เจ้าของร้านพิศวง [我真不是邪神走狗] - ตอนที่ 137
ไวลด์เดินเข้าไปในห้องแล้วสำรวจพิธีกรรมบวงสรวงที่ยังไม่เสร็จสิ้นของเขา
จุดประสงค์ของพิธีกรรมนี้ก็คือเพื่อสกัดเลือดของสกายวูลฟ์ออกมาจากเฮริสแล้วย้อนรอยไปให้ถึงต้นตอของมัน โดยใช้พลังของเทพเจ้า ‘ชั่วร้าย’ นี้เพื่อสร้างเป็นสกายวูลฟ์ผู้บงการมิติและเวลาตัวจริงเสียงจริงขึ้นมา
ถ้าทำสำเร็จ ตัวเขาก็จะมีสัตว์มายาระดับภัยพิบัติเป็นอสูรคู่สัญญา
สำหรับพิธีกรรมนี้ เขาได้เลือกใช้โลงศพบรรทมนิรันดร์กาลของ ‘สาธุคุณ’ มอร์เฟย์มาเป็น ‘แท่นพิธี’ ด้วยพลัง ‘การชุบชีวิต’ ของมัน จะทำให้วัตถุประสงค์ของพิธีกรรมนี้ง่ายและสำเร็จได้ดีขึ้น
อุปกรณ์เวทมนตร์ที่แข็งแกร่งของเจ้าลัทธิสีชาดนี้เป็นที่ต้องการและแก่งแย่งกันหลังจากการตายของเธอ ก่อนที่ในที่สุดมันจะตกมาอยู่ในมือของไวลด์
เพิ่มเติมจากนั้น เครื่องเซ่นที่ใช้ในพิธีกรรมนี้ก็คือ ‘ผู้ส่งสาส์นสองปีกแห่งดวงตะวันผู้มีมงกุฎสีแดงและกรงเล็บที่แหลมคม’ ‘ร่างขาวซีด อวบอ้วนและมีสี่แขนขาอันสื่อถึงบาปแห่งความตะกละ ไร้ความสามารถและความโง่เขลา’ แล้วก็มี ‘ของเหลวอันชวนให้เมามายซึ่งทำให้เกิดความตื่นเต้น อัมพาตและสูญเสียซึ่งเหตุผลได้’
ไวลด์ นักเวทมนตร์ดำที่พื้นฐานการศึกษาแน่นเข้าใจได้อย่างรวดเร็วว่าเครื่องเซ่นในพิธีกรรมนี้ก็คือ ‘ไวเวิร์นกำมะถันแดง’ ‘คนบาปแห่งความโลภ’ หนึ่งคนและ ‘ยาสามานย์’
สำหรับพิธีกรรมนี้ ไม่ยากเลยที่จะหาเครื่องเซ่นมา ทว่าขั้นตอนที่ต้องทำนั้นยุ่งยากกว่าพิธีกรรมใด ๆ ที่เขาเคยทำมาก่อนในอดีต ตอนนี้ไวลด์อยู่ในการทดลองทำรอบที่สามแล้ว
เพื่อให้แน่ใจว่าพิธีกรรมจะมีประสิทธิภาพ ไวลด์จึงพยายามสุดฝีมือเพื่อให้ได้เครื่องเซ่นที่ดีที่สุดมา
ยกตัวอย่างเช่น ไวลด์ได้เลือกเจ้าบ้านตระกูลผู้สูงศักดิ์ที่มีชื่อเสียงจากนอร์ซินมาเป็นเครื่องเซ่นในตำแหน่ง ‘คนบาปแห่งความโลภ’
ตัวตนที่แท้จริงของเจ้าหมอนี่ที่จริงแล้วเป็นลูกประชาชนทั่วไปที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับตระกูลนี้เลยสักนิด
ใช่แล้ว เขาได้สวมรอยแทนตัวคนในตระกูลนี้ แล้วในที่สุดก็กลายมาเป็นเจ้าบ้าน
