เจ้าชายปีศาจไปสถานศึกษา - ตอนที่ 19
The Demon Prince goes to the Academy
ตอนที่ 19
*** เปลี่ยนคำแปลชื่อตัวละคร จาก ซาร์เกการ์ ไปเป็น ซาร์เคการ์ ***
แผนการเข้าวิหารของฉันได้รับการตัดสินแล้ว
แน่นอน ฉันจะไม่โดนจับได้แน่ถ้าสวมแหวนวงนั้น นี่ไม่ใช่เวทมนตร์ภาพลวงตา มันคือการสร้างร่างกายของฉันขึ้นใหม่ทั้งหมด
ฉันสงสัยในเมื่อโพลิมอร์ฟสามารถสร้างร่างกายของคนๆ หนึ่งได้ มันเป็นไปได้มั้ยที่จะปรับปรุงคุณสมบัติทางกายภาพของคนๆ หนึ่งด้วย?
ถ้าฉันเปลี่ยนร่างตัวเองให้ดูเหมือนคนที่มีความแข็งแกร่งถึง 99 แต้ม ฉันจะไม่แข็งแกร่งขึ้นด้วยเหรอ?
เมื่อฉันถามเรื่องนี้ โลยาร์ตอบฉันอย่างจริงจังอย่างน่าประหลาด
“……โพลิมอร์ฟ เวทมนตร์ระดับนั้นจะเป็นไปได้สำหรับคนที่มีมานาเท่ากันกับมังกรเท่านั้นแหละ”
“อาร์คเดมอนก็เหมือนมังกรไม่ใช่เหรอ?”
“มังกรเป็นสัตว์ประหลาดในตำนานเท่านั้นแหละ จะมีสิ่งมีชีวิตใดในโลกนี้จะมีสิ่งมีชีวิตที่สามารถใช้เวทมนตร์ได้โดยไม่ต้องร่ายได้ยังไง?”
ช่างเป็นข้อแก้ตัวที่น่าเศร้าของตำนาน
ฉันไม่เชื่อในตำนาน พวกมันอยู่ในระดับเดียวกับเรื่องโกหก
“สิ่งที่คุณใช้ไม่ใช่โพลิมอร์ฟจริงๆ นี่เป็นเพียงเวอร์ชันที่เผ่าของเราใช้ ดังนั้นคุณต้องแข็งแกร่งขึ้นด้วยตัวคุณเอง ความแข็งแกร่งที่ได้รับจากการเปลี่ยนแปลงจะไม่ใช่ความแข็งแกร่งของคุณเอง คุณไม่ควรพึ่งพากลอุบายราคาถูกเช่นนี้”
ฉันดีใจมากที่คุณยืนยันว่าฉันจะไม่สามารถใช้กลโกงแบบนั้นได้ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากฉันได้รับความสามารถของเผ่าเดรดฟีนฉันจึงสามารถแปลงร่างได้อย่างสมบูรณ์ ไม่เพียงแค่ปลอมตัวเท่านั้น
“เดี๋ยวก่อน ฉันมีคำถาม”
แน่นอน ฉันรู้แล้วว่าการทำให้ตัวเองดูมีกล้ามโดยใช้โพลีมอร์ฟไม่ได้ทำให้ฉันมีกล้าม
“มีข้อจำกัดมั้นว่าผมหนาได้แค่ไหน”
“หื้ม? คุณหมายความว่ายังไง?”
ซาร์เคการ์ดูเหมือนจะไม่เข้าใจในสิ่งที่ฉันพูดถึง
อย่างไรก็ตามฉันจริงจังนะ
“สมมุติว่าหัวฉันเริ่มล้าน จะเปลี่ยนตัวเองเป็นมีผมเต็มหัวได้มั้น? นั่นแหละที่ฉันพูดถึง”
“นั่นน่าจะได้นะ? นั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่ขนาดนั้น”
อา
“ซาร์เคการ์! คุณคือผู้ภักดีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ แน่นอน! แน่นอน!”
คุณเป็นคนดีมาก
ฉันไม่สามารถระงับความหลงใหลของฉันและกอดเขา
ฉันถือแหวนต้านการหัวล้านนิรันดร์ไว้ในมือไว้ในมือ!
“ถ้าฝ่าบาทต้องการ ผมจะให้ชีวิตของผมแก่คุณด้วยซ้ำ!”
