เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - ตอนที่ 876 ผู้พิทักษ์แดนตะวันตก
มีคำพูดที่เป็นกระแสระบาดภายในราชวงศ์ต้าเซี่ยว่า:ราชวงศ์ก้มมองสรรพสัตว์
ในความเป็นจริงไม่ใช่เรื่องพิลึกมหัศจรรย์อย่างนิยายบรรลุเซียนอะไรแบบนั้น เอะอะก็จะเหยียบยืนอยู่เหนือสรรพสัตว์ให้อยู่ใต้ธุลี
แต่ความเป็นจริงในสังคมโลกปัจจุบัน คงไม่มีใครกล้าจะพูดว่า ‘ก้มตามองสรรพสัตว์’ อีกแล้ว
เพราะคำพูดวลีนี้มีน้ำหนักไม่ใช่น้อย ไม่ว่าจะต้องมีในเรื่องการเงิน หรือตำแหน่งบรรดาศักดิ์ และหรืออำนาจอิทธิพล ล้วนต้องมากพอให้ผู้คนแหงนหน้ามอง—-ยิ่งกว่านั้นคือการยอมทำใจ
มองเงินทองเสมือนกองขี้ มองยศถาบรรดาศักดิ์เป็นเรื่องตลก จึงคู่ควรกับการที่จะพูดว่า ‘ก้มตามองสรรพสัตว์’ ได้
ในวงการการต่อสู้ก็เหมือนกัน
ฉินจิ่วจิงเป็นยอดฝีมือระดับอัจฉริยะของราชวงศ์ตระกูลฉิน มาถึง ณ ปัจจุบัน ยังไม่เคยลิ้มรสของการแพ้
นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาคิดว่าไร้คู่ต่อสู้ในราชวงศ์แล้ว ก็เท่ากับเป็นผู้ไร้เทียมทานไปทั่วทั้งแผ่นดิน
เขาได้มีพันธสัญญาในการร่วมมือบางอย่างกับฉินโช่ววง คนหลังนี้รู้ถึงว่าในคืนนี้ฉินกวนฉีคงต้องอดกลั้นไม่อยู่ จะต้องลงมือกับฉินผู่หยาง จึงได้สั่งให้ฉินจิ่วจิงซ่อนตัวอยู่ในตู้ ก็เพื่อจะปฏิบัติการให้บรรลุผลในเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิดนี้
แต่แล้ว มันก็เป็นสิ่งที่เหนือคาดคิดจริง ๆ
ผู้ที่ให้รู้สึกเหนือคาดคิดนั้น คือฉินจิ่วจิง
เขาคิดไม่ถึงเลยว่า คนกระจอก ๆ คนหนึ่งที่นับไม่ได้แม้ตระกูลหลวง จะกดดันเขาได้อย่างมหาศาล!
ใช่เลย
เผชิญหน้ากับการโถมโจมตีอย่างถล่มทลายนี้ ฉินจิ่วจิงให้รู้สึกถึงความกลัวแล้ว
เม็ดหมากรุกรวมกันถึงแปดเม็ด แต่ละเม็ดล้วนแล้วแต่จะพุ่งใส่จุดสำคัญของร่างกาย จะให้โดนเข้าให้แม้เพียงเม็ดเดียวก็ไม่ได้ มิฉะนั้นสถานการณ์ก็กำหนดได้ไว้ว่าต้องตายแน่นอน
ฉินจิ่วจิงให้รู้สึกจำเป็นต้องวิเคราะห์เด็กหนุ่มคนนี้ใหม่แล้ว ร่างกายเขาเครียดตึงขึ้นกล้ามเนื้อของเขาเบ่งพองเป็นเสมือนมังกรห้าว ขนลุกชี้ชัน ตั้งการ์ดพร้อมรับการจู่โจมที่ร้ายกาจ
เขาสปีดความเร็วไปถึงขีดสุด หลบพ้นเม็ดหมากรุกทั้งแปดนั้นอย่างเฉียดฉิวในที่สุด
เฟี้ยว ๆ ๆ !
