เจ้าของร้านพิศวง [我真不是邪神走狗] - ตอนที่ 24
บทที่ 24 : ตาข่ายดักฝัน
“ผ่านไปอีกหนึ่งวันที่ทำตัวเป็นประโยชน์กับคนอื่น” หลินเจี๋ยทอดถอนใจอย่างเป็นสุขระหว่างที่เขากลับไปที่นั่งหลังเคาน์เตอร์ของตน
ในยุคสมัยนี้ หาคนใจดีในสังคมได้ไม่มากนัก
หลินเจี๋ยรู้ว่าเพื่อนบ้านร้านข้าง ๆ นั้นจริง ๆ แล้วเป็นเจ้าพวกตัวขี้เกียจที่วัน ๆ เอาแต่นอนดูทีวีไม่ทำอะไร บางคนคงจะเคลือบแคลงว่าช่วยคนแบบนี้ไปแล้วมันจะได้อะไรขึ้นมาเป็นแน่
แต่ถ้าเราลองประพฤติตนอย่างซื่อสัตย์แล้ว ก็ย่อมคำนึงถึงกลยุทธ์ระยะยาว การสร้างแบรนด์ของร้านค้าก็ควรจะเกิดขึ้นจากการทำกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อสังคม
เหมือนกับวิธีการที่เขาได้รับลูกค้าที่จงรักภักดีนั่นแหละ นั่นเพราะว่าเขาเก่งด้านการเอาใจเขาใส่ใจเรา เสนอตัวให้คำปรึกษา และปฏิบัติตนเสมือนว่ากลายเป็นเพื่อนของพวกเขา
สำหรับเขาแล้ว ร้านสื่อข้าง ๆ กันนั้นก็เป็นตัวเรียกลูกค้าที่สำคัญแห่งหนึ่ง
ถ้ายกตัวอย่างก็คงจะเข้าใจง่ายขึ้น
ลองจินตนาการดูว่าถ้าเกิดว่าลูกค้าของร้านข้าง ๆ ถามถึงเขา เจ้าของร้านสื่อข้าง ๆ ก็พูดได้ว่าหลินเจี๋ยเป็นคนดี ดังนั้นคนเหล่านั้นก็จะตีความต่อเจ้าของร้านหนังสือที่อยู่ข้าง ๆ ในเชิงบวก
บางทีพวกเขาอาจจะถึงขนาดคิดจะเข้ามาเยี่ยมชมร้านเขาก็ได้นะ
เฮ้อ… หวังว่าเจ้าของร้านข้าง ๆ จะเข้าใจความประสงค์ดีของฉัน แล้วช่วยฉันหาลูกค้าเข้าร้านนะ
กระดิ่งบนประตูร้านสั่นไหวเล็กน้อย ตามด้วยเสียงเปาะแปะของสายฝนซี่งกลับเงียบลงอีกครั้งหลังจากประตูปิดลง
หลินเจี๋ยมองขึ้นมาและชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะเผยรอยยิ้มที่แฝงความประหลาดใจไว้เล็กน้อย “เฒ่าไวลด์ ทำไมรอบนี้กลับมาเร็วจังเลยล่ะครับ?”
ไวลด์นั่นเองที่มาเยือน เขายังคงอยู่ในชุดสูทเหมือนกับทุกที แค่ว่าในครั้งนี้เขามีเสื้อคลุมที่ยาวขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อย มากพอที่แขนทั้งสองข้างของเขาจะถูกซ่อนไว้ในนั้นได้หมด
หลินเจี๋ยรู้สึกอยู่เสมอว่าเฒ่าไวลด์มีเซนส์ด้านการแต่งตัวที่ดี การแต่งตัวของเขาดูเหมือนผู้ดีอังกฤษ และในวันนี้เสื้อผ้าของเขาดูจะมีกลิ่นอายของความลึกลับอยู่ด้วย
