เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า - ตอนที่ 297 ไกลพันลี้ ราตรีอันยาวนาน
ตอนที่ 297 ไกลพันลี้ ราตรีอันยาวนาน
เมล็ดที่ลอยลิ่วไปตามลมนั้นไปและกลับมา
ตกลงในทะเลทรายประตูหยกอีกครั้ง
ราชันปีศาจถอนหายใจเบา แววตาซับซ้อนเข้าใจยากขึ้นมา ต้นหลิ่วรวงสั้นที่จมลงทรายตรงหน้าเขาออกราก แตกหน่ออย่างรวดเร็ว ด้วยเลือดของจิ้งจอกสวรรค์ทำให้มันเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างน่าอัศจรรย์ กิ่งก้านหนาขึ้น สูงใหญ่ กิ่งต้นหลิ่วสูงขึ้น ต้านพายุทราย
ทรายมากมายรวมเป็นร่างของอาชุน
นางมองเจียหลัวพลางพูดออกมาทีละคำ “ข้าจะไม่ไปไหนทั้งนั้น”
จะอยู่ที่นี่
เติบโตที่นี่ หลับใหลชั่วนิรันดร์ที่นี่
เปิดจิตวิญญาณที่นี่ อยู่ที่นี่…ตายไปพร้อมกับเจ้า
ราชันปีศาจเผยรอยยิ้มปลื้มใจ เขามีสีหน้าหลุดพ้นเป็นครั้งแรก…ครั้งนี้เขามองร่างเงาชุดดำที่ยืนเหนือตน สิ่งที่มองเห็นจริงๆ ไม่ใช่ราชสีห์หนุ่มเมื่อสองพันปีก่อน แต่เป็นเด็กหนุ่มที่ใบหน้าเหนื่อยล้าอย่างชัดเจน
ราชันปีศาจพูดเสียงเบา “ราชาหัวใจราชสีห์…ไปแล้วรึ”
หนิงอี้พยักหน้าให้ราชันปีศาจ
ราชันปีศาจก้มหน้าลงมองเงามายาหญิงหัวดื้อตรงหน้าพลางพูดด้วยรอยยิ้ม “เจ้าคิดให้ดี จะไม่ไปทะเลสุดแดนเหนือ…จะอยู่ที่นี่จริงๆ น่ะหรือ”
อาชุนโผเข้าอ้อมกอดเขา หลับตาลง
“ข้าเคยเห็นทะเลแดนเหนือมาแล้ว…ที่นั่น ไม่ใช่บ้านเกิดของข้า”
ก้นทะเลพลิกผันทางเหนือไม่ใช่บ้านเกิด
ทะเลทรายประตูหยกต่างหาก
นางเลือกบทสรุปของตัวเองมานานแล้ว ที่ที่มีเจียหลัวคือที่ที่จะหลับใหลชั่วนิรันดร์อย่างสงบ
สองคนยืนกอดกัน ยืนกลางหลุมใต้ดิน แสงจันทร์สาดลงมา รูทรายบนพื้นแคบลงเรื่อยๆ
ร่างสองคนสลายหายไปช้าๆ
พวกหนิงอี้สามคนเหยียบตรงขอบพื้นทราย เห็นทุกอย่างกับตาจนกระทั่งทรายไหลจะกลบทุกอย่างที่เพิ่งเกิดขึ้น
ปีศาจหลิ่วที่ได้รับเลือดปีศาจทรงพลังของเจียหลัวและเติบโตอย่างรวดเร็วยิ่งต้นนั้นถูกทรายกลบ สุดท้ายโผล่กิ่งสีเขียวมามุมหนึ่ง แทบจะมองไม่เห็นเลย
เสียงดังสนั่นกลับสู่ความเงียบอีกครั้ง
หลิ่วสืออีปักปราณนิรันดร์ลงพื้นอย่างแรง สองมือกดด้ามกระบี่ที่เป็นตัวไม้กางเขนพลางพูดเสียงเบา “ต้าสุยมีคนดูถูกปีศาจอยู่ตลอด แต่กลับไม่รู้ว่า…บางครั้ง คนพวกนั้นก็เทียบวิญญาณปีศาจไม่ได้”
สามคนหมุนตัวกลับช้าๆ จะไปจากที่นี่
ทว่าทรายกลับสั่นไหวขึ้นมา
เผยฝานในชุดครามขมวดคิ้ว ยันต์ด้ายทองในแขนเสื้อสั่นไหวอย่างแรง
ไอปีศาจเอ่อล้น
