เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า - ตอนที่ 308 ปิ่นผมมังกร
ตอนที่ 308 ปิ่นผมมังกร
แม่น้ำหลีเจียงรวมเป็นฝน อาภรณ์ดำโบกสะบัดยืนขึ้น
หนิงอี้ผู้หน้าซีดขาวเอามือข้างหนึ่งกดหัวไหล่ของเผยฝานในชุดคราม ฝนตกหนักเปียกปลายผมของเขา เส้นผมติดกับสองแก้ม หลังเชือกมัดผมถูกปราณกระบี่ฟันขาด เส้นผมก็กระจายลงมา ใบหน้าหนิงอี้มีความอึมครึมขึ้นมาเล็กน้อย
เขาพ่นลมหายใจยาว ห้านิ้วมือสั่นไหว
ซูชีที่โคลงเคลงในค่ายกลพิฆาตเซียนน้อย คุม ‘ใยฝน’ กำราบโลกปราณกระบี่หนึ่งทิศหรี่ตาลง เพ่งมองเด็กหนุ่มชุดดำที่ถูกปราณกระบี่ตนฟันเป็นรูหลายสิบรูทั้งตัว แต่ในกายกลับมีแสงสีม่วงสว่างออกมา
นี่มัน?
บาดเจ็บสาหัสจากปราณกระบี่แต่กลับฟื้นฟูได้เร็วมาก
ระดับกายจิตฟื้นฟูตัวเองได้เช่นนี้ ไม่ควรอยู่ในผู้บำเพ็ญขอบเขตที่เจ็ดเลย
หลิ่วสืออีที่นั่งตรงหัวเรือรู้สึกถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคยยิ่งนี้ เขาลืมตาขึ้นมองหนิงอี้ที่แสงสีม่วงไหลเวียนไปมาในแขนเสื้อ ก่อนจะนึกถึงภาพศึกตัดสินที่หุบเขานิรันดร์อย่างไม่มีสาเหตุ
ไอม่วงจากบูรพา
ฝ่ามือหนิงอี้แนบกับแผ่นหลังเด็กสาวที่เปียกปอน
“พี่…”
เสียงจุกในลำคอเล็กน้อยดังขึ้น
เผยฝานดวงตาชื้นขึ้นมา หันไปมองหนิงอี้
หนิงอี้ยิ้มด้วยความเหนื่อยล้า เอาหน้าผากชนกับหน้าผากของนาง
หลังจากที่ราบกระดูกสัมผัสได้ถึงสภาพร่างกายที่ย่ำแย่ บ่อความเป็นเทพก็คืนชีพสูงสุด แสงเทพพุ่งออกมา แผ่มานอกร่างกาย ฟื้นฟูบาดแผลปราณกระบี่ตามตัวอย่างรวดเร็ว ดีที่การต่อสู้เมื่อครู่ไม่ถือว่าบาดเจ็บหนักมาก หากหนักกว่านี้ เกรงว่าแสงเทพพวกนี้ก็คงช่วยไม่ได้
หนิงอี้เอามือข้างหนึ่งกดแผ่นหลังเผยฝาน อีกมือกำพินิจเหมันต์ไว้แน่น
เขาพูดทีละคำ
“ไม่ต้องกังวลเรื่องค่ายกลหมดพลัง…เดี๋ยวข้าจะให้พลังที่แกร่งกว่าแสงดารากับเจ้า”
เผยฝานตอบอืมอย่างหนักแน่น
พูดจบ หนิงอี้ก็ตั้งสมาธิ
สถานการณ์ตอนนี้ไม่ถือว่าแย่ บาดแผลเมื่อครู่กำลังฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว อีกไม่นานก็จะหาย อีกทั้งยังมี ‘พระโพธิสัตว์ใหญ่’ นับว่าโชคดีที่ตื่นมาแล้ว
“เจ้าหนูแซ่หนิง”
เคียงกระบี่ที่นั่งบนฟ้าเหนือบ่อเทพลืมตาขึ้นช้าๆ เห็นสถานการณ์ตอนนี้ โดยเฉพาะนักกระบี่ดาราชะตาตำหนักทะเลสาบกระบี่ที่ถูกขังกลางค่ายกลกระบี่ไม่ไกล ก็หัวเราะขึ้นมาทันที “จะตายแล้วถึงรู้จักเรียกข้ารึ”
