เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ - ตอนที่ 632 ปะทะกัน
บทที่ 632 ปะทะกัน
ตอนเลิกงาน หานมู่จื่อลงมาก็เห็นเย่หลิ่นหานรออยู่ที่ใต้ตึก นึกถึงคำพูดตอนเที่ยงที่เขาส่งตนเองกลับมา ในใจเธอทอดถอนใจอย่างหนัก
ดูแล้วเย่หลิ่นหานคงตั้งใจจะจีบเธอแล้วจริงๆ
เธอจะปฏิเสธเขาอย่างไรดี ถึงจะทำให้เขาล้มเลิกความตั้งใจไปได้?
คิดๆแล้ว หานมู่จื่อจึงแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นเขา ถือกุญแจรถขึ้นมาแล้วเดินไปที่จอดรถทันที
หมุนตัวออกไปได้แค่ไม่กี่ก้าว ด้านหลังก็มีคนตามมา เย่หลิ่นหานขวางทางเธอเอาไว้
“ไม่ได้ตกลงกันแล้วเหรอว่าผมจะส่งคุณกลับบ้าน? แล้วถือโอกาสไปรับเสี่ยวหมี่โต้วด้วยเลย”
“ประธานหานเกรงว่าจะจำผิดแล้ว พวกเราไม่ได้ตกลงกันนะคะ” หานมู่จื่อเม้มปากแดงระเรื่อปฏิเสธออกมา
เย่หลิ่นหานตกตะลึงอย่างชัดเจน แต่ครู่เดียวก็มีรอยยิ้มกลับมา: “มู่จื่อ คุณไม่ต้องกดดันหรอก ผมแค่อยากจะพยายามนิดหน่อยก็เท่านั้น”
“ฉันไม่ได้กดดัน แต่ฉันก็มีรถของตนเองค่ะ” หานมู่จื่อแกว่งกุญแจรถที่อยู่ในมือของตนเองให้เขาดู “ฉันต้องขับรถกลับบ้านค่ะ”
สายตาเย่หลิ่นหานสั่นไหว
“เช่นนั้นผมจะมีเกียรติได้นั่งรถของคุณ แล้วไปรับเสี่ยวหมี่โต้วกับคุณไหม?”
หานมู่จื่อ: “……”
ค่อนข้างเหนื่อยใจนี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย?
“ถ้าเมื่อครู่ฉันไม่ได้มองผิดไปล่ะก็ คุณก็คงขับรถมาใช่ไหมคะ? คุณนั่งรถของฉัน แล้วรถคุณจะทำอย่างไรคะ? ดังนั้นวันนี้ประธานหานก็ขับรถของตนเองกลับไปเถอะค่ะ”
เดินๆอยู่ ฝีเท้าของหานมู่จื่อก็หยุดชะงักลงทันที มองไปด้านหน้าอย่างตกตะลึงอยู่กับที่
เย่หลิ่นหานให้ความสนใจ ถือโอกาสมองตามสายตาของเธอไปด้านหน้า
ที่จอดรถชั้นใต้ดินไม่ถือว่าสว่างมากนัก ร่างสูงยาวคนหนึ่งยืนพิงอยู่ที่ข้างรถ ใบหน้าหล่อเหลาอีกครึ่งหนึ่งถูกซ่อนอยู่ภายใต้เงา ดวงตาที่ลึกล้ำดูแล้วไม่สามารถบอกได้เลยว่าคิดอะไรอยู่
นี่ไม่ใช่เย่โม่เซินที่โดนเธอไล่ไปคนนั้นเหรอ?
หานมู่จื่อขยับๆริมฝีปาก พูดอะไรไม่ออกสักนิด ด้วยจิตใต้สำนึกเธอเพียงแค่มองเย่หลิ่นหานที่เดินอยู่ข้างกาย
คราวก่อนตอนที่พวกเขาเจอกันที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตบรรยากาศก็อึมครึมเพียงพอแล้ว วันนี้ดันมาเจอกันในที่จอดรถอีกครั้ง
ก็ยิ่งเหนื่อยใจ
หานมู่จื่อหลับตาลง เริ่มปวดหัวแล้ว
ข้างกายส่งเสียงหัวเราะที่อ่อนโยนลอยออกมา เย่หลิ่นหานยังคงพูดเบาๆ: “ที่คุณไม่ยอมให้ผมขึ้นรถของคุณ เป็นเพราะโม่เซินใช่ไหม?”
