เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - ตอนที่ 437 คนบ้าดนตรีมาแล้ว
ที่จริงแล้วตั้งแต่ตอนที่เธอหนีเอาชีวิตรอดออกมา เธอก็รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง
เพราะว่ามันง่ายมากจริง ๆ ง่ายจนไม่เหมือนการคุมขัง
เศษกระจกที่อยู่บนพื้น บันได หน้าต่างที่หนีรอดออกมา ดูเหมือนว่าตั้งใจจะเตรียมมาเพื่อเธออย่างไรอย่างนั้น
แต่ในตอนนั้นโจวเหม่ยหยูนไม่ได้สนใจอะไรมาก ทำได้เพียงทำใจกล้าวิ่งหนีออกมา
ด้วยเหตุนี้การกระทำทุกย่างก้าวของเธอหลังจากนั้นจึงอยู่ในการคาดเดาของถังเฉาทั้งหมด
เพราะเขารู้ดีว่าลำพังแค่โจวเหม่ยหยูนคนเดียว ไม่ว่าจะได้รับการล่อลวงมามากเท่าไหร่ ก็ล้วนแต่ไม่มีความกล้าที่จะไปทำเรื่องอย่างการจ้างนักฆ่ามาฆ่าคนเช่นนี้ได้
นอกจากจะมีอำนาจเบื้องหลังคอยหนุนหลังอยู่
ความจริงถูกพิสูจน์แล้วว่าถังเฉาทายถูก
หลินฉ่ายเวยยืนอยู่ด้านหลังของถังเฉา สองตาแดงก่ำคล้ายกับสิ้นหวัง “แม่คะ ทำไมท่านไม่พูดออกมาคะ ยังต้องคิดหาวิธีแก้แค้นอีก?”
หลินเจิ้นสงเองก็มองโจวเหม่ยหยูนด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความมืดครึ้ม
เมื่อครู่พวกเขายืนอยู่ที่ประตูใหญ่บ้านตระกูลโจวอยู่นานแล้ว ฟังบทสนทนาของพวกเขาได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง
ระหว่างทางมาที่นี่ หลินเจิ้นสงยังคิดว่าหวังว่าจะสามารถจัดการผ่อนผันคดีความได้ แต่ดูจากสถานการณ์ตอนนี้แล้ว ไม่สามารถผ่อนผันได้โดยสิ้นเชิง ทำได้เพียงจัดการอย่างเข้มงวด!”
“นี่ไม่ใช่เรื่องของพวกเรานะ ถ้าจะจับ ก็อย่ามาจับพวกเรา!”
โจวฉวนกั๋วตกใจจนหน้าซีด ทันใดนั้นก็พูดกับหวางเยี่ยนว่า “เป็นเธอ เป็นความคิดของเธอ พวกเราถูกผู้หญิงคนนี้ล่อลวง"
“อย่างนั้นเหรอ?”
บนใบหน้าของหวางเยี่ยนยิ้มอย่างล้ำลึกยิ่งขึ้น “เท่าที่ฉันรู้มา ที่คุณหลินถูกนักฆ่าลอบฆ่า ก็เป็นเพราะว่านักฆ่าที่ตระกูลโจวของพวกคุณเชิญมา"
“ตอนนี้คนคนนั้นถูกจับแล้ว ทั้งยังสารภาพทุกอย่างออกมาแล้วด้วย"
คำพูดประโยคนี้ตัดความคิดที่คิดจะตีตัวออกหากของโจวฉวนกั๋วโดยสิ้นเชิงอย่างไม่ต้องสงสัย สีหน้าของเขาซีดเผือดทันที
สายตาของหวางเยี่ยนกวาดมองทั่วทั้งสถานที่ “คนที่ออกเงินทั้งหมดล้วนเป็นฆาตกร พาตัวไปให้หมด!”
สวบสาบ!
