เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ - ตอนที่ 1504 กลยุทธ์
บทที่1504 กลยุทธ์
ในตอนที่พูดกับเสี่ยวหมี่โต้วนั้น เธอพูดอย่างมีเหตุมีผลมาก
แต่พอถึงตอนที่กลับไปแล้ว หานมู่จื่อก็รู้สึกเสียใจภายหลังขึ้นมา สงสัยว่าตัวเองพูดจาโหดร้ายเกินไปหรือเปล่า ไม่ว่าเสี่ยวหมี่โต้วจะรู้ความขนาดไหน แต่เขาก็ยังเป็นแค่เด็กคนหนึ่งเท่านั้น
ดังนั้นพอกลับไปแล้ว หานมู่จื่อก็กังวลใจเป็นอย่างมาก เป็นห่วงมากว่าเสี่ยวหมี่โต้วจะคิดมาก
ยิ่งคิด ในหัวเธอก็ยิ่งวุ่นวาย เย่โม่เซินอาบน้ำก่อนแล้ว ก่อนจะนอนลงข้างเธอ สวมกอดเธอจากด้านหลัง แล้วซุกหน้าเข้ากับซอกคอของเธอ
“ทำไมยังไม่นอนอีก ?”
น้ำเสียงเขาทุ้มต่ำ ขณะพูดก็พ่นลมหายใจร้อนผ่าวรดต้นคอของหานมู่จื่อ ทั้งอุ่นและก็คันยุบยิบ ในขณะที่พูดมือเองก็อยู่ไม่สุข ล้วงเสื้อผ้าของเธอ
แต่ก็ขยับได้ไม่กี่ทีเท่านั้น ก็ถูกหานมู่จื่อผลักออก
“ไม่มีอารมณ์ อย่ามาจับนะ”
เย่โม่เซินที่ถูกผลักออกรู้สึกมึนงง อยากจะเข้าไปเกาะแกะอีกแต่กลับสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าหานมู่จื่อไม่มีอารมณ์ร่วม ดังนั้นไฟของเขาก็เลยดับมอดลงอย่างรวดเร็ว แล้วนอนลงข้างเธออย่างสงบเสงี่ยมเรียบร้อย ไม่ได้ขยับไปเรื่อยอีก แต่กลับถามเธออย่างตื่นเต้นว่า
“เป็นอะไรไป ?”
หานมู่จื่อได้ยินเสียงของเขา ก็เลยหันกลับไปมองเขาทีหนึ่ง
พอเห็นใบหน้าของเขา ในใจของหานมู่จื่อก็มีไฟลุกโชนขึ้นมาอย่างน่าประหลาด แล้วถามเขาอย่างฉุนเฉียวว่า “เสี่ยวหมี่โต้วเป็นลูกคุณไม่ใช่หรือไง ?”
พอได้ยินแบบนั้น เย่โม่เซินก็อึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้า “แน่นอนสิ”
“แล้วทำไมคุณถึงเอาแต่ตั้งแง่กับเขา เขาเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง ติดตามฉันมาตั้งแต่เด็ก เมื่อก่อนตอนที่พวกเราสองแม่ลูกคอยพึ่งพาอาศัยกัน คุณไปอยู่ที่ไหนก็ยังไม่รู้เลย ตอนนี้พอคุณปรากฏตัว ก็คิดแต่อย่างครอบครองฉันไว้คนเดียว คุณจะให้เขาคิดยังไง ?”
เย่โม่เซินคิดไม่ถึงว่าเธอจะโมโหเพราะเรื่องนี้ ชั่วขณะนั้นเลยยังคิดคำพูดไม่ออก ทำได้เพียงมองเธอเงียบๆ
“แค่คำเดียวว่า ฉันเป็นผู้หญิงของคุณแล้วคิดว่าทุกอย่างจะจบเหรอ”
“เป็นอะไรไปกันแน่ ?” เย่โม่เซินไม่กล้าตอบคำถามเธอ ทำได้แค่ถามเธอกลับ
“คุณยังมีหน้ามาถามอีก ?” หานมู่จื่อนึกถึงท่าทางของเสี่ยวหมี่โต้วก่อนหน้านี้ ก็รู้สึกหดหู่แทนเขา ตอนนั้นเธอโหดร้ายขนาดไหนกัน ถึงได้พูดคำพูดแบบนั้นกับเด็กคนหนึ่งได้
ถึงแม้คำพูดพวกนั้นจะจริงแท้ขนาดไหน แต่สำหรับเด็กคนหนึ่งแล้ว มันช่างโหดร้ายมาก
ตอนนี้เธอรู้สึกเสียใจมากจริงๆ เธอไม่ใช่แม่ที่ดีคนหนึ่งเลยแม้แต่น้อย
“เดิมทีความรักที่คุณมีให้เสี่ยวหมี่โต้วก็น้อยอยู่แล้ว ตอนเขาเด็กคุณไม่เคยมีส่วนร่วม หลังจากที่คุณปรากฏตัว คุณไม่เพียงไม่มอบความรักของพ่อให้แก่เขา ยังคิดจะแย่งความรักของแม่ไปจากตัวเขาอีก”