หนิงอี้พูดด้วยความจนปัญญา “ผู้อาวุโส มีวิธีหรือไม่”
รูปปั้นหินนี้ฝังรากลึกกับตน ผู้อาวุโสเคียงกระบี่อยู่ร่วมกับตน หากตนตาย รูปปั้นหินนี้ ความหวังในการคืนชีพสุดท้ายของผู้อาวุโสเคียงกระบี่นี้ก็ย่อมพังลง
เคียงกระบี่ยังคงยิ้ม “สถานการณ์ตอนนี้พิเศษ ถ้าจะคืนชีพครั้งที่สองต้องใช้ความเป็นเทพมหาศาล จะให้ข้าออกมือ ก็มีแต่เจ้าต้องยอมสละผลึกของราชาหัวใจราชสีห์ทั้งก้อนนั้น”
หนิงอี้คลึงระหว่างคิ้ว สีหน้าปั้นยาก
การคืนชีพผู้อาวุโสเคียงกระบี่ต้องใช้ผลึกของราชาหัวใจราชสีห์ทั้งก้อนเลยหรือ
ถ้าถามว่าทำใจยอมได้หรือไม่ เขาย่อมทำใจยอมรับได้
แต่ว่า…นี่ไม่ใช่ปัญหาแค่ยอมได้หรือยอมไม่ได้
หนิงอี้ไม่มีความสามารถตรงนี้เลย
ผลึกของราชาหัวใจราชสีห์ นอกจากจะหลอมละลายเองในสถานการณ์พิเศษแล้ว ในเวลาอื่น ต่อให้ใช้ที่ราบกระดูกกัดแทะอย่างบ้าคลั่งสามวันสามคืนก็ยังไม่หลุดออกมาแม้แต่น้อย
เคียงกระบี่มองแวบเดียวก็เข้าใจความคิดเด็กหนุ่ม จึงเอ่ยเสียงเบา “ระหว่างผู้บำเพ็ญ หนึ่งก้าวหนึ่งชั้นฟ้า แม้ค่ายกลของเด็กนั่นจะแข็งแกร่ง แต่จะกำราบขอบเขตที่สิบก็ไม่ง่ายแล้ว ต่อให้เจ้าใช้ความเป็นเทพเป็นตัวช่วย ก็ไม่มีทางกำราบดาราชะตานั่นได้”
หนิงอี้พยักหน้า
เขารู้ในจุดนี้
บุรุษนามซูชีคนนั้น จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้เอาจริงเลย แต่อยากเล่นกับพวกตนเท่านั้น อยากดูว่าตนยังมีสมบัติก้นหีบอะไรหรือไม่ ถึงตอนนั้นจะได้ชิงเอาไปทั้งหมด
หากไม่มีอะไรผิดพลาด…
บนแม่น้ำหลีเจียงแห่งนี้ ตน เผยฝาน หลิ่วสืออี เขาคงไม่คิดจะปล่อยไปสักคน ต่อให้เป็นศิษย์ของสวีไหล หญิงชื่อฉาวลู่คนนั้นก็คงไม่รอด
เขาเห็นไอสังหารที่อัดแน่นในดวงตาบุรุษคนนั้นไกลๆ
ในช่วงเวลาความเป็นตายนี้ หนิงอี้พลันนึกถึงร่างค่อนข้างกำยำนั้นในความคิด
เขาคลึงระหว่างคิ้วและตื่นจากสภาวะบ่อเทพ ก่อนเอามือกดด้ามกระบี่ สั่งสมพลังเงียบๆ
หลังเอ่ยประโยคเมื่อครู่จบ เคียงกระบี่ก็หลับตาลง แสร้งงีบหลับ ไม่อยากพูดอีก
ดูเหมือนหลับใหลชั่วนิรันดร์ แต่ความจริงแผ่พลังจิตออกมาเงียบๆ เคียงกระบี่ที่มองเห็นทุกมุมในแม่น้ำหลีเจียงพบบางสิ่งที่น่าสนใจเข้าอย่างน่าเหลือเชื่อ
น่าสนใจนิดๆ…
เคียงกระบี่พูดพึมพำเสียงเบามาก “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้…ที่นี่คือเขตแดนประจิมนี่เอง”
…….
