เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ - ตอนที่ 189 ช่วยคนเหมือนช่วยไฟ
บทที่ 189 ช่วยคนเหมือนช่วยไฟ
กลางดึกแบบนี้ ส้งอานตามเซียวซู่เดินอยู่ทางระเบียงเดิน พูดบ่นไปด้วยว่า “กลางดึกแบบนี้ นายก็ไม่รู้จักให้ฉันได้พักผ่อนเลย มีเรื่องอะไรก็มาหาแต่ฉัน”
เซียวซู่ทำหน้าลำบากใจ “คุณน้าส้ง ฉันเองก็ไม่ได้ตั้งใจจะมารบกวนคุณน้า แต่ว่าเป็นคำสั่งของประธานเย่ ฉันไม่มีทางแล้วจริงๆ”
ส้งอานมองเขาไปหนึ่งที “ครั้งนี้เกิดอะไรขึ้น?”
“คุณนายน้อยสองถูกคนวางยา ฉะนั้น…”
“วางยา?” ส้งอานตาโต “ถูกวางยาอะไร? คงจะไม่ใช่ยาที่ฉันเข้าใจหรอกมั้ง?”
เซียวซู่หยักหน้าแล้วยิ้ม
ส้งอานเบิกตากว้างทันที “ไปทำท่าไหนเนี่ย? เย่โม่เซินไม่สามารถปกป้องเขาดีๆ หน่อยหรอ?”
“คุณน้า ไม่ต้องพูดแล้ว รีบไปกับผมเถอะ ช่วยคนก็เหมือนช่วยไฟ”
“ฮ่า” ส้งอานกลับอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “นี่ต้องการให้ฉันไปช่วยซะที่ไหน เขาช่วยเองก็ได้แล้วไม่ใช่หรอ? จริงๆ เลย…”
เซียวซู่กำลังหยุดพอดี หลังจากนำบัตรมารูดแล้วก็เปิดประตูออก “คุณชายเย่ คุณน้าของท่านมาแล้วครับ”
ทั้งสองอึ้งไปเลย มองดูภาพที่อยู่ในห้อง
เสิ่นเฉียวในขณะนี้เป็นเหมือนปลาหมึกที่ติดอยู่บนตัวของเย่โม่เซิน ทั้งมือและขา แต่ว่าบนตัวยังสวนเสื้อสีขาวอยู่ ผมของเธอก็ยุ่งไปหมด ส่วนเย่โม่เซินก็เหงื่อเต็มหัว ดึงเธอไปด้วย หลบเธอไปด้วย
ภาพที่อยู่ข้างหน้านี้ดูแล้วไม่มีความอ่อนโยนเลย แต่กลับยุ่งเหยิงน่าตลกไปหมด
เย่โม่เซินเห็นทั้งสองเดินเข้ามาแล้วกลับยืนอยู่ที่นั่นอย่างด.ๆ จู่ๆ ก็โมโหขึ้นมา พูดด้วยเสียงที่เย็นชาว่า “ยังไม่รีบเข้ามาช่วยอีก?”
สีหน้าของเซียวซู่เปลี่ยนไปเลย รีบเดินไปช่วย
ส้งอานกลับอดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมา
“โม่เซิน ฉันอยู่มาหลายปีขนาดนี้ ยังไม่เคยเห็นใครยุ่งไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดีเหมือนนายเลย ทำไม นายเปลี่ยนเป็นคนรักนวลสงวนตัวแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? เมื่อก่อน….ไม่เห็นนายเป็นแบบนี้เลยนะ?”
พอพูดจบ ส้งอานก็เดินไปทางเย่โม่เซิน
เซียวซู่เดินไปช่วยเงาดึงเสิ่นเฉียวไว้ แต่ก็ไม่กล้าจับไปมั่ว กลัวว่าจะไปจับโดนที่ที่ไม่ควรจับ ผู้ชายคนหนึ่งเดินมาก็ไม่รู้จักทำอะไรไม้มือยุ่งไปหมด ช่วยไม่ได้เลย
“คุณน้าส้ง ทำอย่างไรดี คุณน้าคือหมอ รีบคิดหาวิธีหน่อย”
สองมือของส้งอานกอดไว้ที่อก แล้วมองดูภาพๆ นี้
“คุณน้า” ทำอะไรไม่ได้แล้ว เย่โม่เซินได้แต่เรียกเธอ
ส้งอานตกใจจนตาโต เย่โม่เซินที่เย็นชา น้อยมากที่จะเรียกเธอ ตอนนี้…คิดไม่ถึงเลยว่าจะทำท่ารูปลักษณ์ร้องขอออกมา?
