เจ้าของร้านพิศวง [我真不是邪神走狗] - ตอนที่ 225
บทที่ 225 : เกิดอะไรขึ้น
แน่นอนว่าการแจ้งความต่อบุคคลระดับสูงของท็อดด์นั้นไม่ได้ทำตามขั้นตอน
การค้นหาสิ่งของต้องห้ามนั้นต้องเตรียมเอกสารไว้ล่วงหน้า และการตรวจสอบก็ไม่ใช่งานง่ายแม้ว่าจะเป็นการทำตามขั้นตอนอย่างถูกต้องก็ตาม
แค่การออกหมายค้นยังต้องขออนุมัติจากหลายลำดับขั้นรวมไปถึงการตรวจสอบเอกสารทุกประเภท ยิ่งกว่านั้น ด้วยจำนวนงานและการที่มีงานสำคัญกว่ารอรับการจัดการอยู่ กว่าจะอนุมัติหมายค้นกันได้จึงต้องใช้เวลาอย่างต่ำหนึ่งสัปดาห์
การลงพื้นที่ตรวจค้นจากแค่การแจ้งความเฉย ๆ นั้นเป็นไปไม่ได้เลย
เจ้าหน้าที่อัศวินชื่อฟรานซิสและพวกของเขาที่ท็อดด์ว่านั้นต่างมาจากฝ่ายของปู่ของท็อดด์ และพวกเขาก็รับคำสั่งมาจากลูกน้องของปู่ของเขาอีกที
พูดง่าย ๆ ก็คือ ในขณะที่ถ้ามองจากภายนอกแล้วพวกเขาคือหัวหน้าของท็อดด์ แต่พวกเขาก็เป็นแค่สมุนของท็อดด์ที่เป็นรุ่นที่สามของผู้บังคับบัญชาอัศวิน
ในตอนนี้ หลานของหัวหน้าของหัวหน้าพวกเขาขอความช่วยเหลือเขานิดหน่อย
การยึดร้านหนังสือไร้ชื่อที่คนธรรมดาเป็นเจ้าของนั้นเป็นเรื่องกล้วย ๆ สำหรับผู้มีพลังเหนือธรรมชาติอย่างเขา เรื่องนี้ย่อมจบได้ตราบใดที่พวกเขาทำตามขั้นตอนที่เหลือแล้วปิดปากเจ้าของร้านหนังสือเสีย…
พวกคนระดับสูงในหอพิธีกรรมต้องห้ามต่างงานยุ่ง ขอเพียงทำเรื่องนี้ให้เสร็จไว ๆ และสะอาดสะอ้านไร้ความวุ่นวาย ก็จะไม่มีใครมาสนใจ
ยิ่งกว่านั้น เจ้านายสายตรงของพวกเขาก็ยังเป็นผู้บริหารระดับสูงคนหนึ่งของหอพิธีกรรมต้องห้าม เมื่อมีเขาคอยคุ้มกันอยู่ การทำเช่นนี้ก็ยิ่งง่ายขึ้นเป็นกอง
แน่นอนว่าพวกเขาต้องทำตามหน้าที่ และต้องออกมาเป็นผู้นำ
เมื่อถูกเรียกมาทำงาน พวกเขาก็หาที่อยู่ของร้านหนังสือเจอได้ทันที แล้วเตรียมตัวไปยึดแล้วปิดมันลง
ท็อดด์ปลื้มใจในความหยั่งรู้ ความสามารถรวบรวมข้อมูลและวางกลยุทธ์ของเขา
แม้ว่าจะยังด้อยกว่าเด็กสาวตรงหน้าเขาที่พัฒนาตัวเองอย่างบ้าคลั่งเมื่อไม่นานมานี้ แต่อย่างน้อยที่สุดในตอนนี้เขาก็เอาชนะเธอได้ในด้านสติปัญญา!
ในขณะที่เมลิสซ่ายังไม่ทันรู้ตัว เขาก็ได้รับเรื่องราวมากมายเหล่านี้จากเพื่อนสนิทคนเดียวของเมลิสซ่า เซเลน่าที่ได้รับรู้เรื่องบางเรื่องมาจากเธอ แล้วก็ใช้มันเป็นโอกาสลงมือ
ท็อดด์เชื่อว่าเมลิสซ่าต้องซ่อนม้วนคาถาต้องห้ามอะไรไว้ในร้านหนังสือนั้นแน่ ๆ
การซ่อนม้วนคาถาไว้ในกองหนังสือที่ดูคล้าย ๆ กันในร้านหนังสือที่ดูธรรมดานั่นคงดูไม่แปลก ฮึ เรายังต้องชมเธอเรื่องนั้น
และม้วนคาถาพวกนั้นแหละที่ทำให้เธอพัฒนาตัวเองอย่างรวดเร็วได้ขนาดนี้
โชคร้ายที่เธอต้องมาเจอท็อดด์ผู้ทรงปัญญา และเธอก็ต้องชดใช้มัน!
