เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า - ตอนที่ 302 ชุดขาวปะทะชุดขาว
ตอนที่ 302 ชุดขาวปะทะชุดขาว
วิชาพันโชคมอบจิตวิญญาณให้สิ่งที่ไม่มีชีวิตได้
มังกรขาวหิมะบนผิวแม่น้ำหลีเจียงนั่นไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นผลงานโดดเด่นของวิชาพันโชค นักกระบี่หญิงทะเลตะวันตกฉาวลู่ยืนบนคลื่นแม่น้ำหลีเจียง มองลงมาจากข้างบน ข้างหลังเป็นคลื่นน้ำก่อตัวกันเป็นชั้นๆ หน้าตาเคร่งขรึม ตะเกียงกระดาษมันนั้นเก็บแสงดาราทั้งหมดในระยะหนึ่งลี้ ไส้ตะเกียงแกว่งไปมาเหมือนแสงจันทร์อันอ่อนโยน ลอยอยู่เหนือศีรษะฉาวลู่ อยู่ระหว่างฟ้าดินมืดครึ้มก็ดูเหมือนดวงจันทร์จริงๆ
แม่น้ำหลีเจียงส่งเสียงดังสนั่น
คนชุดขาวปลายเท้าเหยียบน้ำ หลังจากทะยานขึ้น อาภรณ์ข้างหลังไม่โดนละอองน้ำแม้แต่น้อย ผิวน้ำพลันระเบิดเป็นสายน้ำขึ้นมาสายหนึ่ง
ชั่วอึดใจเดียว ข้างหลังคนชุดขาวระเบิดเป็นสายน้ำขึ้นมาเจ็ดแปดสายต่อเนื่องกัน ก่อนร่างจะพุ่งเข้าไปในตัวมังกรขาวอย่างบ้าอำนาจจนไร้เหตุผล
หลิ่วสืออีเอานิ้วลูบหน้ากระบี่ พายุสายฟ้าส่งเสียงดังกึกก้อง
นางแอ่นคืนรังที่รวมขึ้นจากแม่น้ำบริสุทธิ์เล่มนั้น แม้จะมีคุณภาพธรรมดา ไม่ได้หลอมจากสมบัติฟ้าดิน แต่วัดกันที่ระดับความคมก็ไม่ใช่สิ่งที่น้ำแม่น้ำหลีเจียงจะเทียบได้
หยดน้ำฆ่าคนมีอยู่จริง แต่ทำได้ยากเกินไป แทบจะใช้ไม่ได้ในการต่อสู้จริงและไม่เคยเห็นมาก่อน เป็นเหมือนกับการเด็ดดอกไม้ใบไม้ตัดหัวคน ปกติจะไว้สังหารพวกระดับล่างกว่า
หากตอนนี้คนที่ยืนอยู่บนแม่น้ำหลีเจียงไม่ใช่คนคลั่งกระบี่หลิ่วสืออี แต่เป็นท่านเผยหมิน ใช้แค่หยดน้ำในมือ แค่ดีดหยดน้ำนั้นก็ทะลวงหัวใจได้ทั้งคนและมังกรไปพร้อมกันแล้ว
แม่น้ำหลีเจียงเกิดคลื่นขึ้น
มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
มังกรขาวหิมะนั่นเดิมทีเป็นเพียงน้ำแม่น้ำหลีเจียงส่วนเล็ก หลังรวมร่างขึ้นจากวิชาพันโชคก็เหมือนจะมีสติปัญญาขึ้นมาจริงๆ ทั่วทั้งตัวเกิดเกล็ดมังกรขึ้นจากในไปสู่นอก โดยเฉพาะตรงหลังมังกร หากเพ่งมองลายดูดีๆ จะเห็นความลี้ลับและซับซ้อน ยิ่งมองยิ่งชวนให้จิตใจดำดิ่งลง
ทว่ากลับเกิดเสียงดังสนั่นขึ้นบนผิวน้ำ…
หลิ่วสืออีถือกระบี่พุ่งเข้าไปในมังกรขาวหิมะนั้น!
