เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า - ตอนที่ 306 เหมือนถูกแช่แข็ง
ตอนที่ 306 เหมือนถูกแช่แข็ง
บนฟ้าเหนือแม่น้ำหลีเจียงเกิดฝนตกลงมา
ตอนแรกเป็นฝนปรอยๆ ไม่นานก็กลายเป็นฝนตกโหมกระหน่ำ
ใบไม้ผลิมีฝนเยอะ โดยเฉพาะบริเวณภูเขาแม่น้ำ ฟ้าจะเปลี่ยนสีบ่อย
บนผิวแม่น้ำหลีเจียงมีเศษน้ำแข็งลอยอยู่เล็กน้อย ไม่นานก็ละลาย เกิดเป็นคลื่นแม่น้ำกลางพายุฝน
หลิ่วสืออีแบกฉาวลู่ขึ้น ตอนนี้หญิงทะเลตะวันตกหมดสติไม่รู้เรื่อง จึงโยนนางไว้กลางท้องเรือ นักกระบี่หญิงเส้นผมดำสยาย ขณะหมดสติและสับสนอยู่นั้น นางได้ขดตัวไปตรงมุมโดยไม่รู้ตัว
หลิ่วสืออีใช้สองมือคลึงแก้ม ก่อนพูดอย่างเหนื่อยล้า “ข้าขอนอนสักเดี๋ยว”
หนิงอี้ที่ยืนบนคลื่นแม่น้ำข้างแม่นางชุดครามตอบอืมเบาๆ
หลังคนคลั่งกระบี่ได้คำตอบแล้วก็โดดขึ้นเรือเล็ก นั่งตรงหัวเรือช้าๆ พ่นลมหายใจยาว พลังสงบลงทีละนิด
เขาบาดเจ็บสาหัสเพราะจวนปฐพีที่นอกเมืองหลวง จนถึงตอนนี้บาดแผลก็ยังไม่หายดี
เรือเล็กเป็นเหมือนกับถั่ว พายุฝนถาโถม โคลงเคลงไปมา
บนผิวน้ำ หนุ่มสาวยืนกางร่มกระดาษมันสองคนมองไกลออกไปด้วยสีหน้าจริงจัง
พายุฝนบนฟ้าไปรวมตัวกันที่สุดทางแม่น้ำไกลลิบ เหนือร่างเงาสวมชุดกันฝนนั้น
ที่นี่ไม่ใช่ทะเลทรายประตูหยก ไม่มีการผนึกแสงดาราของราชันปีศาจหลุดจากพันธนาการ
ดังนั้นทั้งแม่น้ำแห่งนี้ เศษน้ำแข็งที่เกิดจากพลังขอบเขตที่สิบของนักกระบี่ทะเลตะวันตกก่อนหน้านี้จึงแตกออกทั้งหมด
เศษน้ำแข็งขอบเขตที่สิบต้านการโจมตีเดียวไม่ได้ด้วยซ้ำ
บุรุษชุดกันฝนที่ยืนอยู่ไกลๆ ไม่พูดไม่จาก็ยกฝ่ามือขึ้นช้าๆ
เมื่อเขายกมือขึ้น แม่น้ำโดยรอบก็รวมขึ้นเหมือนตึกสูง จะปิดทางหนีของทั้งสองคน
หนิงอี้กางร่มกระดาษมัน ไม่มองแม่นางชุดครามข้างกาย แต่พูดกับนางด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“วางค่ายกล”
ชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยต่อ
“ค่ายกลพิฆาตเซียนน้อย”
เอ่ยประโยคนี้จบ หนิงอี้ก็เดินหน้าไปช้าๆ
แม่น้ำหลีเจียงสอดคล้องกับก้าวของเขาอย่างน่าประหลาด
ความเป็นเทพในบ่อเทพไหลออกมาช้าๆ กระแสจิตของหนิงอี้วนเวียนรอบรูปปั้นหินของผู้อาวุโสเคียงกระบี่ ลองปลุกยอดนักกระบี่นิพพาน บรรพจารย์แห่งสำนักศึกษาถ้ำกวางขาวที่หลับใหลคนนี้
และโชคดีที่หน้าตาของรูปปั้นหินผู้อาวุโสเคียงกระบี่เหมือนจะมีเค้าลางคืนชีพขึ้นมาเล็กน้อย
เผยฝานในชุดครามที่ยืนอยู่ที่เดิมสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนเงยหน้าขึ้นเพ่งมองฝนตกหนักบนฟ้า พริบตาเดียวก็ตกกระทบแก้ม นางยกนิ้วขึ้นมากดระหว่างคิ้ว สีแดงตรงจุดที่กดขยายออกอย่างฉับพลัน แสงสว่างลอยออกมาจากหน้าผากหลายสาย หยุดอยู่รอบๆ กลายเป็นยันต์หลายแผ่น
ข้างหลังเป็นตึกน้ำสูงเสียดฟ้า
ไม่มีทางหนีแล้ว
การจะสู้กับยอดผู้บำเพ็ญขอบเขตดาราชะตาอย่างซูชี…มีความเป็นไปได้เดียวคือวางค่ายกลพิฆาตเซียนน้อย!
