เจ้าของร้านพิศวง [我真不是邪神走狗] - ตอนที่ 133
ผู้บุกเบิกเส้นทางใหม่นี้ได้รับความช่วยเหลือจากเจ้าของร้านหนังสือ และมันก็คืบคลานสู่จุดยอดได้ในชัยชนะนี้
แหล่งกบดานเก่าทั้งตึกนี้ถูกปกคลุมด้วยเศษเนื้อบดชั้นหนา กลิ่นเลือดที่เข้มข้นดูจริงเหลือเกิน และหมอกสีแดงจาง ๆ ก็ลดการมองเห็นลง
ดวงตาของจี้จือซู่หรี่ลง แล้วเธอก็สูดหายใจลึก ๆ
‘เจตจำนงแห่งเหล็กกล้า’ อันไร้รูปร่างนั้นดูราวกับปลาหมึกยักษ์ล่องหนที่ลอยยุกยิกอยู่เบื้องหลังเธอแล้วยืดหนวดของมันไปรับวิญญาณของผู้ตาย
แม้ว่าวิญญาณเหล่านี้จะเสียหายเพราะเมล็ดพันธุ์แห่งความปรารถนาแล้วก็ตาม แต่พวกมันก็ยังเป็น ‘เครื่องเซ่น’ ที่ดีเพราะพวกมันเป็นวิญญาณของผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ
เธอหมายมาดว่าจะสังเวยวิญญาณเหล่านี้ให้กับการ์กอยล์หินในร้านหนังสือ
ในเมื่อจี้จือซู่ไม่มีอะไรจะตอบแทนเจ้าของร้านหนังสือที่ช่วยเธอไว้มากมายเลย ถ้าเช่นนั้นเธอก็ทำได้เพียงแอบให้อาหารการ์กอยล์อย่างลับ ๆ
การปฏิบัติของคุณหลินต่อ ‘สัตว์เลี้ยง’ พวกนี้หยาบกระด้าง และเขาก็ถือพวกมันเป็นเครื่องประดับมาตลอด
นี่ไม่ใช่ข้อสรุปที่จี้จือซู่สรุปเอง แต่เป็นสิ่งที่ ‘เจ้าบุปผา’ ชื่อที่เธอตั้งให้กับเมล็ดแห่งความปรารถนาบอกเธอในขณะที่มันกำลังย่อยความปรารถนาที่มันเขมือบเข้าไป
ในตอนนี้ ความตะกละตะกลามของเมล็ดแห่งความปรารถนาส่วนหนึ่งก็มาจากเนื้อแท้ของมันด้วย และส่วนหนึ่งก็มาจากการที่มันอดอยากมาตลอด
จี้จือซู่มักสงสัยอยู่บ่อยครั้งว่านี่เป็นหนึ่งในวิธีเลี้ยงของเจ้าของร้านหนังสือหรือเปล่าที่จะปล่อยให้สัตว์ประหลาดพวกนี้หิวโหยไปสักระยะเพื่อที่พวกมันจะได้ดุเป็นพิเศษเมื่อถึงเวลาต้องโจมตี
แอคเกอร์แมนยืนข้างเธอแล้วมองแหล่งกบดานทั้งตึกปั่นป่วนอยู่เช่นกัน เขายักไหล่แล้วพูดหยอก “ดูเหมือนคุณจะไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือของผมเลยนะครับ”
แอคเกอร์แมนในตอนนี้มองจี้จือซู่ใหม่แล้ว ก่อนหน้านี้ในขณะที่ความเชื่อมโยงของพวกเขาคือร้านหนังสือ เขายังมองจี้จือซู่เป็นรุ่นน้องเพราะความแข็งแกร่งและประสบการณ์ของตัวเองอยู่
แต่ตอนนี้ จี้จือซู่จัดการกับบรรดาผู้บุกรุกโดยไม่ต้องใช้ความช่วยเหลือใด ๆ จากแอคเกอร์แมนเลย ความสามารถของผู้นำที่ล้ำเลิศนี้คงได้รับการประเมินสูงมากจากเจ้าของร้านหนังสือแน่
ในใจเขา แอคเกอร์แมนได้ถือว่าจี้จือซู่คือผู้เท่าเทียมกับเขาแล้ว