เผยฝานแผ่พลังจิต
ใช้แสงดาราไปหมดแล้ว มือของหนิงอี้ข้างหลังส่งความร้อนเข้ามา
รู้สึกอบอุ่นเหมือนมีดวงตะวันใหญ่วนเวียนอยู่ทั้งตัว
ค่ายกลพิฆาตเซียนน้อยนั้นส่งเสียงดังสนั่น มันปล่อยปราณกระบี่ออกมาด้วยความเร็วบ้าคลั่ง ปิดล้อมยอดนักกระบี่ดาราชะตาแห่งตำหนักทะเลสาบกระบี่คนนี้ไว้
ซูชีหน้ามืดลง ท่ามกลางเสียงแตกหักดังแก๊งๆ ใยฝนพร้อมจะแตกได้ทุกเมื่อแล้ว
เขาไม่เข้าใจว่าหนิงอี้ลุกขึ้นมาได้อย่างไร
ในตัวเจ้าหนูนั่นซ่อนพลังใดไว้
ตอนแรกเป็นกระบี่ฟาด และยังมีแหล่งพลังที่ทำให้เขาฟื้นจากอาการบาดเจ็บสาหัส ฟื้นกำลังรบกลับมาได้…
ยอดนักกระบี่ดาราชะตาตำหนักทะเลสาบกระบี่เส้นผมกระเซอะกระเซิง ดูน่าสงสารมาก
ในแขนเสื้อเขามีปิ่นปักผมไหลออกมาอย่างเงียบเชียบ
ซูชีหน้าบึ้งตึง ในดวงตามืดสนิทของเขาสะท้อนเป็นหมอกแม่น้ำ ไกลออกไปเป็นชายหญิงสองคนยืนอยู่
เด็กหนุ่มชุดดำอาภรณ์ขาดวิ่นเอามือข้างหนึ่งกดหลังเด็กสาว อีกมือกดที่ด้ามร่มกระดาษมันตรงเอวเงียบๆ
กระบี่ซ่อน
ชักกระบี่
‘การปะทะกระบี่’ น่าเวทนาก่อนหน้านี้ทำให้ยอดผู้บำเพ็ญดาราชะตาจากตำหนักทะเลสาบกระบี่จำวิชากระบี่จากฟ้าของหนิงอี้ไว้ไม่ลืม ทั้งรุนแรง ป่าเถื่อนและไร้เหตุผล
เขาไม่อยากให้โอกาสหนิงอี้อีกครั้ง
พริบตาที่ปราณกระบี่ค่ายกลพิฆาตเซียนน้อยจะทำลายใยฝนแตกเป็นเสี่ยงๆ นั้น
ซูชีก็เคลื่อนไหวแล้ว
เขายกแขนเสื้อขึ้น ปิ่นปักผมที่ตนบ่มเพาะด้วยน้ำพักน้ำแรงมาสิบปีไม่เคยปรากฏต่อหน้าปุถุชนใต้ตำหนักมาก่อน ตอนนี้กลับเผยใบหน้าจริงออกมา
