เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - ตอนที่ 861 การแต่งงานจอมปลอม
ในเวลานี้โรงพยาบาลอันดับหนึ่งได้ถูกคุ้มครองไว้อย่างแน่นหนา
เพียงเพราะมีคนคนหนึ่งเข้าไป
ผู้นำตระกูลลั่วปัจจุบัน ขณะเดียวกันยังเป็นแม่ของหลินชิงเสว่ ลั่วเย่นหัว
ข้างกายลั่วเย่นหัวคือลั่วเยนอวิ๋น จอมมารที่ทุกคนในเมืองซื่อจิ่วกลัวกันหมด เงียบเหมือนลูกแมวตัวหนึ่ง
ติ้ง!
ประตูลิฟต์เปิดออก
ขณะนี้หลินชิงเสว่ยังคงนั่งอยู่ในทางเดินยาวข้างนอก รอคอยถังเฉากลับมา
หลังจากที่เห็นหลินชิงเสว่อีกครั้ง ลั่วเย่นหัวก็ตัวสั่นไหว หลบสายตาเล็กน้อย
จากนั้นเธอก็หันไปมองลั่วเยนอวิ๋น “เธอออกไปรอฉันข้างนอกเถอะ”
ตอนแรกลั่วเยนอวิ๋นไม่เต็มใจ แต่พอคิดถึงสถานการณ์ในตอนนี้ต้องปล่อยให้พวกเธอสองแม่ลูกอยู่กันตามลำพัง จึงถอนหายใจเบาๆและออกจากที่นี่
ลั่วเย่นหัวยืนอยู่ในทางเดิน มองหลินชิงเสว่เงียบๆ
ราวกับรู้สึกถึงสายตานั้น ฝ่ายหลังแหงนหน้าด้วยสายตาเย็นยะเยือก สองแม่ลูกสบตากัน เวลาเหมือนหยุดลงในขณะนั้น
หลินชิงเสว่มีสายตาประหลาดใจอยู่แวบหนึ่งก่อนจะสงบลงอย่างรวดเร็ว เธอไม่แปลกใจกับการมาของลั่วเย่นหัว และหันไปมองตรงอื่นต่อ
ลั่วเย่นหัวเดินมาอยู่ข้างกายเธอและถามเบาๆ “ฉันนั่งที่นี่ได้มั้ย”
หลินชิงเสว่พูดโดยไม่หันกลับมามอง “ที่นี่คือโรงพยาบาล ไม่ใช่บ้านของหนู”
ลั่วเย่นหัวยิ้มกว้างมากขึ้น นั่งลงข้างกายหลินชิงเสว่อย่างระมัดระวังและเอ่ยขึ้น “เธอต้องเข้าใจนะว่าการที่เด็กคนนี้เกิดมามีความหมายมากต่อทั้งสองตระกูล”
ประโยคนี้เหมือนพูดไปอย่างนั้น แต่ก็เหมือนอธิบายว่าทำไมเธอถึงมาที่นี่
หลินชิงเสว่เหลือบมองแล้วถามว่า “หลังจากนั้นล่ะ?”
“…….”
ลั่วเย่นหัวเหมือนพูดอะไรไม่ออกกับคำถามเย็นชาของลูกสาว เธอเงียบอยู่นานก่อนจะมีสีหน้าปล่อยวาง เธอมองหลินชิงเสว่และบอก “ฉันรู้ว่าฉันไม่ใช่แม่ที่ดี ฉันไม่เคยเลี้ยงดูแก แต่แก…… ก็ยังเป็นลูกของฉันตระกูลลั่ว”
คำพูดนี้ทำเอาหลินชิงเสว่มีสีหน้าเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย แต่สายตาเย็นชากว่าเดิม
เธอไม่พูดอะไร รอให้ลั่วเย่นหัวพูดต่อ
“ฉันไม่ขอให้เด็กคนนี้แซ่ลั่ว ฉันแค่หวังว่าเธอจะพาเด็กคนนี้กลับมาเยี่ยมฉันบ้าง ให้เขาได้รู้ว่ามีคุณย่าอย่างฉันอยู่ก็พอ”
สีหน้าของลั่วเย่นหัวแสดงอารมณ์ซับซ้อนที่ไม่อาจอธิบาย “เมื่อก่อนฉันไม่เคยยอมแก่ แต่จนกระทั่งได้รู้ว่าลูกคนที่สองของแกมีวี่แววแล้วฉันถึงตระหนักได้ว่าฉันควรจะเกษียณได้แล้ว”
“ผู้คนในยุคเก่าควรเกษียณได้แล้ว และผู้คนในยุคใหม่ก็รับสืบทอดคบเพลิงนั้นต่อไป”
“……”
หลังจากได้ยินคำพูดของลั่วเย่นหัวแล้ว หลินชิงเสว่ก็เงียบลงเช่นกัน
เธอพยักหน้า “ได้ หนูจะกลับตระกูลลั่ว”
หลังจากได้รับคำมั่นสัญญาของหลินชิงเสว่แล้ว ลั่วเย่นหัวพยักหน้า รอยยิ้มบนใบหน้ากว้างขึ้นไปอีก
“ดูแลสุขภาพด้วย”
ลั่วเย่นหัวกำชับก่อนจะลุกขึ้นก่อนจะตั้งท่าเดินออกไป
“เดี๋ยวก่อน”
“แม่……”
หลินชิงเสว่ตะโกนเรียกจากด้านหลัง
ลั่วเย่นหัวที่เพิ่งเดินออกไปได้ก้าวเดียวชะงักงัน โฉมหน้างดงามไม่ยอมแก่นั้นฉายแววตะลึง
เธอหันกลับมาด้วยท่าทีแข็งทื่อ มองหลินชิงเสว่ด้วยสายตาเหลือเชื่อและเอ่ยถาม “เมื่อกี้แก เรียกฉันว่าอะไรนะ?”