หนิงอี้ครุ่นคิดอย่างสับสน เขาเก็บร่มเดินหน้า ปลายร่มลากบนผิวน้ำ ลากเป็นคลื่นกระเพื่อมสองสาย พลังกระบี่สั่งสมอยู่ในฝัก ไหลหลาก เดือดขึ้นทีละนิด ร้อนขึ้นเรื่อยๆ
เกิดสายฟ้าผ่าลงมาจากฟ้า ส่องสว่างในระยะสิบลี้รอบแม่น้ำหลีเจียง
ร่างเงาชุดกันฝนนั้นดำมืด
ในแขนเสื้อมือขวาของซูชี ฝ่ามือที่เหลือเพียงสามนิ้วมือกำหมัดช้าๆ
กระบี่ยาวสองข้างเอวกระทบดังแก๊งๆ ปราณกระบี่เดือดพล่านถูกเขากดลงไป
นักกระบี่ดาราชะตาแห่งตำหนักทะเลสาบกระบี่ที่ปกติฝึกร่างกายและบ่มเพาะปราณดียิ่งคนนี้เผยดวงตาเย็นชา จ้องเด็กหนุ่มชุดดำที่ลากกระบี่เดินมา แต่สายตากลับมองไปที่แม่นางชุดครามข้างหลัง
การจะสู้ข้ามพลังบำเพ็ญ นอกจากวิชาดาบกระบี่ดั้งเดิมแล้ว ก็มีเพียงวิชาแปลกของคนแปลก
เขาคือดาราชะตา ดาราชะตาที่เหนือกว่าคนปกติ
พลังบำเพ็ญสูงกว่าหนุ่มสาวสองคนนี้ไม่รู้เท่าไร แต่เมื่อเห็นยันต์สีเลือดที่ลอยอยู่รอบตัวแม่นางชุดครามแล้ว เขาก็ยังรู้สึกกลัวอยู่นิดๆ
นี่คงจะเป็นค่ายกลที่มีระดับสูงยิ่ง หรืออาจจะเป็นค่ายกลคุ้มกันที่เขาสู่ซานให้ไว้กับหนิงอี้และเด็กสาวนั่น
ยิ่งคิด ซูชีก็ยิ่งหน้าดำมืดลง
ที่ทะเลทรายประตูหยก ราชันปีศาจหลุดจากพันธนาการ ทำให้ในระยะสิบลี้กลายเป็นแดนผนึกแสงดารา เพราะเจียหลัวมีชื่อเสียงน่ากลัว เขาจึงถูกกดดันให้ต้องตัดสองนิ้วตัวเองเพื่อแลกกับชีวิต
จนรู้ตัวจึงไล่ตามมาอีกครั้ง ทะเลทรายประตูหยกเงียบสงบแล้ว ไอปีศาจหายไป
ตอนนั้นถึงได้เข้าใจ…
การคืนชีพของราชันปีศาจ ยอดปีศาจจิ้งจอกสวรรค์นั่นเป็นแค่เรื่องโกหก!
