เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า - ตอนที่ 307 พิฆาตเซียนน้อย
ตอนที่ 307 พิฆาตเซียนน้อย
ชุดคลุมดำตกลงจากฟ้าสูง
กระแทกแม่น้ำ ละอองน้ำกระจาย
เผยฝานประคองร่างหนิงอี้ด้วยความลนลาน นำโอสถทองคำจากเขาสู่ซานออกมาจากอกเสื้อ สองนิ้วเคาะปากเบาๆ ก่อนจะยัดใส่เข้าปาก
จิตวิญญาณของหนิงอี้เหมือนถูกกระบี่ของยอดผู้บำเพ็ญดาราชะตาแช่แข็ง นิ่งเงียบไปแล้ว
การใช้กระบี่ฟาดเมื่อครู่ ต่อให้ดูทรงพลัง แต่พลังบำเพ็ญก็ยังด้อยกว่ามาก
หลังจากแม่นางชุดครามป้อนโอสถให้หนิงอี้ ก็เห็นจิตวิญญาณหนิงอี้ดีขึ้นทีละนิดแล้ว
นางวาดลายเส้นสุดท้ายของค่ายกลพิฆาตเซียนน้อยเรียบร้อย
เผยฝานลุกขึ้นยืน แววตาเย็นชาลงทีละนิด
…..
ณ แม่น้ำหลีเจียง ฝนโหมกระหน่ำลงมา
พายุสายฟ้าวนเวียนรอบยอดผู้บำเพ็ญดาราชะตาแห่งตำหนักทะเลสาบกระบี่อาภรณ์สีแดงเลือด
ซูชียกแขนซ้ายที่ผอมแห้งขึ้น
กำหมัด
เกิดเสียงดังปัง เลือดกับน้ำโคลนระเบิดในฝ่ามือ
ขณะเดียวกันพายุฝนกระจายตัวออก
แสงดาราแผ่ขยาย แขนแห้งนั้นเหมือนกับไม้แห้งถึงฤดูใบไม้ผลิ ถูกแสงดาราร้อนระอุปกคลุมเป็นชั้นๆ หลายลมหายใจต่อมาแสงสว่างก็หายไป แขนที่เดิมทีเป็นแผลอาบเลือดก็กลับมาขาวเนียนดุจอัญมณี
หลังจากจุดดาราประจำตัวนั้น กายจิตของผู้บำเพ็ญจะแกร่งขึ้นมาก นอกจากแผลตัดขาดอย่างพวกนิ้วขาดแล้ว อย่างอื่นฟื้นฟูได้หมด
นักกระบี่ดาราชะตาตำหนักทะเลสาบกระบี่ชุดคลุมเลือดเปื้อนโคลนคนนี้ เอามือซ้ายกดใยฝนด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก
เขารู้สึกถึงจิตสังหารที่ต่างออกไป
ตรงสุดทางแม่น้ำหลีเจียง
แม่น้ำขยับขึ้นลง
แม่นางชุดครามที่นั่งยองหันหลังให้ตนคนนั้น ร่างถูกละอองน้ำพร่ามัวปกคลุมอยู่ แต่ก็เห็นรางๆ ว่ามีกระบี่โบราณลอยออกมาจากระหว่างคิ้วนางทีละเล่ม ปราณกระบี่ดุจสายรุ้ง พริบตาสั้นๆ ก็ออกมาลอยอยู่รอบๆ เรียงรายกัน เฝ้าระวังอยู่ทุกมุม กระบี่ส่งเสียงดังชิ้งๆ ต่างส่องแสงกันและกัน ชั่วอึดใจเดียวก็ยิงปราณกระบี่ดุจโซ่ออกมาจากอากาศ