ท็อดด์อดหัวเราะอย่างบ้าคลั่งราวกับตัวร้ายในหนังสือการ์ตูนไม่ได้ เมื่อเขาเห็นสีหน้าซีดขาวของเมลิสซ่า
แต่เมื่อคิดว่าเสียงหัวเราะแบบนั้นมันคล้ายกับตัวละครลูกกะจ๊อกที่มักจบไม่สวย เขาก็ตัดสินใจยับยั้งตัวเอง
“เป็นไงล่ะ สุดท้ายก็กลัวแล้วเหรอ?” ท็อดด์กอดอกยิ้มเยาะ “ขอโทษฉันสิที่เตะฉันเมื่อสามวันก่อน แล้วฉันจะพิจารณาเรียกพวกเขากลับมาให้”
เมื่อสามวันก่อน เมลิสซ่าเลือกท็อดด์แล้วมาท้าเขางัดข้อเหมือนอย่างเคย
ด้วยนิสัยท็อดด์ เขาตอบตกลง
ทว่าเขาไม่ได้จินตนาการเลยว่าสิ่งที่เกิดตามมาจะกลายเป็นหนึ่งในเรื่องขายขี้หน้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เขาไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิต
วินาทีเดียว! การงัดข้อกินเวลาเพียงวินาทีเดียวเท่านั้น!
ท็อดด์ไม่มีกระทั่งเวลาจะไหวตัวเมื่อแขนของเขาถูกขยี้ลงกับโต๊ะ ร่างของเขาโดนกระชากไปข้าง ๆ แล้วทุกอย่างที่เขาเห็นก็คือสายตาเหยียดหยามของเมลิสซ่าที่มองเขามาราวกับมองเศษขยะ
แข่งอีกสองรอบก็ได้ผลเหมือนเดิม
เขาแพ้ผู้หญิงสามรอบติดกัน และนั่นก็เป็นการงัดข้อต่อหน้าประชาชีด้วย ท็อดด์ที่ถูกโทสะครอบงำจึงเริ่มหาเรื่อง แล้วเขาก็โดนเตะร่วงในป้าบเดียว…เล่นเอาเขาก็ตะลึงจังงังไปเลย
หลังจากสงบตัวเองอยู่สามวัน เขาก็วางแผน ‘แก้แค้น’ ในครั้งนี้
“พะ…พวกนาย…”
เมลิสซ่าตกใจอย่างจริงจังจนกระทั่งเสียงยังสั่นเครือ
เธอจ้องพวกท็อดด์อย่างไม่อยากจะเชื่อ
เธอไม่อยากเชื่อเลยว่าพวกเขาจะทำเรื่องโง่เง่าขนาดนี้ลงไปได้ ถ้าให้เปรียบเทียบแล้ว เรื่องนี้ก็เหมือนกับการเต็มใจกระโดดลงไปในเครื่องบดเนื้อแล้วยังมีหน้ามาบอกว่ามันคือเครื่องนวดนั่นแหละ อีกไม่นานทุกคนก็จะได้เห็นว่าเครื่องบดเนื้อนี่จะนวดเขายังไง
การไปยึดร้านหนังสือนั้นเป็นเรื่องน่าขำ ไม่ต่างกับมดตัวหนึ่งที่อยากจะยกช้างขึ้นทั้งตัวนั่นแหละ
นี่มันเป็นการกระทำของคนบ้าชัด ๆ!
ในขณะเดียวกัน เธอก็รู้สึกเสียใจที่เซเลน่าปากสว่างปล่อยความลับของเธอออกไป
เมลิสซ่ารู้ว่ามันยากมากที่เซเลน่าจะเข้าร่วมกับหอพิธีกรรมต้องห้ามได้ในฐานะของคนธรรมดาทั่วไปที่ไม่มีอะไรโดดเด่น เธอทำได้เพียงต้องโอนอ่อนให้ท็อดด์ที่เป็นเจ้าหน้าที่รุ่นที่สามในหอพิธีกรรมต้องห้ามเท่านั้น
แต่เซเลน่าเป็นเพียงคนเดียวที่เธอเล่าเรื่องร้านหนังสือให้ฟัง ในตอนนั้นเธอเพิ่งกลับมาจากร้านหนังสือ และระดับความลับของร้านหนังสือก็ยังไม่ได้สูงอย่างตอนนี้ ยิ่งกว่านั้น ในตอนนั้นเธอยังไม่เข้าใจสิ่งที่ร้านหนังสือสื่อถึงด้วย
เมลิสซ่าปฏิบัติกับเซเลน่าอย่างเพื่อนแท้ แต่ตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนถูกหักหลัง
นอกจากความเศร้าแล้ว เมลิสซ่ารู้สึกหวาดกลัวมากกว่า “หยุดเลยนะ! เรียกพวกเขากลับมา!” เมลิสซ่าโพล่งออกไป แล้วยกดาบขึ้นด้วยร่างที่สั่นเล็กน้อย
เธอคิดไม่ออกจริง ๆ ว่าถ้าเจ้าของร้านหลินโกรธขึ้นมา จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง…
เจ้าของร้านหลินต้องรู้แน่ ๆ ว่าใครเป็นคนทำ และเมื่อเหตุและผลชัดเจนขึ้นมา เราเองก็อาจจะโดนหางเลขไปด้วย
แต่ตอนนี้มันยิ่งแย่ไปใหญ่แล้ว พวกเขาจะทำอะไรบางอย่างกับร้านหนังสือด้วย…
ไม่ว่าจะเป็นการยึดร้านหนังสือหรือสั่งปิดมันลง…ไม่สิ แค่ไปค้นที่นั่นก็เป็นความคิดที่น่ากลัวสุด ๆ แล้ว!!