เมื่อก่อน ตระกูลผู้สูงศักดิ์ตระกูลนี้ประสบวิกฤตแล้วมอบบุตรชายที่เพิ่งเกิดของพวกเขาให้กับคนรับใช้ที่ไว้ใจได้เพื่อหนีไปให้ไกลจากอันตราย
คนรับใช้ผู้ภักดีหนีไปกับบุตรชายคนเล็กแต่สุดท้ายก็ถูกเจอจนได้ ดังนั้นเขาจึงส่งเด็กชายตัวน้อยให้เพื่อนของเขาและภรรยาก่อนจะหลอกล่อให้ผู้ไล่ตามมาตามตนเองไป แล้วสุดท้ายก็เสียสละตัวเขาเอง
คู่รักคู่นั้นเพิ่งจะให้กำเนิดเด็กชายคนหนึ่ง และเพราะเช่นนั้นจึงทำเหมือนว่าพวกเขาได้ลูกแฝด แล้วเลี้ยงทั้งคู่มาด้วยกัน
สุดท้ายแล้ว ตระกูลผู้สูงศักดิ์นั้นก็รอดจากวิกฤตและหวนคืนสู่อำนาจ แต่โชคร้ายที่พวกเขาเสียทายาทไปทั้งหมดจากความโกลาหลนั้น
ดังนั้นพวกเขาจึงส่งคนไปรับตัวลูกชายตัวน้อยคนนั้นกลับมา
วันหนึ่ง ลูกสามัญชนได้ไปได้ยินพ่อแม่ของเขาคุยกันโดยไม่ได้ตั้งใจ แล้วความโลภก็เริ่มครอบงำจิตใจของเขา เขาเสนอแนวคิดสลับฐานะของเขากับทายาทผู้สูงศักดิ์ออกมา แต่พ่อแม่ของเขาไม่ได้เห็นดีด้วย
เพราะการโต้แย้งของพ่อแม่ของเขา เจ้าลูกสามัญชนนี่จึงฆ่าทั้งสองทิ้ง
หลังจากนั้น เขาก็ฆ่าลูกชายตัวจริงของตระกูลสูงศักดิ์ด้วย แล้วใช้ของดูต่างหน้าเพื่อปลอมตัวตนของตัวเองเข้าไปในตระกูลสูงศักดิ์
ในระหว่างเรื่องทั้งหมดนี้ ความโลภของเขาพองตัวขึ้นอีก เขาร่วมมือกับพวกนักเวทมนตร์ดำแล้วเปลี่ยนแม่กับพี่น้องสาว ๆ ตัวปลอมของเขาเป็นทาสของตัวเองแล้วฆ่าใครก็ตามที่อาจรู้ความจริงและปฏิบัติกับพวกเขาอย่างโหดร้ายจนตาย สุดท้ายแล้วเขาก็ฆ่าได้กระทั่งเจ้าบ้านคนเก่าแล้วตั้งตัวเองเป็นเจ้าบ้านคนใหม่ ครอบครองตระกูลผู้สูงศักดิ์นี้ไป
ประวัติอันโดดเด่นขนาดนี้ทำให้ตัวเขาเป็นเครื่องเซ่นที่สมบูรณ์แบบ และตอนนี้ก็กลายเป็นศพที่จมกองเลือดอยู่บนแท่นพิธี
เลือดส่วนใหญ่ที่ไหลลงพื้นก็มาจากเจ้าคนโลภมากที่ชื่อเจฟฟรีย์ นอร์ตันนี่แหละ
ไวลด์เข้าไปใกล้แท่นพิธีที่สร้างจากโลงศพบรรทมนิรันดร์กาล การเดินจากห้องโถงที่สว่างไสวเข้าไปยังมุมมืดอันขมุกขมัวนั้นซ่อนใบหน้าอันน่ากลัวของเขาไว้ในเงามืด เหลือเพียงดวงตาสีเขียวที่ดูราวกับตาของงูเท่านั้นที่ฉายประกายเย็นชาออกมา
สายตาของเขาทอดมองไปยังแขนขาขาวซีดอันอวบอ้วนบนแท่นพิธี