“นี่มันวิชากระบี่ซ่อนที่รวมกระบี่ไว้ได้มหาศาล…” เมื่อเห็นเผยฝานนำกระบี่ออกมา ซูชีก็ลมหายใจหยุดนิ่งไปชั่วขณะ
รวมกระบี่ไว้ได้มหาศาล
วิชากระบี่ซ่อนเช่นนี้ก็มีสืบทอดในตำหนักทะเลสาบกระบี่เช่นกัน ปกติต้องเป็นคนตายมอบให้
อย่างเช่นเจ้าตำหนักทะเลสาบกระบี่รุ่นก่อน ได้ซ่อนศิลาหินทำนองปราณกระบี่ไว้มากมายในกระบี่ยอดเหมันต์ ให้ชนรุ่นหลังตระหนักรู้ อีกทั้งในกระบี่ยอดเหมันต์ยังเปิดอีกมิติ ล้วนเป็นสิ่งที่เจ้าตำหนักทุกรุ่นได้มาตอนถือกระบี่สังหารปีศาจแดนอุดร หากพลังบำเพ็ญสูงพอก็จะนำออกมาได้
กระบี่ โอสถ ไข่มุกปีศาจ…
นี่คือคลังสมบัติปราณกระบี่ของตำหนักทะเลสาบกระบี่ แต่เจ้าตำหนักคนใหม่หลิ่วสือกลับไม่เคยนำยอดเหมันต์ออกมาต่อหน้าทุกคนเลย ไม่มีใครรู้ว่าหลิ่วสือได้สมบัติจากเจ้าตำหนักคนก่อนในยอดเหมันต์มาเท่าไร
บุรุษชุดเลือดที่กดใยฝนเตรียมจะชักกระบี่หรี่ตาแคบลง รู้ทันทีว่าสามคนที่ตนจะสังหารครั้งนี้ไม่ใช่คนธรรมดาเลย
หลิ่วสืออีในชุดขาวเป็นศิษย์เอกเพียงหนึ่งเดียวของเจ้าตำหนักทะเลสาบกระบี่ตอนนี้
หนิงอี้ในชุดดำเป็นอันดับหนึ่งรายนามดาราต้าสุย
และแม่นางชุดครามที่ดูไม่เตะตาที่สุดคนนั้นมีคลังสมบัติปราณกระบี่ บางทีเบื้องหลังอาจจะเป็นผู้แข็งแกร่งในต้าสุยบางคน
ซูชีปิดด่านบำเพ็ญที่ตำหนักทะเลสาบกระบี่มานาน ไม่สนใจทางโลก ย่อมไม่รู้เรื่องที่ผู้อาวุโสฉู่เซียวแห่งภูเขาม่วงรับศิษย์ในเมืองหลวงต้าสุย
ดวงตาเขาเร่าร้อนขึ้นมา
หากสังหารแม่นางชุดครามคนนี้ได้ เช่นนั้นคลังสมบัติปราณกระบี่ของนางก็จะเป็นของเขา
เพิ่งเกิดความละโมบขึ้น ก็สงบใจลงอย่างรวดเร็ว
ซูชีสูดลมหายใจเข้าลึก ไม่ได้ลดความตื่นตัวลง
เขามองออกว่าแม่นางชุดครามคนนั้น ใช้ปลายนิ้วกดระหว่างคิ้วตั้งแต่แรก ปล่อยปราณกระบี่เฉียบคมออกมา เหมือนกำลังวาดยันต์ มีความลี้ลับสูงส่งลึกล้ำ ถักทอในอากาศ…
นี่คือกำลังวางค่ายกล
ในอากาศแม่น้ำหลีเจียงอบอวลไปด้วยกลิ่นอายอันตราย
ค่ายกลนี้จะดูถูกไม่ได้เลย
หากเขาฟังไม่ผิด ค่ายกลนี้มีชื่อว่า…ค่ายกลพิฆาตเซียนน้อย?