นิ้วขาดถูกกลบในทะเลทราย หาก็หาไม่เจอ
นิ้วขาดงอกไม่ได้อีก
เว้นแต่เขาจะไปถึงขอบเขตนิพพาน ก็จะหาภาชนะที่สอดคล้องกับร่างกายบางอย่างมาเป็นสื่อนำ ก็จะสร้างเลือดเนื้อใหม่ได้
แต่ขอบเขตนิพพานสำหรับเขาซูชี ได้แต่มองไม่อาจเอื้อม ทั้งต้าสุยมีอยู่เท่าไร ตำหนักทะเลสาบกระบี่ตลอดหลายปีมานี้เพิ่งจะปรากฏมาเท่าไร การจะเอาสองนิ้วขาดคืนมาก็เป็นได้แค่เรื่องเพ้อฝัน!
และคนคนนั้นที่ทำให้เขาตกอยู่ในสภาพนี้ ก็อยู่ตรงหน้าแล้ว
หนิงอี้!
ยอดผู้บำเพ็ญดาราชะตาชุดกันฝนเคลื่อนไหวแล้ว
เขาไม่ได้พุ่งออกไปทันที แต่เดินไปช้าๆ เดินเร็วขึ้นเรื่อยๆ เกล็ดเหล็กหนักบนชุดกันฝนใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เร็วขึ้นเรื่อยๆ ตามจังหวะก้าวของบุรุษ ลอยไปข้างหลังไม่หยุด สุดท้ายกลายเป็นทั้งชุดกันฝนตัวใหญ่ลอยออกไปแล้วตกลงในแม่น้ำอย่างแรง นักกระบี่ชุดขาวแห่งตำหนักทะเลสาบกระบี่พุ่งไปด้วยกำลังทั้งหมด ชุดขาวที่ไม่เปื้อนธุลีดินในตอนแรกขาดวิ่น ไม่มีกลิ่นอายของเซียนแม้แต่น้อย
ซูชีกดมือข้างหนึ่งลง ตรงนิ้วกลางกับนิ้วชี้ในแขนเสื้อขวาว่างเปล่า แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่เป็นปัญหากับการกดกระบี่ไม้ตรงเอวด้านขวา กระบี่โบราณไม้ต้นท้อเก็บแสงสว่างข้างใน ประกายสายฟ้าเหมือนมีตัวนำ
หนิงอี้เดินลากกระบี่ เดินเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนเปลี่ยนเป็นวิ่ง
ซูชีก็เช่นกัน
สองคนห่างกันเพียงห้าสิบจั้ง
สามสิบจั้ง
สิบจั้ง
ยอดผู้บำเพ็ญดาราชะตาแห่งตำหนักทะเลสาบกระบี่ชักกระบี่ไม้ต้นท้อออกมาด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก แค่พลังตอนชักกระบี่ก็ระเบิดทั้งแม่น้ำได้
ละอองน้ำกระจายเต็มฟ้า
บนฟ้าเก้าชั้นเป็นประกายสายฟ้าสว่างไสว ก่อนจะผ่าลงมา!
ใบหน้าเฉยเมยของซูชีถูกประกายสายฟ้าย้อมเป็นสีขาวเงิน
เขาเงยหน้าขึ้นสบตากับหนุ่มชุดดำที่ระเบิดม่านน้ำขึ้นไกลๆ
คนหนึ่งอยู่ข้างล่าง อีกคนอยู่ข้างบน
ซูชีอยู่ข้างล่าง หนิงอี้อยู่ข้างบน
สายน้ำกระจายเต็มฟ้า ถูกกระบี่ฟันจากบนลงล่าง!
คลื่นพลังโหมซัดสาดไม่มีสิ่งใดขวางได้
ถ้าจะบอกว่าเป็นกระบี่ สู้บอกว่าเป็นดาบกับไม้พลองดีกว่า
หรืออาจจะพูดได้ว่า…นี่คือการฟาด
การฟาดจากหนิงอี้ในชุดดำ
การฟาดที่ได้รับสืบทอดมาจากสวีจั้งแห่งเขาสู่ซานและไม่มีคนได้เรียนคนที่สามอีก
การฟาดจากบนฟ้า
“กระบี่ฟาด!”
