เจ้ามังกรพรีเมี่ยม - ตอนที่ 141 ลักพาตัว
บทที่ 141 ลักพาตัว
คฤหาสน์ซานสุ่ย
หลังจากที่ต้องห่างกับสองแม่ลูกชั่วคราว ถังเฉาจึงมาพักอยู่ที่นี่
เช้าตรู่ ถังเฉาเหงื่อออกเต็มตัวหลังจากออกกำลังกายเสร็จ เขาเตรียมจะไปอาบน้ำ จู่ๆ มือถือก็สั่น
หลินชิงเสว่โทรวิดีโอคอลมาหา
ถังเฉาไม่สนใจเรื่องอาบน้ำแล้ว เขารีบกดรับสายทันที
ถึงแม้ช่วงนี้จะอยู่ห่างกัน แต่หลินชิงเสว่ก็วิดีโอคอลมาหาเขาทุกวัน
ถังเฉารู้ว่าหลินชิงเสว่ไม่ได้คิดถึงเขาหรอก แต่เป็นลูกสาวต่างหาก
ส่วนใหญ่จะเป็นช่วงที่ถังเฉาคุยกับถังเสี่ยวลี้ ส่วนหลินชิงเสว่นั่งด้วยสีหน้าสับสนและรู้สึกผิดอยู่อีกด้าน
“พ่อ!”
เมื่อรับสายก็มีเสียงสดใสของถังเสี่ยวลี้ดังออกมา
เด็กน้อยเพิ่งตื่นนอน ยังสวมชุดนอนลายการ์ตูนสีชมพูแสนน่ารัก
“พ่ออยู่นี่ไง” ถังเฉารีบพูดตอบ แววตาของเขาแปรเปลี่ยนเป็นแววตาอ่อนโยน
มีลูกสาวที่เหมือนนางฟ้าตัวน้อยเช่นนี้ ใจของเขาละลายหมดแล้ว
“พ่อจะกลับมาเมื่อไรคะ หนูคิดถึงพ่อมากเลยนะ…”
ถังเสี่ยวลี้เบิกดวงตาอันแสนใสซื่อไร้พิษภัย และพูดอย่างออดอ้อน
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หัวใจของถังเฉาก็กระตุก เหมือนโดนลูกธนูและมีดนับหมื่นยิงและแทงเข้ามาที่หัวใจ
ความโกรธก่อตัวขึ้นอยู่ภายใต้เบื้องลึกของใจ
ถ้าไม่ใช่การข่มขู่ของตระกูลหลวงในเยี่ยนตู หลินชิงเสว่คงไม่ต้องโดนบีบบังคับจนมาถึงจุดนี้
ถังเฉากลับไม่รู้สึกอะไร เพราะเขาผ่านเรื่องอันขมขื่นเมื่อห้าปีก่อนมาแล้ว จะกลัวเรื่องในตอนนี้ไปทำไมกัน
แต่เขาเป็นห่วงลูกสาว
คนที่ยืนอยู่ข้างๆ อย่างหลินชิงเสว่ยังเงียบอยู่ เธอกัดริมฝีปากล่างแน่น เหมือนกับกำลังตำหนิตัวเอง
“ไม่เป็นไรหรอก ผมไม่ตำหนิคุณหรอก”
ถังเฉามองเธอและพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
สักพัก เธอพูดกับถังเสี่ยวลี้ว่า “เสี่ยวลี้เป็นเด็กดี อีกไม่กี่วันพ่อก็จะกลับมาแล้ว”
“ไม่กี่วันมานานแค่ไหนเหรอคะ”
“.…..”
ความเงียบปกคลุมขึ้นมาอีกครั้ง
เด็กน้อยบริสุทธิ์ไร้พิษภัย แต่กลับพูดทิ่มแทงเข้ามาถึงจุดอ่อนในหัวใจของถังเฉาและหลินชิงเสว่
“ครึ่งเดือน!” จู่ๆ หลินชิงเสว่ก็พูดขึ้นมา
ถังเฉามองเธออย่างตกใจ
ถังเสี่ยวลี้รีบยิ้มออกมาด้วยความดีใจ “โอเค ถ้าถึงครึ่งเดือนแล้วพ่อต้องกลับมานะ”
“โอเค…”
ถังเฉาตอบกลับอย่างเหม่อลอย เธอมองหลินชิงเสว่ด้วยความตกตะลึง
“ไปล้างหน้าเถอะ”
“ค่ะ!”
