้างอย่างไม่รู้ตัว “นี่ นี่คือคุณชายเย่ไม่ใช่เหรอ? ”
มีคนรู้จักเขา? หานมู่จื่อหันไปทางเขาด้วยแววตามีความหวัง แต่ผู้ชายที่พูดคุยกับหานมู่จื่อเมื่อครู่นี้ก็เคาะหัวไปหนึ่งที ราวกับนึกอะไรได้ในทันใด
“ฉันก็ว่าทำไมคุ้นตาขนาดนี้ พอถูกนายเรียก ก็นึกออกขึ้นมาเลย นี่คือคุณชายเย่ไม่ใช่เหรอ? ” เขามีอารมณ์ตื่นเต้นเล็กน้อย แต่ไม่นานก็ตระหนักได้ถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้ แววตาและสีหน้าก็กลายเป็นหนักอึ้งในทันที
เขาเงยหน้าขึ้นมองไปที่หานมู่จื่ออีกครั้ง น้ำเสียงแหบแห้งเล็กน้อย
“คุณผู้หญิง คุณคงไม่หมายถึง…..คุณชายเย่ก็นั่งเครื่องบินลำนี้มาหรอกนะ? ”
คำพูดเดียว ทำให้แสงไฟในดวงตาของหานมู่จื่อดับวูบในทันที ตอนที่เห็นการแสดงออกของพวกเขาก่อนหน้านี้ เธอยังนึกว่าหาเย่โม่เซินเจอแล้ว อีกเดี๋ยวเธอก็จะได้เจอเขา
แต่ว่าตอนนี้พวกเขาทั้งสองกลับถามตัวเธอ ว่าเย่โม่เซินก็ขึ้นเครื่องบินลำนี้เหรอ?
เธอจะตอบยังไง? เธอหวังจริงๆ ว่าเย่โม่เซินไม่ได้ขึ้นเครื่องบินลำนี้…..
ไม่อย่างนั้น…..
ร่างผอมบางของหานมู่จื่อสั่นไหวท่ามกลางเงาแสงไฟ แทบจะทรุดลงไปข้างหน้า โชคดีที่หานชิงคว้าเธอไว้ เม้มริมฝีปาก แล้วพูดเสียงนิ่ง“ดูเหมือนพวกเขาจะยังหาเย่โม่เซินไม่พบ มู่จื่อ พวกเราอยู่ที่นี่ไปก็ช่วยอะไรไม่ได้ สู้ไปหาที่พักใกล้ๆ ก่อนดีกว่า พักผ่อนสักคืน แล้วรอฟังข่าว”
ตรงข้ามกับแสงไฟ สีหน้าของหานมู่จื่อมีความซีดขาว เธอกัดริมฝีปากล่างแล้วออกแรงส่ายหัว
เห็นได้ชัดว่าน้ำตาได้มารวมกันอยู่ที่เบ้าตาแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ไหลลงมา ดวงตาแดงก่ำเหมือนอะไรบางอย่าง แต่หานมู่จื่อก็ยังกัดริมฝีปากอย่างเอาเป็นเอาตาย ส่ายหัว ไม่ส่งเสียง
ราวกับเด็กที่เอาแต่ใจ
หานชิง “…..”
