เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า - ตอนที่ 312-3 หิมะตกหนักใต้หล้า (3)
ตอนที่ 312 หิมะตกหนักใต้หล้า (3)
บนฟ้าเหนือวิหารผู้คุมกฎ
หยวนฝูอินที่ระดมพลกระบี่มากมายลอยฟ้าถือยอดเหมันต์ไว้ มองค่ายกลที่ชื่อว่าพายุหิมะอ้างว้างข้างล่างตนนิ่งๆ
สิบลมหายใจผ่านไป
ในค่ายกลนั้นไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ
เหมือนว่าทุกคนถูกแช่แข็งไปแล้ว
แต่เขารู้ว่าไม่มีทางเป็นไปได้
เจ้าภูเขาสู่ซานน้อยคนนั้นไม่ได้ปิดพลังตัวเอง เขายังรู้สึกถึงพลังร้อนระอุเหมือนหินหนืดผ่านยอดค่ายกลอยู่ หญิงผู้มีชื่อเสียงเลื่องลือต้าสุยยังคงถูกขังอยู่ในค่ายกลพายุหิมะอ้างว้าง ยังคงเป็นเหมือนภูเขาไฟมีชีวิตพร้อมจะปะทุทุกเมื่อ
หยวนฝูอินหรี่ตาลง รอพันกรออกมือทำลายค่ายกลนี้
หากค่ายกลพายุหิมะอ้างว้างขังนางไว้ไม่ได้ก็ถึงคราวที่เขาจะลงมือเอง
ทว่า พันกรยังไม่ทันลงมือ…
กลิ่นอายร้อนระอุดุจภูเขาไฟในค่ายกลพายุหิมะกลับหายไปเล็กน้อย
พายุหิมะลอยขึ้น ในระยะสามฉื่อ
ราชันดาราพันกรที่สวมชุดคลุมใหญ่สีขาวดำยืนข้างหนิงอี้ ไม่ยืนไกลหรือใกล้ไปแม้แต่นิด
นางเอ่ยกับหนิงอี้นิ่งๆ
“คุณชายเจ้าหรุยเคยบอกข้าว่า ยอดเหมันต์คือกระบี่ที่คมที่สุดในโลกนี้”
บนฟ้ามีแต่พายุหิมะ ทว่าน้ำเสียงนางกลับไม่เย็นชาเลย
“ต่อมาสวีจั้งบอกกับข้าว่าคุณชายเจ้าหรุยพูดไม่ถูก แต่น่าเสียดาย…กระบี่ยอดเหมันต์แตก ดังนั้นศิษย์น้องสวีจั้งหลังออกจากภูเขาจึงไปทั่วต้าสุย จนท้ายที่สุดก็ไม่มีโอกาสได้ตัดสินกับยอดเหมันต์”
หนิงอี้นิ่งอึ้ง
“เมื่อครู่เขาถามว่าโลกนี้มีกระบี่ใดทัดเทียมกับยอดเหมันต์ได้”
ราชันดาราพันกรยิ้ม ก่อนจะชี้ไปที่หยวนฝูอินที่ลอยอยู่นอกค่ายกลพายุหิมะอ้างว้าง อีกมือกดบ่าหนิงอี้เบาๆ
นางเอ่ยเสียงเบา “ศิษย์น้อง พิสูจน์ให้เขาดูสิ”
นางเรียกว่า ‘ศิษย์น้อง’
หนิงอี้หน้าเปลี่ยนสี
เด็กหนุ่มชุดดำก้มหน้าลง เขาเอามือลูบร่มกระดาษมัน ความกระหายของพินิจเหมันต์ไหลผ่านฝักกระบี่ ร้องอยากจะออกมา…คุณชายเจ้าหรุยบุตรหินผาบูรพาสร้างพินิจเหมันต์ขึ้นที่แดนอุดร ตอนนั้นใช้ยอดเหมันต์ตำหนักทะเลสาบกระบี่เป็นต้นแบบ เจตนาเดิมคือจะสร้างกระบี่ที่คมเหมือนกับยอดเหมันต์ เนื่องจากยอดเหมันต์กำเนิดมาก่อน ดังนั้นจึงตั้งชื่อเป็นพินิจเหมันต์
