เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - ตอนที่ 506 หมัดเดียวล้ม
นกพเนจรนอกหน้าต่าง?
ทุกคนในเหตุการณ์ต่างก็ตะลึง
แม้แต่เย่หรูอี้ยังไม่เข้าใจว่าหมายความว่ายังไงไปสักพัก
นกพเนจรนอกหน้าต่างอะไร?
ถังเฉาถือแก้วเก็บความร้อน ดื่มชาเก๋ากี้ร้อนหนึ่งอึก “ด้านล่างน่าจะมีนกพเนจรที่ถูกลูกธนูยิงเข้าไป”
ฮึ่ม!
เมื่อคำนี้ออกมา ทุกคนต่างก็เข้าใจแล้ว สมองระเบิดในทันที!
ตอนนี้เข้าฤดูใบไม้ร่วงแล้ว นกพเนจรก็เริ่มโยกย้ายถิ่น
เมื่อกี้พวกเขาเห็นฝูงนกพเนจรบินผ่านจริงๆ
หรือว่า ถังเฉาไม่ได้เล็งแป้น แต่เป็นนกพเนจร?
เมื่อมีความคิดนี้ออกมา ทุกคนถึงกับอึ้งไป และตัวหนาวสั่นขึ้นมา
“จะเป็นไปได้ยัง?”
เริ่นจวินตงสีหน้าสยอง ไม่เชื่อด้วยซ้ำ
หนุ่มล่ำของสมาคมการต่อสู้เองก็ไม่เชื่อ
เล็งยิงสัตว์ที่เคลื่อนย้ายด้วยความเร็ว แล้วยังใช้ธนูที่ต้องใช้กำลังอย่างมาก เขาถามตัวเองก็ทำไม่ได้
“เขากำลังโกหก!”
เขารีบพูดทันทีว่าถังเฉาโกหก แต่ในใจเขากลับเต้นแรง
“โกหก?”
ถังเฉาเหลือบตามอง สองมือก็ยังถือแก้วเก็บความร้อนอยู่เหมือนเดิม และหัวเราะออกมา
“พวกนายเรียกตัวเองว่าเป็นยอดฝีมือของสมาคมการต่อสู้ไม่ใช่หรอ?ยิงแป้นที่ขยับไม่ได้จะไปมีความหมายอะไร? แน่นอนว่าจะต้องเล็งยิงนกพเนจรข้างนอกถึงจะดูวัดระดับออกสิ”
สีหน้าเริ่นจวินตงแปรปรวน เมื่อได้สติ เขาก็พูดกับลูกน้องว่า “นาย รีบลงไปที่ใต้ตึก หาดูว่ารอบๆอาคารจวี้เฟิงมีนกพเนจรที่ถูกธนูเสียบอยู่มั้ย!”
“ครับ!”
คนๆนั้นวิ่งลงไปหาที่ใต้ตึก
ไม่นานก็กลับมาแล้ว
ในมือยังถือนกพเนจรที่ยังกรีดร้องและมีเลือดไหลไม่หยุดไว้ด้วย
“ประ ประธานเริ่นครับ มีจริงๆครับ อยู่ที่สวนสาธารณะด้านนอกห่างไปห้าร้อยเมตรครับ……”
“ห้าร้อยเมตร?!”
เมื่อได้ยินระยะห่างนี้ เริ่นจวินตงสีหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกสยองขวัญ
หนุ่มล่ำคนนั้นยิ่งเกือบจะคุกเข่าลง
ระยะห่างไกลขนาดนี้ ยิงโดนนกพเนจรที่เคลื่อนย้ายด้วยความเร็วสูง นอกจากจะต้องมีความแม่นยำอย่างมากแล้วยังต้องมีกำลังที่แข็งแกร่งด้วย
ก็เหมือนกับการโยนลูกทุ่มน้ำหนัก
คนธรรมดาทั่วไปใช้แรงทั้งหมดก็โยนได้แค่ 70-80 เมตร
แต่ธนูดอกนี้ของถังเฉากลับยิงออกไปไกลมากถึงห้าร้อยเมตร!
“เป็น เป็นไปได้ยังไง……”
“ปลอมรึเปล่า?”
เริ่ยจวินตงตกใจจนพูดไม่ออกแล้ว
ถังเฉามองไปทางหลินฉ่ายเวย “บอกให้คนช่วยรักษานกตัวนี้หน่อย”
ธนูดอกนี้ของเขาเพียงแค่บาดโดนตีนของมันให้เป็นแผล ไม่ได้ทำร้ายมันจนถึงชีวิต
ทำแผลนิดหน่อยก็บินกลับสู่ท้องฟ้าได้เหมือนเดิม
หลินฉ่ายเวยพานกตัวนั้นออกไป แล้วถังเฉาก็มองไปที่เริ่นจวินตง “ประธานเริ่น ด่านที่สอง นับว่าผมชนะมั้ยครับ?”
