เจ้าของร้านพิศวง [我真不是邪神走狗] - ตอนที่ 131
“ไวลด์?” หลินเจี๋ยเพิ่งจะเก็บเชือกที่ใช้เสร็จแล้วไปใต้เคาน์เตอร์แล้วเงยหน้าขึ้นมาหลังได้ยินคำเหล่านั้น
“คุณโจเซฟยังไม่พบที่อยู่ของเพื่อนเก่าเขาอีกเหรอครับ?”
เขายังจำได้ว่าเหตุผลเดิมที่โจเซฟมาที่ร้านหนังสือก็เพื่อจะคืนดีกับไวลด์ แต่มันก็ผ่านมาเดือนหนึ่งแล้ว และบางทีการหาของเขาก็ไม่ได้มีประสิทธิภาพนัก
ไวลด์ ‘ชายชราผู้โดดเดี่ยว’ นั้นได้ประสบวิกฤตจาก ‘การมีลูกทรพีที่พยายามจะฮุบสมบัติของเขา’ ไปแล้ว
แน่นอนว่าความเป็นไปได้ที่เฒ่าไวลด์จะหลบหน้าโจเซฟอยู่นั้นก็ตัดออกไปไม่ได้เช่นกัน เมื่อพิจารณาจากการทะเลาะเบาะแว้งที่ทั้งสองเคยมีมาในอดีตแล้ว แม้ว่าโจเซฟจะมีเจตนาดีและพยายามจะคืนดีกับไวลด์ แต่มันก็ไม่จำเป็นว่าไวลด์จะคิดเหมือนกัน
“อืม…ครับ”
เม็ดเหงื่อหลายเม็ดผุดขึ้นบนหน้าผากคล็อด เพื่อนเก่ากับผีสิ! ความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอาจารย์คือการแหวกปอดฉีกหัวใจไวลด์ต่างหาก
“แต่มันก็ไม่ใช่ว่าเราหาอะไรไม่เจอเลยเหมือนกันนะครับ เราพบเบาะแสบางอย่างอยู่…ไม่นานนี้เขาปรากฏตัวแถว ๆ ซอย 52 และอยู่ที่นั่นสักพัก อย่างน้อยก็ตลอดหนึ่งวันเลยครับ”
ซอย 52…
หลินเจี๋ยคำนวณตำแหน่งโดยประมาณในใจแล้วสะดุ้งเมื่อตระหนักได้ขึ้นมา ไม่ใช่ว่านั่นคือตำแหน่งที่เกิดเหตุระเบิดครั้งที่สองเมื่อไม่นานมานี้เหรอ?
แม้ว่าเหตุการณ์ที่ว่านั้นเกิดขึ้นมาแล้วสัปดาห์หนึ่งก็ตาม แต่สื่อก็ยังประโคมข่าวนี้และติดตามเรื่องราวต่อ
เห็นได้ชัดว่าอุบัติเหตุที่นั่นร้ายแรงกว่าเหตุระเบิดจากแก๊สรั่วบนถนน มันดูเหมือนว่าผู้ก่อการร้ายจะฉวยโอกาสจากฝนที่ตกหนักแล้วใช้โอกาสนั้นฝังระเบิดเอาไว้ในระบบท่อระบายน้ำ การระเบิดเป็นชุดนั้นจบลงด้วยการถล่มตัวของสิ่งก่อสร้างบริเวณใต้ดินและส่วนฐานอาคาร
เมื่อรวมกับถนนที่มีน้ำท่วม วาล์วกลางของท่อระบายน้ำก็เสียการควบคุมไปอย่างสมบูรณ์ และการท่วมของน้ำอย่างต่อเนื่องก็ทำให้ถนนจมไปหลายสายในที่สุด
นอกจากนั้น พวกผู้ก่อการร้ายยังโจมตีและบุกปล้นสถานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ในเขตกลางด้วย บางทีอาจจะเป็นการอาละวาดของพวกเขาในเขตกลางที่ทำให้เหล่าตำรวจจากเขตกลางออกมาเคลื่อนไหวแล้วลงมือปฏิบัติการกวาดล้างเป็นวงกว้าง
มันยังเกี่ยวกับเหตุที่ว่าทำไมด่านตำรวจถึงถูกตั้งขึ้นในพื้นที่เมื่อไม่กี่วันก่อนด้วย
ทว่าในระหว่างเรื่องทั้งหมดนี้ ไวลด์กลับอาศัยอยู่ใกล้ ๆ ซอย 52 ตลอดหนึ่งวัน ผู้อาศัยส่วนใหญ่ได้ถูกอพยพไปแล้ว และที่สำคัญกว่านั้นคือ บริเวณนั้นได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมหนักที่สุดด้วย
คนปกติจะไม่มีเหตุผลที่จะอยู่ในพื้นที่นั้นเลย อย่าว่าแต่อยู่นานด้วย หลินเจี๋ยบอกได้จากท่าทีและน้ำเสียงของคล็อดว่าเขาหมายถึงช่วงเวลา หรือบางทีอาจจะเป็นทั้งวันที่เกิดเหตุระเบิดขึ้น บางทีเฒ่าไวลด์อาจจะมีส่วนเกี่ยวโยงกับการโจมตีนั่น!
