เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - ตอนที่ 63 ความชอบธรรม
บทที่ 63 ความชอบธรรม
“เหอะ!”
ลุงเหลียงเดินออกมาจากพุ่มไม้พร้อมกับซูเซี่ยด้วยสีหน้าเศร้าหมอง “แกยังมีพ่ออยู่เหรอ!”
พรึ่บ!
เหลียงเจียหมิงถึงกับหมดเรี่ยวแรงและนั่งลงกับพื้น สองตาของเขามองไปข้างหน้าแล้วพูดพึมพำอย่างคลุมเครือ “ไม่จริง ไม่จริง……พ่อน่าจะนอนอยู่บนเตียงนี่นา……”
ลุงเหลียงเดินเข้ามาอย่างรวดเร็วและพูดเสียงดัง “แกพูดถูก ถ้าไม่ใช่เพราะเสี่ยวเฉาช่วยพ่อเอาไว้ ตอนนี้ข้ายังนอนอยู่บนเตียงอย่างแน่นอน!”
“ถังเฉา?”
ทันใดนั้นเหลียงเจียหมิงก็เข้าใจและใบหน้าของเขาก็ซีดลงทันที
“พี่ชายคะ พี่ช่างน่าผิดหวังเลยจริงๆ!” ซูเซี่ยก็พูดด้วยความเศร้าใจ
“คนอื่นสั่งสอนแกไม่ได้ ข้าจะสั่งสอนแกเอง คอยดูว่าข้าจะจัดการกับไอ้ลูกไม่เอาไหนยังไง!”
ทันใดนั้นลุงเหลียงก็เดินเข้ามาและตบหน้าเหลียงเจียหมิงอย่างกะทันหัน
เนื่องจากลุงเหลียงเป็นชายชรา การเครื่องไหวของเขาจึงค่อนข้างช้า เหลียงเจียหมิงที่รู้สึกตกใจก็เดินถอยหลังไป
“แกกล้าหลบเหรอ?”
ลุงเหลียงโกรธจนลุกเป็นไฟและตบไปที่หน้าของเหลียงเจียหมิงอีกครั้ง
เหลียงเจียหมิงที่กำลังจะหลบ แต่ในขณะนี้เขาได้ยินคำพูดเย็นชาจากปากของถังเฉา “ยืนนิ่งๆ ยอมรับการสั่งสอนจากพ่อโดยดี”
พรึ่บ พรึ่บ!
เฟิ่งหวงง้างเท้าแล้วเตะไปที่หัวเขาของเหลียงเจียหมิงจากด้านหลัง
ทันใดนั้นเหลียงเจียหมิงก็รู้สึกเจ็บหัวเข่าและอดไม่ได้ที่จะคุกเข่าลงต่อหน้าลุงเหลียง
ผ๊วะ!
ลุงเหลียงตบไปที่หน้าของเหลียงเจียหมิงอย่างจัง
ลุงเหลียงใช้สุดแรงที่มีตบไปที่กลางหน้าของเหลียงเจียหมิง จนใบหน้าข้างหนึ่งของเขาบวมช้ำและมีเลือดจางๆ ไหลออกมาจากมุมปาก
“ข้าได้ยินคำพูดของแกหมดแล้ว เอาตัวผู้หญิงไป ส่วนผู้ชายก็ให้ฆ่าทิ้งซะ……นั่นมันใช่คำพูดของคนไหม?”
“แม้บ้านตระกูลเหลียงของเราไม่ได้เป็นคนรวย ไม่ใช่ตระกูลเศรษฐีที่ไหน แต่เราไม่เคยคิดร้ายแบบนี้มาก่อน แล้วลูกชายที่ดื้อรั้นอย่างแกโผล่ออกมาจากไหน วันนี้ข้าจะตีแกให้ตาย ไอ้ลูกไม่รักดี!”
ลุงเหลียงพูดไปและวิ่งเข้าไปดึงกิ่งไม้หนาๆ ออกมาจากพุ่มไม้แล้วฟาดไปที่เหลียงเจียหมิง
โดยสัญชาตญาณแล้วเหลียงเจียหมิงสามารถหลบได้ แต่ด้วยสายตาของเฟิ่งหวงที่จ้องมองเขา เขาจึงไม่กล้าหลบและทำได้เพียงคุกเข่าเป็นเป้านิ่งให้ถูกเฆี่ยน
ผ๊วะ……ผ๊วะ……
ความรุนแรงของการเฆี่ยนหนักขึ้นเรื่อย ๆ และเหลียงเจียหมิงก็กรีดร้องครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่หยุด
“พ่อครับ ผมผิดไปแล้ว ผมไม่กล้าทำอีกแล้วครับ…….โอ๊ย……”
“พ่อครับ เรื่องรักษาพ่อผมไม่รู้จริงๆ ผมแค่เห็นแก่เงินในอารมณ์ชั่ววูบจึงคิดทำแบบนี้ ผมไม่เอาเงินห้าล้านนี้แล้วครับ!”
เหลียงเจียหมิงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดและยอมรับผิดไปด้วย แต่ลุงเหลียงไม่รู้สึกซาบซึ้งกับความรู้สึกนี้เลย
“ไอ้สารเลว ข้ายังไม่ตาย และวันนี้ข้าจะตีแกให้ตาย แกพูดอะไรก็ไม่เกิดประโยชน์หรอก!”
ผ๊วะ……ผ๊วะ……ผ๊วะ……
ท่อนไม้ฟาดลงบนร่างกายของเหลียงเจียหมิงครั้งแล้วครั้งเล่า จนท่อนไม้แตกหักไป ผิวหนังของเหลียงเจียหมิงก็กระเซ็นและมีเลือดไหลออกมา
จากนั้นลุงเหลียงก็หันไปหยิบท่อนไม้มาใหม่และตีต่อไป
หลินจ้าวหยูนกับซูเซี่ยถึงกับทึ่ง โดยเฉพาะซูเซี่ยเริ่มทนดูไม่ได้ เพราะถึงอย่างไรแล้วเขาก็คือพี่ชายแท้ๆ ของเธอ
“พี่ถังเฉา ช่วยห้ามที……”
“โทษทีนะ เรื่องนี้ผมช่วยไม่ได้”
ซูเซี่ยอยากให้ถังเฉาช่วยห้ามลุงเหลียง แต่ถังเฉากลับปฏิเสธเธออย่างไร้เยื่อใย
เธอเพิ่งสังเกตเห็นสีหน้าของถังเฉานั้นเย็นชาและเคร่งขรึมอย่างที่สุด
“ผมรู้ว่าคุณหมายถึงอะไร แต่เรื่องนี้ผมช่วยไม่ได้ ถ้าผมห้ามเขา มันก็คงไม่ยุติธรรมต่อเธอ”
ถังเฉาชี้ไปที่หลินจ้าวหยูนแล้วพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ผมไม่เชื่อว่าฟ้าจะมีตา แต่ผมเชื่อว่าทุกคนที่ทำผิดจะต้องมีใครสักคนที่คอยจัดการกับเขา……จ้าวหยูนเป็นแค่นักศึกษาคนหนึ่ง เธอไม่ได้ทำอะไรผิดเลย เรื่องอะไรถึงต้องทำร้ายเธอด้วย? อีกอย่างเธอเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ถ้าถูกพวกมันพาตัวไปจะเกิดอะไรขึ้นคงไม่ต้องพูดถึง”
“นี่มัน……”
ซูเซี่ยสีหน้าซีดเซียว ส่วนหลินจ้าวหยูนก็ทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน
เธอไม่กล้าคิดเลยว่าถ้าหากไม่มีถังเฉาในวันนี้ เธอต้องเจอกับจุดจบอย่างไร
เสียชื่อเสียงแล้วยังไม่พอ แถมยังต้องเสียพรหมจารีอีกด้วย แต่คนที่ช่วยเธอไว้กลับเป็นชายธรรมดาคนหนึ่งที่เธอคิดว่าไม่เหมาะสมกับการเป็นพี่เขยของเธอด้วยซ้ำ
“พี่สาวคะ ชายคนนี้ที่พี่เลือก เขาเป็นคนยังไงกันแน่……” เธอพึมพำกับตัวเอง
หลังจากถูกเฆี่ยนตีมาสักพัก เหลียงเจียหมิงในขณะนี้แทบจะเป็นลมหมดสติไปแล้ว ส่วนลุงเหลียงก็รู้สึกเหนื่อยล้าและโยนท่อนไม้ทิ้งไป
“ทำให้มันตื่น” ถังเฉาพูดอย่างไม่แยแส
ซูเซี่ยคิดว่าการที่ทำให้เขาตื่นนั้นเป็นการตบหน้าเบาๆ เพื่อปลุกเขา แต่เฟิ่งหวงกลับกระชากหัวของเหลียงเจียหมิงแล้วลากไปที่ริมแม่น้ำเหมือนสุนัขที่ตายไปแล้ว จากนั้นกดหัวเขาจุ่มลงไปในน้ำ
คร่อก คร่อก……
ฟองอากาศลอยขึ้นมาจากในน้ำอย่างไม่หยุด เหลียงเจียหมิงที่รู้สึกสิ้นหวังและหายใจไม่ออกในใต้น้ำก็ตื่นขึ้นมาแล้วไออย่างไม่หยุด
จากนั้นเฟิ่งหวงก็ลากเขากลับไปตรงหน้าถังเฉา
“ผมจะให้โอกาสคุณแก้ไขตัวเองนะ บอกมาว่าใครเป็นผู้บงการคุณอยู่เบื้องหลัง”
ถังเฉามองเหลียงเจียหมิงอย่างเย็นชาและถามเขาด้วยน้ำเสียงเชิงคำสั่ง
เหลียงเจียหมิงกัดฟันแน่นๆ และไม่ยอมพูดอะไร
เมื่อเห็นแบบนี้ถังเฉาก็หัวเราะขึ้นมาทันที “ช่างภักดีจริงๆ คุณไม่พูด แล้วคิดว่าผมไม่มีปัญญาทำให้คุณพูดเหรอ?”