“นับ…..”
เริ่นจวินตงพูดออกมาอย่างไม่รู้ตัว แล้วก็รีบแก้คำพูด
สีหน้าเขาเต็มไปด้วยความโมโห “ไม่ ไม่นับ!”
ถังเฉาก็ไม่โกรธ เพียงถามกลับด้วยรอยยิ้ม “ทำไมถึงไม่นับละครับ?”
“เมื่อกี้ฉันพูดอย่างชัดเจนว่าต้องยิงที่กลางเป้า ใครมันให้นายยิงนกพเนจรด้านนอกกัน? การยิงครั้งนี้ นายแพ้แล้ว!”
หนุ่มล่ำคนนั้นได้ยินสีหน้าก็เปลี่ยนไป
ทำไมถึงกลายเป็นเขาที่ชนะละ?
เย่หรูอี้ลุกขึ้น พูดอย่างเย็นชาว่า “ถังเฉายิงโดนนกพเนจรด้านนอก ดูยังไงก็ยากกว่ายิงแป้นที่อยู่นิ่งๆมั้ง?”
ด้วยอำนาจแรงกดดันจากตัวของเย่หรูอี้ เริ่นจวินตงพูดว่า “กติกาก็คือกติกา เขาเล็งไม่โดนกลางเป้าก็คือเขาแพ้”
สายตาเย่หรูอี้เย็นชาลง “นายกำลังใช้ลูกเล่นกับฉัน?”
น้ำเสียงของเธอเย็นชาอย่างมาก และมีความน่ากลัวอยู่ด้วย ในตอนนี้ที่เผชิญหน้ากับเย่หรูอี้ เริ่นจวินตงกลับมีความรู้สึกหวาดกลัวบางอย่าง
แต่ว่า เพื่อผลประโยชน์สมาคมการค้าเจียงผิงของตัวเอง เขาจึงต้องทำแบบนี้
“นายหาเรื่องตาย…..”
เย่หรูอี้กำลังจะระเบิด แต่ถังเฉากลับเรียกเธอไว้
“เห็นพวกเขาโมโห และทำทุกวิถีทางแบบนี้ก็น่าสนุกดีไม่ใช่หรอ? ทำไมจะต้องจริงจังขนาดนี้ด้วยละ?”
เขาดื่มชาเก๋ากี้อย่างผ่อนคลาย ใบหน้าก็ยังมีรอยยิ้มอยู่ตั้งแต่ต้นจนตอนนี้
เย่หรูอี้เพิ่งเข้าใจว่าถังเฉาไม่ได้สนใจให้ความสำคัญกับการแข่งขันรอบนี้ด้วยซ้ำ แต่กลับใช้ความรู้สึกเล่นสนุกเพื่อใช้ฆ่าเวลา
เธอเหลือบมองเริ่นจวินตงด้วยสายตาเย็นชาทีหนึ่ง “ในเมื่อถังเฉาพูดแบบนี้ งั้นฉันก็ไม่ยุ่ง แต่ถ้าด่านต่อไป นายยังลำเอียงอีก อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจ!”
ที่เธอเผชิญหน้าด้วยเป็นถึงประธานรับผิดชอบสมาคมการค้าเจียงผิง แต่ก็ยังใช้ท่าทางมองเขาอย่างต่ำ
ท่าทางแบบนั้นเธอไม่ได้ทำแค่ครั้งสองครั้งแล้ว
เมื่อก่อนหลัวปู้ประธานรับผิดชอบสมาคมการค้าหงยิง เชิญเธอเข้าร่วมด้วย บัตรเชิญที่ล้ำค่าถูกเธอโยนทิ้งเข้าถังขยะ
แล้วคิดว่าจะใส่ใจเริ่นจวินตงงั้นหรอ?
เห็นว่าเย่หรูอี้กลับไปนั่งที่โซฟาอีกครั้ง เริ่นจวินตงก็สบายใจไปเปลาะหนึ่ง
ถ้าหากว่าเย่หรูอี้ไม่ยอม เขาเองก็ไม่มีวิธีจริงๆนั่นแหละ
ก็ใครให้เธอมาจากตระกูลเย่ของตระกูลหลวงในเยี่ยนตูกันละ?
นั่นเป็นถึงตระกูลหลวงเก่าแก่เชียวนะ!