ก่อนหน้านี้เย่โม่เซินไม่เคยคิดถึงปัญหาเรื่องนี้เลย ตอนนี้พอถูกหานมู่จื่อพูดขึ้น เขาก็นึกขึ้นมาได้ ว่าเป็นอย่างนั้นจริง ก่อนหน้านี้เขาสูญเสียช่วงเวลาของทั้งสองแม่ลูกไปนานหลายปีมาก มีหลายสิ่งหลายอย่างมากมายที่ไม่ได้ก้าวข้ามมาด้วยกัน และพอเผชิญหน้ากับลูกชายของตัวเอง เขากลับลืมชดเชยมันไปชั่วขณะ
“พวกเราจะต้องอยู่ด้วยกันตลอดชีวิต แล้วเสี่ยวหมี่โต้วล่ะ ? ก่อนหน้านี้เขาขาดความรักของพ่อไปตั้งนานหลายปี วันเวลาต่อจากนี้ไปคุณจะให้เขาสูญเสียแม้กระทั่งความรักของแม่ไปอีกเหรอ ? อย่าทำแบบนี้กับเขาได้ไหม ถึงแม้นี่จะเป็นปัญหาที่จริงแท้ขนาดไหน แต่เขาก็ยังเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง พวกเราช่วยกันปกป้องจนเขาเติบใหญ่ได้ไหม แล้วยังมีเสี่ยวโต้วหยาอีก รอจนพวกเขาเติบใหญ่แล้ว ถึงตอนนั้นก็ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวอะไรอีกแล้ว”
พูดจนถึงตอนสุดท้าย ในตาของหานมู่จื่อก็เต็มไปด้วยน้ำตา พอเย่โม่เซินเห็นแล้วก็ปวดใจเป็นอย่างมาก ดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอดของตัวเอง
“ได้ได้ได้ จะฟังเธอทุกอย่าง เธอว่ายังไงฉันก็จะทำอย่างนั้น ต่อไปเวลาของฉันจะมอบให้พวกเธอทั้งหมด”
ทางนี้เจรจากันเรียบร้อยแล้ว ต่อไปสองสามีภรรยาจะยึดลูกเป็นหลัก ในเมื่อคลอดพวกเขาออกมาแล้วก็ต้องรับผิดชอบ
เด็กไม่มีทางเลือก พ่อแม่อยากคลอดก็คลอด ดังนั้นเมื่อคลอดแล้วก็ต้องรับผิดชอบหน้าที่พ่อแม่ให้เต็มที่
เย่โม่เซินเองก็คิดดีแล้ว มีแค่เสี่ยวหมี่โต้วกับเสี่ยวโต้วหยาก็พอแล้ว ต่อไปจะไม่มีคนที่สามอีก สองสามีภรรยาเลี้ยงลูกทั้งสองคนให้เติบใหญ่ จากนั้นก็จะไม่ยุ่งเกี่ยวแล้ว
ถึงตอนนั้น เขาจะเกาะติดภรรยาทุกวัน ดูสิว่าใครจะมายุ่งอะไรเขาอีก
ดังนั้นวันที่สอง หลังจากที่หานมู่จื่อตื่นขึ้นมา ก็เตรียมตัวไปเรียกเสี่ยวหมี่โต้ว แต่พอดันประตูเข้าไปกลับพอว่าเสี่ยวหมี่โต้วไม่ได้อยู่ในห้อง จากนั้นก็ได้ยินคนรับใช้พูดว่า เสี่ยวหมี่โต้วไปโรงเรียนตั้งแต่เช้าแล้ว
เช้าขนาดนี้เลยหรือ หานมู่จื่อหันไปมองเวลา นี่มันเร็วกว่าเวลาปกติที่เขาไปโรงเรียนชั่วโมงหนึ่งเลยนะ
หรือว่าเรื่องที่เธอพูดเมื่อคืนพวกนั้นทำให้เสี่ยวหมี่โต้วรู้สึกไม่สบายใจ
พอคิดถึงตรงนี้ หานมู่จื่อก็รีบหันกลับไปมองเย่โม่เซิน
เย่โม่เซินรู้ว่าในใจเธอคิดอะไร เลยเม้มริมฝีปากบาง จากนั้นก็พูดว่า “ฉันไปจัดการ เธออย่ารีบร้อน”
“งั้นคุณจัดการให้ดี อย่าดุเสี่ยวหมี่โต้วนะ”
“วางใจเถอะ”
หลังจากเย่โม่เซินออกไปแล้ว ถึงแม้หานมู่จื่อจะเป็นกังวล แต่เธอก็ตามไปไม่ได้ เพราะเสี่ยวโต้วหยายังนอนหลับอยู่ ดังนั้นเธอจึงได้แค่กลับห้องนอนไปเฝ้าเสี่ยวโต้วหยา
ส่วนอีกด้านหนึ่ง เสี่ยวหมี่โต้วไปโรงเรียนตั้งแต่เช้า