“แม่”
เทียบกันแล้ว หลินชิงเสว่พูดคำนี้ออกมาด้วยสีหน้าเรียบสงบมาก
ลั่วเย่นหัวหันกลับมาทั้งตัว สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยหลากความรู้สึก ตื้นตัน ดีใจ ปิติ รู้สึกผิด…..ฉายอารมณ์ทุกอย่าง ทว่าแสดงอะไรออกไม่ได้สักอย่าง
เธออ้าปากเล็กน้อย แต่พูดอะไรไม่ออก
จะสามสิบปีแล้ว!
ในที่สุดหลินชิงเสว่ก็ยอมรับแม่อย่างเธอ
“อย่าเข้าใจผิด หนูแค่รู้สึกว่าความแค้นของคนรุ่นก่อนไม่ควรพาลมาโดนคนรุ่นหลังด้วย เรื่องที่หนูประสบเมื่อครั้งยังเด็ก หนูไม่อยากให้ลูกของหนูต้องเจอแบบเดียวกัน”
หลินชิงเสว่กลับสู่ความเย็นเยียบอย่างที่เป็นปกติ และเอ่ยขึ้นนิ่งๆ
“ดีเลย ชิงเสว่ อีกหน่อยเจอเรื่องลำบากที่เมืองซื่อจิ่วก็บอกแม่นะ”
ลั่วเย่นหัวตื้นตันจนพูดอะไรไม่ถูกอีกครั้ง “แม้ว่าแม่จะจากเมืองซื่อจิ่วไปยี่สิบปีแล้ว แต่อิทธิพลแค่นี้ยังพอมีอยู่บ้าง”
หลินชิงเสว่ไม่สงสัยสิ่งที่ลั่วเย่นหัวพูดเลยสักนิด แค่เรื่องที่ยี่สิบปีก่อนเธอก็มีอิทธิพลเรียกลมเรียกฝนในเมืองซื่อจิ่วได้นั้น เพียงพอให้เธอกลายเป็นคนระดับตำนาน
ตราบใดที่หลินชิงเสว่เต็มใจ การได้รับความช่วยเหลือจากลั่วเย่นหัวง่ายต่อการทำให้ลี่จิงกรุ๊ปของเธอเป็นหัวเรือยักษ์ใหญ่ในแวดวงธุรกิจ
ตระกูลหลิน ก็ไม่กล้าคุยกับหลินชิงเสว่ด้วยท่าทีเช่นนี้
ทว่า หลินชิงเสว่เพียงแต่ยิ้มเล็กน้อยด้วยสีหน้าสงบ “หนูไม่ต้องการความช่วยเหลือของคุณ หนูมีชีวิตที่ดีมากได้ด้วยตัวเองอยู่แล้วค่ะ”
“หนูแค่อยากรู้ความจริงของการหย่าร้างของพวกคุณ คุณ ไม่สามารถให้กำเนิดได้จริงๆหรอคะ”
หลินชิงเสว่เปลี่ยนประเด็น สายตาคมกริบขึ้น เธอจ้องเข้าไปในดวงตาของลั่วเย่นหัว
“……”
ดูเหมือนลั่วเย่นหัวจะตั้งสติไม่ได้ไปชั่วขณะ เธอมองหลินชิงเสว่อย่างเลื่อนลอย
เมื่อก่อนลั่วเย่นหัวเคยเป็นถึงสาวงามอันดับหนึ่ง ทำไมถึงหย่ากับหลินรั่วหวีกันนะ?