นี่เป็นเพราะอะไร?
เขาเป็นผู้ชาย…แท้ๆ ผู้หญิงคนนั้นถูกวางยาแล้วนั่นคือ…..
แต่ว่าส้งอานก็รีบหยิบยาที่เตรียมมาจากกระเป๋าออกมา แล้ววางไปยังระหว่างจมูกของเสิ่นเฉียว ในเวลาเดียวกันเธอก็ขึ้นไปกดเสิ่นเฉียวไว้ด้วย
เธอไม่ได้ใช้แรงอะไร ดูแล้วอ่อนโยนอยู่ แต่ว่าก็กดทับเสิ่นเฉียวได้อย่างสบายแล้ว หลังจากนั้น เสิ่นเฉียวก็ค่อยๆ เงียบลง จากนั้นดวงตาก็ปิดแล้วสลบไป
คนทั้งคนของเธอล้มลงไป
เย่โม่เซินยื่นมือจับเธอไว้ กอดเธอเจ้ามาในอ้อมกอด ในแววตามีความโหดอยู่
“แค่นี้ก็ได้แล้วหรอ?” เขาถาม
ส้งอานนั่งลงที่บนเตียง “แน่นอนว่าไม่ใช่ นายปล่อยเธอลง แล้วไปจัดการตัวนายเองเถอะ ส่งต่อให้ฉันละกัน”
เซียวซู่รีบเดินขึ้นไปพยุงเย่โม่เซินมานั่งบนรถเข็น ไม่ว่ายังไงแล้วส่วนบนของเย่โม่เซินก็ไม่ได้ใส่เสื้อไว้ ก็ไม่ได้ถือว่าดี ส้งอานคือน้าแท้ๆ ของเย่โม่เซิน นำเสิ่นเฉียวให้เธอดูแล เขาก็วางใจอยู่
หลังจากที่คนไปแล้ว ส้งอานมองดูเสิ่นเฉียวที่หลับอยู่ อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวแล้วถอนหายใจ
และอีกห้องหนึ่ง เซี่ยวซู่กำลังช่วยเย่โม่เซินใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว ก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “คุณชายเย่ ทำไมคุณ….ทำไมคุณไม่….” คำพูดประโยคหลังไม่ได้พูดออกมา กลัวว่าพูดออกมาแล้วจะไม่มีชีวิตอยู่ต่อ
เป็นอย่างที่คิดไว้เธอ หลังจากที่เขาพูดจบแล้ว เย่โม่เซินก็เย้ฯ ชาลงเยอะมาก แววตาราวกับมีดมองผ่าน
“ถึงตานายจะพูดมากแล้ว?”
เซียวซู่กลืนน้ำลายโดยไม่รู้แล้ว “ไม่กล้าครับ ผมก็แค่ลองถามดู ไม่รู้ว่าคุณน้าส้งจะสามารถ…..”
“หุบปาก” เย่โม่เซินพูดด้วยความรำคาญ ทั้งตัวของเขาร้อนมาก มียางส่วนที่ยังตั้งอยู่ เป็นภรรยาของเขาแท้ๆ แต่เขากลับเป็นห่วงร่างกายเธอแล้วควบคุมตัวเอง
พอคิดแล้ว ก็น่าโมโห
ทันใดนั้น เย่โม่เซินก็พูดด้วยเสียงที่เย็นชาว่า “ออกไป”
เซียวซู่ “…..ครับคุณชายเย่”
เซียวซู่ออกไปแล้ว เย่โม่เซินก็จุดไฟที่บุหรี่ เข็นรถเข็นไปยังข้างหน้าต่าง มองดูวิวกลางคืนนอกหน้าต่างที่เต็มไปด้วยแสงไฟ ดูดบุหรี่อย่างแรง
ท่ามกลางควัน เย่โม่เซินได้เริ่มจินตนาการรูปต่างๆ ขึ้นมา แสงไฟดับๆ ติดๆ อยู่ท่ามกลางควัน
ผ่านไปนานมาก เย่โม่เซินได้ยินเสียงที่ส่งผ่านมาจากข้างนอก
“คุณชายเย่”
เย่โม่เซินไม่รู้ว่าสูบบุหรี่ไปกี่อันแล้ว พอได้ยินแล้วก็รีบกับบุหรี่ จากนั้นก็เข็นรถเข็นออกไป
“คุณนายน้อยสองตื่นแล้วครับ” เซียวซู่พูด
แววตาของเย่โม่เซินชัดเจนขึ้นเยอะมาก “รู้แล้ว”
ในตอนที่เย่โม่เซินมาถึงห้องนอน ส้งอานกำลังพูดกับเสิ่นเฉียวอยู่ “คืนนี้เธอก็พักผ่อนดีๆ เถอะ นอนอย่างสบายใจคืนหนึ่ง พรุ่งนี้เช้าตื่นขึ้นมาก็ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว”
หลังจากที่เสิ่นเฉียวได้สติกลับมาแล้วก็นึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ในใจก็ยังคงมีความเป็นห่วงอยู่ “ไม่เป็นอะไรจริงๆ หรอคะ? ฉัน….”
