เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ - ตอนที่ 105 ต้องการให้ฉันช่วยคุณย้อนความจำหน่อยมั้ย
บทที่105 ต้องการให้ฉันช่วยคุณย้อนความจำหน่อยมั้ย
มือของเย่โม่เซินหยุดชะงักอยู่กลางอากาศ เขาขมวดคิ้วแล้วจ้องมองไปที่เธอ
ผู้หญิงคนนี้เป็นบ้าอะไรอีก?
เสิ่นเฉียวไม่ได้พูดอะไรกับเย่โม่เซิน เธอรีบมุดเข้าไปในผ้าห่ม จากนั้นดึงเอาผ้าห่มขึ้นมาปิดที่รอยช้ำม่วงตรงบริเวณคอของเธอ
เมื่อเย่โม่เซินเห็นว่าเธอกำลังพยายามปิดรอยช้ำเหล่านั้นเอาไว้ เขาเริ่มมีสีหน้าที่ไม่ค่อยพึงพอใจ นิ้วมือของเขายังคงหยุดชะงักอยู่กลางอากาศ
“ทำอะไรน่ะ?”
เสิ่นเฉียวหลบเข้าไปในผ้าห่ม เธอโผล่แค่ศีรษะออกมาด้านนอก แววตาที่หวาดกลัวและสับสนคู่นั้นจ้องมองไปที่เย่โม่เซิน
“เมื่อ เมื่อคืนคุณ……” เธอพูดตะกุกตะกัก พูดไม่ค่อยออก
แววตาของที่เฉียบคมของเย่โม่เซินยังคงจ้องมองไปที่เธอ “ยังไง?”
“เมื่อคืนคุณได้ไม่ได้…….” เสิ่นเฉียวอยากจะกัดริมฝีปากล่างของเธออีกแล้ว แต่เธอนึกถึงคำพูดที่เขาบอกว่าตัวเธอเอะอะก็จะกัดริมฝีปากของตัวเองอย่างเดียว ริมฝีปากโดนตัวเธอเองกัดจนเป็นแผลถลอก เธอจึงควบคุมไม่ให้ตัวเองทำพฤติกรรมเช่นนี้
“ได้ไม่ได้อะไร?” เย่โม่เซินรู้ว่าตอนที่เธอไร้สติ เธอน่าจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาคือใคร ดังนั้นเขาจึงถามเธอว่าตัวเขาคือใครในช่วงจังหวะที่สำคัญที่สุด ตอนที่เธอกำลังสะลึมสะลือแต่ได้สติเล็กน้อยแล้วเรียกชื่อของเขาออกมา ลึกๆในใจของเย่โม่เซินมีความรู้สึกแปลกประหลาดอย่างหนึ่ง
ดังนั้นตอนนี้เธอมาถามถึงตัวเอง เย่โม่เซินก็เริ่มไม่แน่ใจว่าตกลงเธอจำเรื่องในเมื่อคืนได้รึเปล่า
เสิ่นเฉียวจ้องมองไปที่เขา “ตอนนั้นฉันบอกให้คุณออกไป คุณได้ออกไปมั้ย?”
เธอหายใจเข้าลึกๆ พยายามทำให้ตัวเองใจเย็นมากขึ้น
แววตาของเย่โม่เซินยังคงเหมือนเดิม “ไม่”
ไม่? แววตาของเสิ่นเฉียวสั่นเล็กน้อย “ไม่ได้ออกไปหรอ? งั้นคุณ……”
ถ้าเขาไม่ได้ออกไปละก็ งั้น…เสิ่นเฉียวอึ้งไปชั่วครู่ จากนั้นถามด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบา “งั้นคุณโอเคดีมั้ย?”
เส้นเลือดที่ปูดอยู่บนหน้าผากของเย่โม่เซินกระตุกเล็กน้อย เขาหรี่ตามองผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า แววตาของเธอแลดูหวาดกลัว ราวกับว่ากำลังเป็นห่วงเขาอย่างไรอย่างนั้น เมื่อมองดูแล้วเห็นได้ชัดเจนว่าเธอไม่รู้ว่าเมื่อคืนเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง อีกทั้งยังคงเป็นห่วงตัวเขา
“ฉันโอเคหรือไม่โอเค คุณไม่รู้รึไง?”
“เอ่อ…..”
“เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น คุณจำไม่ได้เลยหรอ?” เย่โม่เซินทนไม่ไหวจนต้องถามเธอ
เสิ่นเฉียวนิ่งเงียบทันทีที่เขาถามคำถามนี้กับเธอ เธอเหลือบตาลงราวกับว่ากำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง สักพักเธอจึงพูด “เมื่อคืน…..ฉันจำได้แค่ว่าคุณเดินเข้ามาในห้อง แต่ลู่สุนฉางจุดยาสลบเอาไว้ในห้อง ขอแค่คุณเดินเข้ามา……คุณก็จะ…….ก็จะ…..”