ไวลด์ถอดหมวกของเขาแล้วโค้งคำนับน้อย ๆ ก่อนจะเดินตรงไปยังที่นั่งหน้าเคาเตอร์ หยิบหนังสือออกมาแล้วกล่าวอย่างตื่นเต้น “ขอบคุณสำหรับความใจกว้างนะครับ งานของผมก้าวหน้าไปเยอะมากเลย แล้วผมก็รู้สึกเหมือนกับว่าแรงบันดาลใจมันพลุ่งพล่านไปทั่วร่างกาย ผมว่าผมน่าจะทะลวงผ่านอุปสรรคได้ในเร็ววันนี้แล้ว”
เขารู้สึกว่าเขาห่างจากระดับจุดจบอารยธรรมแค่เพียงก้าวเดียว แม้ว่าระยะห่างนั้นจะยังถือว่ามหาศาล แต่ไวลด์รู้ดีว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่ไม่มีวันเอื้อมถึงอีกต่อไป
สิ่งที่เขาต้องทำก็คือเรียบเรียงแก่นวิญญาณของเขาแล้วหาภาษาที่จะเป็นของเขาเอง
หลินเจี๋ยปรบมือและกล่าวให้กำลังใจ “ฝ่าอุปสรรคจนมาถึงจุดนี้ได้มันไม่ง่ายเลยนะครับ ให้ผมแสดงความยินดีให้คุณล่วงหน้าเถอะ ถ้าคุณต้องการให้ช่วยจุดไหน ผมจะพยายามเต็มที่เลยครับ”
ไวลด์วางหนังสือลงบนโต๊ะ “ผมซาบซึ้งอย่างถึงที่สุดเลยครับคุณหลิน ผมได้ประโยชน์มหาศาลจากงานของคุณ แต่ดูเหมือนว่านี่จะเป็นโอกาสเหมาะสมที่ผมจะได้แสดงความขอบคุณของผมนะครับ”
ก่อนหน้านี้ ไวลด์เคยให้การ์กอยล์หินกับหลินเจี๋ย ทว่าหากเทียบกับความช่วยเหลือที่หลินเจี๋ยได้หยิบยื่นให้กับเขาแล้ว มูลค่าของการ์กอยล์นั้นช่างเล็กกระจ้อยร่อย
ดังนั้นเขาจึงอยากให้ของขวัญที่เขาใช้เวลาสองปีในการตระเตรียมนี้ให้กับหลินเจี๋ย ของขวัญชิ้นนี้เองยังเป็นสาเหตุอีกเช่นกันว่าทำไมในสองปีที่ผ่านมาเขาถึงไม่ค่อยออกมาเคลื่อนไหวเลย
ของขวัญในลักษณะนี้เท่านั้นที่จะเปรียบเทียบได้กับความกรุณาที่เขาได้รับมาตลอดสองปี
ไวลด์มีเกียรติและคติประจำใจเป็นของตนเองแม้ว่าเขาจะเป็นนักเวทมนตร์ดำผู้ไร้ปรานี และเขาเชื่อมั่นอย่างยิ่งในการตอบแทนน้ำใจด้วยน้ำใจ
“ผมก็ชอบของขวัญชิ้นก่อนของคุณสุด ๆ แล้วนะครับ งั้นรอบนี้ผมต้องคิดหนัก ๆ แล้วล่ะถ้าจะรับของขวัญราคาสูงจากคุณอีก” หลินเจี๋ยกล่าวขณะที่เขามองไปที่รูปสลักหินบนโต๊ะ
ไวลด์รู้ว่าคุณหลินกำลังปลอบใจเขาอยู่
‘ชอบสุดๆ?’ …เห็นชัด ๆ ว่าคุณหลินกำลังถ่อมตัวและกำลังถนอมน้ำใจฉันอยู่เมื่อสิ่งที่ฉันให้เขามันด้อยค่ากว่าคำแนะนำที่เขาให้มา คุณหลินเป็นบุคคลที่สุดยอดจริง ๆ!
“ไม่ต้องลังเลหรอกครับ ให้พูดจริง ๆ ก็คือ มันมีมูลค่ากับผมน้อยมาก แต่บางทีมันอาจจะมีประโยชน์กับคุณมากกว่าก็ได้” ไวลด์ยืนกราน “ผมจะเสียใจนะถ้าคุณไม่รับมันไว้”
ในเมื่อไวลด์พูดขนาดนี้แล้ว หลินเจี๋ยก็ปฏิเสธไม่ลง “เราคุยกันมายืดยาว แต่ผมยังไม่รู้เลยนะครับว่าคุณเตรียมอะไรมา ขอผมดูก่อนได้ไหมครับว่าคืออะไร?”