เสียงคำรามแหลมดังและเจ็บปวดดังขึ้นบนฟ้าเหนือแม่น้ำหลีเจียง เป็นเสียงร้องของมังกรแก่แม่น้ำโบราณพันปี…มังกรขาวหิมะที่นักกระบี่หญิงวิมานเทพมอบวิญญาณให้มีใบหน้าดุดัน แผดเสียงคำรามมังกร เกิดไฟลุกไหม้ขึ้นบนผิวน้ำ เสียงร้องมังกรยังดังไปได้ไม่ไกลเท่าไร ตรงหัวมังกรยักษ์นั้น เกล็ดมังกรรอบตัวพลันหลุดออกไปเป็นแผ่นใหญ่
นกนางแอ่นคืนรัง มังกรแก่เหนือน้ำทรงพลังนั่นเกิดเส้นสีดำขึ้นตรงระหว่างคิ้ว
หลิ่วสืออีฟันกระบี่ลงตรงกลาง ฟันมันขาดเป็นสองส่วน!
ในดวงตาไร้อารมณ์ของหญิงวิมานเทพ แม่น้ำหลีเจียงระเบิดขึ้น เงาชุดขาวที่พุ่งเข้ามาใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ…จากนั้นพายุสายฟ้าก็กระเพื่อมใต้ร่าง เท้าเหยียบแม่น้ำหลีเจียงแตกกระจาย อาศัยแรงตรงนี้พุ่งเข้ามาดุจลูกธนู!
ฉาวลู่พลันชักกระบี่กดลงด้วยมือเดียว!
ผ้าคลุมสีขาวลอยขึ้น
‘แก๊ง!’ เสียงโลหะกระทบดังกังวาน นักกระบี่หญิงวิมานเทพชักกระบี่เร็วจนเหมือนกับเงา ก่อนปะทะกับคนคลั่งกระบี่ชุดขาวกลางอากาศ เงาสองคนที่หยุดชะงักนั้นดูเหมือนสนิทสนมกัน ไหล่กระทบไหล่กัน สบสายตากัน
แต่พริบตาต่อมานางแอ่นคืนรังที่หลิ่วสืออีฟันจากล่างขึ้นบนก็เกิดเสียงแตกหักทิ่มแทงคน ก่อนจะแตกเป็นหยดน้ำขาวหิมะไหลเป็นพรวน ถูกกระบี่มือเดียวของหญิงทะเลตะวันตกฉาวลู่ฟันแตก ตัวเขาพุ่งเข้ามาเร็วแต่ไปเร็วกว่า สองคนชนไหล่กันอย่างแรง คนคลั่งกระบี่ชุดขาวร้องอยู่ในลำคอ ก่อนจะกระเด็นออกไปเหมือนว่าวสายป่านขาด ตกลงกลางแม่น้ำหลีเจียงอย่างแรง
ตกลงสู่ก้นแม่น้ำ หลิ่วสืออีกลั้นลมหายใจแล้วเงยหน้าขึ้น ตัวอยู่กลางแม่น้ำ ปราณกระบี่ออกมาจากระหว่างคิ้ว อาภรณ์ตกลงไปช้าขึ้นเรื่อยๆ เขามองฉาวลู่ผ่านน้ำ สีหน้าเคร่งขรึม การจู่โจมที่ซ่อนกระบี่ออกจากฝักเมื่อครู่ของอีกฝ่าย เขายังเห็นไม่ชัดเลย
พริบตาที่ทั้งสองคนออกกระบี่ได้ซ่อนรายละเอียดไว้มากมาย
นักกระบี่หญิงจากทะเลตะวันตก มองจากฝักกระบี่ยาวสองเล่มที่ซ่อนไว้ข้างเอวซ้ายขวาก็จะรู้ว่าชำนาญกระบี่คู่ สั่งสมปราณกระบี่ไม่ปล่อย เน้นการออกจากฝักปลิดชีพในทีเดียว
แม้เมื่อครู่จะแค่ชักกระบี่ทางซ้าย แต่ก็ชนะได้สบาย
สืบสาวไปถึงสาเหตุ ไม่ใช่แค่ชนะเรื่องความหนาแน่นของพลัง ขอบเขตแสงดาราไปถึงขอบเขตที่สิบ…