ความเป็นเทพที่มีพายุสายฟ้าวนเวียนไหลไปบนคมกระบี่พินิจเหมันต์ ขยายชุดคลุมดำตัวโคร่งของหนิงอี้จนแตก ใบหน้าเด็กหนุ่มระยิบระยับเหมือนเทพลงมาจุติ ชูร่มกระดาษมันนั้นข้ามศีรษะ หันแกนร่มสีดำออก รับพลังสายฟ้ามหาศาลที่ตกลงมาจากฟ้าสูงหลายหมื่นจั้ง
กระบี่นี้มาพร้อมกับอานุภาพหมื่นชั่งที่ไม่อาจต้านทาน ย้อมทั้งแม่น้ำเป็นสีขาวเงิน
เผยฝานที่อยู่ไกลออกไปเม้มริมฝีปาก กำลังเร่งรีบวาดค่ายกล นางเงยหน้าขึ้น ต้องเอามือบังตา
ตรงกลางแม่น้ำ พลันเกิดแสงสว่างวาบ
มองตรงๆ ไม่ได้
หลิ่วสืออีที่นั่งบนเรือเล็กลืมตาขึ้นตามจิตใต้สำนึก ก่อนจะหลับตาลงอย่างรวดเร็ว แต่ถึงอย่างนั้นใบหน้าขาวซีดก็ยังมีน้ำตาไหลลงมาช้าๆ สองสาย
พายุสายฟ้าระเบิดดังข้างหู
ทั้งโลกเป็นสีขาวเงิน
แม่น้ำหลีเจียงเดิมทีเป็นคลื่นเหมือนสันหลังมังกร แต่ตอนนี้เหมือนคลื่นขาดออกจากกัน
เงียบไปพริบตาเดียวก็ก่อคลื่นพลิกฟ้าดิน คนคลั่งกระบี่ชุดขาวที่นั่งตรงหัวเรือเปียกปอนไปทั้งตัว
เผยฝานที่ยืนบนผิวน้ำถูกคลื่นน้ำจมหายไป
……
ใบหน้าซูชีไม่มีสีเลือดเลย ขาวจนเหมือนหิมะเดือนสิบสอง
เขาก้มหน้าเพ่งมองมือขวาที่เลือดเนื้อแห้งเหี่ยวของตน หลังทะลวงดาราชะตา…เขาก็ไม่เคยเจอสถานการณ์เช่นนี้มานานมากแล้ว
ไม่เคยคิดเลย และไม่กล้าคิด…
ตนเป็นถึงยอดผู้บำเพ็ญที่จุดดวงดาราได้!
สู้กับผู้บำเพ็ญขอบเขตที่เจ็ดคนเดียว เหตุใดถึงอยู่ในสภาพน่าอนาถเช่นนี้
ชุดคลุมครึ่งหนึ่งกลายเป็นผุยผง เผยแขนแห้งแทบจะหนังติดกระดูก แสงดาราตรงแขนนั้นถูก ‘ใยฝน’ สูบไปจนหมด
กระบี่ไม้ต้นท้อที่ชักออกมาก่อนหน้านี้ยังถูกทำลายใต้คลื่นน้ำสายฟ้ารุนแรง
กดดันให้เขาต้องชัก ‘ใยฝน’
หากชักกระบี่ช้ากว่านี้หน่อย เกรงว่าตนคงต้องจ่ายไปมากกว่านี้
บนฟ้าสูงไกลลิบมีร่างสีดำตกลงแม่น้ำ
ซูชีหน้ามืดทะมึน เขาจ้องหนิงอี้ที่ลอยออกไป ในความคิดนึกถึงภาพสายฟ้าฟาดลงมาซ้ำไปมา
เขาเห็นเด็กหนุ่มชุดดำตกลงจากฟ้าสูงชัดเจน
ระยะใกล้เช่นนี้ เขาคิดว่าเขาสังหารอีกฝ่ายได้สบาย แต่ไม่นึกเลยว่าคมกระบี่สีขาวในมือหนิงอี้จะฟาดลงมาอย่างไร้เหตุผลเช่นนี้ กดดันให้ตนต้องตั้งรับ
นี่มันวิชากระบี่อะไรกัน
เขาเคยอ่านคัมภีร์กระบี่ของเขาสู่ซาน ท่องวิชากระบี่ของตำหนักทะเลสาบกระบี่ได้จนขึ้นใจ แต่ทุกเขาศักดิ์สิทธิ์ในใต้ฟ้าต้าสุย สี่สำนักศึกษาไปจนถึงราชวงศ์แซ่หลี่ ก็ไม่มีวิชากระบี่เช่นนี้เลย!