หนุ่มล่ำคนนั้นก็มีความรู้สึกว่ารอดพ้นไปทีอย่างนั้น
ถ้าหากว่าแพ้ด่านยิงปืนนี้ ด่านที่สามไม่จำเป็นต้องแข่งขันแล้วด้วยซ้ำ ถึงแม้ว่าจะชนะแต่เขาก็ไม่สามารถเอาชนะทั้งหมดได้
แต่ว่าไม่นานสีหน้าของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความโกรธอีกครั้ง
เพราะว่าถังเฉาไม่ได้ให้ความสำคัญพวกเขาด้วยซ้ำ เหมือนกับว่ามองพวกเขาเป็นแมวเป็นหนูที่เอามาเล่นด้วย
“มากเกินไปแล้ว!”
ในใจพวกเขาด่าอย่างหยาบคาย
“เดี๋ยวก็เป็นการแข่งขันด่านที่สามแล้ว ฉันจะดูสิว่าแกจะเป็นคู่ต่อสู้ของยอดนักบู๊ได้ยังไง!”
ถังเฉามองพวกเขาด้วยรอยยิ้ม “ด่านที่สาม ว่ายังไง?”
เริ่นจวินตงถลึงตาใส่เขาอย่างชั่วร้าย “เริ่มด่านที่สามกันเถอะ นายใช้มวยทหาร หลัวจวินใช้ตามใจ!”
เย่หรูอี้เด้งตัวลุกขึ้น แววตาเต็มไปด้วยความโมโห
แต่ถังเฉากลับวางแก้วเก็บความร้อน “ได้สิ แต่ว่าพวกนายต้องตกลงเงื่อนไขข้อหนึ่งกับฉัน ถ้าหากว่าแพ้ก็จะต้องยอมรับว่ามวยทหารไม่ได้อ่อนอย่างที่พวกนายคิด”
“แน่นอน”
หลัวจวินอดทนมาถึงสองด่านแล้วในที่สุดก็มีโอกาสได้ปลดปล่อยแล้วจึงได้ยิ้มเยาะออกมา “ฉันหลัวจวินคนนี้ชื่นชมผู้แข็งแกร่งมากที่สุด คนที่แข็งแกร่งกว่าฉัน ฉันยอมรับแน่นอนอยู่แล้ว”
แต่ว่า เขาจะสามารถมาเป็นคู่ต่อสู้กับตัวเองได้หรอ?
ไม่นาน ทั้งสองก็ขึ้นสังเวียน
หลัวจวินตั้งท่า ตั้งสติแน่วแน่
ส่วนถังเฉาก็ยังยืนอยู่เฉยๆเหมือนกับไม่มีเรื่องอะไร
ทั้งตัวของเขา ล้วนมีแต่ช่องโหว่!
“ต่อสู้กับฉัน แล้วยังไม่ตั้งสติให้ดี หาเรื่องตายชัดๆ!”
หลัวจวินยิ้มเย็นชา
วินาทีต่อมา เขาถีบขาไปด้านหลังอย่างหนัก
ตึง!
ทั้งตัวพุ่งเข้าไปหาถังเฉาอย่างกับธนูไฟ
ข้อศอกตั้งออก ดูท่าทางนั้นอยากจะตรงเข้ามาศอกใส่ที่ข้างขมับของถังเฉาอย่างหนัก
มาถึงก็โจมตีอย่างหนักเลยนี่!
สีหน้าของเริ่นจวินตงยิ้มเยาะ เหมือนกับว่าได้เห็นภาพที่ถังเฉาถูกศอกใส่จนสลบไปแล้ว
เพียงแค่ไม่มีการตาย สมาคมการค้าเจียงผิงของเขาก็สามารถรับได้
ทั้งสองยิ่งอยู่ยิ่งใกล้กัน แต่ว่าถังเฉาก็ยังไม่ขยับ
“ไอ้โง่!”
สีหน้าของหลัวจวินยิ้มชั่วร้าย ยกข้อศอกขึ้น เล็งให้ตรงกับขมับของถังเฉา
“ถังเฉา!”
ในตอนนี้แม้แต่เย่หรูอี้เองก็ตื่นเต้นขึ้นมา
ในขณะที่ข้อศอกของหลัวจวินห่างเพียงไม่กี่เซนติเมตร ถังเฉาถึงได้เงยหน้ามองเขาด้วยสายตานิ่งเฉย
เงยหน้าขึ้นมาทันที ไม่แม้แต่จะป้องกันสักนิด ก็ตรงปล่อยหมัดออกไปหนึ่งที
ปัก!
วินาทีต่อมา ใบหน้าของหลัวจวินถูกกระแทกอย่างหนัก ศีรษะล้มกระแทกลงพื้นอย่างหนัก