เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - ตอนที่ 256 ก้มหน้ายอมแพ้
“ผู้นำ?”
“คุณปู่ เกิดอะไรขึ้น?”
ด้านนอกห้องทำงานท่านประธาน ทุกคนล้วนได้ยินเสียงคำรามของเสิ่นป้านซานที่โกรธเคืองขีดสุด เสียงนั้น ราวกับสัตว์ป่าดุร้ายที่สูญเสียลูกแท้ๆ ไป หมดหวัง ไร้ซึ่งหนทาง
ผู้ชายคนหนึ่งพุ่งมาที่ด้านหน้าหลินชิงเสว่ หน้าตาโกรธจัด “สามีสวะคนนั้นของเธอทำอะไรกับคุณปู่ของฉัน?”
“ฉันจะรู้ได้ยังไง?”
หลินชิงเสว่มองเขาอย่างเย็นชา ท่าทางนิ่งเฉย
ถึงแม้ว่าจะพูดแบบนี้ ทว่าในใจเธอก็ตื่นตกใจเช่นกัน นี่พึ่งเข้าไปได้ไม่นาน ทำไมเสิ่นป้านซานถึงดูอกสั่นขวัญแขวนอย่างกับเจอผีตอนกลางวันแสกๆ
ปัง—-
ไม่นานนักประตูห้องทำงานท่านประธานเปิดออก ถังเฉาและเสิ่นป้านซานเดินออกมา คนหนึ่งอยู่หน้าส่วนอีกคนหนึ่งตามหลัง
เพียงแต่ว่าพลังชีวิตของทั้งสองคนต่างกันโดยสิ้นเชิง
ถังเฉาเหมือนกับก่อนหน้านี้ ท่าทางนิ่งสงบ มุมปากฉีกขึ้นเล็กน้อย ขณะเดียวกันก็ยิ้มอ่อน ทั้งยังมอบอารมณ์พาลๆ ที่ไม่ได้โกรธแต่ทำให้เกรงกลัวกับผู้คนอย่างหนึ่ง เสมือนคุณชายตระกูลยักษ์ใหญ่สักแห่งหนึ่ง
เสิ่นป้านซานกลับเหมือนสูญเสียจิตวิญญาณไปแล้ว สีหน้าซีดเซียวเช่นนี้ แม้กระทั่งเดินเหินยังขยับไม่ได้ ฝีเท้าซวนเซ เกือบหกล้ม
“คุณปู่!”
เหล่าคนหนุ่มสาวของตระกูลเสิ่นเข้าไปพยุงเสิ่นป้านซานไว้ นี่ถึงเลี่ยงที่เขาจะล้มลง
“คุณปู่ครับ เจ้าหมอนั่นทำอะไรอยู่ข้างในกันแน่ ตีคุณปู่แล้วหรือเปล่า?”
“คุณปู่ คุณปู่ไม่ต้องกลัว พูดออกมาให้หมดเลย คอยดูผมจะเรียกคนมาตีมันให้ตาย—-”
ทุกคนต่างมองถังเฉาด้วยสายตาโมโห หลินชิงเสว่มองถังเฉาด้วยหน้าตาแปลกใจ ในห้องทำงานนั้น สรุปเขาพูดอะไรกับเสิ่นป้านซานแล้ว ถึงสามารถทำให้เสิ่นป้านซานทั้งโกรธเคืองทั้งหวาดกลัวเช่นนี้ได้?
“หุบปากให้หมดเลย!”
เสิ่นป้านซานที่สีหน้าซีดเผือดมาตลอดตะโกนขึ้นทันใด หน้าตาโกรธจัด
ตระกูลเสิ่นทุกคนล้วนตะลึงค้างต่อการตวาดนี้ มองเสิ่นป้านซานแบบอึ้งๆ ไม่เข้าใจทั้งนั้น
มีเพียงถังเฉาที่มองเสิ่นป้านซานแบบมีความหมายลึกซึ้งแวบหนึ่ง โกรธจนเนื้อหนังบนใบหน้าเขาสั่นเทา
“กลับตระกูลเสิ่น!” เขาพูดขึ้นกะทันหัน
“อะไรนะ?”
ท่าทางของคนอื่นๆ ในตระกูลเสิ่นเปลี่ยนไปประหลาดใจมากในแวบเดียว มองผู้นำของพวกเขาอย่างคาดไม่ถึง
มาที่ลี่จิงกรุ๊ปด้วยลักษณะท่าทางดุดัน กล่าวข่มขู่จะกว้านซื้อ นึกไม่ถึงเริ่มต้นมาดีแต่จบแบบไม่เป็นท่าเช่นนี้ นี่ทำให้หน้าของพวกเขาเจ็บจนร้อนผ่าว เหมือนโดนคนตบหน้ามาสองทีอย่างแรง—-ที่ร้ายแรงสุดคือคนที่ตบหน้าผู้นี้ยังเป็นเสิ่นป้านซานเองด้วย
“ฉันบอกว่ากลับตระกูลเสิ่น!”