หานมู่จื่อ: “แน่นอน……”
ว่าไม่ใช่
เธอก็ไม่รู้ว่าเย่โม่เซินจะอยู่ที่นี่ ตอนกลางวันที่พบเขา ดวงตาของเขาคล้ำอย่างชัดเจน เธอคิดว่าเขาคงจะกลับไปพักผ่อนแน่ๆ คิดไม่ถึงว่าจะเจอเขาที่นี่
นายคนนี้……หรือว่าจะยังไม่ได้พักผ่อนจนถึงตอนนี้เหรอ?
ขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่ ชายที่พิงอยู่ที่ข้างรถเธอก็เคลื่อนไหวแล้ว สายตาราวกับชายตามองมาทางนี้ตามต้องการ แล้วก็ยกมือขึ้นมาเกี่ยวนิ้วมือของเธอ
“มานี่”
หานมู่จื่อ: “……”
ตอนกลางวันยังทะเลาะกันอย่างรุนแรงอยู่เลย ในช่วงระยะเวลาสั้นๆเขาสงบลงได้อย่างไร แล้วยังใช้สายตากับน้ำเสียงอย่างนี้ ให้เธอเข้าไปหา?
ราวกับไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น?
หานมู่จื่อยืนอยู่ที่เดิม ไม่ขยับ
คงจะเห็นเธอไม่ขยับตัวเลย เย่โม่เซินจึงหมดความอดทน ยืดตัวตรง แล้วก้าวขายาวๆเข้าไปหาเธอ
ไม่รู้ว่าเป็นภาพลวงตาของหานมู่จื่อหรือเปล่า รู้สึกว่าตอนที่เขาเดินเข้ามาหาตนเองนั้น สายตากับร่างกายปรากฏ……ท่าทางที่ดุร้ายออกมา!
ท่าทางดุร้ายเหรอ?
ด้วยจิตใต้สำนึกหานมู่จื่อกัดริมฝีปากของตนเองเอาไว้ แค่พริบตาเย่โม่เซินก็เดินมาอยู่ต่อหน้าเธอแล้ว เขาไม่สนใจเย่หลิ่นหานที่ยืนอยู่ข้างๆเธออย่างสิ้นเชิง ราวกับว่าไม่เห็นคนๆนี้ตั้งแต่แรก เข้ามาจูงมือของหานมู่จื่อ แล้วก็หมุนตัวออกไป
แรงของเขาเยอะมาก หานมู่จื่อจึงโดนเขาจูงไป และเพิ่งจะเดินไปได้แค่สองก้าว แขนอีกข้างก็ตามมาด้วยแรงดึงที่แพร่เข้ามา
เธอหันไป ก็พบว่าเย่หลิ่นหานจับแขนของเธอเอาไว้
“โม่เซิน แม้ว่านายอยากจะพบเธอ ก็ต้องดูว่าใครมาก่อนหรือเปล่า?”
บนใบหน้าของเย่หลิ่นหานยังคงมีรอยยิ้ม แต่สายตากลับไม่รู้สึกถึงความอบอุ่นแล้ว เขากำลังมองเย่โม่เซินอย่างเย็นชา
“เฮอะ”
เย่โม่เซินหัวเราะเยาะออกมา ถึงกับขี้เกียจที่จะเหลือบตามองเขา
“ใครมาก่อน? ตอนเที่ยงฉันก็รอเธออยู่ตรงนี้แล้ว นายจะมาเทียบกับฉันงั้นเหรอ?”
“อ้อ?” เย่หลิ่นหานยิ้มเล็กน้อย เอ่ยปากอย่างวางเฉย: “อย่างนั้นก็บังเอิญใช้ได้เลยนะ ตอนเที่ยงฉันก็นัดมู่จื่อไว้แล้ว ตอนนั้นที่พวกเราออกไปทำไมถึงไม่เจอนายล่ะ หรือว่าโม่เซินนัดกับเธอก่อนที่ฉันกับเธอจะเข้าไปกินอาหารกลางวันด้วยกันล่ะ?”