ฉับพลัน กองกำลังแทบเกินครึ่งหนึ่งของตระกูลโจวก็ถูกคุมตัวไปทั้งหมด
ตระกูลโจวเป็นว่าที่ตระกูลชั้นหนึ่งในเมืองหมิงจูและเมืองซ่างเฉิง แต่นั่นก็อยู่ภายใต้สถานการณ์ที่ตระกูลเจิ้งให้การสนับสนุนอยู่ ตอนนี้ตระกูลเจิ้งล่มสลายมาค่อนข้างจะนานแล้ว ตระกูลโจวก็ยิ่งแย่ลงทุกวัน ๆ
ตระกูลที่ยากจนทุกเรื่องก็ย่อมอ่อนแอ ยิ่งเป็นตระกูลที่ยากจนมากเท่าไหร่ก็ยิ่งไม่มีความเห็นอกเห็นใจจากมนุษย์ มีเพียงการหวังผลประโยชน์เต็มตา
คนในตระกูลโจวเริ่มทะเลาะกันเรื่องแบ่งสมบัติของตระกูล ในหนึ่งล้านนี้ นอกจากสองแสนที่โจวเหม่ยหยูนออก แปดแสนที่เหลือ เก้าสิบเปอร์เซ็นต์ของคนในตระกูลโจวล้วนแต่มีส่วนร่วมด้วย
ด้วยความรวดเร็ว บ้านตระกูลโจวที่ใหญ่โตก็เงียบสงัด คนในตระกูลโจวที่เข้าร่วมทั้งหมดล้วนถูกคุมตัวไป
คนในตระกูลโจวทุกคนที่ถูกควบคุมตัวเหลือบมองโจวเหม่ยหยูน มองเธอด้วยสายตาอาฆาตพยาบาททั้งหมด
พริบตาเดียวก็เหลือเธออยู่เพียงคนเดียว
สายตาของทุกคนล้วนมองไปทางโจวเหม่ยหยูนอย่างเย็นยะเยือก
“แม่คะ ท่านพูดออกมาเถอะค่ะว่าทำไมต้องทำแบบนี้!”
บนใบหน้าของหลินฉ่ายเวยเต็มไปด้วยน้ำตาเรียบร้อยแล้ว คนที่ทุกข์ใจที่สุดในบรรดาคนมากมายนี้ก็คือเธอ
โจวเหม่ยหยูนมีความผิดร้ายแรงที่สุด แต่เธอยังเป็นผู้หญิง กลับไม่สนใจเธอไม่ได้
โจวเหม่ยหยูนเองก็รู้ว่าสถานการณ์เลวร้ายเกินจะแก้ ล้มลงไปนั่งด้วยสีหน้าไร้จิตวิญญาณ
นานมาก เธอหัวเราะออกมาอย่างเปล่าเปลี่ยว “ได้ ฉันจะบอกแกให้ว่าทำไมต้องทำแบบนี้"
สายตาของถังเฉาล้ำลึก จ้องเธอเขม็ง เขาเองก็อยากรู้เหตุผลว่าทำไมโจวเหม่ยหยูนต้องทำเช่นนี้
หลินเจิ้นสงกลับหันหลังกลับไป น้ำตาหนึ่งหยดไหลออกมาจากดวงตา
โจวเหม่ยหยูนมองหลินฉ่ายเวย เอ่ยด้วยความตั้งใจว่า “ฉันทำแบบนี้เพราะแกทั้งนั้น"
“เพื่อหนู?”
ได้ยินอย่างนั้น หลินฉ่ายเวยก็ตกตะลึง
โจวเหม่ยหยูนพยักหน้า เบ้าตาเปลี่ยนเป็นสีแดงของโลหิต “หลินชิงเสว่เป็นพี่สาวแท้ ๆ ของแก ความลับนี้ฉันกับเจิ้นสงรักษามายี่สิบกว่าปีแล้ว นึกว่าจะไม่ถูกค้นพบตลอดไป นึกไม่ถึงว่าจะต้องเปิดเผยเสียแล้ว"
“ถังเฉาแต่งงานกับหลินชิงเสว่ไปแล้ว เท่ากับว่าเธอกลับตระกูลหลินด้วยฐานะอื่น เช่นนี้แล้วพ่อของแกจะต้องย้ายความสำคัญไปอยู่ที่เธออย่างแน่นอน พอถึงตอนนั้น ตระกูลนี้ไหนเลยจะมีที่ยืนให้พวกเราสองคนแม่ลูก?”
พูดมาถึงตรงนี้อารมณ์ของโจวเหม่ยหยูนก็พังทลายในทันที น้ำตานองหน้า
“แกชอบพูดว่าฉันไม่เสียดายที่จะให้แกแต่งเข้าตระกูลที่ร่ำรวยก็เพื่อเงิน แต่ที่ฉันทำแบบนี้ เพื่อใคร? ไม่ใช่หวังให้แกได้แต่งงานกับตระกูลที่ดีหรอกหรือ!”