หนิงอี้รู้แก่ใจดีว่าที่ศิษย์พี่หญิงพูดหมายถึงอะไร
พินิจเหมันต์ของคุณชายเจ้าหรุยกับพินิจเหมันต์ของสวีจั้งเป็นกระบี่เดียวกัน แต่ก็ต่างกัน
กระบี่คมอย่างไรขึ้นอยู่กับผู้ครองกระบี่
ขณะเดียวกัน
พินิจเหมันต์ตอนที่อยู่ในมือสวีจั้งก็ต่างกับที่อยู่ในมือตนตอนนี้เช่นกัน
มีที่ราบกระดูก
มีความเป็นเทพจากบ่อเทพ
มีแกนกระบี่ที่ไม่โค้งงอนั้น
กลางพายุหิมะอ้างว้าง
ราชันดาราพันกรเอ่ยสบายๆ “หนิงอี้ ไม่ต้องกังวลเรื่องพลังบำเพ็ญ…ข้าจะทำลายปราการทุกอย่างให้เจ้าเอง”
หนิงอี้สูดลมหายใจเข้าลึก
“ดี”
บ่อเทพเดือดพล่าน
เขาต้องการความเป็นเทพจำนวนมาก
รูปปั้นหินที่นั่งบนฟ้ารู้สึกถึงความเดือดพล่านของทะเลสาบจิตกับบ่อเทพ
เขาไม่แสร้งหลับอีก แต่ลืมตาขึ้นช้าๆ ถอนหายใจเบา
ความเป็นเทพเข้มข้นที่สั่งสมมานานพุ่งออกจากรอยแตกระหว่างคิ้ว ไหลเข้าไปในคมกระบี่พินิจเหมันต์
หนิงอี้รู้สึกถึงความเป็นเทพอันล้ำค่านี้ก็ตกใจอยู่ข้างใน ก่อนจะรีบขอบคุณ “ขอบคุณผู้อาวุโสมาก”
บรรพจารย์สำนักศึกษาถ้ำกวางขาวเพียงแค่ยิ้ม
ให้ความเป็นเทพนี้ไป นั่นหมายความว่าเขาต้องหลับใหลอีกนานมาก
เพียงแต่เขาไม่หลับใหลอีกครั้ง แต่จ้องผลึกความเป็นเทพของราชาหัวใจราชสีห์ตรงก้นบ่อเทพ พลางฝืนยิ้มเย้ยเยาะ “คนแซ่หลี่…ดีเลวอย่างไรเจ้าก็เป็นราชนิกุล เจ้าหนูหนิงแช่ไว้ในบ่อเทพทั้งวัน ดูแลเจ้าอย่างดี เวลาสำคัญเช่นนี้กลับไม่ช่วยเลย นี่ไม่ค่อยดีกระมัง”
ผลึกความเป็นเทพของราชาหัวใจราชสีห์ได้ยินดังนั้นก็เงียบไปชั่วขณะ เหมือนกำลังครุ่นคิด
ครู่ต่อมาผลึกความเป็นเทพสั่นไหวเบาๆ
เปลือกนอกสุดหลุดออกมาชั้นหนึ่ง บ่อเทพก็เหมือนเกิดคลื่นขึ้น โหมซัดสาด เกิดปรากฏการณ์ขึ้น ตอนนี้บ่อเทพของหนิงอี้รับพลังความเป็นเทพของราชาหัวใจราชสีห์ไม่ได้ แสงเทพกระจายไปรอบๆ สุดท้ายรวมกันเป็นสายเดียว