ถังเสี่ยวลี้ตอบกลับอย่างเชื่อฟัง จากนั้นก็โบกมือลาถังเฉาอย่างอาลัยอาวรณ์ “ไว้เจอกันนะคะพ่อ”
เมื่อลูกสาวออกไป หลินชิงเสว่จึงหันมามองถังเฉา แววตาของเธอเต็มไปด้วยความแน่วแน่ “ภายในระยะเวลาครึ่งเดือน ถ้าไม่มีคนในตระกูลหลวงในเยี่ยนตูมา นายก็กลับมาเถอะ!”
“แล้วถ้าคนตระกูลหลวงในเยี่ยนตูมาล่ะ”
หลินชิงเสว่เงียบไป ผ่านไปครู่หนึ่งเธอจึงเงยหน้าขึ้นมองถังเฉา แล้วพูดเบาๆ ว่า
“นายจะปกป้องพวกเราได้ใช่ไหม”
ถังเฉาชะงักไปและพูดออกมาว่า “ได้อย่างแน่นอน มีผมอยู่ จะไม่มีใครกล้าทำอะไรพวกคุณแม้แต่ปลายเส้นผม!”
“โอเค”
หลินชิงเสว่จ้องถังเฉาอยู่นาน จากนั้นจึงวางสายไป
ถังเฉาสีหน้าจริงจังและโทรไปยังเบอร์เบอร์หนึ่ง
“รองหัวหน้า”
เฟิ่งหวงพูดด้วยน้ำเสียงนอบน้อม
“ทำตามคำสั่งของฉัน สั่งทหารสิบนายให้ตั้งกองทหารแสนนาย เฝ้าข้างนอกเมืองหมิงจูเป็นเวลาครึ่งเดือน”
น้ำเสียงของถังเฉ่าเย็นยะเยือก “ถ้าภายในระยะเวลาครึ่งเดือนนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับสองแม่ลูก ก็ถอนกำลังได้ แต่ถ้าสองแม่ลูกเป็นอะไรแม้แต่นิดเดียว…”
“กองทหารบุกจู่โจมให้ตระกูลหลวงในเยี่ยนตูราบเป็นหน้ากลอง!”
ตู้มมม
เมื่อประโยคนั้นออกมาจากปากของถังเฉา เฟิ่งหวงตกใจเป็นอย่างมาก ขนาดคุยกันผ่านโทรศัพท์ เธอยังรู้สึกถึงแรงอาฆาตอันมหาศาล
“ค่ะ!”
ถังเฉาถือโทรศัพท์ แววตาของเขาลุ่มลึกและมองไปข้างหน้า ในสายตาของเขาเต็มไปด้วยความเย็นยะเยือก
“ตระกูลหลวงในเยี่ยนตู ถ้าพวกนายกล้ามา ฉันก็ไม่ถือสาที่จะกำจัดตระกูลหลวง….”