เหลียงเจียหมิงถึงสะดุ้งเมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของถังเฉา “คุณ คุณคิดจะทำอะไร?”
ถังเฉาไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่เขาหันไปพยักหน้าให้กับเฟิ่งหวง จากนั้นเฟิ่งหวงก็เข้ามากระชากเหลียงเจียหมิงและลากเขาเข้าไปในพุ่มไม้ทันที
“พี่ถังเฉาคะ เพื่อนของพี่จะทำอะไรกับพี่ชายหนูคะ?”
ซูเซี่ยรีบลุกขึ้นถามอย่างกังวลทันที ลุงเหลียงที่ยืนอยู่อีกมุมก็รู้สึกเป็นห่วงเขาเหมือนกัน
แม้เขาจะเป็นคนลงมือสั่งสอนลูกชาย แต่ถึงอย่างไรแล้วลูกชายก็ตัดกันไม่ขาดอยู่ดี
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ลุงเหลียง เสี่ยวเซี่ย”
ถังเฉายิ้มพูดอย่างใจกว้าง “ขอเพียงเหลียงเจียหมิงให้ความร่วมมือ ผมสัญญาว่าเขาจะไม่เป็นไร”
แต่ลุงเหลียงและซูเซี่ยที่ได้ยินคำนี้กลับรู้สึกแย่ลงกว่าเดิม เมื่อคิดกลับกัน ถ้าเขาไม่ให้ความร่วมมือล่ะ……
ลุงเหลียงมีคำพูดในใจ แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร เพราะทุกอย่างนี้เขาเป็นคนเลือกเอง
“โอ๊ยยย”
ทันใดนั้น เสียงตะโกนกรีดร้องของเหลียงเจียหมิงก็ดังขึ้น “ผมจะบอกแล้ว ผมจะบอก……”
เมื่อถังเฉาได้ยินเสียงนี้เขาก็ยิ้มพูด “ดูเหมือนว่าเขาจะให้ความร่วมมือดีนะ”
ทุกอย่างอยู่ในความคาดหมายของถังเฉา แม้เหลียงเจียหมิงจะมีนิสัยที่แย่ แต่เขาก็ยังเป็นคนธรรมดาอยู่ดี ซึ่งความอดทนทางจิตใจของเขาจะเทียบกับเหล่าทหารที่ผ่านการฝึกฝนมาไม่ได้อย่างแน่นอน
และวิธีการซักถามของเฟิ่งหวงนั้น แม้แต่คนที่มีความอดทนสูงก็ต้องยอมแพ้ แล้วนับประสาอะไรกับคนธรรมดาอย่างเหลียงเจียหมิง เขาแค่ถูกขู่เล็กน้อยก็สารภาพอย่างหมดเปลือกแล้ว
แน่นอนว่าสิ่งนี้เกี่ยวข้องกับอาชีพและประสบการณ์ของเฟิ่งหวง
ไม่นานหลังจากนั้น เฟิ่งหวงก็พาตัวเหลียงเจียหมิงออกมาจากพุ่มไม้
ทุกอย่างเป็นไปตามคำพูดของถังเฉา เขาไม่ได้เป็นอะไร เพียงสีหน้าซีดเซียวและดูเหมือนวิญญาณไม่ได้อยู่ในร่างเท่านั้น
“สารภาพมาแล้วใช่ไหม?”