สุดท้ายความเป็นเทพที่รวมกันนั้นก็ใหญ่เหมือนมังกรเขียว พุ่งเข้าไปในพินิจเหมันต์ ลึกถึงก้น เกิดเสียงดังกึกก้องขึ้น ทำให้คมกระบี่พินิจเหมันต์ยังไม่ทันออกจากฝักก็เกิดเสียงพายุสายฟ้าดังขึ้นแล้ว
แววตาหนิงอี้สว่างร้อนแรงขึ้นมา
เขามองพินิจเหมันต์ตรงหน้า
แกนกระบี่ของตนอัดแน่นในฝักกระบี่พินิจเหมันต์ แทบจะทะลักออกมา
เขาไม่เคยอยู่ในจุดสูงสุดเช่นนี้มาก่อน
ราชันดาราพันกรมองศิษย์น้องเล็กของตนด้วยแววตาแปลกใจ พินิจเหมันต์ที่ตนเห็นมาสามยุคเล่มนั้น อยู่ในมือหนิงอี้กลับเปล่งประกายความสง่างามต่างจากสองคนก่อนอย่างสิ้นเชิง
เจ้าภูเขาสู่ซานน้อยมองด้วยความชื่นชม
ชุดคลุมใหญ่สีขาวดำสะบัดแขนเสื้อออกไป
พันกรตะโกนเสียงทุ้มต่ำ “เปิด”
เงาฝ่ามือใหญ่ตบออกไปพร้อมกับแขนเสื้อใหญ่สีขาวดำ ทุกฝ่ามือผ่านพายุสายฟ้าไปเหมือนกับตีกลอง
พันฝ่ามือกางออก
พริบตาเดียวก็ทำลายยอดค่ายกลของวิหารผู้คุมกฎพังลง
เสาโบราณหลายสิบต้นที่ลอยอยู่เหนือวิหารผู้คุมกฎถูกฝ่ามือของพันกรทำลาย เศษหินกระจาย
พายุดินทรายโหมกระหน่ำ
หิมะทั้งผืนฟ้าถูกพลังมหาศาลทำลายลง
ตรงหน้าสว่างสดใสขึ้นมา
หลังทำลายพายุหิมะอ้างว้าง พันกรเอามือกดแผ่นหลังศิษย์น้องเล็กของตนเบาๆ ออกแรงที่ฝ่ามือเล็กน้อย
ผลักไปอย่างนุ่มนวล
ใต้เท้าหนิงอี้แตกเป็นรอยใยแมงมุม ชุดคลุมดำพุ่งออกไปโดยพลัน
หยวนฝูอินที่ลอยอยู่บนฟ้าเหนือวิหารผู้คุมกฎพลันได้ประจักษ์ภาพที่งดงามที่สุดในชีวิตเขา
พายุหิมะถูกตีแตกกระจาย
ราชันดาราพันกรที่สวมชุดคลุมใหญ่สีขาวดำ เมื่อมองขึ้นมาจากข้างล่างช่างเล็กจ้อยแต่ก็เด่นตา เหมือนพระโพธิสัตว์ผู้พาชาวโลกข้ามฟาก สงบนิ่งดุจเขาไท่ซาน มีแขนสีทองนับพันนับหมื่นงอกออกมาเหมือนพระพุทธองค์
ภาพนี้ช่างน่าตกใจยิ่งนัก
ค่ายกลพายุหิมะอ้างว้างที่วิหารผู้คุมกฎใช้กำราบผู้บำเพ็ญราชันดารา ถูกหญิงคนนั้นใช้กำลังป่าเถื่อนทำลายลงได้ในพริบตา
จากนั้นก็มีเงาดำขยายใหญ่ตรงหน้าหยวนฝูอินอย่างรวดเร็ว
เป็นเด็กน้อยเขาสู่ซานที่ยังไม่ถึงขอบเขตที่สิบนั่นรึ
ในความคิดเขาว่างเปล่า ความคิดแรกที่โผล่มาในหัวเขาคือ มันมีสิทธิ์อะไร?
นักกระบี่น้อยที่ยังไม่ถึงขอบเขตที่สิบถึงกล้าอวดดี!