เขาได้เพียงถอนหายใจในใจ มองไปที่คนตรงข้าม
คุณลุงวัยกลางคนมีปฏิกิริยากลับมา หลังจากส่งสายตาให้พนักงานข้างตัว ก็ดูเหมือนอดไม่ได้ที่จะเปิดปาก
“คุณนายน้อยคุณชายเย่ อันที่จริงคุณไม่ต้องกังวล เท่าที่ผมรู้ คุณชายเย่เป็นคนที่ฉลาดมาก วันนี้พวกเราเจอผู้รอดชีวิตหลายคนมาก ในบรรดานั้นมีคนชรา เด็กน้อย พวกเขาต่างเอาชีวิตรอดมาได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนที่เก่งกาจอย่างคุณชายเย่ ต้องไม่มีเรื่องเกิดขึ้นแน่นอน”
“ใช่แล้ว”
อีกคนหนึ่งที่ฟังอยู่ ก็พูดขึ้นเช่นกัน “คุณชายเย่เป็นคนมีความสามารถ คุณวางใจเถอะ ไปหาที่พักผ่อนสักคืนก่อน ไม่แน่ว่าพรุ่งนี้พวกเราก็หาเขาเจอแล้ว”
หานมู่จื่อไม่พูดอะไร ยังคงยืนอยู่ตรงนั้น ร่างที่ผอมเพรียวกลับมีแรงจนทำให้คนแปลกใจ
การค้นหากู้ภัยท่ามกลางผืนทะเลที่เชี่ยวกรากนี้ เป็นเรื่องที่อันตรายมาก
ยิ่งไม่ต้องพูดถึง กลางคืนดึกดื่นแล้ว รอบด้านเห็นได้ไม่ชัดเจน
หากค้นหาต่อไป ก็อาจหาคนไม่เจอ ถ้าเจอเข้ากับอันตรายหรือความยากลำบาก คนในทีมค้นหากู้ภัยก็อาจเอาชีวิตไปทิ้ง
ดังนั้น ในเวลาที่ดึกดื่นมืดมิด สมาชิกทีมค้นหากู้ภัยจึงเดินทางกลับมา
แน่นอนว่า ได้พาผู้รอดชีวิตที่โชคดีบางส่วนกลับมาด้วย
หานมู่จื่อยังคงไม่ไปไหน หานชิงก็ไร้หนทาง และไม่สามารถบังคับพาเธอไปได้ ได้เพียงอยู่เป็นเพื่อนเธอ ให้ซูจิ่วคิดหาวิธีเอาน้ำร้อนมาให้เธออุ่นท้อง
อาจเพราะรู้ว่าต้องกักเก็บเรี่ยวแรงไว้ ดังนั้นหานมู่จื่อจึงไม่ได้ปฏิเสธของที่หานชิงให้คนส่งมาให้ ให้อะไรก็กินอันนั้น เพียงแต่ของที่กินเข้าไปต่างก็เหมือนกับเป็นอาหารที่ไร้รสชาติ
สภาพแบบนี้ ยิ่งทำให้คนที่เห็นทุกข์ใจ
เมื่อสมาชิกในทีมค้นหากู้ภัยขึ้นฝั่งมา หานมู่จื่อที่นั่งกินอาหารอยู่ก็ทิ้งสิ่งที่อยู่ในมือทันที ยกกระโปรงขึ้นแล้วรีบวิ่งออกไป
“มู่จื่อ ระวังหน่อย!”
หานชิงเห็นเธอโซซัดโซเซจะวิ่งไปข้างหน้า ระหว่างนั้นแทบจะสะดุดกระโปรงของตัวเอง สีหน้าที่ตื่นตกใจของหานชิงซีดขาว ลุกขึ้นคว้าเธอไว้
หลังจากคนในทีมค้นหากู้ภัยขึ้นฝั่ง เงยหน้ามาเห็นคนสวมชุดแต่งงาน ผิวพรรณขาวนวล บอบบางละเอียดอ่อนสวยงาม ถึงแม้การแต่งกายกับเครื่องสำอางจะเลอะเทอะ แต่เธอขาวราวกับแสงไฟเดินอยู่ในคืนมืดมิด ดูแล้วเหมือนเธอมีแสงในตัวเอง
“ขอโทษนะคะ สามีของฉันก็นั่งเครื่องบินลำนี้ ฉันอยากหาดูว่ามีเขาไหม”
หลังจากหานมู่จื่อโผเข้าไปก็ออกตัวอธิบายก่อน