การแต่งงานครั้งนี้ หลินรั่วหวีเป็นฝ่ายเสนอด้วยซ้ำ
ผู้คนในโลกนี้ไม่เข้าใจ แม้แต่หลินชิงเสว่ก็ไม่สามารถเข้าใจได้
นี่เป็นเหมือนเสี้ยนหนามในใจของเธอมาโดยตลอด แต่เธอไม่เคยพูดถึง
ตอนนี้มีเพียงเธอและลั่วเย่นหัวสองคน เธอถึงกล่าวถึงความลับนี้ที่ถูกฝังไว้เป็นเวลานาน
ผ่านไปเนิ่นนานลั่วเย่นหัวถึงได้สติ เธอยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย เผยรอยยิ้มจางๆอันปลงโลก
“ให้กำเนิดได้หรือไม่นั้น ตอนนี้มองย้อนกลับไปยังสำคัญอยู่หรอ?”
“งั้นหนูเปลี่ยนคำถาม”
หลินชิงเสว่เอ่ยขึ้น “ทำไมหลังจากที่คุณหย่ากับเขาแล้วถึงเลือกที่จะออกจากเมืองซื่อจิ่วก่อนจะบวช? สถานที่นี้มีบุพเพที่คุณไม่อาจตัดได้หรอ? หรืออาจจะเป็น—-ผู้คน?”
“……”
เป็นผลให้ใบหน้าของลั่วเย่นหัวแข็งทื่อ รอยยิ้มยังคงอยู่ แต่กลายเป็นรอยยิ้มผงะ
แม้ว่าหลินชิงเสว่จะไม่ใช่ลูกแท้ๆของเธอ แต่ความสามารถในการสังเกตอันแหลมคมและสติปัญญานั้นสืบทอดเธอมา
“คนทั่วไปหลังจากหย่าร้างแล้ว ไม่ต้องพูดถึงที่ไม่ยอมข้องแวะกันอีกจนกว่าจะตายกันไปข้าง แต่ก็คงไม่ถึงขั้นต้องบวชหรอกนะคะ?”
หลินชิงเสว่หรี่ตา สายตาของแฝงไว้ด้วยแสงแห่งสติปัญญา “หนูอยากรู้ว่าแม่ศึกษาพระธรรมถึงยี่สิบปี บรรลุอะไรได้บ้างมั้ยคะ”
สีหน้าของลั่วเย่นหัวเต็มไปด้วยความตะลึง แต่พอมองไปที่ใบหน้าของหลินชิงเสว่แล้ว สีหน้าของเธอก็ค่อยๆเคร่งเครียดขึ้น
เงียบอยู่นาน ลั่วเย่นหัวมีสีหน้าดิ้นรนอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ปลงและกล่าวขึ้น “การแต่งงานของฉันและหลิน รั่วหวีในครั้งนี้ คนที่ฉันรู้สึกผิดที่สุดก็คือแก ตลอดยี่สิบปีมานี้คนที่ฉันศึกษาก็คือแก แต่ฉันศึกษาได้ไม่ทะลุปรุโปร่ง พระจึงไม่ให้อภัย ฉันจึงต้องลาสิกขาและกลับมาหาแก”
“ทำไมล่ะคะ?”
คิ้วของหลินชิงเสว่ขมวดแน่น
“เพราะที่ฉันแต่งงานกับพ่อแกเป็นเพียงการแต่งงานจอมปลอม”
สีหน้าของลั่วเย่นหัวโศกเศร้า เธอพูดด้วยสายตาซับซ้อน “พ่อของแกเข้าใกล้ฉันเพราะต้องการแก้แค้น แต่ฉันดันไม่รู้ตัวแต่แรกว่านี่เป็นกับดักลวง หลังจากที่ฉันรู้ตัวก็สายไปเสียแล้ว”
“กับดักลวง?”
หลินชิงเสว่ไม่เข้าใจ
ลั่วเย่นหัวพยักหน้าและกล่าวต่อ “ตระกูลของเขาต้องดับสิ้นเพราะแม่ของฉัน เขาหลอกฉัน แต่ฉันไม่โกรธแค้นเขา”
“เพราะตั้งแต่วันแรกที่เราแต่งงานกัน ก็ถูกกำหนดไว้แล้วว่าจะมีจุดจบที่บาดเจ็บด้วยกันทั้งคู่”