เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า - ตอนที่ 296 บินข้ามสมุทร
ตอนที่ 296 บินข้ามสมุทร
เผ่าจิ้งจอกสวรรค์ ฝึกบำเพ็ญยากลำบาก
ร้อยปีรวมหนึ่งหาง หลังจากเก้าหางปีศาจก็จะสำเร็จกายปีศาจพันปี
จากนี้จะใช้เวลานานมาก หนึ่งพันปีเกิดเพลิงจิ้งจอกหนึ่งดวง
เพลิงจิ้งจอกเจ็ดดวงคือเจ็ดพันปี
ใต้ดินค่ายกลกรมปราบปีศาจ จิ้งจอกสวรรค์ที่ชื่อเจียหลัวนั่นเหลือเพียงโครงกระดูกว่างเปล่า
หญิงอาภรณ์แดงโผเข้าไป
ทรายหมุนม้วน
นางก้มลงตรงหัวจิ้งจอกสวรรค์ นิ้วมือลูบไล้หน้าผากจิ้งจอกสวรรค์ โครงกระดูกยักษ์สั่นสะเทือนต่อเนื่องเบาๆ
เจียหลัวยังคงอยู่ในท่าแหงนหน้ามองจันทร์ ในดวงตามืดมิด เพลิงจิ้งจอกเจ็ดดวงล้อมรอบร่างเจ้าของที่ตายไปแล้ว…พวกมันคือเลือดหัวใจที่เจียหลัวรวมมาทั้งชีวิต
หลังเปิดค่ายกล ทรายก็ไหลลงมา อากาศเข้ามาในใต้ดิน กระดูกจิ้งจอกเกิดเสียงแตกหักดังกังวาน เริ่มสลายเป็นสายลมตั้งแต่กระดูกต้นคอลงมาจนถึงหาง แตกเป็นเสี่ยงๆ และถล่มลง
หญิงอาภรณ์แดงตกลงพื้น ได้แต่กอดฝุ่นธุลี
ในห้วงความคิดของอาชุนเป็นภาพวันนั้นบนเขารกร้างเล็กแดนอุดรที่ดอกบัวม่วงลอยขึ้นฟ้า
คุณชายชราพูดกับตนว่า
‘หากรู้บทสรุป ก็อาจจะเจ็บปวดมากได้ เจ้ามั่นใจนะว่าจะลองดู’
บทสรุป…บทสรุป…
ที่แท้ใต้น้ำตกเล็กก็ไม่ใช่บทสรุป
ที่นี่ต่างหากที่ใช่
สตรีดวงตาแดง เส้นเลือดฝอยปรากฏขึ้นมา นางหน้าขาวซีด ซวนเซล้มลงคุกเข่ากลางทราย
ร่างจิ้งจอกปีศาจแตกเป็นเสี่ยงๆ กลางพายุทรายและธุลีเต็มฟ้า เพลิงจิ้งจอกที่ขยับไหวไม่แน่นอนเจ็ดดวงนั้นเปล่งแสงอบอุ่น
เสียงทุ้มต่ำดังขึ้น
“อาชุน…เจ้ากลับมาแล้ว…”
กระดูกจิ้งจอกสวรรค์แตกเป็นเถ้าธุลี ถูกลมพัดขึ้นไป
ดวงจิตตอนมีชีวิตของเจียหลัวขยับไปมาในเพลิงจิ้งจอก เพลิงจิ้งจอกเจ็ดดวงกระจายออก
ดวงตาแคบยาวคู่หนึ่งลืมตาขึ้นกลางทรายช้าๆ
ใบหน้าจิ้งจอกปีศาจนั้นมีความเหนื่อยล้าสามส่วน ดวงจิตนี้ไม่รู้อยู่ใต้ทรายมานานเท่าไรแล้ว
เขาพูดเสียงเบาด้วยรอยยิ้ม “เจอกันอีกแล้วนะ”