เขาถอดถอนใจอย่างผิดหวัง “ผมเพิ่งเอาเลือดออกได้หมดครับ… พิธีกรรมในหนังสือของคุณค่อนข้างยากจริง ๆ และคำอธิบายก็ค่อนข้างจะคลุมเครือ ผมต้องใช้เวลาครู่หนึ่งในการย่อยและเข้าใจเรื่องทั้งหมดนี้ได้ครับ”
“การที่คุณถึงกับมาช่วยชี้นำผมด้วยตัวเองเพราะความหัวทึบของผมแบบนี้ ผมขออภัยด้วยจริง ๆ ครับ”
หลินเจี๋ยนั่งกลับลงไปอีกครั้งแล้วดื่มชา “อย่าเศร้าไปเลยครับเฒ่าไวลด์ ผมบอกแต่แรกแล้วว่านี่จะให้คุณได้แต่แนวคิดบางอย่าง เพราะถึงอย่างไรเรื่องของภาษาและวัฒนธรรมนั้นกว้างใหญ่มาก มันเป็นปกติครับถ้าคุณจะไม่เข้าใจ ทุกคนมีความเชี่ยวชาญของตัวเอง และบางทีคุณก็ต้องให้คนที่เชี่ยวชาญในด้านนั้น ๆ มาช่วยคุณนะครับ”
หลังสือเล่มนี้ข้ามผ่านสองโลก และเป็นเรื่องธรรมดามากที่เฒ่าไวลด์จะไม่เข้าใจเรื่องมากมายที่เขียนอยู่ภายใน
และยังมีเรื่องของการทำอาหารที่ต้องใช้ทักษะ และยิ่งกว่านั้น วัฒนธรรมอาหารยังต่างกันโดยสิ้นเชิงด้วย
“คุณพูดถูก” เฒ่าไวลด์ถอนหายใจโล่งอก
หลินเจี๋ยกลับเข้าประเด็น “เอาเลือดออก…มันยากเอาการสำหรับมือใหม่นะครับ ที่จริงแล้วผมก็ไม่เก่งเรื่องนี้แล้วก็ทำมันเละไปทั่วพื้นเหมือนกันครับ ฮะ ๆ ๆ”
เฒ่าไวลด์หัวเราะแห้ง ๆ “คุณหยอกผมเล่นแล้วล่ะครับ”
“เอาล่ะ เลิกล้อเล่นแล้วนะครับ” หลินเจี๋ยลดเสียงลงเล็กน้อยแล้วพูดต่อ “คุณจะเตรียมเครื่องเซ่นต่อได้โดยการควักเครื่องในออกมาครับ”
“คะ…ควักเครื่องในเหรอครับ?”
“ใช่ครับ ในภายหลัง เครื่องในชิ้นต่าง ๆ ก็ต้องล้างให้สะอาดด้วยนะครับ ตอนนี้ ขั้นแรกใช้มือคุณ อ้อ…ขั้นตอนนี้ใช้เครื่องมือไม่ได้นะครับ เฒ่าวิล ผมแนะนำให้คุณสวมถุงมือนะครับถ้ากลัวเปื้อน ใช้มือคุณขุดเอาเครื่องในทั้งหมดออกมาเลยครับ จำไว้นะครับว่าต้องเอาออกมาให้หมดจนกว่าจะเกลี้ยงเกลา”
“ได้ครับ… ผมจะพยายาม ทั้งหมดเลยเหรอครับ?” เฒ่าไวลด์ลังเลเล็กน้อย เขาอาจจะเป็นนักเวทมนตร์ดำที่โหดร้าย แต่เขาไม่เคยทำอะไรที่โหดร้ายและวิปริตขนาดนี้มาก่อน
เจ้าของร้านหลินเป็นผู้ส่งสาส์นของเทพเจ้าชั่วร้ายจริง ๆ ด้วย เขาได้รับในสิ่งที่ความเชื่ออื่น ๆ ทำไม่ได้ได้อย่างง่ายดาย