ความดุร้ายบนหน้าเสิ่นป้านซานปรากฏเต็มที่ ถึงแม้กำลังพูดกับคนตระกูลเสิ่น แต่สายตาของเขาไม่ได้ย้ายออกจากถังเฉาสักนิดตั้งแต่ต้นจนจบ
ทุกคนตระกูลเสิ่นล้วนมองผู้นำอย่างหวาดกลัวทีหนึ่ง แค่รู้สึกว่าผู้นำในตอนนั้น เข้าใกล้ชายขอบที่กำลังจะระเบิดขึ้นอยู่แล้ว ทว่าตอนนี้กลับไม่มีท่าทีโวยวายลักษณะท่าทางดุดันแบบก่อนหน้านั้นแล้ว จากนั้นออกไปแบบอารมณ์ตกต่ำ
“นายท่านเสิ่น ขอเตือนด้วยความหวังดีสักหน่อย ผมรอได้ถึงตอนเย็นวันนี้เท่านั้น”
ถังเฉาหรี่ดวงตา เอ่ยปากทันใด “พอพระอาทิตย์ตกดิน ถ้ายังไม่เห็นผลลัพธ์ที่ผมต้องการ อย่าโทษว่าผมไม่เกรงใจคุณนะ”
ร่างกายที่แก่หง่อมของเสิ่นป้านซานสั่นฉับพลัน สุดท้ายไม่ได้หันหน้ากลับ
พอออกจากลี่จิงกรุ๊ป เสิ่นป้านซานหยุดฝีเท้าลง พูดกับลุงหยางผู้ดูแลบ้านว่า “สั่งคนเอาทรัพย์สินทั้งหมดที่ฮุบมาจากตระกูลต่งเมื่อหลายวันก่อนคืนกลับไป อีกอย่างเอาจวี้เฟิงกรุ๊ปที่อยู่ในสังกัดตระกูลเสิ่นให้ลี่จิงกรุ๊ปไปด้วย!”
“ผู้นำ ทำไมล่ะครับ!”
คำสั่งสองเรื่องออกมา ทุกคนของตระกูลเสิ่นมองเสิ่นป้านซานด้วยหน้าตาประหลาดใจ
จวี้เฟิงกรุ๊ป เป็นบริษัทอินเทอร์เน็ตใหญ่ที่สุดในสังกัดของตระกูลเสิ่นเลยนะ ไม่ต้องพูดถึงที่หมิงจู ทั่วทั้งเซี่ยกั๋วนี้ มีกำลังของตัวแปรสำคัญ กลับมอบให้ลี่จิงกรุ๊ปไปฟรีๆ แบบนี้?
ลุงหยางผู้ดูแลบ้านเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ แต่ไม่ได้พูดอะไร สีหน้ากลับดูซับซ้อน
“ยังไม่รีบไปอีก!”
เสิ่นป้านซานตะคอกใส่ หน้าตาบิดเบี้ยวในชั่วพริบตาเดียว
ทุกคนตกใจกันหมด ถึงแม้ว่าภายในใจจะไม่ยินยอม ก็ทำได้เพียงกลับตระกูลเสิ่นไปทำธุระอย่างรวดเร็ว
ไม่นานเหลือเพียงเสิ่นป้านซานและลุงหยางเพียงสองคน
“นายท่านครับ ทำขนาดนี้ กลัวว่าคงมีเรื่องอะไรปิดซ่อนไว้?” ลุงหยางถาม
เสิ่นป้านซานหลับตาลงสนิท หน้าตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
ลุงหยางหรี่ดวงตาขึ้น ในสายตามีความน่าสะพรึงกลัวแวบผ่าน “ในห้องทำงาน ถังเฉาคนนั้นพูดอะไรกับท่านกันแน่ครับ?”
เสิ่นป้านซานเงียบงันตั้งนานถึงลืมตาขึ้น ดวงตาทั้งสองแดงก่ำ “มันให้ฉันฟังโทรศัพท์สายหนึ่ง ในสายนั้นเป็นเสียงร้องขอความช่วยเหลือของชิงหยุน”
ลูกตาลุงหยางหดตัว “นายท่าน เรื่องนี้จริงเหรอครับ? แน่ใจว่าไม่มีใครแอบทำขึ้นนะครับ?”
“จริงแท้แน่นอน”
เสิ่นป้านซานเหมือนแก่หง่อมลงสิบกว่าปี “ฉันพยายามคุยกับชิงหยุน ในสายนั้นกลับตัดสายไปเร็วมาก แต่ฉันฟังออก ชิงหยุนถูกคนสารเลวนั้นบีบบังคับให้ทำตามแน่ๆ!”
ลุงหยางจมสู่ความเงียบงันที่ลึกซึ้งเช่นกัน ถามขึ้นกะทันหัน “นายท่านครับ ไม่ง่ายที่ตระกูลเสิ่นจะยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้ หรือว่าท่านจะทนคืนของที่ได้รับมาโดยไม่ง่ายดายไป และส่งจวี้เฟิงกรุ๊ปออกไปด้วย นั่นคือรากของตระกูลเสิ่นนะครับ!”