“เดิมทีเจิ้นสงเป็นคนของตระกูลหลวงในเยี่ยนตู ต่อให้เป็นแค่คนรับใช้คนหนึ่ง แต่ก็มีฐานะสูงศักดิ์ ถ้าหากวันหนึ่งได้กลับไปเยี่ยนจิง มูลค่ามรดกของตระกูลหลินก็จะเพิ่มขึ้นทวีคูณ ถ้าหากให้ลูกสาวคนโตของเขากลับมาอยู่ที่บ้านของพวกเรา มรดกนี้จะยังมีส่วนของพวกเราหรือ?”
ดวงตาทั้งคู่ของเธอเบิกโต จ้องหลินฉ่ายเวยอย่างแน่วแน่ พูดทั้งน้ำตา “ฉ่ายเวย แกเป็นแค่ลูกสาวของเขากับภรรยาที่แต่งเข้ามาทีหลัง ฐานะจะเทียบกับหลินชิงเสว่ได้อย่างไร? มีของบางอย่าง เรื่องบางเรื่อง ที่ทำได้เพียงอาศัยการช่วงชิงของพวกเราเอง แกรู้บ้างไหม?”
หลินฉ่ายเวยก็นิ่งไป น้ำตาในดวงตาไหลลงมาราวกับทำนบแตก
“พอแล้ว!”
ในตอนนี้เอง หลินเจิ้นสงที่เงียบมาโดยตลอดตวาดขึ้นอย่างเดือดดาลในทันที
จากนั้นก็เดินไปถึงตัวโจวเหม่ยหยูน เอ่ยอย่างเยียบเย็นว่า “เธอพูดซ้ำไปซ้ำมาว่าหลินชิงเสว่กลับมาแล้วตำแหน่งในครอบครัวของเธอกับหลินฉ่ายเวยจะรักษาเอาไว้ไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นฉันถามเธอ หลายปีมานี้ฉันปฏิบัติอย่างลำเอียงกับพวกเธอเหรอ?”
“พวกเธอล้วนเป็นสมาชิกในครอบครัวของฉัน ทุกอย่างของฉันก็เป็นของพวกเธอทั้งหมด เพียงแต่ฉันติดค้างชิงเสว่ก็เท่านั้น!”
เพิ่งจะสิ้นเสียง โจวเหม่ยหยูนก็เบิกตากว้างอ้าปากค้าง
จากนั้นเธอก็ตะโกนเสียงดัง “นี่มันเป็นไปไม่ได้!”
หลินฉ่ายเวยเองก็ร้องเสียงดัง “แม่คะ นี่มันเป็นความจริงค่ะ!”
“ไม่ว่าจะเป็นที่บริษัทหรือว่าในบ้าน ทุกอย่างที่ลงนามล้วนเป็นชื่อของหนูทั้งหมด!”
“ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นความคิดเพ้อฝันของตัวเธอเอง"
ในตอนนี้ถังเฉาเองก็มาถึงตรงหน้าของโจวเหม่ยหยูน กล่าวว่า “ในเมื่อคุณกลัวว่าผมกับชิงเสว่จะไปแย่งทรัพย์สมบัติของพวกคุณ คุณก็น่าจะรู้ว่าทรัพย์สินของผมมีเท่าไหร่"
หลินเจิ้นสงเองก็กล่าวว่า “มีแค่เธอที่ไม่รู้ว่า ทุกอย่างของตระกูลหลินของฉันตอนนี้ เป็นของที่เสี่ยวเฉาให้มาทั้งหมด!”
“บริษัทโอ้ซินกับลี่จิงกรุ๊ปก็เป็นเขาที่ช่วยพวกเราเอามาได้!”
“เป็นเขาที่โอนหลงเถิงกรุ๊ปมาคืนฉัน!”
“แล้วยังมีแปดร้อยแปดสิบแปดล้านที่สิบบริษัทใหญ่สนับสนุนเพิ่มเข้ามานั่นอีก ก็เป็นเขาที่ดึงมาทั้งนั้น”
“ทรัพย์สินที่เขามีเกินกว่าที่เธอจินตนาการไว้อีกเยอะ ทรัพย์สินที่ตระกูลหลินของฉันมีเล็กน้อยแค่นี้ เขาจะมาให้ความสำคัญได้อย่างไร?”