ปราณกระบี่สายหนึ่งใหญ่ดุจมังกรขาว ก่อคลื่นแม่น้ำหลีเจียงขึ้น
พลังพันธนาการมังกรของค่ายกลพิฆาตเซียนน้อยพลันถูกหัวมังกรคลั่งพุ่งชนแตก มังกรชราอ้าปากสีแดง ข้ามแม่น้ำเข้าไป เส้นสายใหญ่พุ่งชนทำลายทุกอย่าง
กระบี่มากมายพุ่งออกมาจากระหว่างคิ้วเผยฝาน ถูกเส้นสายนั้นทำลาย กระจายไปรอบๆ เหมือนพายุหมุน ปักเข้าไปที่หินผาสูงชันสองข้างทางราวกับฝนเหล็ก
เด็กสาวชุดครามหน้าเปลี่ยนสี ถอยไม่ทันแล้ว
หนิงอี้ที่อยู่ข้างหลังก้าวออกมาอยู่หน้านาง
พินิจเหมันต์ที่สั่งสมพลังในฝักได้ครึ่งหนึ่งออกจากฝักง่ายๆ เช่นนี้
ชักกระบี่เหมือนชักดาบ
ชักดาบตัดน้ำ
เกิดเป็นสีขาวเงินตรงหน้าเผยฝาน
สั่นสะเทือนจิตวิญญาณคน
ประกายสายฟ้าสว่างจ้าเหมือนยามกลางวัน
แสงกระบี่บ้าอำนาจพุ่งเข้าไป แหวกแม่น้ำใหญ่
ความเป็นเทพทั้งหมดของหนิงอี้อยู่ที่กระบี่นี้
นี่เป็นขีดจำกัดที่เขาทำได้ในตอนนี้แล้ว
ปิ่นปักผมนั้นรวมพลังของยอดผู้บำเพ็ญดาราชะตา
สองคนสองกระบี่พลันปะทะกัน
หลิ่วสืออีลุกขึ้น พลันขยับร่างมาอยู่ข้างหลังหนิงอี้
เผยฝานกับหลิ่วสืออีส่งปราณกระบี่ทั้งหมดไปที่ตัวกระบี่พินิจเหมันต์ของหนิงอี้
สามคนรวมพลังกัน
ทว่าเมื่อเทียบกับมังกรขาวที่เงยหน้าขึ้นสูงใหญ่แล้ว ก็ยังเป็นประกายไฟริบหรี่ แค่ลุกไหม้ทีเดียวก็ดับลง
มังกรแก่ขาวหิมะที่หลุดมาจากปิ่นปักผมนั้นคำรามเสียงดัง ชั่วอึดใจเดียวก็กลืนกินปราณกระบี่ทั้งหมด ในท้องส่งเสียงโลหะกระทบดังสนั่น กลืนกินแม่น้ำหลีเจียง หยดน้ำกับสายฝนถูกมันกินไปจนหมด!
……..