“ใช่ครับ หมดนั่นเลย อย่าลืมทำความสะอาดพวกตับไตไส้พุงทีหลังด้วยนะครับ จะดีกว่าด้วยถ้าจะยัดเครื่องเทศแรง ๆ เข้าไปในนั้น เพราะถึงอย่างไรผมก็ไม่คิดว่าเทพเจ้าจะอยากเสวยเครื่องเซ่นที่มีรสแปลก ๆ” หลินเจี๋ยยิ้มแล้วเล่นมุก
ไวลด์ตอบรับ คิดกับตัวเองว่าเครื่องเทศน่าจะหมายถึงยาสามานย์
หลังจากนั้น หลินเจี๋ยก็ได้ยินเสียงแปลก ๆ สารพัดเสียงจากหลังฉากกั้นห้อง
คงแค่เสียงทำกับข้าวแหละ ไม่มีอะไรแปลกหรอก
หลังจากรออยู่สักพัก หลินเจี๋ยก็ได้ยินว่าไวลด์ทำเสร็จแล้ว
เขายิ้มและให้คำแนะนำต่อ “ตอนนี้พวกเครื่องในก็พร้อมใช้งานแล้วครับ ผมจะสอนพิธีกรรมที่น่าสนใจหนึ่งให้คุณแล้วกัน ตัดเนื้อชิ้นใหญ่ที่ไม่ติดกระดูกออกมานะครับ แล้วก็ใช้…”
หลินเจี๋ยหยุดพูดกลางคัน เขาอยากจะพูดว่าตะเกียบ แต่ก็ตระหนักว่าไวลด์ไม่เคยใช้ตะเกียบและไม่รู้ว่ามันคืออะไร ดังนั้นเขาจึงแก้คำแนะนำใหม่
“ใช้แท่งไม้บาง ๆ สี่แท่งแทงเข้าสี่มุมของเนื้อ แล้ววางเครื่องในไว้ตรงกลาง จากนั้นห่อมันเป็นลูกกลม ๆ ครับ”
เฒ่าไวลด์เหมือนจะสูดหายใจเฮือก ลังเลเล็กน้อยก่อนจะถามอย่างระมัดระวัง “พะ…พิธีกรรมนี้มันเพื่ออะไรเหรอครับ?”
พิธีกรรมที่เหม็นกลิ่นเลือดนี้มีความป่าเถื่อนอย่างสมัยโบราณที่ช่างพิลึก ชั่วร้าย และน่าสะพรึงกลัว
“เอ่อ…พิธีนี้เป็นการภาวนาขอพรและมันสามารถนำมาซึ่งโชคดีและความปรารถนาดีของคนอื่น ๆ ได้ครับ”
หลินเจี๋ยเปลี่ยนคำพูดเดิมที่ว่า ‘อำนวยพรแก่ลูกหลานของเราให้ประสบแต่คนประสงค์ดีทุกที่ทาง’ เป็นคำโกหกประสงค์ดีคำโตเพื่อปกป้องไวลด์
หลังจากอธิบายแล้วเขาก็หัวเราะหึ “มันเป็นพิธีบวงสรวงพิเศษจากนครหนึ่ง[1] ที่ผมเคยเขียนไว้ในหนังสือมาก่อน มันน่าสนใจมากใช่ไหมล่ะครับ?”
ไวลด์อดตัวสั่นไม่ได้ นี่คือการขอพรในนิกายกลืนศพหรือ? การปฏิบัติกับเครื่องเซ่นเหล่านี้อย่างบิดเบี้ยวราวกับทุกอย่างเป็นแค่ของเล่นขนาดนี้…
“น่าสนใจ น่าสนใจมากจริง ๆ ครับ” นักเวทมนตร์ดำพูดขำ ๆ รู้สึกราวกับว่าเขาเหยียบเข้าไปในประตูสู่โลกใบใหม่
[1] กล่าวถึงพิธีบวงสรวงในเมืองเช่าซิง มณฑลเจ้อเจียง ในช่วงเทศกาลตรุษจีน พวกเขาจะยัดเครื่องในเป็ดหรือไก่แล้วใส่หมูที่เสียบไม้