เม็ดหมากรุกทั้งแปดเม็ดนั้นพุ่งผ่านร่างกายเขาไปแค่เพียงเฉียดยิ่งไปกว่าเฉียด ผนังที่อยู่ข้างหลังของเขา ปรากฏเป็นรูโหว่ดำมืดแปดรู
ในวินาทีนั้น ทุกคนทั้งหมดตาลุกค้าง สีหน้าบ่งให้เห็นเต็มด้วยความเหลือเชื่อ
ไม่ว่าจะเป็นฉินเจียนเวย หรือฉู่หยัง หรือกับฉินผู่หยาง ต่างลุกยืนขึ้น ขยับหลบไปข้างหลังถังเฉา
ในสายตาของพวกเขา พวกเขายังไม่ทันเห็นเลยแม้กระทั่งแนวเส้นทางของเม็ดหมากรุก ความเร็วนั้นเหนือที่จะจับเห็นได้ด้วยตาเปล่าของมนุษย์
ฉินโช่ววงยังถึงกับผวางง เขาคิดไม่ถึงเลยว่า ฝีมือถังเฉาจะเก่งกาจถึงเพียงนี้
แต่ทว่า ในความคิดที่เขามอง ยังคงว่าเทียบกับยอดฝีมือจากตระกูลราชวงศ์ตระกูลฉินที่เขาเอามาไม่ได้
“จิ่วจิง เจ้ามัวออมมือไว้ทำไม?จัดการฆ่ามันทิ้งไปเลย!”
ฉินโช่ววงตวาดเสียงทุ้มหนัก
เขารู้สึกว่า ที่ฉินจิ่วจิงตกอยู่สภาพเบี้ยล่างนั้น เพราะถูกถังเฉาชิงเปรียบลงมือก่อน และฉินจิ่วจิงยังออมมือให้
“……”
ฉินจิ่วจิงเหมือนอมขมอยู่ในปากพูดไม่ออก ตาข้างไหนของแกเห็นข้าออมมือ(วะ)?
ถังเฉาเขาเพียงยังนั่งอยู่กับที่ ขยับฝีมือแค่ดีดนิ้ว ก็เล่นเอาตัวเขาต้องงัดเอาพลังฝีมือออกมาทั้งหมด จึงได้หลบพ้นเม็ดหมากรุกที่พุ่งใส่จุดตายได้อย่างหวุดหวิด
ใครเก่งใครด้อย มองทีเดียวก็รู้
ยิ้มบนใบหน้าถังเฉาดูข้นขึ้นอีก “ไม่ผิดเลย พลังฝีมือของยอดฝีมือในตระกูลราชวงศ์ ไม่ทำให้ข้าผิดหวังเลย ข้าก็ได้ประมาณรู้ชัดได้แล้วถึงระดับมาตรฐานอยู่ตรงไหน”
ได้ยินที่เขาพูดมา หน้าของฉินจิ่วจิงอับแสงไปเลย ฉินโช่ววงยิ่งโกรธเป็นฟืนไฟ
เขาเล่นเอาฝีมือฉินจิ่วจิงมาวางเป็นเพียงระดับมาตรฐานระดับหนึ่ง
“โอหัง!”
ใบหน้าฉินจิ่วจิงเต็มไปด้วยแววฆ่า รวมพลังในกายเต็ม เตรียมมุ่งสังหารยังถังเฉา
ฉูหยังถลันขึ้นมาขวางข้างหน้า ตวาดว่า “ข้าบอกแล้ว ใครคิดจะลงมือกับคุณถัง ผ่านด่านข้านี้ไปก่อน!”
“รนหาที่ตาย!”
แววฆ่าในตาของฉินจิ่วจิงถูกโหมกระพือหนักขึ้น “ไม่คิดว่าแม้หมูหมากาไก่ยังกล้ามาซ่ากับตระกูลราชวงศ์?แกถือดีอะไรมายืนขวางหน้าข้า?”
พูดจบ สะบัดมืออันกว้างหนา มุ่งเข้าคว้าจับฉู่หยัง
แต่เพียงแค่ลงมือ ก็มีเม็ดหมากรุกบินพุ่งมาอีกสองเม็ด
เฟี้ยว เฟี้ยว!