หลินเจี๋ยมาถึงข้อสรุปนี้ได้หลังจากสังเกตท่าทางที่คล็อดสื่อออกมา
จะเป็นไปได้ไหมว่าเฒ่าไวลด์ฝังใจเจ็บจากเหตุชาร์ลส์จนเข้าร่วมองค์กรน่ารังเกียจสักอย่างไป?
“โชคไม่ดีเลยครับ เขาไม่ได้มาหาผมเลยนับแต่ที่คืนหนังสือครั้งล่าสุด” หลินเจี๋ยไม่สบายใจขึ้นมาเมื่อนึกว่าหนึ่งในลูกค้าเก่าของเขาเลือกจะออกนอกลู่นอกทางไป
“มันเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ซอย 52 หรือเปล่าครับ?” หลินเจี๋ยถาม “ไม่ต้องซ่อนอะไรหรอกครับ คุณบอกผมมาเถอะ”
“ครับ” คล็อดถอนหายใจเฮือก
ที่จริงแล้วพวกเขาสงสัยว่าเจ้าของร้านหนังสือจะเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ก่อนหน้าที่เกี่ยวกับหมาป่าขาว แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่อย่างนั้นแล้ว…
แต่ใครจะรู้ว่าในกรณีไวลด์จะเป็นเช่นนั้นด้วยไหม?
แม้ว่าพวกเขาต่างก็เป็นลูกค้า จากลำดับเวลาแล้ว ไวลด์มาที่นี่ก่อน ของขวัญที่ไวลด์มอบให้ยังวางอยู่บนเคาน์เตอร์ การขอให้เจ้าของร้านหนังสือช่วยจัดการกับไวลด์นั้นมีความเป็นไปได้สูงว่าจะล้มเหลว
พวกเขาหวังได้แค่ว่าอย่างน้อยที่สุด เจ้าของร้านหนังสือจะให้เบาะแสเล็ก ๆ น้อย ๆ กับพวกเขาได้
“อาจารย์พยายามแกะรอยที่อยู่ของเขาอยู่ และเราก็อยากให้คุณช่วยครับ เรายินดีที่จะจ่ายค่าตอบแทนให้คุณด้วยจากเรื่องนี้นะครับ”
หอพิธีกรรมต้องห้ามได้ยึดแท่นพิธีในท่อระบายน้ำและสืบเสาะอย่างเต็มพิกัดในช่วงสี่สัปดาห์ที่ผ่านมาแล้ว
ประการแรกสุด พวกเขาได้พบร่องรอยอีเธอร์ที่ไวลด์ทิ้งไว้ใกล้กับสมรภูมิ ประการที่สอง หลักฐานการสังเวยเลือดที่พวกนักล่าใช้ดูจะชี้ไปที่ไวลด์ด้วยเช่นกัน
โจเซฟและไวลด์เผชิญหน้ากันมาแล้วหลายครั้งในตลอดประวัติของพวกเขา ดังนั้นความเข้าใจของเขาต่อเวทมนตร์ของไวลด์นั้นแทบจะสมบูรณ์แบบ นี่หมายความว่าหากโจเซฟบอกว่าเขาตรวจจับเวทมนตร์ของไวลด์ได้ ถ้าอย่างนั้นมันก็แทบจะแม่นยำแน่นอน
หลินเจี๋ยขมวดคิ้ว ถ้าพวกเขาใช้คำว่า ‘แกะรอย’ แล้ว งั้นเฒ่าไวลด์ก็เป็นผู้ต้องสงสัยในคดีไปเรียบร้อยแล้วสิ เขาทำอะไรลงไปกันแน่?