ต้นหลิ่วรวงสั้นที่รับเพลิงจิ้งจอกเจ็ดดวงของราชันปีศาจเจียหลัว หลังจากเงียบไปช่วงสั้นๆ ก็เติบโตต่อ ทรายใต้เท้าสามคนเดือดปุดๆ ก่อนกิ่งสีทองจะงอกออกมา
ยันต์ที่หลิ่วสืออีปาไปก่อนหน้านี้ ตัวยันต์ครึ่งหนึ่งอยู่ใต้ทราย พลันถูกไอปีศาจเดือดพล่านห่อหุ้มไว้และถูกกัดกร่อน ทำให้มีควันดำลอยขึ้น สุดท้ายเผาไหม้หายไป
หนิงอี้หน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย เขาหมุนตัวกลับถอยไปหนึ่งก้าว มือกดที่ด้ามกระบี่พินิจเหมันต์
พริบตาต่อมา หลังเห็นชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้น…เขาก็มีสีหน้าสบายขึ้นเล็กน้อย
มีต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งโตขึ้นมาจากใต้ทรายประตูหยก
ต้นไม้ใหญ่ต้นนี้แตกกิ่งขยับไปมาเหมือนเพลิงจิ้งจอก ดูเหมือนแสงจันทร์บริสุทธิ์บนฟ้า อยู่ในเงามืดจะแสบตามาก สว่างไสวจนมองตรงๆ ไม่ได้
ใต้ต้นไม้เป็นหญิงวัยแรกแย้มนั่งอยู่คนหนึ่ง กำลังกอดจิ้งจอกน้อยที่งัวเงียจะหลับ
ตอนนี้ร่างคนกับจิ้งจอกถูกแสงจันทร์ส่อง เลือนรางราวกับตะเกียง ดูไม่ใช่ความจริงเท่าไร
อาชุนกอดจิ้งจอกน้อยที่ยังไม่ลืมตาลุกขึ้นยืนช้าๆ ใบหน้านางไม่มีความดุร้ายแม้แต่นิด แต่เดินมาหน้าหนิงอี้ด้วยใบหน้าราบเรียบ
อาชุนโค้งตัวคารวะช้าๆ
“คุณชายหนิง…ขอบคุณมาก”
หลิ่วสืออีสบตากับเผยฝาน ต่างเห็นความงุนงงในแววตากัน พวกเขาไม่เข้าใจเล็กน้อย…ต้นหลิ่วรวงสั้นต้นนี้เพิ่งจะโค้งตัวให้หนิงอี้
ทั้งยังขอบคุณ
เหตุใดต้องขอบคุณกัน
หนิงอี้ส่ายหน้าและโค้งตัวให้เช่นกัน ก่อนจะพูดเสียงเบา “ข้ารับการขอบคุณนี้ไม่ได้ ถ้าแม่นางจะขอบคุณก็ไปขอบคุณราชาหัวใจราชสีห์ท่านนั้นดีกว่า…เป็นเขาที่ลงมือไล่พายุเหนือของราชันปีศาจ เอาเมล็ดกลับมา…”
เด็กสาวเข้าใจแจ่มแจ้งแล้ว
ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง
ราชันปีศาจคิดจะส่งเมล็ดนั้นไปทางเหนือ ออกจากต้าสุย
นี่ไม่ใช่ความปรารถนาเดิมของแม่นางอาชุน
ตอนนี้ต้นหลิ่วรวงสั้นดูดซับพลังปีศาจของราชันปีศาจจนไม่ใช่ปีศาจน้อยอีก นางกอดจิ้งจอกน้อยทึ่มทื่อนั่นไว้ ยังคงโค้งตัวลงลึก ไม่เงยหน้าขึ้น
จิ้งจอกน้อยดูน่ารักมาก แต่ไม่ใช่ของจริง ขนมันมีไฟลุกตลอดเวลา เหมือนกับรวมขึ้นจากพลังลึกลับบางอย่าง
หนิงอี้ชะงักไปก่อนจะพูดอย่างจนปัญญา “แม่นางไม่ต้องขอบคุณจริงๆ…เพลิงจิ้งจอกที่เจียหลัวให้ไว้ หากปล่อยให้สลายไปก็น่าเสียดายเกินไป ดังนั้นข้าเลยใช้พลังที่เหลือรวมมันเป็นจิ้งจอกตัวนี้…จิ้งจอกนี่ไม่ใช่สิ่งมีชีวิต ตอนนี้เพิ่งเปิดจิตวิญญาณ ถ้าแม่นางอาชุนจะอยู่ที่ประตูหยก ที่นี่ร้อยปีไม่มีใคร จะต้องโดดเดี่ยวแน่ มีมันอยู่เป็นเพื่อนก็คงจะดีกว่า”