พูดอย่างนี้ก็ทำให้หานมู่จื่อค่อนข้างตกใจจนเบิกตาโพลง มองเย่หลิ่นหานอย่างไม่อยากจะเชื่อ
คาดไม่ถึงว่าเขาที่อ่อนโยนไม่นึกว่าจะประลองฝีมือกับอีกฝ่ายด้วยการพูดอย่างนี้
ไม่รู้เพราะอะไร หานมู่จื่อมักจะรู้สึกว่า นิสัยของเย่หลิ่นหานค่อยๆเปลี่ยนไป
คำพูดของเขายั่วยุเย่โม่เซินอย่างชัดเจน
เย่โม่เซินหรี่สายตาแสนอันตรายมองไปที่หานมู่จื่อทันที หานมู่จื่อยืนอยู่ตรงนั้นอย่างสงบ ราวกับไม่ได้รับสายตาของเขา
พักใหญ่ เย่โม่เซินหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา ในที่สุดก็เหลือบตาไปมองเย่หลิ่นหาน
“ดูท่า วันนี้นายคงจะอยากโดนสักหมัดสินะ”
พูดจบ เขาก็ปล่อยมือของหานมู่จื่อ แล้วปล่อยหมัดเข้าไปที่เย่หลิ่นหาน
เสียงพลั่ก ราวกับกระแทกหินเข้าไปในใจของหานมู่จื่อเธอตื่นตระหนกตกใจ ไม่มีแม้กระทั่งการตอบสนองก็เห็นหมัดของเย่โม่เซินต่อยเข้าไปที่คางของเย่หลิ่นหานแล้ว
อย่างรวดเร็ว หานมู่จื่อก็เห็นมุมปากของเย่หลิ่นหานมีรอยเลือดเพิ่มขึ้นมา
ริมฝีปากของเธอสั่นไหว อยากจะก้าวเข้าไปแต่ข้อมือกลับติดแน่น โดนเย่โม่เซินลากไปที่ด้านหลัง
ร่างสูงใหญ่ขวางอยู่ที่ด้านหน้าของเธอ ทำให้หานมู่จื่อมองไม่เห็นท่าทางและสายตาของเย่หลิ่นหานอย่างสิ้นเชิง
เย่หลิ่นหานยกมือขึ้น เช็ดเลือดที่มุมปาก สายตาที่เหลือบขึ้นมาเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมทันที เขาจ้องไปที่เย่โม่เซินอยู่พักหนึ่ง ยิ้มเล็กน้อย “จะหุนหันพลันแล่นขนาดนี้เพื่ออะไร? โม่เซิน คงจะไม่ใช่เพราะว่าฉันนัดกับมู่จื่อก่อนนาย นายก็เลยลงมืออย่างนั้นนะ?”
เย่โม่เซินมองผู้ชายตรงหน้าที่มุมปากยังคงมีรอยยิ้ม ยิ่งทำให้รู้สึกว่าเขาแสร้งทำตัวเป็นคนดี
“นัดผู้หญิงของฉันเย่โม่เซิน นายถามความเห็นฉันหรือยัง?”
พูดจบ ก็ปล่อยอีกหมัดไปทันที
หานมู่จื่อที่โดนเย่โม่เซินลากไปไว้ด้านหลังได้ยินเสียงพลั่ก เธอตกใจจนต้องยื่นหัวออกไปดู จึงพบว่าเย่หลิ่นหานโดนต่อยจนถอยหลังไปสองก้าวแล้ว รอยเลือดที่มุมปากก็มีมากขึ้น รวมไปถึงรอยช้ำที่คาง
แต่เย่หลิ่นหานราวกับไม่รู้สึกเจ็บ ตอนที่เงยหน้าขึ้นมาก็สบตากับเธอทันที ส่งรอยยิ้มปลอบใจมาให้
ในทันทีหานมู่จื่อรู้สึกว่าหัวใจเหมือนกับมีมือคู่หนึ่งจับเอาไว้แน่น เธอกัดริมฝีปากกำลังมองเย่หลิ่นหาน
คนๆนี้ เขาไม่ตอบโต้เหรอ?
โดนต่อยจนเป็นอย่างนี้แล้ว ไม่นึกว่าเขาจะไม่ตอบโต้?
“รู้ไหมว่าฉันเกลียดท่าทางอะไรของนายที่สุด?” เทียบกับเย่หลิ่นหาน สีหน้าของเย่โม่เซินแย่ยิ่งกว่า ดวงตาค่อนข้างแดงก่ำ เขาก้าวเข้าไปดึงคอเสื้อของเย่หลิ่นหาน พูดเสียงต่ำ
“ก็ตอนที่นายแสร้งทำตัวเป็นคนดี ตีสองหน้าอย่างนี้ไง”
พลั่ก!
เย่หลิ่นหานถอยหลังไปสักกี่ก้าว ในที่สุดก็ประคองตัวเอาไว้ไม่ไหวล้มลงไปบนพื้น
หานมู่จื่อหน้าถอดสี ก่อนที่เย่โม่เซินจะปล่อยหมัดออกไปอีกครั้งก็รีบพุ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว ขวางด้านหน้าของเย่หลิ่นหานเอาไว้
“ไม่ต้องต่อยแล้ว!”