หานมู่จื่อคิดว่าเขาโกรธ แต่แท้จริงแล้วไม่ใช่ เสี่ยวหมี่โต้วเพียงแค่รู้สึกว่าคำพูดที่หม่ามี๊พูดเมื่อคืนนั้นมีเหตุผลมากเท่านั้น
หม่ามี๊กับแด๊ดดี้เป็นคนที่ต้องอยู่ด้วยกันตลอดชีวิต ส่วนเสี่ยวหมี่โต้วเองนั้นก็สำคัญสำหรับพวกเขามาก แต่ถ้าถามถึงอันดับหนึ่งก็คงต้องเป็นระหว่างพวกเขาเอง
ก่อนหน้านี้เขาคอยแต่ยื้อแย่งความรักของหม่ามี๊กับแด๊ดดี้ แท้จริงแล้วก็ไม่ได้จำเป็นอะไร และเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ทำให้เขาได้รู้แจ้งในเรื่องที่ใหญ่หลวงมากอีกเรื่องหนึ่งด้วย
ก่อนหน้านี้ความคิดของเขานั้นผิดมาตลอด ทำไมเขาต้องไปแย่งความรักของหม่ามี๊จากแด๊ดดี้ด้วย
ทั้งๆที่เขาก็คือลูกของแด๊ดดี้กับหม่ามี๊ เขาสามารถได้รับความรักจากทั้งสองคนได้ เพียงแต่ก่อนหน้านี้เขาคิดผิดไป รู้สึกว่าแด๊ดดี้จะแย่งหม่ามี๊ไปจากตัวเองก็เท่านั้น แต่ตอนนี้พอคิดตกแล้ว เสี่ยวหมี่โต้วก็รู้สึกว่าต่อจากนี้สามารถรับความรักจากทั้งสองคนพร้อมกันได้
แล้วทำไมจะไม่ยินดีเล่า ?
ส่วนที่ตื่นเช้าในวันนี้ ก็เป็นเพราะเขาจงใจ
หม่ามี๊จะต้องเป็นกังวลเพราะเรื่องเมื่อวานแน่ ส่วนเสี่ยวหมี่โต้วก็ถูกกำหนดแล้วว่าทุกวันจะต้องนอนถึงเวลาไหน แด๊ดดี้จะต้องไม่ยอมให้หม่ามี๊ออกมาจากบ้านในเวลาเช้าขนาดนี้แน่ ดังนั้นคนที่จะมาหาเขา จะต้องเป็นตัวแด๊ดดี้เอง
แด๊ดดี้ที่มาหาเขาในวันนี้ จะต้องไม่เหมือนกับแด๊ดดี้คนเมื่อวานแน่นอน
ดังนั้นวันนี้เขาสามารถสร้างเรื่องได้เต็มที่
คิดถึงตรงนี้ ในใจของเสี่ยวหมี่โต้วก็มีความสุขมาก
แด๊ดดี้จะต้องคิดไม่ถึงแน่ ว่าเขาจะมีวันตกมาอยู่ในเงื้อมมือของตัวเองแบบนี้
ก่อนหน้าที่เย่โม่เซินจะมาถึง เสี่ยวหมี่โต้วก็คิดแผนการกลั่นแกล้งเย่โม่เซินไว้แล้ว
เขาไม่ได้เข้าโรงเรียน แต่นั่งอยู่ข้างประตูใหญ่ของโรงเรียน ถือหนังสือเล่มเล็กนั่งอ่านอยู่ตรงนั้น ก้มหน้าลง แต่แท้จริงแล้วกำลังนับเวลา
เขาไม่ได้นั่งนานเท่าไหร่ พอนับเวลาดีๆแล้วจากนั้นก็นั่งลงก่อนล่วงหน้าสามนาทีเท่านั้น
หลังจากผ่านไปสามนาที ตรงหน้าก็มีรองเท้าหนึ่งคู่หนึ่งมาปรากฏ
ในที่สุดก็มาจริงๆ
ดวงตาของเสี่ยวหมี่โต้วมีแววเจ้าเล่ห์วาบผ่าน แต่กลับไม่ได้เงยหน้าขึ้น
จนตอนที่มีเสียงผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นเหนือศีรษะ
“ตื่นเช้าขนาดนี้ ไม่เข้าโรงเรียน มานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้ ?”
เสี่ยวหมี่โต้วค่อยๆเงยหน้าขึ้น ปกติแล้วใบหน้าเล็กๆนั้นจะเต็มไปด้วยอารมณ์แต่วันนี้กลับไม่มี สิ่งที่มาแทนที่นั้นกลับเป็นความน่าสงสารของเด็กๆ
เพียงแค่มองทีหนึ่ง ในใจของเย่โม่เซินก็ถูกบีบรัดทันที
ถึงแม้ก่อนหน้านี้จะมีปากเสียงกับเขา แต่อย่างไรก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเอง ตอนนี้พอเห็นท่าทางแบบนี้ของเขา ข้างในของเย่โม่เซินก็รู้สึกไม่สบายใจ