“ผมจะทำเท่าที่ผมทำได้ครับ แต่ว่าในเมื่อผมตกลงทำเรื่องนี้ ผมคิดว่าเรามีบางอย่างที่ต้องปรึกษากันก่อน จากการโทรคุยกันเมื่อไม่นานนี้ คุณบอกว่า ‘งานเลี้ยงโลหิต’ กำลังออกมาเคลื่อนไหวใช่ไหมครับ? พวกคุณแกะรอยพวกเขาอยู่ใช่ไหม?”
คล็อดพยักหน้า “ครับ องค์กรนี้ทำอะไรลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่นานแล้ว เพราะพวกเขาก่อตั้งมาอยู่นาน พวกเขาเลยมีสมาชิกกระจายอยู่ทุกที่และมีประวัติบันทึกไว้ย้อนหลังได้หลายทศวรรษเลยครับ”
“เราดำเนินการสืบหาอย่างไม่พัก และในช่วงนี้เราก็พบร่องรอยการเคลื่อนไหวของพวกมันอีกครั้งแล้วครับ”
องค์กรแบบพีระมิดที่มีประวัติยาวนาน? ฟังดูชั่วร้ายจริง ๆ นั่นแหละ
แต่ถ้าพวกเขามีอำนาจที่จะทำให้หน่วยตำรวจเขตกลางไร้พลังเป็นอย่างน้อยก็สิบปีได้ งั้นมันก็ต้องหมายความว่าพวกเขาเป็นองค์กรอาชญากรรมที่มีอำนาจมาก
ยิ่งกว่านั้น เสียงจากพื้นหลังตลอดการโทรก็ดูเหมือนว่ามีการปะทะอย่างรุนแรงอุบัติขึ้น มันดูเหมือนว่านี่จะไม่ใช่แค่องค์กรแบบพีระมิดที่หลินเจี๋ยเคยคิดว่ามันเป็น แต่เป็นองค์กรผู้ก่อการร้ายติดอาวุธเสียแทน…
“เฒ่าไวลด์เคยพูดกับผมอยู่ว่า ‘งานเลี้ยงโลหิต’ เคยชวนเขาเข้าร่วมเมื่อสักพักก่อน ในตอนนั้นผมหยุดเขาไว้…แต่ผมไม่รู้ว่าเขาฟังผมหรือเปล่านะครับ”
“ในช่วงนี้ เขาเคยพูดอยู่ว่าจะมีงานเลี้ยงในอีกไม่นาน ดังนั้นผมเลยคิดว่านี่คือสิ่งที่เขาพูดถึงครับ” หลินเจี๋ยทอดถอนใจอธิบาย
คล็อดผงะไปครู่หนึ่งก่อนที่ดวงตาของเขาจะเบิกกว้างโดยพลัน
นักเวทมนตร์ดำระดับภัยพิบัติ ‘บุรุษหน้ากากดำ’ ไวลด์ถูกเชิญให้เข้าร่วม ‘งานเลี้ยงโลหิต’ มาก่อนเหรอ?! นี่เป็นข้อมูลสำคัญเลยนะ!
แล้ว ‘งานเลี้ยงโลหิต’ ก็โผล่มาไม่นานหลังจากไวลด์ปรากฏตัวอีกครั้งหลังจากหายไปหลายปี! จะเป็นไปได้ไหมว่าแม้จะได้รับคำแนะนำจากเจ้าของร้านหนังสือแล้ว แต่ไวลด์ก็ยังเข้าร่วมกับ ‘งานเลี้ยงโลหิต’ อยู่ดี?