ถ้าเจ้าของร้านหลินเดือดขึ้นมา หอพิธีกรรมต้องห้ามไม่โดนทำลายกันพอดีเหรอ?!
ท็อดด์คิดว่าในที่สุดเมลิสซ่าก็กลัวขึ้นมาแล้ว เขาจึงหัวเราะ “งั้นขอร้องสิ ถ้าเธอขอร้อง…”
“ขอร้องกับเตี่ยเอ็งสิ!”
ด้วยความกลัวและสำนึกผิด เมลิสซ่าจึงทนฟังเจ้าอัศวินรุ่นที่สามที่ทำตัวรู้มากนี่ต่อไปไม่ได้แล้ว เธอบีบอัดอีเธอร์เข้าไปในดาบ ชูขึ้นแล้วพุ่งเข้าใส่ท็อดด์อย่างรวดเร็วราวกับลูกธนูที่หลุดจากแล่ง
ท็อดด์ผงะไป ทว่าเขาเรียนรู้แล้วหลังจากที่ล้มลุกคลุกคลานมาก่อนหน้านี้
โล่อีเธอร์ที่มองไม่เห็นพลันปรากฏตรงหน้าเขาแล้วขวางดาบของเมลิสซ่าไว้
เขาถอนหายใจโล่งอก โชคดีที่เขาได้รับอุปกรณ์เหนือธรรมชาติที่ชื่อ ‘โล่แห่งการคุ้มกัน’ มา
ท็อดด์หัวเราะพลางว่า “ไร้ประโยชน์น่า! โล่นี่กันการโจมตีที่ระดับต่ำกว่าภัยพิบัติได้ ไม่มีทางที่เธอจะฝ่ามันมาได้หรอก!”
แต่เมลิสซ่าไม่ได้ปล่อยมือหรือถอย เธอโจมตีด้วยความเร็วสูง อีเธอร์ระเบิดออกมาอย่างต่อเนื่องในขณะที่เธอยังคงโจมตีโล่ของเขา
สิ่งที่เหมือนกับการไหลของข้อมูลปรากฏขึ้นในตาของเธอ แล้วทันใดนั้นโล่ก็ดูจะเต็มไปด้วยจุดบกพร่อง
“กุญแจสู่ประตูต้นกำเนิด!”
หลักสำคัญของสรรพสิ่ง! กุญแจดอกหลักที่เปิดได้ทุกอย่าง
ในตอนนี้ ในสายตาของเมลิสซ่า โล่อันนั้นทนเธอไม่ได้อีกแม้แต่ดาบเดียวแล้ว
และท้ายที่สุด
แกร็ก!
โล่ก็พังลง
ในขณะที่ท็อดด์มองอย่างตื่นกลัว เมลิสซ่าก็พุ่งเข้าใส่เขาอย่างรวดเร็ว กำหมัดชกที่ท้อง แล้วเธอก็เหวี่ยงเท้าเตะเข้าที่ใบหน้าของเขา
ตู้ม!
ใบหน้าของท็อดด์กระแทกลงพื้นพร้อมเสียงอึกทึก
—
ฟรานซิสเป็นเจ้าหน้าที่อัศวินระดับสัตว์ประหลาด จากระบบการจัดลำดับขั้นของหอพิธีกรรมต้องห้ามแล้ว ตำแหน่งเจ้าหน้าที่อัศวินนั้นสูงกว่าอัศวินฝึกหัดซึ่งยังสูงกว่านักเรียนอัศวินอยู่
แน่นอนว่าระดับอัศวินไม่ใช่การแสดงความแข็งแกร่งของพวกเขาที่ดีนัก ในหมู่นักเรียนอัศวินก็ยังมีระดับสัตว์ประหลาดอยู่หลายคน และสำหรับเจ้าหน้าที่อัศวินแล้ว… เจ้าหน้าที่ถาวรคนใดของหอพิธีกรรมต้องห้ามที่ไม่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นอัศวินแห่งแสงต่างก็เป็นเจ้าหน้าที่อัศวินกันทั้งสิ้น
ในตอนนี้ เขากำลัง ‘ทำภารกิจ’ อยู่
ฟรานซิสนำคนของเขาไปยังร้านหนังสือธรรมดา ๆ นั้น พร้อมจะยึดมันทันทีเพื่อมอบจุดจบอันสมบูรณ์แบบตามที่หลานชายของอัศวินแห่งแสงต้องการ