โลยาร์และเอเลริสจ้องเขม็งในขณะที่ซาร์เคการ์และฉันกอดกันอย่างดุเดือด
* * *
วิหารการ์เดียส
เวทีหลักของเนื้อเรื่องเดิม
ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ไปที่นั่น เมื่อซาร์เคการ์ช่วยปกปิดตัวตนของฉัน ฉันก็โอเค แม้ว่าฉันจะไม่ได้เข้าไปแทรกแซง เรื่องราวก็จะดำเนินต่อไปเองจนจบ
กล่าวอีกนัยหนึ่งยิ่งฉันมีส่วนร่วมน้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เพียงแค่เข้าไปแทรกแซงเล็กน้อย ตัวแปรก็จะปรากฏขึ้น เรื่องราวเปลี่ยนไปมากเพราะชาร์ลอตต์ เดอะ การ์เดียสรอดชีวิตมาได้
ฉันไม่ต้องการมีส่วนร่วมมากเกินไปในเรื่องราวที่มีตอนจบที่กำหนดไว้แล้ว
อีกอย่าง
ฉันไม่จำเป็นต้องไปโรงเรียนกับเด็กพวกนี้จริงๆ แล้วทำไมฉันต้องทำมัน?
อย่างไรก็ตาม หากซาร์เคการ์พบว่าฉันไม่มีเจตนาที่จะสร้างแดนปีศาจขึ้นใหม่ ฉันไม่รู้ว่าเขาจะทำยังไง สำหรับโลยาร์ฉันไม่ค่อยแน่ใจว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ แต่ซาร์เคการ์เป็นคนที่ภักดี แต่ท้ายที่สุดแล้ว เขาอาจเป็นคนที่อันตรายที่สุดสำหรับฉัน
ซาร์เคการ์ดูเหมือนจะต้องการให้ฉันแข็งแกร่งขึ้น
พูดตามตรง ฉันไม่เหมาะกับการต่อสู้และมันไม่ใช่งานอดิเรกของฉัน เช่นเดียวกับที่ทุกคนไม่ต้องการเจ็บปวด ฉันรู้สึกเหมือนต้องการหลบหนีไปยังสถานที่ที่รับประกันความอยู่รอดและสวัสดิภาพของฉัน
อย่างไรก็ตาม ในท้ายที่สุด ไม่ว่าฉันจะไปที่วิหารหรือไม่ ฉันก็ต้องแข็งแกร่งขึ้น
เพื่อที่วันหนึ่งจะสามารถรอดพ้นจากเงื้อมมือของ ซาร์เคการ์ได้ ฉันจำเป็นต้องมีพละกำลังในระดับหนึ่ง ไม่สำคัญว่าฉันจะยืนอยู่ฝ่ายเอเลริสหรือฝ่าย ซาร์เคการ์
ฉันจะต้องเข้าไปในวิหารการ์เดียส
“แต่ยังไง?”
“หากผมรับคุณเป็นบุตรบุญธรรม คุณจะสามารถเข้าไปในวิหารได้”
ด้วยตำแหน่งของเคานต์พอนธีอุส เขาสามารถรับฉันเป็นบุตรบุญธรรมของเขาได้ ทำให้ฉันได้เข้าไปในวิหารแบบนั้น
ฉันก็จะกลายเป็นลูกของขุนนางด้วย ถ้าอย่างนั้นฉันจะมีชีวิตที่สุขสบายกว่านี้ได้ใช่มั้ย?
“มันอันตรายเกินไป”
อย่างไรก็ตาม เอเลริสส่ายหัวของเธอ ราวกับไม่เข้าใจซาร์เคการ์ขมวดคิ้ว
“คุณกำลังพูดอะไร เอเลริส?”
“ซาร์เคการ์คุณเป็นคนลักพาตัวเจ้าหญิงด้วยตัวเอง ตอนนี้เธอกลับมาแล้ว พวกเขาจะเริ่มต้นการสืบสวนอีกครั้งว่าการลักพาตัวเจ้าหญิงเกิดขึ้นได้อย่างไร พวกเขามีเจ้าหญิงเป็นพยาน มีโอกาสที่พวกมันจะจับหางคุณได้”
“ฉันไม่ได้ทิ้งร่องรอยไว้เลย”
“คิดว่ามันเป็นแค่การป้องกันไว้ก่อน”
“……เข้าใจแล้ว”
การสืบสวนครั้งที่สองเกี่ยวกับการลักพาตัวเจ้าหญิงอาจทำให้ซาร์เคการ์ถูกสงสัย มันเป็นแค่การป้องกันไว้ก่อน แต่เอเลริสดูเหมือนจะคิดว่าไม่จำเป็นต้องเสี่ยงโดยไร้ประโยชน์
ฉันก็คิดว่าอย่างงั้นแหละ
“ถ้าอย่างนั้นก็อย่างที่คาดไว้ เอเลริสเหมาะที่จะเป็นผู้ปกครองของฉัน……?”