น่าขำ ไร้สาระ!
หยวนฝูอินกดฝ่ามือลง ปราณกระบี่ลอยฟ้ามากมายปะปนกับแสงดารามหาศาลของเขาพุ่งลงไปด้านล่าง
ผู้บำเพ็ญที่ยังไม่ถึงขอบเขตที่สิบ ไม่ถึงหนึ่งลมหายใจก็ถูกสังหารได้
ทว่าเด็กหนุ่มคนนั้นกลับไม่ถูกปราณกระบี่ปกคลุม
เขายังคงพุ่งขึ้น ยังคงพุ่งไปข้างหน้า อีกทั้งยังเร็วขึ้นเรื่อยๆ
รอบตัวเขาปกคลุมด้วยพลังสีขาวดำบางๆ ชั้นหนึ่ง ข้างหลังเหมือนมีพระกษิติครรภโพธิสัตว์พันกรเบิกตามอง ดาบหอกกระบี่ง้าวแทงไม่เข้า ปราณกระบี่ที่ถาโถมเข้ามาแตกออกดังแก๊งๆ
แสงดาราของหยวนฝูอินเปราะบางมากเมื่ออยู่ต่อหน้าพระโพธิสัตว์พันกรนั้น
เขาเข้าใจแล้ว เข้าใจแล้วว่าหนิงอี้มีสิทธิ์อะไรถึงพุ่งมาตรงหน้าเขา…
เป็นการคุ้มกันจากเจ้าภูเขาสู่ซานน้อย
นางจะส่งเด็กหนุ่มนี่มาหาข้ารึ
หยวนฝูอินปรายตามองก็เห็นหนิงอี้เอามือกดด้ามกระบี่ตรงเอว
เด็กหนุ่มนั่นจะชักกระบี่
พันกรคุ้มกันเขามาถึงตรงหน้าก็เพื่อประชันกระบี่
ในความคิดเขาก็ยังมีคำถามเหลวไหลนั้นอยู่
นั่นก็คือ มันมีสิทธิ์อะไร?
หรือเพราะมีพินิจเหมันต์ที่เจ้าหรุยแห่งเขาสู่ซานหลอมขึ้นหรือ
ใบหน้าผู้อาวุโสใหญ่ตำหนักทะเลสาบกระบี่เต็มไปด้วยความเฉยเมย เขาชูยอดเหมันต์ที่ผ่านเรื่องราวมาพันปีขึ้น ก่อนจะฟันลงด้วยพลังมหาศาล
บนฟ้าเหนือตำหนักทะเลสาบกระบี่ สองร่างเงา ‘ชน’ เข้าด้วยกัน
ในที่สุดหนิงอี้ก็ชักแสงสว่างดุจพายุสายฟ้าสะท้านออกมา ตัวกระบี่ลากออกจากฝักกระบี่ดังสนั่น อัดแน่นไปด้วยความเป็นเทพ
แสงกระบี่สองสายถึงเนื้อถึงกระดูก ระเบิดออกดังสนั่น
พันกรที่ยืนบนพื้นวิหารผู้คุมกฎยกสองมือขึ้นกันไว้ข้างหน้า ชั่วอึดใจเดียว ปราการครึ่งวงกลมคว่ำอันแข็งแกร่งก็กางออกคลุมทุกคนไว้
ขณะที่ราชันดาราพันกรเคลื่อนไหว พระโพธิสัตว์พันกรที่มีใบหน้าน่าเกรงขามข้างหลังหนิงอี้ก็ยกแขนมาไขว้กันตรงหน้าผากด้วยความยากลำบากยิ่ง คุ้มกันเด็กหนุ่มที่กายจิตยังไม่แกร่งพอไว้ แสงพระโพธิสัตว์จึงดับสลายไปทีละนิดท่ามกลางปราณกระบี่
แสงกระบี่ระเบิดบนฟ้าเหนือตำหนักทะเลสาบกระบี่
…………………………….