จากนั้นถังเฉาไปที่อาคารกั๋วจี้ หลงเถิงกรุ๊ปอยู่ในความดูแลของหลินเจิ้นสง เจริญรุ่งเรืองขึ้นเรื่อยๆ และได้รับออเดอร์มาอย่างมากมาย
“พี่เขย”
จู่ๆ ก็มีเสียงเรียกอันคุ้นเคยดังขึ้นมาจากข้างหลัง
ถังเฉาหันหน้ากลับไป เขาเห็นหลินจ้าวหยูนยืนสะโอดสะองอยู่หน้าประตูอาคารกั๋วจี้ เธอยิ้มทักทายเขา
“จ้าวหยูน มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
ถังเฉาตกใจ เขารีบยิ้มและเดินเข้าไป
“ฉันไปฝึกงานน่ะสิ”
หลินจ้าวหยูนยิ้มแล้วพูดออกมา ถังเฉาเพิ่งสังเกตเห็นว่าหลินจ้าวหยูนสวมชุดทำงานอยู่
จู่ๆ แววตาของเขาก็วูบไหว หลินจ้าวหยูนหน้าตาคล้ายกับหลินชิงเสว่ประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ ก่อนหน้านี้ยังแยกพวกเธอได้จากบุคลิกและการแต่งกาย
หลินจ้าวหยูนเป็นวัยรุ่นที่มีพลัง เธอแต่งตัวสดใส แต่หลินชิงเสว่แต่งตัวด้วยเครื่องแบบทำงาน ดูน่าเกรงขาม
ตอนนี้หลินจ้าวหยูนอยู่ในชุดทำงาน มองครั้งแรกทำให้ทั้งสองคนเหมือนกันมาก เหมือนออกมาจากแม่พิมพ์อันเดียวกัน
ถังเฉาพยักหน้า และเอ่ยถามขึ้นว่า “เธอฝึกงานที่นี่เหมือนกันเหรอ”
หลินจ้าวหยูนย่นปากยู่อย่างไม่พอใจ เธอบ่นออกมาว่า “ฉันเรียนแพทย์นะ สมควรจะฝึกงานในโรงพยาบาล แต่มหาวิทยาลัยส่งฉันมาฝึกงานที่บริษัทเวชศาสตร์ความงาม อยู่แถวๆ อาคารกั๋วจี้นี่แหละ มันดูไม่สอดคล้องกันเสียเลยใช่ไหมล่ะ”
“ยังดีที่ใกล้กับที่ทำงานของพี่เขย ฉันจะได้แวะมาหาพี่”
พูดไปพูดมา หลินจ้าวหยูนก็หัวเราะออกมาอย่างมีความสุข
“ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง”
ถังเฉายิ้มออกมา “มาแค่ทักทายฉันหรือไง ไปทักทายพี่สาวเธอด้วยสิ ไม่กลัวเขาเสียใจเหรอ”
“พี่สาวฉันยุ่งอยู่ไง”
หลินจ้าวหยูนย่นปากยู่ แล้วพูดว่า “อีกอย่าง ถ้าเขารู้ว่าฉันฝึกงานแล้ว ไม่แน่เขาอาจจะสั่งสอนฉันก็ได้ ฉันไม่ทำให้ตัวเองลำบากหรอก”
“หา! ฉันจะสายแล้ว!”
เมื่อดูเวลา หลินจ้าวหยูนรีบวิ่งออกไปทันที วิ่งพลางก็หันหน้ากลับมา “พี่เขย เดี๋ยวฉันเลิกงานอย่าลืมเลี้ยงข้าวเย็นนะ!”
“เด็กคนนี้นี่…”
ถังเฉามองหลังที่วิ่งลุกลี้ลุกลนออกไป เขาส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ
แต่ทว่า ไม่มีใครเห็นเลยว่า บนถนนที่อยู่ไม่ไกล มีตาสี่คู่กำลังจ้องมองการกระทำของถังเฉากับหลินจ้าวหยูนอยู่
หนึ่งในนั้นหยิบรูปขึ้นมาใบหนึ่งและมองอย่างละเอียด
คนในภาพคือหลินชิงเสว่
คนนั้นเอามือลูบค้างตัวเอง และถามขึ้นอย่างสงสัย “ใช่เธอใช่ไหม”
“ใช่แน่นอน”