“ไม่ ฝ่าบาท”
“……ฮะ?”
ฉันคิดว่าเธอน่าจะรับบทนั้น แต่เอเลริสกลับส่ายหัว
“ฉันเป็นแวมไพร์ หากพบว่าฉันเป็นแวมไพร์ ฉันแน่ใจว่าฝ่าบาทที่ฉันดูแลอยู่จะต้องตกอยู่ภายใต้ความสงสัยเช่นกัน ฉันมักจะระมัดระวังกับทุกสิ่งที่ฉันทำ แต่เราไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น”
แม้ว่าเอเลริสจะเข้ากับสังคมมนุษย์ได้ดี แต่เธอก็คำนึงถึงความเป็นไปได้ที่จะถูกค้นพบว่าเป็นแวมไพร์อยู่เสมอ
“อะไร? ฉันจะเข้าไปในวิหารได้อย่างไร ถ้าทั้ง ซาร์เคการ์และเอเลริสไม่สามารถเป็นผู้ปกครองของฉันได้”
“ทำไจะไม่ได้”
เอเลริสชี้ไปที่บุคคลสุดท้ายที่อยู่ตรงหน้าราวกับว่ามันชัดเจน
“…อะไร? ฉัน?”
“อะไรนะ?”
เธอต้องการให้ราชาขอทานเป็นผู้ปกครองของฉันงั้นเหรอ?
นี่มันเรื่องไร้สาระอะไร? ทั้งฉันและโลยาร์ตกตะลึง แต่เอเลริสส่ายหัว
“มันจะเป็นประโยชน์มากที่สุดสำหรับคุณที่จะเกิดมาเป็นเด็กกำพร้า”
ฉันเข้าใจว่าเธอหมายถึงอะไร
“ถ้าคุณถูกรับเลี้ยงโดยซาร์เคการ์คุณอาจตกอยู่ในอันตรายหากการกระทำของเขาถูกค้นพบ และหากคุณเลือกฉันเป็นผู้ปกครอง คุณอาจตกอยู่ในอันตรายหากตัวตนที่แท้จริงของฉันถูกค้นพบ”
“…ฉันรู้ว่าคุณหมายถึงอะไร แม้ว่าฉันจะถูกจับได้ สมาชิกในแก๊งของฉันก็ไม่รู้ว่าฉันเป็นไลแคนโทรป ดังนั้นเขาจึงพูดได้เต็มปากว่าเขาไม่รู้ แค่นั้นใช่มั้ย”
“ใช่”
สมาชิกของกลุ่มโลยาร์ไม่รู้ว่าเธอเป็นไลแคนโทรปดังนั้น ดังนั้นแม้ว่าโลยาร์จะถูกค้นพบ แม้ว่าพวกเขาจะถูกซักถาม พวกเขาส่วนใหญ่นั้นไม่รู้อะไรเลย
นอกจากนี้ มีความเป็นไปได้สูงที่ฉันจะไม่ถูกเชื่อมโยง พวกเขาจะค้นพบว่าฉันเข้าวิหารในฐานะเด็กกำพร้าที่ไม่ได้มีความสัมพันธ์กัน
ใช่เอเลริสพูดถูก
“……ต่อจากนี้ไปอยากให้ฉันอยู่ที่นี่มั้ย?”
“ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฝ่าบาทจะต้องอาศัยอยู่ในสถานที่สกปรกเช่นนี้! นั่นมันไม่สมเหตุสมผลเลย ฮ่าฮ่า!”
“คุณเพิ่งเรียกสถานที่ของฉันว่าสกปรก? พยายามจะดูถูกฉันเหรอ?”
มีไฟลุกโชนในดวงตาของโลยาร์
“คุณอยากบอกให้ฉันรู้ว่าคุณจะซื้อขนมปังจากเงินของคุณเองตั้งแต่วันนี้? ใช่มั้ยฮะ?”