คนกลุ่มนั้นเข้าใจชัดเจน หนึ่งในนั้นพยักหน้าพร้อมพูดว่า “ถ้าคุณอยากตามหาก็ไปโรงพยาบาลใกล้เคียงกับพวกเราเถอะ ในบรรดาคนเหล่านี้มีคนสำลักน้ำ มีคนตื่นตระหนก รวมๆ แล้วอยู่ในสภาวะที่ไม่สู้ดี หลังจากหมอด้านนอกทำการช่วยเหลือฉุกเฉินเบื้องต้นแล้ว คนเหล่านี้จะถูกส่งไปที่โรงพยาบาล”
อีกฝ่ายพูดขนาดนี้แล้ว หานมู่จื่อก็เข้าใจได้เอง ผู้รอดชีวิตเหล่านี้พึ่งได้รับการช่วยเหลือ ตอนนี้ยังวนเวียนอยู่ในเขตความตายเป็นธรรมดา ถ้าในตอนนี้เธอเข้าไปจะทำให้พวกเขาล่าช้า จึงได้เพียงพยักหน้า
“โอเค งั้นฉันไปโรงพยาบาล”
“ขอบคุณครับที่เข้าใจ”
หานมู่จื่อได้เพียงถอยไปสองสามก้าว แล้วหันตัวเดินตามหานชิงไปรอด้านนอก
เพราะดึกมากแล้ว ก่อนสมาชิกทีมค้นหากู้ภัยจะไป ทางการก็ให้คนมาปิดกั้นพื้นที่ตรงนี้ ก่อนฟ้าสว่างไม่อนุญาตให้ใครเข้าใกล้
อาจเป็นเพราะการมาถึงของหานมู่จื่อทำให้พวกเขาตระหนักได้ หลังจากนี้อาจมีญาติมิตรของผู้ประสบอุบัติเหตุหาที่นี่เจออีก เกรงว่าจะเกิดเรื่อง ดังนั้นจึงได้เพียงปิดกั้นไว้
หลังจากหานมู่จื่อขึ้นรถไป คนขับรถก็รีบขับตามรถกู้ภัยด้านหน้าไปที่โรงพยาบาลใกล้เคียง
อันที่จริงหัวใจทั้งดวงของเธอได้แขวนเอาไว้ เพราะเธอไม่รู้ว่าเย่โม่เซินจะอยู่ในรถคันข้างหน้าไหม ผู้รอดชีวิตที่ช่วยกลับมาทุกคนต่างต้องการการรักษา เธอก็ไม่อาจเห็นแก่ตัวแล้วเข้าไปดูในตอนนั้น แล้วให้ทุกคนรอได้
ชีวิตคนเป็นเรื่องสำคัญ
หลังมาถึงโรงพยาบาล พวกหานชิงก็อยู่กับเธอตลอด เพราะเรื่องนี้ได้รายงานไปในพื้นที่แล้ว ผู้ป่วยในโรงพยาบาลก็ได้ยินมาเช่นกัน ดังนั้นเมื่อเห็นพวกญาติมิตร แม้แต่ตอนหานมู่จื่อที่สวมใส่ชุดแต่งงานมารอที่โรงพยาบาล ก็ไม่ได้รู้สึกแปลกมากนัก เพียงแค่เห็นแววตาเธอมีความทุกข์ใจและน่าเวทนา
อย่างไรเสีย หากไม่จำเป็น ใครจะใส่ชุดแต่งงานมาโรงพยาบาลล่ะ?
ไม่รู้ว่ารอมานานแค่ไหนแล้ว หานมู่จื่อยืนจนขาล้าแทบล้มลง ในที่สุดก็ได้รับข่าวว่าสามารถเยี่ยมคนไข้ได้ เพราะผู้รอดชีวิตต่างก็สงบลงแล้ว
หานมู่จื่อในตอนแรกค่อยๆ เข้าไปตามหาอย่างเกรงใจ เกรงว่าจะรบกวนคนอื่น ได้เพียงหยิบรูปออกมาถามพยาบาล หลังจากพยาบาลมองดูรูปของเย่โม่เซิน ในทีแรกก็มีความประหลาดใจในแววตา จากนั้นก็ส่ายหัว “ในบรรดาคนที่พึ่งส่งเข้ามาดูเหมือนจะไม่มีคนหน้าตาแบบนี้…..”
สีหน้าหานมู่จื่อเปลี่ยนไปเล็กน้อย หานชิงที่อยู่ข้างเธอก้าวไปข้างหน้า “คุณพยาบาล คุณลองนึกให้ละเอียด ยังไงซะคนที่แช่อยู่ในน้ำทะเลเป็นเวลานานอาจจะดูลำบาก แน่ใจเหรอว่าไม่มีคนคนนี้? ”