สาเหตุที่มากกว่านั้นคือกระบี่ที่ชักออกมานั้น ระดับความคมกับระดับการหลอมกระบี่ค่อนข้างน่าชมเลยทีเดียว ดูจากก่อนหน้านี้ที่ปัดปราณนิรันดร์ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่กระบี่ประจำเขาเชียงซานต้าสุยได้ก็รู้แล้ว
เพียงแค่ฟันตามอำเภอใจก็ทำลายนางแอ่นคืนรังที่หลิ่วสืออีรวมขึ้นจากแม่น้ำหลีเจียงให้กลับไปสภาพเดิมได้
ฉาวลู่หรี่ตาลง
นางยืนสูงอยู่เหนือแม่น้ำหลีเจียง ไม่เห็นร่องรอยคนชุดขาวที่ตกลงไปในน้ำชัดนัก แต่ใต้น้ำกลับมีกระแสคลื่นที่คลุมเครืออยู่
เจตจำนงกระบี่ไม่ปิดซ่อนอีกต่อไป
บนผิวแม่น้ำหลีเจียง เงาเล็กสีดำทยอยกันลอยขึ้นมา ข้ามไปมาเหมือนปลาเวียนว่าย พริบตาต่อมาก็ระเบิดผิวน้ำเหมือนน้ำตกไหลย้อนขึ้นไป นางแอ่นนับพันนับหมื่นกางปีก ปราณกระบี่กระเพื่อมออกมาจากระหว่างคิ้วเด็กหนุ่มชุดขาวที่นั่งขัดสมาธิจมลงก้นแม่น้ำราวกับหินโบราณ
หลิ่วสืออีที่เหมือนกับเหล็กทมิฬจมลงก้นแม่น้ำหลีเจียงเอาสองมือวางตรงตันเถียนเงียบๆ ทำปางมือ ‘สงบจิต’ ที่ธรรมดาที่สุด นั่นคือปางมือที่ตำหนักทะเลสาบกระบี่สอนให้ศิษย์เข้าสู่ความสงบ
ลืมทุกสิ่งอย่าง
คุมกระบี่ดรรชนีสังหาร
วิชากระบี่บิน
ระหว่างคิ้วขาวหิมะเหมือนคลุมด้วยน้ำแข็ง เขานั่งอยู่ก้นแม่น้ำเพียงลำพัง ชุดขาวไม่เคยเปียก ในระยะสามฉื่อจะมีคลื่นน้ำกระเพื่อมออกไปตลอด กลายเป็นแสงกระบี่หนาราวสองนิ้วยาวเท่าแขนทารก ค่อยๆ เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ พวกมันลอยอยู่เหนือศีรษะก่อน หลังจากเรียงกันจนถึงขีดจำกัดที่หลิ่วสืออีจะรับไหวก็ไม่ยับยั้งไว้อีก
จากนั้นหลังจากแม่น้ำหลีเจียงเงียบไปสิบกว่าลมหายใจก็มี ‘ปลาเวียนว่าย’ นับไม่ถ้วนพุ่งออกจากผิวน้ำกลายเป็นภาพที่ยิ่งใหญ่
ปราณกระบี่ออกจากน้ำ ดูโอ่อ่ายิ่ง
คนคลั่งกระบี่ชุดขาวที่นั่งก้นแม่น้ำเหมือนอยากเปลี่ยนแม่น้ำหลีเจียงเป็นปราณกระบี่ ใช้มันถาโถมใส่หญิงทะเลตะวันตกที่ยืนอยู่บนคลื่น
เหตุการณ์เช่นนี้ หากเขาไปถึงขอบเขตนิพพานจริงๆ ก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้
ตอนนี้หลิ่วสืออีสำแดงออกมาดูใจสู้แต่กำลังไม่สู้อยู่บ้าง ยื้อได้สามสี่ลมหายใจก็มีเลือดซึมออกมาจากริมฝีปาก ใบหน้าขาวซีด ในแขนเสื้อของสองมือที่ทำปางมือมีน้ำหมึกสีเลือดไหลออกมา
แต่ภาพนั้นบนแม่น้ำเรียกได้ว่า ‘ยิ่งใหญ่’