หนึ่งขาวหนึ่งดำสองเม็ดหมากรุกพุ่งใส่ไปที่หน้าฉินจิ่วจิง เฉียดไปเพียงแค่เส้นยาแดงผ่าแปดก็จะซัดทะลุฝ่ามือฉินจิ่วจิง
คนที่พูดถึงในทีหลังนี่หยุดมือกึกเหมือนถูกสะกด ค้างอยู่เหนือบนหัวของฉู่หยัง ชะงักนิ่งไม่กล้าขยับลงคว้าจับต่อ
ถังเฉายังคงนั่งวางตัวสบายอยู่กับโซฟา ในมือขยับเม็ดหมากรุกดำขาวเล่น ดูเหมือนยิ้มแต่ไม่ได้ยิ้มมองไป พูดว่า “ถ้าใจกล้า ก็ลงมือใส่เขา ที่นี่ไม่มีอะไรอย่างอื่น อย่างมากก็แค่เม็ดหมากรุกที่เห็น”
“……”
ฉินจิ่วจิงชักมือถอยกลับด้วยสีหน้าที่ข้องใจ ในตายังคงจรัสส่องด้วยประกายฆ่า
เขาคาดเดาเห็นแล้วว่า ถังเฉาไม่ได้มีความตั้งใจจะสู้กับเขาเลย เพียงใช้เม็ดหมากรุกพวกนี้เป็นอาวุธลับ ซัดสู้กับเขาในระยะไกล
แต่ฉินจิ่วจิงนั้นจะมีเปรียบกว่าในการต่อสู้ประชิดตัว ถ้าเป็นตามรูปแบบนี้ จะเกิดเป็นข้อจำกัดในส่วนจะได้เปรียบของเขาเป็นอย่างมาก
ฉินโช่ววงก็ได้มองเห็นถึงจุดนี้ มองถังเฉาอย่างเกรี้ยวกราด “เจ้าเด็กน้อย แกเป็นแต่หาเก็บเศษเล็กเศษน้อยคอยจ้องฉวยโอกาสหรือไง จะกล้าจริงออกมาสู้กันจะ ๆ กับจิ่วจิงสักหลายยกมั้ยหละ?”
ถังเฉาลุกยืนขึ้น “ผมไม่เพียงแต่จะกล้าสู้กับเขากันอย่างจะ ๆ สักหลายยก ผมยังกล้าเข้าไปตบท่านอย่างจะจะสักสามฉาดด้วย”
พูดยังไม่ทันได้ขาดคำ ร่างของถังเฉาพลันหายไปจากที่เดิม ชั่วแวบต่อมา ไปปรากฏตัวอยู่ตรงข้างหน้าฉินโซ่งเวิงอย่างภูตผี
ผลัวะ ผลัวะ ผลัวะ!
สามฝ่ามือจัง ๆ อย่างแรงขึ้นในแต่ละครั้ง อย่างโหดขึ้นในแต่ละที ซัดเอาฉินโช่ววงเลือดกบปาก ฟันร่วงไปหลายซี่
ผึง!
ฉินโช่ววงกระเด็นลอยไปเหมือนว่าวสายป่านขาด หากแม้นไม่ใช่ฉินจิ่วจิงตาไวมือฉกาจรับไว้ก่อน ผู้ที่มีวัยสูงถึงแปดสิบลอยออกไปนั้น คงได้ฝังกันตรงนั้นเป็นแน่แท้
“แกนี่ลงมือได้แม้กระทั่งคนแก่!”
ฉินจิ่วจิงมองหน้าถังเฉาอย่างเกรี้ยวกราด
ถังเฉาหัวเราะเหอ ๆ ย้อนกลับนั่งลงบนโซฟา “พวกคุณจะฆ่าผม แล้วทำไมผมจะต้องออมมือด้วย?”
ฉู่หยังมองฉากเหตุการณ์นี้อย่างตื่นตา ก่อนนี้ตั้งแต่ในงานแต่งงานของเย่หรูอี้กับถังหลิน เขาก็รู้อยู่แล้วว่าถังเฉาก็คือ ‘เจ้ามังกร’ ม้ามืดจากงานประชุมแดนเหนือ ตอนนี้มีเขาเป็นผู้คุ้มครอง ใครรึจะกล้าลงมือกับเขา?