จี้จือซู่ส่ายหน้าพูด “เรื่องตอนนี้จบแล้ว แต่ยังมีเรื่องที่สำคัญกว่านี้ที่ต้องให้คุณช่วยอยู่นะคะ”
“ว่ามาเลยลูกพี่” แอคเกอร์แมนเปลี่ยนคำเรียกแล้วโค้งหัวให้ “ผมจะทำตามนั้น ในเมื่อมันเป็นวิถีของร้านหนังสือ”
จี้จือซู่ยิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไร ทำเพียงพยักเพยิดให้แอคเกอร์แมนตามเธอมา หญิงสาวนำเขาไปยังห้องโถงใหญ่ของแหล่งกบดาน
เหล่านักล่าของแมงมุมกำลังจัดเรียงสินสงครามและจัดการกับเชลย ส่วนการทำความสะอาดสมรภูมิก็ย่อมเป็นเรื่องที่ทิ้งให้เมล็ดแห่งความปรารถนาจัดการไป
การโจมตีรอบนี้ประกอบด้วยหัวกะทิจากองค์กรนักล่าอีกสององค์กร นับแต่ที่กองกำลังของพวกเขาถูกกวาดล้างไป สถานการณ์ก็เปลี่ยนแล้ว
เมื่อเห็นว่าจี้จือซู่มาถึง มาร์คัสและเคย์ก็ทักทายเธอทันที
พวกเขาเป็นคนสนิทของจี้จือซู่มาหลายต่อหลายปีแล้ว และตอนนี้เธอก็แต่งตั้งพวกเขาเป็นรองหัวหน้า…
แน่นอนว่าสายตาของพวกเขาก็ถูกดึงไปที่แอคเกอร์แมนเมื่อเขาเดินเข้ามา พวกเขาสามารถสัมผัสได้ถึงแรงกดข่มบาง ๆ จากรุ่นพี่คนนี้ได้และทำความรู้จักกันหลังจากจี้จือซู่แนะนำพวกเขาอย่างสั้น ๆ
มาร์คัสและเคย์เหลือบมองกันอย่างยินดี พวกเขาไม่เคยคาดฝันว่าจะได้รับกำลังเสริมที่แข็งแกร่งขนาดนี้
แม้ว่าคุณหนูของพวกเขาจะมีเมล็ดพันธุ์แห่งความปรารถนาแปลก ๆ นั่น แต่ก็คงไม่มีคนสติดี ๆ คนไหนที่จะไม่อยากได้นักสู้ระดับภัยพิบัติมาเข้าพวกหรอก
เคย์เดินเข้ามาพูดเบา ๆ “คุณหนูคะ คุณเฮย์วู้ดมาถึงแล้ว และรอพบคุณอยู่นะคะ”
“เข้าใจแล้ว” จี้จือซู่ตบไล่เคย์แล้วยิ้ม “ฉันกำลังจะหาเขาอยู่พอดี เขาอยู่ไหนล่ะ? พาฉันไปหาเขาทีสิ”
‘เจตจำนงแห่งเหล็กกล้า’ สัมผัสได้ถึงการมาของเฮย์วู้ดได้สักพักแล้ว
เคย์พยักหน้าแล้วนำทางไป
จี้จือซู่เรียกแอคเกอร์แมน “มากับเราเถอะค่ะ คุณเฮย์วู้ดเป็นนักเวทมนตร์ขาวที่แข็งแกร่งคนหนึ่ง และเป็นแขกพิเศษของพ่อฉันเอง เขาไม่ใช่คนแปลกหน้าหรอกค่ะ”
แอคเกอร์แมนสังเกตเห็นว่ามีความหมายแฝงอยู่ในสีหน้าของจี้จือซู่แล้วเข้าใจได้ว่าเธอต้องการความช่วยเหลือจากเขา เพราะฉะนั้นเขาจึงพยักหน้า “ได้เลยครับลูกพี่”
เฮย์วู้ดถูกพาไปที่ห้องว่าง ๆ เป็นการชั่วคราว ในฐานะของนักเวทมนตร์ขาวที่บริษัทพัฒนาทรัพยากรโรลล์จ้างมา เขาไม่ได้ขัดสนเงินทองและมีฐานะพิเศษ ในตอนนี้ การต้อนรับที่ต่ำต้อยนี้ทำให้เขารังเกียจ
ทว่าเขาก็ยังแย้มยิ้มเจิดจ้าเมื่อเขาเห็นว่าจี้จือซู่มาถึงแล้ว “คุณหนู ผมได้ยินว่าคุณเรียกผมมาเพื่อตรา ‘ภักดี’ อันใหม่…”
ควับ!