จิ้งจอกน้อยในอ้อมกอดอาชุนรวมขึ้นจากเพลิงจิ้งจอกที่จะสลายไปของเจียหลัว
จิ้งจอกนั่นเสียพลังบำเพ็ญและพลังทั้งหมด เป็นเพียงเปลวเพลิงอ่อนๆ เท่านั้น
หลังสลายไปแล้วก็จะกลายเป็นความว่างเปล่า ถูกลมพัดหรือดับสูญไปในทะเลทราย
แต่นี่เป็นของสิ่งเดียวที่เจียหลัวให้ไว้กับนาง
หนิงอี้เห็นดังนั้นก็ใช้จิตส่งความเป็นเทพในบ่อเทพของตนออกไปเงียบๆ ผลึกของราชาหัวใจราชสีห์ละลายไปส่วนหนึ่ง ความเป็นเทพที่ไหลออกไปปกติไม่เคยได้คืน ดังนั้นถ้าจะให้มันหายไป สู้ให้ไปดีกว่า
ความเป็นเทพพวกนี้ช่วยให้เพลิงจิ้งจอกของเจียหลัวรวมเป็นร่างงดงามเช่นนี้ได้พอดี
ทุกอย่างนี้…ความจริงก็สำเร็จได้เพราะราชาหัวใจราชสีห์ยอมอนุญาตโดยนัย
บางทีในมุมมองของผู้เป็นราชาท่านนั้น ความเป็นเทพที่เกินมาได้ช่วยศัตรูตนในตอนนั้น จากกันด้วยดีเช่นนี้ได้ ก็ถือว่าเป็นบทสรุปที่สมบูรณ์แบบแล้ว
หนิงอี้พูดเสียงเบา “ไม่รบกวนแล้ว เราต้องรีบออกเดินทางกันอีก”
อาชุนส่ายหน้า
“คุณชายหนิง…”
นางเอ่ยเสียงเบา “ยอดผู้บำเพ็ญตำหนักทะเลสาบกระบี่คนนั้น หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกไม่นานก็จะรู้ตัว…ด้วยพลังบำเพ็ญของเขา พวกเจ้าจะถูกตามทันแน่”
หนิงอี้เงียบลง
เผยฝานครุ่นคิด นางเอามือคว้าด้ามกระบี่ตารางหนาเบาๆ เชือกพันหลายเส้นนั้นใช้พลังไปทั้งหมดในการไล่ล่าที่ประตูหยก ยันต์เสียหายไปค่อนข้างมาก…ต้นหลิ่วรวงสั้นพูดไว้ไม่ผิด ยอดผู้บำเพ็ญของเขตดาราชะตามีพลังสูงกว่าพวกเขาสามคนมาก ถ้าตามมาอีกจริงๆ ก็ใช้เวลาไม่นาน
ตนใช้กระบี่ซ่อนยังพอเอาตัวรอดได้บ้าง
แต่นานเข้า นางก็ไม่กล้าฝากความหวังไว้มาก ต่อให้ไปถึงแดนประจิม ก็เกรงว่าระหว่างทางจะมีแต่อันตราย คุมกระบี่เดินทางจะต้องเจอกับปัญหาแน่
“คุณชายหนิง…บางที อาชุนอาจจะช่วยพวกเจ้าได้”
หญิงผู้กอดจิ้งจอกน้อยเอ่ยเบาๆ “ไม่ทราบว่าทั้งสามคนจะไปที่ใดกัน”
หลิ่วสืออีมีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมา
“แม่น้ำหลีเจียง…” นางยกจิ้งจอกน้อยขึ้นมาวางบนบ่าเบาๆ ตอนนี้จิ้งจอกน้อยที่กำลังหลับอย่างสบายใจ ขนไม่มีไฟลุกอีก แต่สงบลงทีละนิดเหมือนกับแมวน้อย ลมหายใจเบา ศีรษะเอียง ทำจมูกฟึดฟัดในเส้นผมงามเบาๆ ดูสงบนิ่งกว่าปกติ
ทำทุกอย่างเรียบร้อย อาชุนก็หลับตาลง
สีแดงเข้มตรงระหว่างคิ้วนางสว่างขึ้นมาช้าๆ ไม่ค่อยเหมือนกระบี่ซ่อนของเด็กสาว ตอนที่ระหว่างคิ้วเปล่งแสงอ่อนๆ ยังเหมือนเลือดไหลออกมามากกว่า
ทั้งทะเลทรายประตูหยก แผ่นดินที่เคยมีเลือดราชันปีศาจเจียหลัวไหลผ่าน เม็ดทรายทุกเม็ดสั่นไหวเบาๆ