สายน้ำไกลลิบเหมือนจะหยุดนิ่งไปชั่วขณะ
แม่นางชุดครามที่นั่งยองลงคนนั้นหันศีรษะมาช้าๆ
ซูชีเพ่งสายตามอง
เขาหรี่ตาลง สีหน้าจริงจัง มองใบหน้าหญิงชุดครามที่ผลุบๆ โผล่ๆ กลางหมอกละอองน้ำ
เส้นผมปลิวไสว
ตรงระหว่างคิ้วเหมือนพุทราแดง เปล่งแสงสีแดงอ่อนๆ
นี่เขาทำอะไรลงไป ก็แค่ทุบตีคนแซ่หนิงบาดเจ็บเอง เหตุใดเด็กสาวชุดครามนั่นถึงมองตนด้วยสายตาจะกินคน อยากจะกินเขาไปทั้งตัวเช่นนี้ล่ะ
ซูชีฝืนยิ้ม เขาพ่นลมหายใจขุ่นออกมาช้าๆ ก่อนจะโยนใยฝนออกไป ให้มันลอยอยู่เหนือศีรษะเขา
ทว่าปลายกระบี่ใยฝนเหมือนติดอยู่บนฟ้า ไม่ลอยขึ้นไปอีก
เงยหน้ามองก็เห็นค่ายกลกระบี่วงกลมสีแดงโผล่มาข้างบนตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้
ซูชีที่อยู่ในขอบเขตดาราชะตาใจเต้นตึกตัก รู้สึกถึงอันตรายที่ร้ายแรงกว่ากระบี่ฟาดก่อนหน้านี้มาก
ไอสังหารรุนแรงถาโถมมาจากตัวแม่นางชุดครามที่ยืนอยู่ตรงสุดทางแม่น้ำ
แม่น้ำใหญ่พลันเดือดพล่านขึ้นมา
เผยฝานคีบสองนิ้วมือ เล็งไปที่ยอดผู้บำเพ็ญดาราชะตาไกลๆ พลางเอ่ยเสียงแหบแห้ง
“ค่ายกลพิฆาตเซียนน้อย…สังหาร!”
…….
ชั่วอึดใจเดียว
ปราณกระบี่แรกพุ่งออกไป
ซูชีเงยหน้าขึ้น ทำเสียงขึ้นจมูกทีหนึ่งก่อนจะใช้จิตคุมกระบี่ ใยฝนที่แหลมคมยิ่งเล่มนั้นยังไม่ทันปล่อยปราณกระบี่ก็ถูกปราณกระบี่ที่พุ่งมาจากในอากาศอย่างไม่มีสัญญาณใดๆ กระแทกใส่ ปลายกระบี่จึงหันเหทิศทาง
จากนั้นเป็นปราณกระบี่ที่สอง ปราณกระบี่ที่สามและปราณกระบี่ที่สี่!
ทั้งค่ายกลพิฆาตเซียนน้อยปกคลุมซูชีไว้ข้างใน ปราณกระบี่และแรงอาฆาตรุนแรงพลันถาโถมลงมาจากหน้าหลังซ้ายขวารอบด้าน
หลบไม่ได้ ถอยก็ถอยไม่ได้
ฟ้าดินมืดมิดเป็นคุกคุมขัง
ต่อให้เป็นเซียนทองคำต้าหลัว อยู่ในค่ายกลนี้ก็ต้องตาย!
สายฝนตกลงบนค่ายกลกระบี่ แต่กลับไม่ไหลเข้าไปแม้แต่น้อย ทันทีที่ชนกับปราณกระบี่ก็ถูกสลายเป็นความว่างเปล่า!