“ไม่ ไม่ ฉัน ฉัน ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น…… ก็แค่นิดหน่อย… คุณรู้ไหม? ฉันหมายถึงดู……”
“มันไม่เกินไปหน่อยเหรอ? กับสปอนเซอร์วีไอพีที่ยอดเยี่ยมแบบฉัน คุณรู้มั้ยว่าควรจะทำยังไง”
โลยาร์เป็นคนจัดหาเงินของพวกเขา
ดังนั้นเธอจึงมีอำนาจมากที่สุดที่นี่
โลยาร์ข่มขู่ซาร์เคการ์ด้วยกำลังอย่างท่วมท้น และใบหน้าของซาร์เคการ์เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินทันทีที่เขาได้ยินว่าเธอจะหยุดให้เงินเขา
เอเลริสถอนหายใจเมื่อมองดูทั้งสองต่อสู้กัน
“คุณไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ ถ้าคุณเข้าไปในวิหารคุณจะสามารถอาศัยอยู่ในหอพักได้ คุณแค่ต้องใช้เวลาสองสามวันที่นี่”
เธอมองฉันเหมือนพูดว่า: “ฉันจะปล่อยให้คุณอยู่ในที่ที่สกปรกเช่นนี้ได้อย่างไร”
ฉันไม่ได้ตั้งใจจะกลายเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่เหมือนลูกชายของขุนนาง แต่….
เมื่อฉันไปโรงเรียน เด็กคนอื่นๆ จะไม่หาว่าฉันเป็นขอทานเหรอ? ในใจฉันอายุเกิน 30 แต่แบบนี้ไม่ว่าฉันจะอายุเท่าไหร่มันก็….
ไม่ ฉันแค่จะบอกว่าถ้าไอ้เด็กพวกนั้นหาว่าฉันเลี้ยงชีพด้วยการขอทานตั้งแต่อายุยังน้อย ฉันจะไม่เผลอสั่งสอนหรืออะไรทำนองนั้นเหรอ?
“…….”
ถึงกระนั้น ฉันก็ไม่สามารถคิดไอเดียที่ปลอดภัยไปกว่าคำแนะนำของเอเลริสได้
แค่ไม่กี่วัน ไม่กี่วัน….
ฉันต้องอยู่ที่นี่อีกซักสองสามวัน….
เมื่อฉันถามเธอว่าฉันต้องอยู่ที่นี่สองสามวันหรือไม่ เอเลริสก็บอกว่าใช่
ฉันเป็นเด็กกำพร้าและไม่มีอัตลักษณ์ที่เหมาะสม ดูเหมือนว่าเพื่อที่จะได้ตัวตนใหม่ ฉันต้องพิสูจน์ว่าฉันเป็นเด็กกำพร้า และเพื่อพิสูจน์ว่า ฉันต้องได้รับคำให้การของกลุ่มโลยาร์
ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฉันต้องได้รับตัวตนใหม่ผ่านการรับประกันของขอทาน เกิดอะไรขึ้นกับสิ่งนี้กัน?
“มีน้องชายตัวน้อยของฉันหลายคนที่ไม่มีตัวตนในระบบ ดังนั้นฉันจึงรู้ว่าต้องทำอย่างไร เพราะน้องชายบางคนต้องการบัตรประจำตัว”
เป็นเรื่องปกติที่เธอจะเรียกพวกเขาว่าน้องชายในฐานะหัวหน้าขององค์กรนี้ แต่ก็น่าแปลกที่ได้ยินมันออกมาจากปากของเธอ
ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าไลแคนโทรปจะเป็นพี่น้องกับมนุษย์ นี่เป็น Tiger Brother เวอร์ชันคนแสดงรึเปล่า? หมาป่าตัวนี้จะกลายเป็นพี่ชายของฉันด้วยงั้นเหรอ? ไม่สิ พี่สาวของฉันต่างหาก
คำพูดของซาร์เคการ์ทำให้โลยาร์โกรธ แต่ดูเหมือนเธอจะคิดว่าการอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนี้เป็นเวลานานก็เป็นสิ่งที่ไม่ดีสำหรับฉันเช่นกัน
“เอเลริสจะหาข้อแก้ตัวที่ใช้ได้ ดังนั้นเราจะทำแบบนั้นได้”
โลยาร์ดูไร้กังวล ขณะที่เอเลริสครุ่นคิดว่าเธอควรพาฉันออกจากที่นี่โดยเร็วที่สุดและให้ฉันเข้าวิหารอย่างไร
* * *
ซาร์เคการ์และเอเลริสกลับไปแล้ว ทิ้งฉันกับโลยาร์ไว้ข้างหลัง ฉันได้รับการบอกแล้วว่าจะทำอย่างไร โลยาร์บอกฉันว่าไม่ต้องกังวลเพราะจะไม่มีใครแตะต้องฉัน แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาจริงๆ….
ไม่มีอะไรที่จะแก้ไขได้ง่ายๆ
ฉันไม่อยากไปวิหาร แต่ตอนนี้ฉันต้องไปในขณะที่สวมชุดประจำตัวที่กลุ่มขอทานมอบให้ฉัน ยิ่งทำให้อยากไปน้อยลงไปอีก แต่ฉันจะทำอะไรได้ นี่เป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุด
โลยาร์ลากฉันออกมาจากส่วนลึกของท่อระบายน้ำ และพาฉันไปที่กระท่อมร้าง
-วิ๊ววว!