โรงเตี๊ยมที่อยู่ไกลลิบ กลุ่มคนที่กำลังจูงม้า ตอนนี้มองมาใจกลางทะเลทรายประตูหยกด้วยความสับสน
แสงจันทร์สร้างเป็นน้ำวนบางๆ โดยมีหญิงใต้ต้นไม้เป็นใจกลาง
พลังที่เจียหลัวสั่งสมมาหลายปี เดิมทีจะใช้ส่งนางออกจากประตูหยก เดินทางไปทางเหนือจนข้ามผ่านกำแพงเมืองแดนเหนือ ข้ามทะเลพลิกผัน ตกลงในดินใต้ฟ้าเผ่าปีศาจ…คิดดูเอาว่านั่นต้องใช้พลังมหาศาลเพียงใด
แม้จะส่งไปแค่เมล็ดก็ตาม
แต่เส้นทางยาวไกล
ตอนนี้ พลังนี้ถูกอาชุนเคลื่อนออกมาอีกครั้ง
ประตูหยกไม่ได้ห่างจากแม่น้ำหลีเจียงขนาดนั้น
พลังนี้มากพอจะส่งพวกหนิงอี้สามคนไปได้
นางมองไปข้างหน้าพลางพูดอย่างจริงจัง “คุณชายหนิง ขอให้เก็บพลังบำเพ็ญด้วย อย่าฝืน”
จิ้งจอกน้อยบนบ่าตกใจตื่นขึ้นมา
มันเลียมุมปากเบาๆ ดวงตาสะลึมสะลือ
ใจกลางแสงจันทร์
หนิงอี้โค้งตัวด้วยแววตาจริงใจ เผยฝานก็เช่นกัน หลิ่วสืออีก็เลียนแบบท่าทางของสองคนด้วยสีหน้าจริงจังเช่นกัน
ทั้งสามคนเก็บพลังบำเพ็ญ
พลังที่เหลือของราชันปีศาจพัดทรายและใบไม้สีทองไปตามสายลมทะเลทราย ห่อหุ้มทั้งสามคนไปพร้อมกับแสงจันทร์
ดุจดั่งอาบสายลมใบไม้ผลิ
อากาศลุกไหม้ขึ้น
จิ้งจอกน้อยส่งเสียงร้องหลายที ความจริงตัวมันเป็นแค่เปลวเพลิง แต่หลังเปิดจิตวิญญาณก็มีสติปัญญาสูงมาก เห็นท่าทางของทั้งสามคนก็ปราดเปรื่องขึ้นมา เลียนแบบท่าทางของพวกหนิงอี้สามคน ลุกขึ้นยืนแบบมนุษย์ สองกรงเล็บหน้าประกบกันและโค้งตัวเบาๆ
อาชุนพูดด้วยรอยยิ้ม “หากมีวาสนา…คุณชายหนิง แม่นางเผย คุณชายหลิ่ว ขอให้ครั้งหน้าได้มาเจอกันอีก”
หนิงอี้หน้าเปลี่ยนสี ก่อนจะพูดอย่างจริงจัง “ต้องได้พบกันอีกแน่”
หลิ่วสืออีพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ขอให้กายปีศาจแม่นางเจริญเติบโตยิ่งขึ้นไป”
เด็กสาวโบกมือ
อาชุนเห็นแบบนั้นก็โบกมือให้พวกหนิงอี้ด้วยรอยยิ้มเช่นกัน
สายลมใบไม้ผลิพัดผ่านทะเลทราย
ร่างของสามคนถูกพลังราชันปีศาจห่อหุ้มและหายไปจากที่นี่
ทะเลทรายประตูหยก กิ่งก้านทองลุกไหม้นั้นหายไปกลางสายลม
หญิงผู้กอดจิ้งจอกที่ส่งเสียงร้องอยู่ ร่างก็ถูกสายลมพัดหายไปทีละนิดเช่นกัน
ต้นไม้ใหญ่ที่โตขึ้นมาในพายุทรายจมลงช้าๆ เม็ดทรายตกลง
นอกเส้นขอบฟ้า
ดวงตะวันขึ้นทางตะวันออก
เสียงกระดิ่งอูฐดังขึ้น
……
ไกลพันลี้
ราตรีอันยาวนาน
ทะเลทรายกว้างใหญ่ มีจิ้งจอกหัวเราะเบาๆ
ผงทาแก้มสีแดงชาด เพลงกล่อมทางใต้แม่น้ำ
ภูเขามีสิ้นสุด ทะเลไม่เหือดแห้ง
ผ่านปีไปเช่นนี้ แสงตะเกียงไหวไปมา
เพียงแต่ไม่รู้
ยามที่พบกันอีกครั้ง ราชันจะจำได้หรือไม่
……………………….