“งั้นจะทำยังไงได้?”
เสียงของเสิ่นป้านซานแหบแห้ง “ฉันมีเพียงชิงหยุนหลานแท้ๆ คนเดียว!”
ในสายตาลุงหยางมีแสงคมกริบแวบผ่าน “ผมมีแผนหนึ่ง……”
เขาพูดเสียงต่ำที่ข้างหูเสิ่นป้านซาน สีหน้าเสิ่นป้านซานเปลี่ยนนิดหน่อย “แบบนี้ ความเสี่ยงไม่มากเกินไปเหรอ?”
“ไม่เสี่ยงก็ไม่มีทางร่ำรวยสูงส่ง ไม่เข้าถ้ำเสือ จะได้ลูกเสืออย่างไร?”
ในสายตาลุงหยางโหดเหี้ยม “ในเมื่อเจ้าสวะคนนั้นเล่นไม่ซื่อก่อน ทำไมพวกเราต้องมีคุณธรรม?”
“ได้!”
เสิ่นป้านซานรับปาก สีหน้าเหี้ยมโหด “ฉันอยากให้หญิงร้ายชายเลวคู่นี้ชดใช้!”
……
เวลาผ่านไปเร็วมาก พริบตาเดียวพระอาทิตย์ใกล้ตกดินแล้ว
พระอาทิตย์ยามใกล้ตกแดงดุจเลือด แขวนอยู่ขอบท้องฟ้า
ถังเฉาโทรศัพท์หาหลินชิงเสว่แล้ว บอกว่าเย็นนี้เขาไม่กลับบ้านไปทานข้าว และให้เธอไปรับเสี่ยวลี้สักหน่อย
หลินชิงเสว่ยังคงไม่ถามอะไรมาก กำชับแค่ว่าให้'กลับบ้านเร็วหน่อย' และวางสายโทรศัพท์ไป
ถังเฉามองดูเวลา ดวงตาลุ่มลึกหรี่ขึ้น ดูแล้วเสิ่นป้านซานไม่สนใจชีวิตของหลานชายเขาจริงๆ ด้วย
กำลังอยากลุกขึ้นออกไป กลับมีเสียงฝีเท้าที่เร่งถี่ลอยมาจากระเบียงทางเดินด้านนอก
“คุณถัง!”
มีคนมาแล้ว ถังเฉาหรี่ตาหัวเราะ “นายท่านเสิ่น'ตรงเวลา'ดีจริงๆ นะ”
เสิ่นป้านซานหัวเราะแต่เหมือนไม่ได้หัวเราะ พูดว่า “เรื่องราวมากมาย การเตรียมพร้อมต้องใช้เวลาสักหน่อย”
ครั้งนี้คนที่เสิ่นป้านซานพามาไม่มากนัก มีเพียงผู้ดูแลบ้านคนเดียว โดยเฉพาะทั้งสองคนเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าสีดำ ชุดสูทตรงดิ่ง
เขายื่นเอกสารหนาปึกหนึ่งให้ “นี่คือสัญญาโอนกรรมสิทธิ์หุ้นของจวี้เฟิงกรุ๊ปภายใต้ชื่อตระกูลเสิ่น ถ้านายคิดว่าไม่มีปัญหาอะไร ก็เซ็นชื่อได้เลย”
“อีกอย่างทรัพย์สินที่แย่งมาจากตระกูลต่งนั้น คืนกลับให้ตระกูลต่งหมดแล้ว ตอนนี้ให้ฉันเจอหลานรักของฉันได้หรือยัง?”
ถังเฉาพลิกเปิดสัญญาดูคร่าวๆ เพียงแค่ดูนิดหน่อยก็ไม่สนใจแล้ว มองเสิ่นป้านซานแบบยิ้มแต่ไม่ยิ้ม
“ผมตกใจมาก คาดไม่ถึงคุณยอมทิ้งกิจการตระกูลที่ยิ่งใหญ่เพื่อหลานของคุณ”
“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว”
เสิ่นป้านซานสีหน้าเคร่งขรึม “เขาเป็นหลานชายของฉัน ถ้าเขาตายแล้ว ถึงตระกูลเสิ่นแข็งแกร่งแค่ไหน คงรุ่งเรืองไปได้ไม่นาน”
ที่แท้เสิ่นชิงหยุนเป็นผู้สืบทอดเพียงหนึ่งเดียวของตระกูลเสิ่น ถ้าเขาตายไป ตระกูลเสิ่นคงเจริญรุ่งเรืองไปได้ไม่นานจริงๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเสิ่นป้านซานก็อายุเจ็ดสิบกว่าปีแล้ว
“งั้นก็ได้ ผมจะพาคุณไปเจอเสิ่นชิงหยุน”
ถังเฉาลุกขึ้น เดินออกจากห้องทำงาน
เสิ่นป้านซานและลุงหยางมองหน้ากันและกัน ในสายตาของทั้งสองมีความหมายอาฆาตแค้นที่โหดร้ายแวบผ่าน