ไวลด์สูดหายใจลึกแล้วหยิบเครื่องประดับที่ดูเหมือนกระดิ่งลมออกมาจากในเสื้อคลุมอย่างระมัดระวัง
มันมีรูปร่างเป็นวงกลมที่ทำจากกิ่งไม้ เส้นด้ายที่มัดพันร้อยแทรกด้วยลูกปัดไข่มุก ก่อเกิดเป็นตาข่ายที่สวยงามและละเอียดซับซ้อน ที่ตรงกลางเป็นรูเล็ก ๆ ที่มีอัญมณีสีฟ้าครามประดับไว้ ด้านล่างของกรอบห้อยขนนกนุ่ม ๆ สามสี่เส้น
“ตาข่ายดักฝัน?” หลินเจี๋ยเลิกคิ้ว เขาไม่คิดมาก่อนว่านี่จะเป็นของขวัญจากเฒ่าไวลด์
ในฐานะของนักศึกษาปริญญาเอกด้านคติชนวิทยา การวิจัยของหลินเจี๋ย การวิจัยของหลินเจี๋ยไม่ได้จำกัดวงอยู่แค่ขนบธรรมเนียมพื้นบ้าน บ่อยครั้งอยู่ที่เขาจะต้องศึกษาและอ้างอิงจากแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย เพราะเช่นนั้นเขาจึงเรียนรู้ขนบธรรมเนียมและวิถีชีวิตของประเทศอื่น ๆ ไปด้วย
ในจารีตของชนพื้นเมืองอเมริกัน ตาข่ายดักฝันถือว่าเป็นเครื่องรางหรือวัตถุมงคล ชาวพื้นเมืองอเมริกันเชื่อว่าลมในตอนกลางคืนจะเต็มไปด้วยความฝัน และตาข่ายดักฝันนี้จะสามารถกรองเอาฝันร้ายออกไปและดักเก็บความฝันดี ๆ ไว้ได้
มีเพียงฝันดีเท่านั้นที่จะสามารถผ่านรูตรงกลางเครื่องรางและไหลลงมากับขนนกด้านล่าง และฝันร้ายจะถูกจับไว้ในตาข่ายก่อนจะถูกทำให้สลายไปยามดวงอาทิตย์ขึ้น
มีบางตำนานที่กล่าวไว้ว่าลูกปัดไข่มุกบนตาข่ายดักฝันนั้นคือพลังงานและความรู้ที่ถูกกักเก็บในระหว่างนอนหลับ และมีพลังที่จะสามารถทำให้คนสามารถสื่อสารกับโลกวิญญาณได้
สรุปสั้น ๆ ก็คือ เป็นการให้พรที่เต็มไปด้วยความลึกลับและเวทมนตร์
หลินเจี๋ยไม่นึกว่าของแบบนี้จะมีอยู่ในโลกนี้ด้วย
“ความรู้ของคุณช่างกว้างขวางจริง ๆ ครับ” ไวลด์ทอดถอนใจด้วยความชื่นชม ชูตาข่ายดักฝันในมือขึ้น “มันคือตาข่ายดักฝันครับ”
เขาไม่แปลกใจเลยที่หลินเจี๋ยจะรู้จักมันเพราะตาข่ายดักฝันนั้นเป็นเครื่องมือเวทมนตร์ แม้ว่าจะไม่ได้พบเห็นกันโดยทั่วไป แต่มันก็ไม่ได้หายากอะไรขนาดนั้น อย่างน้อยก็ในสายตาของนักเวทมนตร์ดำระดับทำลายล้างอย่างเขา
อีกทั้ง มูลค่าสูงสุดของตาข่ายดักฝันนั้นไม่ได้มาจากตัวมันเอง แต่มาจากความฝันที่ถูกเก็บไว้กับมันบนตาข่ายต่างหาก
นี่ยังเป็นครั้งแรกที่หลินเจี๋ยได้เห็นตาข่ายดักฝันที่ทำจากมือทุกขั้นตอนจริง ๆ ตาข่ายดักฝันที่ขาย ๆ กันตามร้านนั้นส่วนใหญ่ก็เป็นผลิตภัณฑ์เครื่องประดับเวอร์วังที่ผลิตทีละเยอะ ๆ ที่ดูไม่มีศิลป์เอาเสียเท่าไหร่ ในขณะที่เครื่องรางที่ไวลด์ถืออยู่นี้มองยังไงก็งานทำมือชัด ๆ
หนำซ้ำ เนื่องจากพายุฝนฟ้าคะนองในช่วงนี้สร้างความวุ่นวายในร้านหนังสือ และหลินเจี๋ยเองก็ไม่ค่อยจะได้นอนดี ๆ สักเท่าไหร่
เฒ่าไวลด์นี่เอาใจใส่ดีจริง ๆ! มันไม่ได้อยู่ที่ตัวของขวัญแต่อยู่ที่น้ำใจคนให้นี่แหละ! นี่คือมิตรภาพที่แท้จริง!
หลินเจี๋ยซาบซึ้งพอตัว เขาลุกขึ้น รับตาข่ายดักฝันจากเฒ่าไวลด์แล้วทอดถอนใจอย่างพึงพอใจ “ผมกำลังต้องการอยู่เลยครับ ขอบคุณนะครับเฒ่าไวลด์”
ไวลด์รู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก “เป็นเกียรติของผมที่ได้เป็นประโยชน์ต่อคุณครับ” เขากล่าวพร้อมรอยยิ้ม
ความฝันที่งดงามหาใดเปรียบฝันหนึ่งถูกเก็บเอาไว้ในตาข่ายดักฝัน แต่ในขณะเดียวกัน อันตรายที่น่าสะพรึงกลัวก็ดำรงอยู่ภายในนั้นด้วย หากไม่ใช่ผู้ที่มีความแข็งแกร่งของจิตใจในระดับจุดจบอารยธรรมล่ะก็ เขาจะไม่สามารถเข้าถึงความฝันนี้ได้เลย หรือต่อให้ทำได้ วิญญาณของเขาก็อาจจะถูกทำให้ดับสลายไปในทันทีแน่
ทว่าสำหรับตัวตนระดับสูงแล้ว ความฝันนี้น่าจะนำมาซึ่งความบันเทิงและความสุขอันหาได้ยาก
“ขอให้คุณหลับฝันหวานครับ”