นักกระบี่หญิงทะเลตะวันตกที่ยืนบนแม่น้ำหลีเจียงมีสีหน้าจริงจัง ตะเกียงกระดาษมันข้างหลังไม่เก็บแสงสว่างอีกต่อไป แต่ปล่อยออกมาทั้งหมด ดวงจันทร์ใหญ่ร่วงลง ปราณกระบี่มากมายปักบนฉากหลังแสงจันทร์เหมือนนกยูงรำแพนหาง ส่งเสียงโลหะแทงเยื่อแก้วหูคนดังเป็นพรวน ตะเกียงกระดาษมันนั้นส่งเสียงดัง หลังขยายออกก็ถูกปราณกระบี่มากมายพุ่งใส่ เริ่มเกิดรูพรุนขึ้นทีละนิด แต่ก็ยังแข็งแกร่งยากจะตีแตก
คลื่นน้ำที่กองเป็นชั้นๆ ข้างหลังหญิงทะเลตะวันตกฉาวลู่ในตอนแรก ตอนนี้ถูกหลิ่วสืออีตรงก้นแม่น้ำสูบเอารากฐานไปหมด หลิ่วสืออีรู้ทันความคิดที่จะใช้พลังแม่น้ำหลีเจียงถล่ม จึงแก้ไว้ได้ทัน
นางไม่ได้โกรธอะไร
ปราณกระบี่คนคลั่งกระบี่ที่โดดออกมาจากผิวน้ำไม่ใช่วิชาที่ขอบเขตที่เจ็ดจะสำแดงได้แล้ว
วิชาคุมกระบี่ ตัดหัวพันลี้
ไม่ว่าจะตำหนักทะเลสาบกระบี่หรือวิมานเทพทะเลตะวันตก ความจริงไม่มีวิชานี้
ตอนนี้หลิ่วสืออีทุ่มสุดแรงสำแดงวิชานี้ นางก็ยังรับไว้ได้ และดีที่พลังบำเพ็ญหลิ่วสืออีไม่สูง ไม่อย่างนั้นคงพูดยาก…ฉาวลู่หรี่ดวงตางามลง จ้องเด็กหนุ่มชุดขาวก้นแม่น้ำ
ตรงศีรษะชุดขาวนั่นมีปราณกระบี่พุ่งออกมาตลอด สายน้ำรวมเป็นน้ำวน
หลิ่วสืออีแบกรับภาระใช้วิชากระบี่บิน นั่นหมายความว่าเขาเคยเห็นคนใหญ่คนโตที่ชำนาญการคุมกระบี่บางคน กระทั่งเคยได้รับคำชี้แนะจากอีกฝ่าย
แต่นางไม่รู้ว่า…หลิ่วสืออีไม่ได้รับคำชี้แนะจากใครทั้งนั้น
เพียงแค่เห็นเผยฝานบ่มเพาะกระบี่หลายครั้งเท่านั้น
ตอนนี้หนิงอี้กับเผยฝานที่ยืนอยู่กลางคลื่นแม่น้ำหลีเจียงกลั้นลมหายใจ มองภาพปราณกระบี่นับหมื่นพุ่งมาจากผิวน้ำด้วยสีหน้าซับซ้อน
นึกย้อนกลับไปในการต่อสู้ของคนชุดขาวสองคนบนแม่น้ำหลีเจียง
หลังจากหลิ่วสืออีใช้ปราณนิรันดร์เผยทำนองบ้าอำนาจของเฉาหลันก็ตกเป็นรอง เขาไม่ได้เก็บปราณนิรันดร์ที่ตกไปก้นแม่น้ำ แต่เปลี่ยนน้ำเป็นกระบี่ นางแอ่นคืนรังฟันมังกรโบราณแม่น้ำหลีเจียงขาด
หลังกระบี่หักก็นั่งอยู่ก้นแม่น้ำหลีเจียง ปราณกระบี่ออกจากทวาร ใช้คุมกระบี่ดรรชนีสังหาร
ทุกวิชา ไม่มีอาจารย์แต่เรียนด้วยตัวเอง
บ้างแค่ปรายตามองโดยบังเอิญตามมุมต้าสุยก็ได้มา
การตระหนักรู้ระดับนี้ไม่อาจใช้หลักการปกติมาคาดคะเนได้แล้ว