หญิงอาภรณ์แดงยื่นมือไปข้างหนึ่ง ดึงถุงว่างเปล่ามาจากหน้าอกด้วยอาการสั่นเทา หลังถูกผู้ถือคำสั่งกรมปราบปีศาจฟันกระบี่ใส่ถุงจนแตก นางก็ทำการปะถุง ตอนนี้ถูกสายลมพาเอาไป ชั่วอึดใจเดียวก็ลอยไปบนฟ้าไกล
เจียหลัวบอกว่ารอเจอกันอีกครั้ง นางจะรู้ว่าของขวัญนั้นคืออะไร…
ไม่ใช่แค่สติปัญญา
และไม่ใช่แค่ชีวิตที่ได้กลับมาอีกครั้งใต้น้ำตกเล็ก
เสียงว่างเปล่ากึกก้องในพายุทราย
“ดีใจมากที่ได้เจอเจ้าอีกครั้ง…แต่ว่า…ออกจากประตูหยกไปกับเจ้าไม่ได้”
เสียงจิ้งจอกสวรรค์ขาดๆ หายๆ
เดี๋ยวดังเดี๋ยวเบา
ตอนเอ่ยคำพูดนี้ เพลิงจิ้งจอกแตกไปดวงหนึ่ง
หากกายจิ้งจอกตาย เพลิงจิ้งจอกจะหายไป
เจียหลัวถูกขังอยู่ใต้ดินประตูหยก ไม่รู้ใช้อุบายใดฝากคำพูดเช่นนี้ไว้ เขาเสียเนื้อหนัง เสียเลือด เหลือแค่เพลิงเจ็ดดวงนี้ที่เป็นภาชนะวิญญาณ
พูดมาทีละคำ
“ข้าได้ฝากของขวัญชิ้นสุดท้าย…ไว้ให้เจ้าที่นี่”
ร่างเงาผอมแห้งที่ก่อนหน้านี้ยืนปรายตามองทุกชีวิตบนทรายกลางพายุทรายก็อาศัยเพลิงสุดท้ายรวมเป็นร่างราชันปีศาจ ร่างผอมแห้งนั่งยองลงช้าๆ กอดหญิงอาภรณ์แดงเบาๆ ใบหน้าแนบใบหน้า ตรงจุดที่ชิดกันมีทรายไหลลงมาเรื่อยๆ
“ข้าจำได้ว่าทางนั้นของทะเลดาราคือบ้านเกิดของวิญญาณปีศาจ…ก่อนข้าเปิดจิตวิญญาณก็กำเนิดทางนั้นของทะเล…”
“ที่ที่กำเนิดและหลับใหลชั่วนิรันดร์…น่าเสียดายที่ข้า…กลับไปไม่ได้อีก…”
ร่างเงาผอมแห้งเปล่งเสียงแหบแห้งในลำคอ
เขาเงยหน้าด้วยความสับสน มองเด็กหนุ่มชุดดำที่ยืนตรงสุดทางน้ำตกเล็กพลางพูดด้วยรอยยิ้ม “ราชาหัวใจราชสีห์…พลังในตัวเจ้า…ขึ้นบัลลังก์มังกรแท้ต้าสุยสำเร็จจริงๆ รึ”
เผยฝานในชุดครามมีสีหน้าซับซ้อน
ในแววตาหลิ่วสืออีมีความเงียบ มองหนิงอี้
หนิงอี้ที่น้ำเสียงแหบขึ้นสามส่วนมองลงมาจากข้างบน ชุดคลุมสะบัดไปมาในพายุ เอ่ยนิ่งๆ
“สิ่งเหล่านี้เป็นอดีตไปแล้ว”
ผลึกความเป็นเทพก้อนนั้นในบ่อเทพละลายไปส่วนเล็กๆ ความเป็นเทพหลังละลายวนเวียนในบ่อเทพ นี่เป็นพลังที่หนิงอี้ต้องรวบรวมหลายเดือน ส่วนสำคัญของราชาหัวใจราชสีห์แดนอุดรคนนั้น ความลึกของรากฐาน ใครได้ยินเป็นต้องตกใจ
ตอนนี้บ่อเทพในที่ราบกระดูก ความเป็นเทพถูกบีบอัดถึงที่สุด ไหลไปบนน้ำ แสงส่องสว่างจ้า เร่งให้หนิงอี้ทะลวงพลังเพื่อขยายบ่อเทพ