“ก็จะอะไร?” เย่โม่เซินหรี่ตาแล้วจ้องมองไปที่เธอ
เสิ่นเฉียวไม่รู้จะพูดออกมายังไง ใบหน้าที่ขาวผ่องของเธอเริ่มแดงขึ้นมา
“พูดสิ” เย่โม่เซินไม่ยอมวางมือจากเธอ จากนั้นพยายามเค้นถามเธอ
เสิ่นเฉียวหลบสายตาของเขา จากนั้นพูดด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบา “คุณไม่รู้จักยาสลบหรอ? ถ้าคุณโดนฤทธิ์ยาเข้าไปละก็คุณจะรู้สึกทรมาน เหมือนกับโดนวางยาน่ะแหละ แต่คุณไม่ใช่ว่า….” ไม่ใช่ว่าไร้สมรรถภาพทางเพศหรอกหรือ? แน่นอน เสิ่นเฉียวไม่ได้พูดออกไป
แต่เธอเปลี่ยนวิธีพูดเป็นอีกแบบ “ลู่สุนฉางไปฟังข่าวลือจากข้างนอก เขาคิดว่าคุณอย่างนั้น…ดังนั้นเขาจึงอยากจะแก้แค้นคุณ คุณไม่เป็น….อะไรจริงๆใช่มั้ย?”
อย่างนั้น…เย่โม่เซินนึกอยู่ตั้งนาน จากนั้นจึงค่อยๆเข้าใจความหมายของมัน
ในใจลึกๆแล้วเขารู้สึกโมโหมากจนต้องกัดฟันแน่น บวกกับเรื่องเมื่อคืนที่เขาพยายามทุ่มแรงเพื่อช่วยเหลือเธอขนาดนั้น สุดท้ายเธอลืมเรื่องทั้งหมดไป สิ่งนี้เขากะจะไม่ถือสาแล้ว แต่นี่เธอกลับนึกว่าเขาเป็นคนไร้สมรรถภาพทางเพศอีก ตอนนี้เธอยังเอาแต่กังวลว่ายาสลบเหล่านั้นของลู่สุนฉางจะทำให้เขาแย่รึไง?
“คุณชายเย่?” เสิ่นเฉียวเห็นว่าเขานิ่งไปจึงเรียกเขาหนึ่งที
เย่โม่เซินดึงสติกลับมา เขาเคลื่อนรถเข็นเข้ามาใกล้เสิ่นเฉียวมากขึ้น “คุณเป็นห่วงฉันหรอ?”
เสิ่นเฉียวอึ้ง จากนั้นส่ายหน้า “ฉันแค่รู้สึกว่าพวกเขาหลอกใช้ฉันเพื่อล่อให้คุณเข้ามา ดังนั้น….จึงรู้สึกผิดเฉยๆ คุณชายเย่อย่าเข้าใจผิดนะ”
เย่โม่เซินหัวเราะเบาๆ จู่ๆเขาดึงเธอออกมาจากผ้าห่ม
“ห๋า คุณจะทำอะไรน่ะ?” หลังจากเสิ่นเฉียวโดนเขาดึงตัวออกมาจากผ้าห่ม เธอตกใจจนร้องออกมา เธออยากจะผลักเขาออกไป แต่เย่โม่เซินจับข้อมือขาวๆของเธอเอาไว้
เขาจับข้อมือของเธอแล้วดึงมาที่ใบหน้าของตัวเอง เสิ่นเฉียวสังเกตเห็นว่าเขาหยุดมือของเธอไว้ตรงตำแหน่งรอยแผลขีดข่วนบนใบหน้าของเย่โม่เซิน
“มองเห็นรึเปล่า? พวกนี้….คือผลงานของคุณทั้งหมด” เย่โม่เซินพูดด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำ ราวกับไวน์ที่มีรสชาติกลมกล่อมค่อยๆไหลผ่านลำคอ
อะไรนะ? เสิ่นเฉียวจ้องมองเขาด้วยความตกใจ ตอนเมื่อตะกี้ที่เขาเดินเข้ามาในห้องเธอก็สังเกตเห็นรอยแผลขีดข่วนบนใบหน้าของเขา เธอยังรู้สึกสงสัยว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง ที่แท้คือโดนเธอข่วนอย่างนั้นหรอ?
แต่ทำไมเธอจำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง
“อีกทั้งตรงนี้ด้วย…” เย่โม่เซินจับมือของเธอค่อยๆเลื่อนลงไป เสิ่นเฉียวรู้สึกได้ว่านิ้วมือของเธอวางอยู่บนสัมผัสที่อ่อนนุ่ม คือริมฝีปากของเย่โม่เซินนั่นเอง
อีกทั้งตำแหน่งที่นิ้วมือของเธอวางอยู่คือตำแหน่งที่ริมฝีปากของเย่โม่เซินที่มีแผลถลอกอยู่พอดี
ทำไม…หัวใจของเสิ่นเฉียวถึงสั่นไหวขึ้นมา
เย่โม่เซินเขา ตกลงมันหมายความว่าอะไร?