ไม้เท้าของจี้จือซู่หมุนขึ้นมากะทันหัน แล้วคมดาบก็ดีดออกมา เธอหรี่ตาลงแล้วพูดด้วยรอยยิ้มเย็นเยียบ “ใช่ ฉันอยากให้คุณตีตรา ‘ภักดี’ ใส่ตัวคุณเองค่ะ”
เฮย์วู้ดชะงัก “คะ…คุณหมายความว่ายังไงครับนั่น?”
สีหน้าของเขาแย่ลงอย่างรวดเร็ว “นี่เป็นการหยามเกียรติและท้าทายต่อนักเวทมนตร์ขาวนะครับ กระทั่งพ่อของคุณยังไม่กล้าทำแบบนี้กับนักเวทมนตร์ขาวที่มีชื่อเสียงเลย!”
เฮย์วู้ดหน้าคล้ำ แต่ก่อนที่จะได้สาธยายต่อ แอคเกอร์แมนก็ปรากฏตัวเบื้องหลังเขาอย่างไร้สุ้มเสียง แล้วจ่อปลายแหลม ๆ ของมีดสั้นเข้าที่คอเขาแล้ว
นี่ทำให้การพล่ามของเขาจบลง แล้วเฮย์วู้ดก็พึมพำออกมาด้วยเสียงสั่น ๆ “หยุดเถอะครับ!”
“คุณจะเลือกชื่อเสียงหรือชีวิตของคุณล่ะคะ?” จี้จือซู่ถาม
เอื๊อก!!
เฮย์วู้ดกลืนน้ำลาย “ชะ…ชีวิตผมครับ…” ตอนนี้เขาตระหนักเต็มตัวแล้วว่าธุรกิจขายวิธีลบตรา ‘ภักดี’ ของเขาถูกเปิดโปงแล้ว
“แล้วฉันก็อยากถามค่ะว่าทำไมตรา ‘ภักดี’ ของคุณถึงเสียประสิทธิภาพของมันไปโดยไร้เหตุผลล่ะคะ?”
“ผะ…ผม…” เฮย์วู้ดยกมือขึ้นแล้วร้องออกมา “ทั้งหมดเป็นความผิดของหอการค้าแอชครับ! พวกเขาบอกว่าจะสร้างสิ่งแวดล้อมที่ลับสุดยอดในการทำธุรกรรมและหาคู่ค้าที่ปลอดภัยให้ นั่นเป็นสิ่งที่เย้ายวนใจผมครับ!”
—
ในเวลาเดียวกัน ห่างออกไปจากค่ำคืนแห่งการสังหารหมู่ ไม่มีสิ่งใดกวนความสงบของร้านหนังสือ
ข้าง ๆ แสงจากโคมไฟ หลินเจี๋ยพลิกใบข้อมูลลูกค้าของเขาเพื่อหาที่อยู่และข้อมูลติดต่อของไวลด์