แม้แต่เผยฝานที่เป็นที่ยอมรับว่ามีการตระหนักรู้สูงมากเห็นภาพนี้ยังอดพูดปลงเบาๆ ไม่ได้ “เห็นข้าใช้คุมกระบี่ดรรชนีสังหารครั้งสองครั้งก็เรียนได้แล้วรึ”
ดูแล้วคงจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ
หนิงอี้เม้มริมฝีปาก ในความคิดนึกไปถึงตอนที่คนชุดขาวคนนี้กอดกระบี่เข้าสู่ห้วงความคิดตลอดเวลา…ภาพนี้หาดูไม่ยาก มีให้เห็นตลอด ตั้งแต่ลงหุบเขานิรันดร์มาถึงจวนเมืองหลวง ตั้งแต่น้ำตกไปถึงทะเลทรายใหญ่ หลิ่วสืออีก็เป็นหลิ่วสืออีคนนั้นตลอด วิถีกระบี่ของเขาคือ ‘หนึ่ง’ ที่ง่ายที่สุด แต่คำว่าหนึ่งนี้ ยิ่งง่ายมากเท่าไรก็ยิ่งมีความหมายแฝงมากเท่านั้น
……
ปราณกระบี่นับไม่ถ้วนพุ่งออกไป เดือดเป็นฟืนเป็นไฟ
ตะเกียงกระดาษมันนั้น แสงดาราข้างในถูกทะลวง ขยายออกเหมือนระฆังทอง ส่งเสียงโบราณไม่หยุด ตอนนี้ข้างนอกแตกเป็นลาย แสงกระบี่มุดเข้าไป เฉียดผ่านแก้มฉาวลู่ นางมีสีหน้าไร้คลื่นอารมณ์ ยื่นสองนิ้วมืองามไปคีบไว้
ภายใต้การทะลวงของปราณกระบี่นี้ พลังที่ตะเกียงกระดาษมันเก็บไว้จึงเก็บแสงดาราไว้ไม่อยู่อีก พลังบำเพ็ญของหญิงทะเลตะวันตกจึงลดลงตามช้าๆ
ผิวแม่น้ำหลีเจียงกลับสู่ความเงียบสงบ
หลังปราณกระบี่มากมายพุ่งออกไป เด็กหนุ่มคลั่งกระบี่ชุดขาวนั้นหน้าซีดเซียว นั่งอยู่ตรงก้นแม่น้ำหลีเจียง แม่น้ำใหญ่แหวกออก เขานั่งบนพื้นแห้งก้นแม่น้ำ ปลายนิ้วเป็นสีแดง น้ำหมึกเลือดวนเวียนอยู่ตรงปลายนิ้วในแขนเสื้อ
หลิ่วสืออีเงยหน้าขึ้น
การป้องกันของตะเกียงกระดาษมันนั้นแข็งแกร่งมาก มันปกคลุมตัวคนนั้น ปราณกระบี่จึงบินเข้าไปไม่ได้
พลังในตัวเขาใกล้จะหมดแล้ว
เอาตะเกียงกระดาษมันออกไป พลังบำเพ็ญของหญิงทะเลตะวันตกก็ยังอยู่ขอบเขตที่สิบอย่างมั่นคง
ฉาวลู่พ่นลมหายใจยาว นางก้มหน้าลงมองคนคลั่งกระบี่ชุดขาวที่สำแดงวิชาปราณกระบี่มากมายออกมาไม่ขาดสาย ตอนนี้เห็นเลยว่าใบหน้าหลิ่วสืออีซีดไปสามส่วน ดูแล้วคงขยับนิ้วไม่ได้ด้วยซ้ำ
“มันจบแล้ว”
หญิงทะเลตะวันตกพูดอย่างจริงจัง ก่อนกดนิ้วมือไปที่หลิ่วสืออีที่นั่งตรงก้นแม่น้ำหลีเจียง
ตะเกียงกระดาษมันแกว่งไกวเบาๆ แสงจันทร์ยกคลื่นแม่น้ำหลีเจียงขึ้น
แม่น้ำใหญ่ที่เดิมทีแหวกอ้อมเด็กหนุ่มคลั่งกระบี่ชุดขาว ตอนนี้คลื่นก่อตัวเป็นชั้นๆ รวมเป็นมือใหญ่กลางอากาศ ก่อนจะคว้าไปที่หลิ่วสืออีอย่างรุนแรง!
………………………..