องค์กรชั่วร้ายนี้อยู่ในนอร์ซินมาเป็นเวลานานมากแล้ว ด้วยสมาชิกที่แทรกแซงในฝ่ายต่าง ๆ มากมาย หลังจากการประชุมสมาชิก ผู้จัดประชุมจะออกภารกิจและตั้งรางวัลที่ผู้เข้าร่วมจะได้รับด้วยกันโดยมีคนกลางเป็นพยานและรักษารางวัลไว้ หอพิธีกรรมต้องห้ามสงสัยว่า ‘งานเลี้ยงโลหิต’ จะเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ในช่วงนี้
แต่เดิมพวกเขาคิดว่าไวลด์คงไม่มีวันเข้าร่วมกับ ‘งานเลี้ยงโลหิต’ ด้วยอุปนิสัยและฐานะของเขา หากเรื่องเป็นเช่นนี้จริง ถ้าอย่างนั้น ‘งานเลี้ยงโลหิต’ ก็แน่ใจได้ว่าเพิ่งเรียกประชุมสมาชิกเพื่อลงมือเมื่อเร็ว ๆ นี้เอง หอพิธีกรรมต้องห้ามต้องเร่งความเร็วในการสืบสวนแล้ว
“ขอบคุณสำหรับคำเตือนครับ” คล็อดลุกขึ้นวันทยหัตถ์อย่างรู้สึกขอบคุณ ในที่สุดเขาก็เข้าใจถึง ‘ความกรุณา’ ของเจ้าของร้านหนังสือ คุณหลินนั้นเต็มใจจะให้คำใบ้เกี่ยวกับเรื่องสำคัญแบบนี้อยู่เสมอ มันแค่ว่า…เฮ้อ น้อยคนในโลกนี้ที่จะเป็นเหมือนเจ้าของร้านหนังสือ…คล็อดรำพึงกับตัวเองในใจ กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับ ‘งานเลี้ยงโลหิต’ ยังแย่ไม่พอ แล้วช่วงนี้องค์กรนักล่าหลายที่ก็อยู่กันไม่สุขอีก
แหงล่ะว่าองค์กรนักล่าต้องกระสับกระส่ายกันแน่
เลือดของสัตว์มายาไหลเวียนในเส้นเลือดของพวกเขา ธรรมชาติของพวกเขาป่าเถื่อนรุนแรง เตรียมพร้อมสำหรับทุกการต่อสู้อยู่เสมอ แค่กลิ่นของเลือดหยดเดียวก็เพียงพอที่จะปั่นพวกพวกเขาให้รี่มารวมกันแล้ว
แล้วตอนนี้ เลือดที่เย้ายวนใจที่สุดในบรรดาเลือดทั้งมวลได้ถูกวางไว้บนโต๊ะปิกนิก…สูตรโลหิตดั้งเดิมของหมาป่าขาว
—
จี้จือซู่ได้นำองค์กรนักล่าใหม่อย่างแมงมุมเข้าครอบครองพื้นที่ส่วนใหญ่ของหมาป่าขาวได้แล้ว ในเวลาเพียงสามเดือน พวกเขาได้เผชิญกับสงครามใหญ่สามครั้งและการต่อยตีย่อย ๆ อีกนับไม่ถ้วน
พวกเขาดูจะต่อสู้อย่างต่อเนื่องจนไม่เคยได้นอน ในขณะที่พวกเขาแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ แต่ข้อเสียเปรียบก็ย่อมต้องเกิดไม่ช้าก็เร็ว จี้จือซู่ได้รับข่าวว่าองค์กรนักล่าอื่น ๆ ได้เตรียมการบุกโจมตีครั้งที่สี่กันแล้ว และนี่จะเป็นครั้งที่สำคัญที่สุดด้วย หากพวกเขาชนะ แมงมุมจะยืนยง แต่หากพวกเขาแพ้ ทุกอย่างรวมถึงชีวิตของพวกเขาก็จะสูญสิ้นไป
สองสัปดาห์หลังจากการไปเยือนร้านหนังสือครั้งล่าสุดของจี้จือซู่ “ผู้เฝ้ายามราตรีอันจืดจาง” แอคเกอร์แมนได้มายังแหล่งกบดานเก่าของหมาป่าขาวและกลายเป็นสมาชิกขององค์กรนักล่าแมงมุมอย่างเป็นทางการ