ความเป็นเทพมหาศาลเช่นนี้ หากไหลไปที่แกนกระบี่ทั้งหมด เช่นนั้นปราณกระบี่ออกจากฝัก…จะสร้างอานุภาพเพียงใด หนิงอี้ยังไม่อาจจินตนาการได้
ตอนนั้นเฉาหลันมาเยือนที่จวน หากเป็นตอนนี้รับกระบี่นี้อีกครั้ง…บทสรุปก็อาจจะต่างไปอย่างสิ้นเชิง
ขอบเขตพลังบำเพ็ญของราชาหัวใจราชสีห์สูงกว่าราชันปีศาจเจียหลัวมาก
เจียหลัวถูกขังอยู่ใต้ดินสองพันปี ตอนนี้กระดูกสลายเป็นสายลม วิญญาณมีเวลาพอแค่พูดไม่กี่ประโยค
ในกระดูกที่กำลังสลายหายไปนั้นไม่ได้ฝากมรดกอย่าง ‘ผลึกความเป็นเทพ’ ไว้
ราชาหัวใจราชสีห์ไม่เหมือนกัน
ผลึกความเป็นเทพหลังจากหลอมละลายแฝงเจตนารมณ์ตอนมีชีวิตของผู้เป็นราชาคนนั้นไว้ ตอนนี้เกิดอารมณ์ความรู้สึกขึ้น จึงอาศัยร่างหนิงอี้ปรากฏตัวอีกครั้ง
เด็กหนุ่มชุดดำที่ยืนริมทะเลทราย ทรายใต้เท้าไหลหลากไม่หยุดคนนั้นเอาสองมือไพล่หลัง ตัวแผ่ความรู้สึกผ่านกาลเวลามาเนิ่นนาน
เขามองร่างผอมแห้งใต้ดินพลางพูดขึ้น “เจียหลัว…อายุขัยเจ้าหมดแล้ว เหลือเพียงเสี้ยววิญญาณ ร่อนเร่จนถึงตอนนี้ หรือยึดมั่นจะส่งปีศาจน้อยตนนี้ออกจากต้าสุยกัน”
หญิงอาภรณ์แดงที่คุกเข่าในทราย กอดราชันปีศาจเจียหลัวเอาหน้าแนบหน้าคนนั้น ได้ยินเช่นนั้นก็ตัวสั่นขึ้นมา
นางมองเจียหลัวอย่างไม่กล้าเชื่อตัวเอง
ออกจากต้าสุย…นี่หมายความว่าอย่างไรกัน
ราชันปีศาจกอดหญิงในอ้อมอก ตบฝ่ามือบนบ่าเบาๆ ใช้แววตาอ่อนโยนบอกว่าไม่เป็นอะไร
เขาเงยหน้าขึ้นช้าๆ มอง ‘หนิงอี้’ พลางพูดเสียงนุ่มนวล “ข้าจะให้บ้านเกิดที่แท้จริงกับนาง”
เด็กหนุ่มชุดดำที่เสียงเปลี่ยนเป็นแก่ชราส่ายหน้า ก่อนพูดอย่างเด็ดขาด “ต้าสุยมีกำแพงเมืองแดนอุดร นั่นคือแนวกั้นธรรมชาติ เจ้าทำไม่ได้หรอก”
“ข้าทำไม่ได้จริงๆ”
เจียหลัวหัวเราะ เขาก้มหน้าลงใช้ปลายนิ้วตัวเองลูบระหว่างคิ้วของอาชุนเบาๆ
ขณะที่อาชุนกำลังงุนงงและสับสนนั้น เพลิงจิ้งจอกเจ็ดดวงที่กำลังจะแตกก็พุ่งเข้าไปในระหว่างคิ้วนางทีละดวง เหมือนกระเบื้องหยกที่แค่สัมผัสก็แตก ทยอยกันไปที่หน้าผากนาง ก่อนแตกเป็นประกายไฟที่น่ากลัวแต่ก็งดงามเจ็ดดวง…นี่คือพลังทั้งหมดที่ราชันปีศาจเจ็ดพันปีสั่งสมมาจนถึงตอนนี้