เย่โม่เซินมองเห็นแววตาของเธอกำลังสั่น นิ้วมือของเธอค่อยๆหดกลับเข้าไปจนกำมือแน่น “ไม่อยากยอมรับรึไง?”
“อะไรนะ?”ดวงตาของเสิ่นเฉียวเบิกกว้างด้วยความไม่มั่นใจ “ฉันไม่…รู้ว่าคุณหมายความว่ายังไง”ถ้าจะบอกว่าแผลขีดข่วนบนใบหน้าของเขาคือสิ่งที่เธอเป็นคนทำ แบบนั้นเธอรู้สึกว่ามันก็อาจจะเป็นไปได้ แต่แผลถลอกบนริมฝีปากนั้น มันยังไงๆอยู่
หรือว่าเธอจะพุ่งเข้าไปกัดอย่างนั้นหรอ? เสิ่นเฉียวจำได้แค่เหตุการณ์ก่อนหน้านั้น แต่เหตุการณ์หลังจากนั้นยังไงๆเธอก็นึกไม่ออกอยู่ดี
“ไม่รู้? ดูแล้วคุณจะลืมไปหมดแล้วจริงๆ” เย่โม่เซินหัวเราะอย่างเย็นชา มือใหญ่ๆของเขาบีบหลังคอของเธออย่างกะทันหัน “ต้องการให้ฉันช่วยย้อนความจำให้คุณมั้ย?”
เสิ่นเฉียวมองหน้าเขาอย่างทำตัวไม่ถูก เย่โม่เซินเข้ามาใกล้ๆเพื่อมาอยู่ข้างกายของเธอ ริมฝีปากอันเรียวบางแนบชิดกับใบหูของเธอ
“เมื่อคืนมีคนเข้ามากอดฉันตลอดเวลา ขอร้องให้ฉันช่วยเธอ….”
เพียงแค่หนึ่งประโยค สีหน้าของเสิ่นเฉียวเปลี่ยนไปทันที
เธอรู้สึกว่า คนที่เย่โม่เซินกำลังพูดถึง น่าจะหมายถึงเธอสินะ
“เดิมทีฉันไม่อยากจะช่วยหรอก แต่เธอพุ่งเข้ามาถอดเสื้อผ้าของฉัน….”
“คุณ คุณไม่ต้องพูดแล้ว” เสิ่นเฉียวรีบพูดขัดจังหวะด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา “เมื่อคืนฉันโดนวางยา ฉันนึกอะไรไม่ออกทั้งนั้น”
หลังจากพูดจบ ทันใดนั้นมีภาพบางอย่างแวบขึ้นมาในสมองของเสิ่นเฉียว
ภาพที่เห็นคือเธอกอดคอเย่โม่เซินเอาไว้ เสื้อผ้าบนร่างกายหลุดลุ่ยยุ่งเหยิงไปหมด เธอนั่งอยู่บนขาของเขาดิ้นไปดิ้นมา เธอทำปากจู๋แล้วจูบไปทั่ว เหตุการณ์ทั้งหมดจะบอกว่าเป็นอุบัติเหตุรถชนที่รุนแรงก็ได้ ไม่สามารถเก็บกวาดได้!
ส่วนเธอราวกับว่าได้ยินเสียงของตัวเองพูดว่า “ช่วยฉันด้วย….”
เสียงเสียงนั้นช่างยั่วยวนน่าขนลุก คือน้ำเสียงหลังจากที่เธอโดนวางยา
เสิ่นเฉียวอึ้งอยู่กับที่
“ดังนั้นคือคุณ……หรอ?” รอยม่วงช้ำที่อยู่เต็มตัวของเธอ อย่าบอกนะว่าเย่โม่เซินเป็นคนทำ?
เมื่อนึกมาถึงตรงนี้ เสิ่นเฉียวผลักตัวเย่โม่เซินออกด้วยความเหลือเชื่อ จากนั้นจ้องมองไปที่เขา “เมื่อคืนพวกเรา…..”
“นึกออกแล้วหรอ?” ดวงตาของเย่โม่เซินยังคงดูเย็นชาเหมือนเคย แต่แววตาดูไม่ค่อยเหมือนเดิม แววตาที่เขาจ้องมองเธอดูมีความหยอกล้อเธอเล็กน้อย
“….นึกเหตุการณ์ช่วงหนึ่งออก”
“ใช่เหตุการณ์ที่คุณมายั่วยวนฉันยังไงรึเปล่า? ผู้หญิงแต่งงานครั้งที่สอง เมื่อคืนฉันโดนคุณนี่แหละมายั่วยวน”
แววตาของเสิ่นเฉียวเต็มไปด้วยความสับสน เธอเหลือบไปมองบริเวณระหว่างขาของเขาโดยไม่รู้ตัว “เอ่อคือ…..คุณไม่ใช่……ไม่ใช่ว่ามีปัญหาด้านนั้นรึไง? ทำไมยังสามารถ?”
ไม่ใช่ว่าคุณไร้สมรรถภาพทางเพศรึไง? เธอยังคงพูดคำนั้นไม่ออก