“เรียบร้อย”
เฟิ่งหวงพยักหน้าพูด “คนที่อยู่เบื้องหลังชื่อฉางเซ่าเฟิง เขาเป็นคนช่วยเหลียงเจียหมิงใช้หนี้ที่ค้างชำระอยู่ แต่เงื่อนไขก็คือพ่อของเหลียงเจียหมิงต้องไปเข้ารักษาที่คุณหลิน ส่วนเรื่องยารักษานั้นบริษัทผลิตยาหงเทียนเป็นผู้ให้บริการ ซึ่งนอกจากยาของคุณหลินแล้ว ยาทุกชนิดจะเป็นยาที่หมดอายุ ถ้าหากใช้แล้วจะเป็นอันตรายต่อร่างกายอย่างแน่นอน”
“ส่วนเหลียงเจียหมิงไปที่บริษัทประกันเพื่อเพิ่มวงเงินประกันของลุงเหลียง จากนั้นเขาก็พาคนไปแบล็กเมล์คุณหลิน ไม่ว่าคุณหลินจะจ่ายเงินห้าล้านนี้หรือไม่ เขาก็จะลักพาตัวคุณหลินไปให้ได้ และเขายังยอมรับแล้วว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นนี้เป็นแผนการที่มีต่อคุณหลินคนเดียวเท่านั้น”
หลังจากความจริงกระจ่าง ใบหน้าของหลินจ้าวหยูนและซูเซี่ยก็ซีดเซียว พวกเธอต่างก็ยอมรับกับพฤติกรรมอันชั่วร้ายแบบนี้ไม่ได้
สีหน้าของถังเฉาก็ดูเคร่งขรึมกว่าเดิม แม้แต่สถาบันก็มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย บริษัทผลิตยาหงเทียนมันช่างกล้าจริงๆ ……
“หนูนึกขึ้นได้แล้ว!”
ทันใดนั้นหลินจ้าวหยูนก็ตะโกนออกมา
“คุณนึกอะไรได้?” ถังเฉาถามเธอทันที
“ฉางเซ่าเฟิงกับหนูเรียนอยู่ในมหาลัยเดียวกัน แต่อยู่กันคนละคณะ”
หลินจ้าวหยูนทั้งตกใจและโกรธ “เขาจีบหนูมานานแล้ว แต่ล่าสุดหนูสาดกาแฟใส่หน้าเขาในที่สาธารณะ จากนั้นเขาพูดคำเดียวว่าให้หนูระวังตัวให้ดี”
ถังเฉาครุ่นคิดอยู่สักพักแล้วพูดว่า “เรื่องนี้จะปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้”
“คุณหลินครับ เรื่องนี้เป็นความผิดของตระกูลเหลียงของเราเองครับ”
ทันใดนั้น ลุงเหลียงก็ก้มหัวให้กับหลินจ้าวหยูนอย่างสุดซึ้งและพูดด้วยความรู้สึกผิด “เราจะรับผิดชอบเองครับ!”
“ไม่เป็นไรค่ะ ลุงเหลียง……” หลินจ้าวหยูนพยุงลุงเหลียงให้ลุกขึ้น
ลุงเหลียงได้แต่ส่ายหัวแล้วหันไปพูดกับซูเซี่ย “เสี่ยวเซี่ย โทรแจ้งตำรวจ ให้ตำรวจมาจับตัวมันไปที”
“ไงนะคะ?”
“ไม่เอาครับพ่อ ผมผิดไปแล้ว!”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ทั้งซูเซี่ยและเหลียงเจียหมิงก็รู้สึกตกใจ
“หุบปาก! ไอ้ลูกไม่รักดี”
ลุงเหลียงตะโกนเสียงดังด้วยดวงตาแดงก่ำ “เข้าไปกลับตัวในคุกซะ”
“พ่อครับ ผมผิดไปแล้ว……”
ซูเซี่ยยังคงต้องการที่จะเกลี้ยกล่อม แต่ลุงเหลียงยกมือขึ้นแล้วแสดงท่าทางปฏิเสธ “พ่อตัดสินใจแล้ว ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีก”
เหลียงเจียหมิงหมดแรงและนั่งลงกับพื้นทันที ส่วนซูเซี่ยก็กัดฟันแล้วหันหลังไปหยิบโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งตำรวจ
ไม่นานหลังจากนั้น รถตำรวจก็ได้มาถึง และยังคงเป็นตำรวจหญิงหวางเยี่ยนคนเดิมที่พาตัวเหลียงเจียหมิงไป
ลุงเหลียงกับซูเซี่ยก็ถูกพาไปด้วย เพราะต้องบันทึกคำสารภาพ
ก่อนที่จะจากไป หวางเยี่ยนหันไปมองถังเฉาหลายครั้ง แต่ถังเฉากลับไม่ได้สนใจเธอ
สมาธิของเขาอยู่ที่ลุงเหลียงคนเดียว
เพื่อธำรงรักษาไว้ซึ่งความเป็นธรรม ลุงเหลียงต้องจำใจทำ แม้บาดแผลจะอยู่บนตัวของลูกชาย แต่ความเจ็บปวดนั้นอยู่ในใจของคนเป็นพ่อ!
“ไปกันเถอะ ไปหาฉางเซ่าเฟิงกัน”
ถังเฉามองไปที่หลินจ้าวหยูนแล้วพูดเบาๆ จากนั้นก็เดินไปขึ้นรถโรลส์รอยซ์ที่จอดอยู่ด้านหลัง