ปราณกระบี่ทุกสายตัดทองได้เหมือนเหล็กอย่างง่ายดาย
ทว่าตอนนี้เกิดเสียงโลหะกระทบดังขึ้นจากตัวกระบี่ใยฝน
ใยฝนที่ราบรื่นมาตลอดถูกปราณกระบี่ของค่ายกลกระบี่ขวางไว้ ทำให้ซูชีมีสีหน้าปั้นยากยิ่ง
ปราณกระบี่ยิ่งใหญ่ของค่ายกลกระบี่นี้น่าตกใจกว่าที่ตนคิดไว้ หากเดาไม่ผิด ค่ายกลพิฆาตเซียนน้อยนี้น่าจะใช้ปราณกระบี่จากกระบี่ล้ำค่าทรงพลังสักเล่มเป็นตาค่ายกล ทุกที่ในค่ายกลกระบี่นี้จะมีกระบี่ที่ด้อยกว่าขั้นหนึ่งเป็นตัวเสริม ร้อยเรียงกัน อาศัยกันเป็นชั้นๆ แบบนี้ก็จะรวมเป็นค่ายกลที่สมบูรณ์แบบ
น่าเสียดาย แม่นางชุดครามคนนั้นดูแล้วไม่มีกระบี่ล้ำค่าที่ใช้ขับเคลื่อนแกนกลางค่ายกลได้ ดังนั้นอานุภาพกระบี่จึงลดลงไปอย่างมาก แต่ในตัวนางก็มีกระบี่โบราณระดับต่างกัน ตอนนี้คว้ามาเสริมกำลังหลักให้ค่ายกลเพื่อใช้กำราบตน
ไม่ต้องสงสัยเลยว่ากระบี่โบราณระดับต่างกันพวกนั้น มาจากคลังสมบัติปราณกระบี่ของผู้อาวุโสสักคน
แต่คนมีแรงจำกัด
เมื่อเผชิญหน้ากับดาราชะตา หากมีค่ายกลต้องห้ามเช่นนี้เป็นโล่หลัง ก็พอจะมีความมั่นใจอยู่สามส่วนจริงๆ
เพียงแต่ใช้กลอุบายแค่นี้ยังน้อยไปหน่อย
ซูชีไม่สนใจ เขาสงบจิตใจลง วางจิตไว้ที่ใยฝนเล่มนั้น
จากสถานการณ์ตอนนี้ ตนไม่ต้องชักกระบี่ที่สามแล้ว
ค่ายกลกระบี่ที่เรียกว่าค่ายกลพิฆาตเซียนน้อยไม่มีกระบี่หลักคุมค่ายกล
การจะเคลื่อนยอดค่ายกลเช่นนี้ต้องใช้แสงดาราในปริมาณที่น่ากลัวอย่างยิ่ง
ดังนั้นสถานการณ์ตอนนี้เพียงแค่ประชันพลังกันเท่านั้น
วัดกันที่พลังว่าใครจะอึดกว่ากัน
เขาเป็นดาราชะตา อีกฝ่ายเป็นขอบเขตหลัง
ก็เหมือนมหาสมุทรกับทะเลสาบ ต่างกันมากจริงๆ
ไม่มีความเป็นไปได้เลย
ขอแค่ค่ายกลกระบี่นั้นทำลายใยฝนไม่ได้ เช่นนั้นก็ทำอะไรเขาไม่ได้ แค่ยื้อไว้จนหญิงชุดครามนั่นหมดแรงก็พอ
เป็นเรื่องที่ง่ายมากจริงๆ
ความจริงซูชีก็เดาไว้ไม่ผิด
ไม่ต้องพูดถึงว่าค่ายกลพิฆาตเซียนน้อยต้องใช้กำลังมหาศาล แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือแสงดาราที่ใช้ขับเคลื่อนค่ายกล
ตอนนั้นที่เมืองรากษส ที่สังหารพญายมขุมนรกที่เจ็ดแห่งจวนปฐพีก็ใช้ค่ายกลพิฆาตเซียนน้อยแค่พริบตาเดียว
เพียงแค่พริบตาสั้นๆ นั้น พญายมขุมนรกที่เจ็ดที่ยโสโอหังในเมืองรากษสก็ถูกปราณกระบี่ทรงพลังของค่ายกลพิฆาตเซียนน้อยจัดการจนสลายเป็นเถ้าธุลี จิตวิญญาณดับสลาย