ในตอนที่โลยาร์ผิวปาก ขอทานทั้งหมดที่กระจัดกระจายไปทั่วก็เริ่มรวมตัวกันอย่างช้าๆ ในที่แห่งหนึ่ง ทุกคนเดินโขยกเขยก แต่ดูเหมือนพวกเขาจะตั้งใจฟังดี
นี่คงเป็นด้านมืดของการ์เดียม
“พี่ใหญ่ เกี่ยวอะไรกับเด็กคนนั้น”
หากเป็นเอเลริสหรือซาร์เคการ์พวกเขาคงจะโกรธกับคำพูดของเขา แต่กับโลยาร์ก็ไม่ได้แสดงปฏิกิริยาอะไรมากนัก เธอไม่ซื่อสัตย์ในจิตใจ แต่ภักดีมากในทางกาย เธอเป็นคนที่แปลกประหลาด
“เขาเป็นสมาชิกใหม่ เรียกเขาว่าไรน์ฮาร์ด”
นี่เป็นชื่อใหม่ ไม่ใช่ชื่อจริงของฉันซึ่งก็คือวาเลียร์
ไรน์ฮาร์ด
ไม่ ฉันหมายถึงวาเลียร์ไม่ใช่ชื่อจริงของฉันด้วยใช่มั้ย
อย่างไรก็ตาม มันเป็นนามแฝง นามแฝง ไม่มีอะไรเพิ่มเติม
ซาร์เคการ์เสนอว่า
เขาบอกฉันว่าฉันควรเลือกชื่ออื่น ไม่ใช่ชื่อวาเลียร์ ดังนั้นเขาจึงขอความเห็นจากฉัน
โอ้
ฉันมีบางอย่างในใจ
‘เฮลล์สครีม’
‘……เฮลล์สครีม? ชื่อนั้นน่าขนลุกเกินไปรึเปล่า’
คำแนะนำแรกถูกเอเลริสตัดทิ้ง
‘แล้วลิชคิงล่ะ’
‘ช่างสมบูรณ์แบบ! ช่างเป็นชื่อที่เหมาะกับปีศาจผู้ยิ่งใหญ่!!!!!! หากเป็นฝ่าบาท พระองค์ย่อมเหนือกว่าความสามารถทางเวทมนตร์ของลิชอย่างแน่นอน!’
‘ฝ่าบาท ชื่อจริงของท่านจะไม่เด่นเลยเมื่อเทียบกับชื่อนั้น’
ซาร์เคการ์ตกลงตามนั้น แต่โลยาร์ปฏิเสธ เธอพูดประมาณว่า: “ถ้าคุณจะเลือกชื่อที่น่าเกลียดแบบนั้น คุณควรใช้ชื่อจริงของคุณจะดีกว่า”
ชื่อนี้เทียบเท่ากับ คิม อึม ดูม ในภาษาเกาหลี
‘แล้ว ทรอล’
‘……ฝ่าบาท เราจะใช้ชื่อตลกประหลาดแบบนั้นไม่ได้’
เอเลริสค่อนข้างคิดว่าทรอลเป็นการเล่นสำนวนในคำว่า ‘เวรเอ้ย’ อย่างจริงจัง (T/N: มุขเล่นคำของเกาหลี)
คุณไม่รู้จักซีรี่ส์ Warcraft!
(T/N:Trallในwarcraft)
ในที่สุดหลังจากโต้เถียงกันเป็นเวลานาน เราก็สามารถตัดสินใจอะไรบางอย่างได้
‘แล้วไรน์ฮาร์ดล่ะ’
‘……น่าแปลก มันเป็นชื่อที่เหมือนตัวละครหลัก แต่…..’
‘ฉันคิดว่ามันเป็นชื่อที่ดีกว่าเฮลล์สครีม’
‘มันจะไม่ยากเลยที่จะเพิ่มอีกสองสามพยางค์ ชื่อของราชาต้องไม่ง่ายเกินไป….’
‘ถ้ามันมากกว่านั้นคงจะลำบาก ฉันไม่อยากถูกเข้าใจผิดว่าเป็นขุนนางหรืออะไรทำนองนั้น’
นั่นคือวิธีการตัดสินใจ มันไม่ได้ฉูดฉาดเป็นพิเศษและไม่ใช่ชื่อแปลก มันเป็นเพียงชื่อธรรมดาสามัญ