มึคำพังเพยว่าไว้อย่างดีว่า ตีหมาก็ยังต้องดูหน้าเจ้าของ ตอนนี้ ฉู่หยังก็ยินดีแล้วที่จะเป็นหมาให้ถังเฉา
ฉินผู่หยางมองหน้าฉินโช่ววงด้วยสีหน้าที่สับสน อ้าปากจะเรียก แต่เมื่อคิดไปถึงสภาวการณ์ที่เป็นปฏิปักษ์กันในขณะนี้ คงยังต้องหุบปากลง
ไม่ว่าฝ่ายไหนจะชนะ หลังอรุณรุ่ง ตระกูลหลวงตระกูลฉินก็จะต้องมีการเปลี่ยนแปลง
เจ้าเดิมตายไป เจ้าใหม่แต่งตั้งมา หรือเจ้าเดิมจะคงอยู่ ยังไม่สามารถตัดสินได้
ผ่านไปนานมาก ฉินโช่ววงคืนสติมาด้วยเลือดที่กบปาก ท่าทางโหดเหี้ยมน่ากลัว
เขา จ้องเขม็งที่ถังเฉา เป็นถึงหัวหน้าตระกูลหลวงตระกูลฉิน ผ่านร้อนฝนลมหนาวนับไม่ถ้วน กลับปล่อยให้ไอ้เด็กวานซืนมาหยามเหยียบศักดิ์ศรีได้
ลำพังเพียงฉินจิ่วจิงคนเดียว ยังไม่เพียงพอ
ฉินโช่ววงคิดแล้วต้องใช้ไพ่ทุกใบทั้งหมด ขอเพียงเอาให้ถังเฉาตาย
“ขอเรียนเชิญท่านมู่ลงมือด้วย!”
ฉินโช่ววงสะบัดผมกระจายแหงนหน้ากู่ก้องไปบนท้องฟ้า เสียงแหบพร่าเหมือนผีห่าซาตานกรีดร้อง สะท้อนก้องไปตามระเบียงทางเดิน
บรึม!
พอได้สิ้นเสียง อาจจะด้วยประสาทหลอนของทุกคนที่อยู่ในบริเวณ ทั่วทั้งพื้นที่จัดงานชมรมหมากรุกเป่ยโต่วเหมือนเกิดแผ่นดินไหว สั่นคลอนวูบวาบ
ดุจมีอานุภาพที่ยิ่งใหญ่ไปถึงสุดขอบฟ้า ประหนึ่งว่าคลื่นสึนามิตลบม้วนเป็นระลอกกลับไปมา ชั่วพริบตาครอบคลุมไปทั่วงานชมรมหมากรุกเป่ยโต่ว
ในเวลาเดียวกันนั้น ทุกคนต่างให้รู้สึกว่าเหมือนถูกบีบคอ ความรู้สึกหนักอึ้งจนหายใจไม่ออก ให้มองเห็นแต่ความสิ้นหวัง
“คุณท่านมู่?หรือว่าจะเป็น……”
ฉินผู่หยางเหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้ ดวงตาหดเล็กลงจนเหลือเป็นจุด หน้าเผือดซีดลง
คำที่จะพูดต่อ กลับทำยังไงก็พูดไม่ออก
“คุณผู้เฒ่าฉิน ข้าคนแซ่มู่คนนี้ค้างหนี้น้ำใจของท่าน แต่ก็เหลืออยู่เป็นครั้งสุดท้ายแล้วนะ คิดให้ดี”
ภายนอกบริเวณงาน เสียงแหบแห้งแต่ดังกังวานดังขึ้น เสียงครึกโครมสะเทือนแก้วหู สั่นสะท้านถึงทุกวิญญาณ
ฉินโช่ววงตะโกนเสียงคำรามอย่างบ้าคลั่ง “ข้ารู้ และก็เป็นการร้องขอเป็นครั้งสุดท้ายของข้า ช่วยข้าฆ่ามันทิ้งเสีย!”
เสียงเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วเริ่มดังขึ้นอีกครั้ง
“ให้เป็นไปตามที่เจ้าต้องการ”
คุณมู่นั้นเป็นใครกันหรือ?
รองจากเจ้ามังกร หนึ่งในผู้พิทักษ์สี่แดน
แดนตะวันตก ผู้ที่ประจำการอยู่แดนตะวันตก มู่ตงเฟิง!