แม่น้ำหลีเจียงเงียบสงัด
หัวมังกรยักษ์กดกับแก้มเด็กหนุ่มชุดดำ
เด็กหนุ่มยังอยู่ในท่าชักกระบี่ออกจากฝัก จากนั้นฟันสองมือออกไป ใบหน้าจริงจังมาก
น้ำฝนกับเม็ดเหงื่อที่รวมตรงปลายผมหยดลงแม่น้ำเสียงดังติ๋งๆ
เกิดคลื่นกระเพื่อมที่เล็กมาก
ฟ้าดินเงียบสงัด
บนหัวมังกรขาวเป็นบุรุษหนุ่มอาภรณ์สีเลือดเปื้อนโคลนยืนอยู่
กระบี่ไม้ของซูชีแตกแล้ว
ใยฝนเล่มนั้นก็แตกเช่นกัน
ยอดนักกระบี่ตำหนักทะเลสาบกระบี่ที่สองข้างเอวว่างเปล่าเอ่ยนามของเด็กหนุ่มตรงหน้าเสียงเบา
“หนิงอี้”
เขาพูดติดๆ ขัดๆ “อันดับหนึ่งรายนามดารา อาจารย์อาน้อยเขาสู่ซาน ผู้สืบทอดพินิจเหมันต์ของคุณชายเจ้าหรุย”
เขาเอ่ยนามที่ธรรมดามาก จากนั้นพูดถึงฐานะที่เด่นตามากสามอย่าง
เป็นคนคนหนึ่ง
ซูชีกำปิ่นปักผมนั้นพลางพูดอย่างเฉยเมย “เดี๋ยวเจ้าก็จะตายแล้ว”
นี่เป็นการประกาศอย่างหนึ่ง
ทว่าหนิงอี้ทำเป็นทองไม่รู้ร้อน
ซูชีปล่อยปิ่นปักผมนั้น มองเด็กหนุ่มชุดขาวและแม่นางชุดครามที่ยืนข้างหลังซ้ายขวาของหนิงอี้
เขาพูดอย่างเย็นชา “พวกเจ้าก็เช่นกัน”
เขานิ่งไปก่อนจะหันศีรษะ “เจ้าด้วย…”
เรือเล็กที่ลอยอยู่ไกลๆ โคลงเคลงไปมา บนเรือ ฉาวลู่ลุกขึ้นนั่ง มองทุกอย่างด้วยใบหน้าซีดขาว วิชาพันโชคถูกหลิ่วสืออีทำลาย จึงส่งภาพข้างในไปหาอาจารย์ไม่ได้
ปราณกระบี่มีจิตสังหารกดดันตน
ปิ่นปักผมนั้นลอยอยู่กลางอากาศ
ซูชีที่ยืนบนหัวมังกรมองลงมาจากข้างบน มองหนิงอี้พลางถามด้วยรอยยิ้ม “ที่นี่คือแม่น้ำหลีเจียง ใครจะช่วยเจ้าได้”
หนิงอี้พยักหน้าแล้วก็ส่ายหน้า ก่อนหลับตาลง สัมผัสพลังในกายไหลเวียนช้าๆ
ซูชีกดฝ่ามือที่ปิ่นปักผม
เขาเอ่ยเบาๆ ในใจ
ดีมาก
เช่นนั้นก็เชิญเจ้าไปตายเถอะ
ออกแรงที่ฝ่ามือ ปิ่นปักผมนั้นพลันกลายเป็นเงาพุ่งไปที่หน้าผากหนิงอี้
พริบตาต่อมาก็จะทะลวงหน้าผากหนิงอี้
ทว่า
ปิ่นปักผมกลับหยุดห่างจากหนิงอี้ไปสามฉื่อ เข้าไปไม่ได้อีก
เพราะมันถูกสองนิ้วมือคีบไว้กลางอากาศ
ก่อนที่เสียงโลหะกระทบดังขึ้น เสียงราบเรียบได้ดังขึ้นก่อนแล้ว
ห่างกันแค่ลมหายใจเดียว ดังนั้นจึงฟังดูเหมือนตอบคำถามก่อนหน้านี้ของซูชี
“ที่นี่คือแม่น้ำหลีเจียง ยังมีใครช่วยเจ้าได้อีกหรือ”
เสียงนั้นเหมือนตอบคำถาม
“ข้าเอง”
จากนั้นเกิดเสียงแตกหัก ปิ่นปักผมมังกรขาวที่แข็งแกร่งนั่นถูกสองนิ้วมือคีบแตกอย่างง่ายดาย
ทันทีที่ปิ่นปักผมแตก มังกรชราที่ทอดตัวยาวบนแม่น้ำก็ร่างพังทลายลงไปพร้อมๆ กัน
แม่น้ำหลีเจียงแตกกระจาย
…………………..