รู้ว่าเธอกำลังกังวลอะไรอยู่ ส้งอานค่อยๆ จับหางคิ้วของเธอ เหมือนผู้ใหญ่ที่เป็นห่วงเธอ
“ยัยซื่อบื้อ ฉันเป็นหมอนะ แน่นอนว่าฉันต้องรู้ว่าเธอเป็นห่วงอะไร วางใจเถอะ ลูกไม่เป็นอะไร”
ในที่สุดเธอก็พูดถึงลูก เสิ่นเฉียวได้ยินเธอพูดว่าลูกไม่เป็นอะไร ในใจก็วางใจลง “ขอบคุณค่ะ”
ส้งอานอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “เธอคือภรรยาของโม่เซิน ฉันคือคุณช้าของโม่เซิน ต่อจากนี้เธอก็เรียกฉันว่าคุณน้าเหมือนเขาเถอะ”
พอได้ยินแล้ว เสิ่นเฉียวก็อดไม่ได้ที่จะอึ้ง ถ้าหากว่าเขาเรียกเธอว่าคุณน้าเหมือนเย่โม่เซินละก็ งั้นก็…..
“คุณน้า”
กำลังคิดอู่ เสียงที่เย็นชาของเย่โม่เซินก็ดังขึ้น เสิ่นเฉียวมองไปทางที่เสียงดังผ่านไป แล้วเห็นเย่โม่เซินเดินมาทางนี้แล้ว
คืนนี้สติของเธอยังดีอยู่ ทีนี้พอเจอเย่โม่เซินแล้วก็นึกถึงเรื่องก่อนหน้านี้ที่ตัวเองทำไม โดยเฉพาะรอยแดงๆ พวกนั้นที่ตราทับอยู่ตรงลำคอของเขา หน้าของเสิ่นเฉียวแดงไปหมด
ตอนนั้นเธอกอดคอของเย่โม่เซินไว้ทั้งจูบทั้งกัด ยิ่งขอร้องให้คนอื่นช่วยเธอ
พอนึกคิดกลับมาแล้ว จู่ๆ เสิ่นเฉียวก็รู้สึกว่าตัวเองไม่ตื่นขึ้นมาเลยจะดีกว่า หรือว่า….ตีให้ตายก็ไม่ยอมรับก็ได้แล้ว
และแล้วเสิ่นเฉียวก็ไม่สามารถปกปิดอารมณ์ของตัวเองได้เลย เย่โม่เซินปรากฏตัวออกมา หน้าเธอก็ดงแล้ว ทุกคนต่างก็รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่
ส่วนเย่โม่เซิน ก็เหลือบไปมองเธอด้วยแววตาที่เย็นชา
“โม่เซิน ไม่ใช่ว่าน้าจะว่านาย ครั้งที่แล้วนายจะสามารถพูดได้ว่าเป็นอุบัติเหตุ แต่ครั้งนี้นายไม่ต้องหาข้ออ้างให้ตัวเองแล้วแหละมั้ง? เสิ่นเฉียวคือภรรยาของนาย นายปกป้องภรรยาของนายแบบนี้หรอ? นาย….”
เย่โม่เซินไม่ได้พูดอะไร เม้มปาก สีหน้าเย็นแข็งให้ส้งอานด่าโทษ
สุดท้ายแล้ว เสิ่นเฉียวก็ไม่อยากฟังต่อไป พูดเบาๆ ว่า “เอ่อคือ…..คุณน้า……”