หนิงอี้ยังอยู่เพียงขอบเขตที่เจ็ด…หากอยู่ขอบเขตที่สิบ…
ซูชียิ่งคิดก็ยิ่งหวาดกลัว
กระบี่นี้ หากให้เด็กหนุ่มแซ่หนิงนั่นฟาดลงมาด้วยพลังขอบเขตที่สิบ เช่นนั้นจะทำลายร่องหุบเขายักษ์ระหว่างขอบเขตที่สิบกับดาราชะตาได้หรือไม่
เขาพ่นลมหายใจยาว
กระบี่นี้จะสังหารเหนือกว่าขอบเขตที่สิบได้หรือไม่ ตอนนี้ไม่สำคัญแล้ว…ที่สำคัญคือเขาเพิ่งรับกระบี่ไร้เหตุผลนี้ไป
และออกกระบี่ขอบเขตดาราชะตาของตน
พริบตาที่กระบี่ปะทะกัน ใยฝนฟันไปที่คมกระบี่พินิจเหมันต์ กระแทกหน้าอกหนิงอี้ทางอ้อม ปราณกระบี่ของซูชีฟันหัวไหล่และแขนขาหนิงอี้ในพริบตาที่สั้นมาก เป็นแผลเต็มไปหมด ทุกแผลลึกเห็นกระดูก
บาดแผลเช่นนี้ไม่มีทางที่ใครจะรอดไปได้
ซูชีกวาดสายตามองไปรอบๆ คนที่ยังมีชีวิตบนแม่น้ำหลีเจียงตอนนี้มีหลิ่วสืออีบนเรือเล็ก และแม่นางชุดครามไม่รู้นามบนผิวน้ำ รวมถึงศิษย์ของยอดผู้บำเพ็ญจากวิมานเทพทะเลตะวันตกคนนั้น…เขารู้ดีว่าจะให้ข่าวการสังหารหนิงอี้หลุดออกไปไม่ได้ เพราะพันกรแห่งเขาสู่ซานเป็นคนประเภทที่ถือหางพวกตัวเองที่สุดและยังแข็งแกร่งมาก
เขาไม่อยากถูกเขาสู่ซานไล่ล่าไปสุดหล้าฟ้าเขียว
ดังนั้นตอนนี้เขาจะให้ใครรอดไปไม่ได้ ทุกคนที่แม่น้ำหลีเจียงต้องตาย
……
บนฟ้าเหนือแม่น้ำหลีเจียง หนิงอี้ที่กระเด็นออกไปหมดสติไปแล้ว
มีเพียงมือขวาที่ยังกำพินิจเหมันต์ไว้แน่น
เลือดไหลออกมาจากในกระดูก
รอยแผลปราณกระบี่มากมายปริแตกจากข้างในพร้อมกัน
เขาตกลงมากลางหมอกเลือด กลายเป็นมนุษย์เลือดแล้ว
สติพร่าเลือนอย่างรวดเร็ว จวนจะหลับ
ก่อนตกลงน้ำดังโครม ละอองน้ำกระจาย
หญิงชุดครามโผเข้าไปทันที เสียงลนลานและร้อนใจของเด็กสาวดังอยู่ข้างหู
“พี่! พี่…”
เสียงตะโกนของเผยฝาน เสียงสายลมแม่น้ำ การไหลของเลือด
เสียงเหล่านี้เบาลงเร็วมาก
โลกของหนิงอี้เป็นสีขาว
เหมือนถูกแช่แข็ง
…………………………….