ชายผิวคล้ำที่ยืนอยู่ข้างๆ หัวเราะออกมาจนเห็นฟันเหลืองอ๋อย
“ทำไมฉันรู้สึกว่ามีอะไรที่ผิดปกติไปสักอย่าง”
ชายที่เป็นหัวหน้ายังคงมีสีหน้าประหลาดใจ “ผู้หญิงในภาพดูแวบเดียวก็รู้ว่าเป็นหญิงแกร่ง แต่ภาพที่ได้เห็นเมื่อครู่มันไม่ใช่”
“ลูกพี่ก็บอกแล้วว่าผู้หญิงในรูปกับผู้ชายคนนั้นเป็นคู่รักกัน ไม่มีผู้หญิงคนไหนทำหน้านิ่งเมื่ออยู่ต่อหน้าแฟนของตัวเองหรอก” ชายรูปร่างเตี้ยอีกคนพูดอวดฉลาดขึ้นมา
เมื่อได้ยินดังนั้น ผู้ชายที่เป็นหัวหน้าก็สลัดความสงสัยภายในใจออกไป “งั้นก็ลงมือเถอะ…”
พลบค่ำ ชั่วโมงเร่งด่วนหลังเลิกงาน
เมื่อเสร็จจากการทำงานทั้งวัน หลินจ้าวหยูนเดินออกมาจากอาคารและเดินไปยังอาคารกั๋วจี้
แต่ทว่า เดินไปได้เพียงครึ่งทาง ก็มีคนโผล่ออกมาทางข้างหลังสี่คน พวกนั้นใช้มือปิดปากและลากตัวเธอไปยังพุ่มไม้ที่อยู่สองข้างทาง
“อื้ออออ”
ทันใดนั้น หลินจ้าวหยูนเบิกตาโพลง เธอพยายามขัดขืนจนรองเท้าส้นสูงหลุดออกมา
แต่ทว่าผู้หญิงบอบบางเพียงคนเดียวจะสู้แรงของผู้ชายสี่คนได้อย่างไร ไม่นานเธอก็โดนจับตัวเอาไว้แน่น และลากเข้าไปในพุ่มไม้
ระหว่างที่กำลังวุ่นวาย หลินจ้าวหยูนกัดลงไปบนข้อมือของชายคนนั้น
ทันใดนั้นเลือดก็ไหลออกมา
“อ๊ากกกก”
ชายคนนั้นร้องออกมาอย่างเจ็บปวดทันที
หลินจ้าวหยูนสูดหายใจเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าปอด หน้าของเธอซีดเผือด เธอมองชายทั้งสี่คนด้วยแววตาหวาดกลัว
“พวกแกเป็นใคร คิดจะทำอะไร”
“นังสารเลว ยังกล้าขัดขืนอีกนะ เห็นฉันไม่ทำอะไรแก….”
ชายคนที่โดนกัดดูดเลือดที่แผลของตัวเองพลางเดินเข้ามาหาหลินจ้าวหยูน เขาพูดและง้างมือขึ้นเพื่อจะตบหลินจ้าวหยูน
แต่โดนชายรูปร่างเตี้ยที่ยืนอยู่ข้างๆ รั้งเอาไว้ก่อน “ลูกพี่ลืมที่พี่ใหญ่พูดไปแล้วหรือไง ต้องจับไปแบบมีชีวิตอยู่ และห้ามมีบาดแผลใดๆ…”
ชายคนนั้นจึงวางมือลง และถ่มน้ำลายลงพื้น “ถุย ถือว่าแกว่าโชคดีนะ แต่แกรอก่อนเหอะ ถ้าพี่ใหญ่เล่นกับแกเสร็จ ก็ถึงคิวของพวกฉัน”
“ช่วย..ช่วยด้วย!”
หลินจ้าวหยูนรู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น เธอหันหลังกำลังจะวิ่งหนีไปทางอาคารกั๋วจี้
เธอวิ่งพลางล้วงมือถือออกมา และกดโทรหาพี่สาว
แต่ทว่าวิ่งไปได้ไม่กี่ก้าวก็โดนตามมาทัน
“จะแจ้งตำรวจเหรอ”
ชายอ้วนคนหนึ่งเอากระสอบคลุมหัวของหลินจ้าวหยูน
ทันใดนั้นการมองเห็นของเธอก็มืดไปหมด มือถือในมือหล่นหลงไปในพุ่มไม้
“รีบพาตัวไป!”
ชายทั้งสี่คนเอาตัวของหลินจ้าวหยูนใส่ไว้ในกระสอบและยัดเข้าไปในรถตู้