แต่ตอนนี้เผชิญหน้ากับผู้บำเพ็ญดาราชะตา
ระหว่างสองคนเหมือนเป็นร่องหุบเขา
ความโกรธและหัวดื้อในแววตาเผยฝานนั้นชัดเจน แสงดาราไหลหลากเข้าไปในค่ายกลพิฆาตเซียนน้อย ข้อผูกมัดในพลังของค่ายกลนี้มากกว่าที่นางคิดไว้มาก…คนที่เปิดค่ายกลกระบี่ที่เมืองรากษสครั้งก่อนคือหนิงอี้ ไม่ใช่ตน
ทันทีที่เปิดค่ายกล อานุภาพก็แกร่งกว่าใช้แสงดาราเปิดค่ายกลมาก
แม่น้ำหลีเจียงหมุนวนขึ้นไปเพราะปราณกระบี่ บิดรูปกลางฟ้าดิน เหมือนพายุหมุนน้ำ
ยอดนักกระบี่ชุดสีเลือดของทะเลสาบกระบี่ที่ยืนในน้ำอยู่ในสภาพสะบักสะบอม กระบี่เรียวยาวนั้นผ่านมรสุมในค่ายกลกระบี่อย่างหนัก ตอนนี้เป็นรอยด่างสนิม กระทั่งบนตัวกระบี่เต็มไปด้วยรอย
แต่ไม่มีเค้าลางจะแตกเลย
ยังยื้อไว้ได้นานมาก
นักกระบี่ดาราชะตาคนนั้นมีสภาพน่าสงสาร แต่แววตาเรียบนิ่งมาก
ตัวอยู่ในค่ายกลกระบี่ ไม่รีบร้อนทำลายค่ายกลออกมา
เขากำลังรอเด็กสาวชุดครามผู้นั้นตกเป็นรอง มือเท้าพันกัน เผยไพ่ตายออกมาทั้งหมดก่อน ส่วนตนก็จะใช้ความนิ่งสยบทุกอย่าง จนเมื่อธุลีตกลงพื้นแน่นอนแล้ว ค่อยเก็บกวาดทุกคน และยังประหยัดแรงไปได้ไม่น้อย
หากค่ายกลนี้จบลงด้วยการประชันพลังกันเช่นนี้ นั่นก็จะดีที่สุด
เขาชนะแน่
ทว่าเมื่อเวลาผ่านไปนานขึ้น…
สิบลมหายใจ
ยี่สิบลมหายใจ
ร้อยลมหายใจ
ซูชีไม่มีสีหน้าราบเรียบเหมือนเดิมอีก แต่มองเด็กสาวชุดครามที่หน้าซีดขาวแต่ก็ยังยืนหยัดใส่แสงดาราคนนั้นด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ
ใยฝนเหนือศีรษะเขาถูกปราณกระบี่มากมายโจมตีใส่ ฟันจนเละไปหมด แตกหักได้ตลอดเวลา
ค่ายกลพิฆาตเซียนน้อยข้างบนก็เสียความฮึกเหิมก่อนหน้านี้ไปเช่นกัน แต่ก็ยังไม่หายไปเลย
เจ้าเด็กบ้าขอบเขตที่เจ็ดนั่นกินอะไรโตมากันแน่ ในกายถึงมีแสงดารามากขนาดนี้? จะยืนหยัดไปจนถึงเมื่อไรกัน
ค่ายกลพิฆาตเซียนน้อยข้างบนโคลงเคลงเบาๆ เหมือนจะแตกแล้ว
ซูชีหรี่ตาลง สังเกตเห็นจุดเล็กๆ นี้เช่นกัน
เผยฝานที่ใส่แสงดาราไปในค่ายกลไม่หยุดทำให้ใช้พลังเกินขีดจำกัด เท้าลอยขึ้นนิดๆ แล้ว
ซูชีเดาไว้ไม่ผิด นางใกล้จะหมดแรงแล้ว
ค่ายกลพิฆาตเซียนน้อยกำราบยอดนักกระบี่ทะเลสาบกระบี่คนนั้นไม่ได้…
พลังบำเพ็ญต่างกันมากเกินไป
ไม่ไหว…จริงๆ หรือ?
ทุกอย่างจะจบแล้วหรือ
ขณะที่สติพร่าเลือนนั้น ก็มีเสียงหนักแน่นดังขึ้นข้างหลัง
“ยัยหนู ข้ารับช่วงต่อค่ายกลเอง”
………………………….