โจวเหม่ยหยูนทึ่มทื่ออย่างถึงที่สุด ส่ายศีรษะอย่างขวัญหนีดีฝ่อ
“ไม่ นี่ไม่ใช่เรื่องจริง พวกคุณทุกคนกำลังหลอกฉัน…”
“ไม่ได้หลอกคุณหรอก”
หวางเยี่ยนเอ่ยอย่างเย็นชา “คุณรู้ไหมว่าตอนนี้เขามีอำนาจอิทธิพลมากแค่ไหน?”
“สี่ตระกูลใหญ่ที่ร่ำรวยและทรงอิทธิพลในเมืองหมิงจู มีที่ล่มสลายไปเพราะเขา และก็มีที่สวามิภักดิ์ต่อเขา”
“ตระกูลจ้าวกับตระกูลเย่สองตระกูลก็กลับมาดีกันอีกครั้งเพราะเขา”
“แม้แต่หูอีซาน คนที่รวยเป็นอันดับหนึ่งของเมืองหมิงจูก็ยังเป็นลูกน้องของเขา”
“ก็เพราะความเห็นแก่ตัวเล็กน้อยของตัวเอง ก็เลยไปจ้างนักฆ่า คนต่ำต้อยอย่างคุณนี่น่ารังเกียจอย่างถึงที่สุดจริง ๆ”
หวางเยี่ยนไม่ได้สิ้นเปลืองคำพูดไปกับเธออีก สั่งให้คนพาตัวไปทันที”
โจวเหม่ยหยูนถูกพาตัวไปได้สักพักหนึ่งแล้ว หลินฉ่ายเวยก็ยังคงไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง
ถังเฉาเดินมายืนอยู่ข้างเธอ พูดเบา ๆ ว่า “คุณแค้นผมไหม?”
หลินฉ่ายเวยเรียกสติกลับมาได้ ส่ายศีรษะ ฝืนใจยิ้มออกมา “นี่เป็นเรื่องที่เธอหาเรื่องใส่ตัวเอง แต่ว่า… ไม่ว่าจะพูดอย่างไรเธอก็เป็นแม่ของฉัน เธอถูกจับกุมตัวไป ฉันก็ต้องเสียใจบ้างเล็กน้อยเป็นธรรมดา”
ถังเฉายิ้มน้อย ๆ ไม่ได้พูดอะไร
หลินฉ่ายเวยเช็ดน้ำตาออก ยิ้มออกมา “ฉันรู้ว่าฉันเป็นผู้กระทำความผิดของบริษัท พรุ่งนี้ฉันจะไปลาออกค่ะ”
พูดจบเธอก็ตัดสินใจจะจากไป
“เดี๋ยวก่อน”
ถังเฉากลับเรียกเธอไว้
หลินฉ่ายเวยหยุดฝีเท้าลง ร่างกายสั่นเล็กน้อย
เพียงแค่ได้ยินถังเฉาเอ่ยอย่างเย็นชา “เธอเอาความเสียหายมาสู่บริษัทมากมายขนาดนั้น แค่พูดว่าจะลาออกง่าย ๆ แค่ประโยคเดียวแค่นั้นจะเพียงพอได้อย่างไร?”
นิ่งอยู่พักหนึ่งเขาก็เอ่ยต่อไปว่า “อยู่ที่บริษัทต่อไป แต่ไม่มีเงินเดือน รอเธอคืนครบค่าความเสียหายของบริษัทแล้วค่อยให้เงินเดือน มีปัญหาไหม?”
ไม่ง่ายเลยกว่าหลินฉ่ายเวยจะหยุดน้ำตาได้ ตอนนี้น้ำตาก็ไหลออกมาอีกครั้ง ส่ายศีรษะ “ไม่มีปัญหาค่ะ”
ถังเฉายิ้ม เดินออกจากตระกูลใหญ่บ้านตระกูลโจว
เงยหน้ามองท้องฟ้ายามค่ำคืนอันมืดมิดแวบหนึ่ง ตอนนี้เหลือเพียงต้องกระตุ้นบริษัทขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
ติ๊ด ๆ ๆ!
ในตอนนี้เอง เฟิ่งหวงได้โทรเข้ามา
“รองหัวหน้าคะ คนบ้าดนตรีมาแล้วค่ะ”