ราชาหัวใจราชสีห์พูดไว้ไม่ผิด ต้าสุยมีกำแพงเมืองแดนอุดร นั่นคือแนวกั้นธรรมชาติที่ทำลายไม่ได้
ตั้งแต่สงครามที่ราชาหัวใจราชสีห์เอาชนะใต้ฟ้าเผ่าปีศาจ ในเวลาสองพันปีอันยาวนาน กำแพงเมืองแดนอุดรของต้าสุยจะมีผู้บำเพ็ญที่แข็งแกร่งมากท่านหนึ่งประจำการอยู่ตลอด ตอนแรกสุดก็เป็นตัวราชาหัวใจราชสีห์เอง ผู้ประจำการกำแพงเมืองแดนอุดรเมื่อยี่สิบปีก่อนคือปราชญ์กระบี่เผยหมิน และตอนนี้…คือราชันหุบเหวลึก ศิษย์เอกของเผยหมิน
ต่อให้เป็นราชันปีศาจเจียหลัวที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุด เผยร่างจริงของจิ้งจอกสวรรค์เก้าหาง ใช้พลังบำเพ็ญและตบะเจ็ดพันปียืนตรงหัวกำแพงเมืองแดนอุดร
ผู้ประจำการทุกรุ่น ไม่ว่าใครก็กำราบเขาได้อีกครั้ง
ทว่า…วิญญาณเขาสลายไปแล้ว อีกไม่นานก็สลายหายไปทั้งหมด
เขาออกจากต้าสุยไม่ได้
แต่เขาจะส่งหญิงคนนี้ไป ร่างปีศาจไม่ใช่จิ้งจอกสวรรค์ แต่เป็นต้นหลิ่วรวงสั้น
เป็นสิ่งมีชีวิตที่ทนทานในทะเลทรายมากที่สุด โดดเดี่ยวมากที่สุด
อาชุนเหม่อมองปลายนิ้วของเจียหลัวที่กดตรงระหว่างคิ้วตน อาภรณ์แดงถูกสายลมพัด ทรายลอยขึ้น หญิงที่นั่งในทะเลทรายเผยผิวขาวเนียนดุจไขมันแกะ ร่างนางลอยขึ้นตามพายุทรายทีละนิด ตรงด้านข้างไม่ใช่ร่างมนุษย์ที่รวมขึ้นอย่างยากลำบากอีก ใยหลิ่วแตก กิ่งก้านบางล้วนกลายเป็นแสงอ่อนสีทองลอยขึ้น
ร่างปีศาจของนางย้อนกลับไปทีละนิด…
ร่างเปลือกของนางค่อยๆ โปร่งแสงขึ้นกลางพายุทราย แสงสีแดงตรงระหว่างคิ้วสว่างขึ้น เด่นตาขึ้น
นั่นคือเมล็ดพันธุ์ที่ลอยไปตามลม
เป็นสภาพตอนที่นางมาประตูหยก ยังไม่เปิดจิตวิญญาณ ยังไม่เติบโตและยังไม่ฝังราก
เป็นตอนแรกสุดของชีวิตนาง
จิ้งจอกสวรรค์ตัวหนึ่งข้ามแนวกั้นธรรมชาติซึ่งเป็นกำแพงเมืองที่ยาวเหยียดของแดนอุดรไม่ได้
แต่เมล็ดพันธุ์หนึ่งข้ามทะเลกว้างใหญ่ไพศาลได้
“อาชุน เจ้าชอบของขวัญที่ข้าให้เจ้าหรือไม่”
กลางพายุทราย ราชันปีศาจเจียหลัวหัวเราะเบาๆ “ข้ามอบพลังบำเพ็ญทั้งหมดให้เจ้าแล้ว จงบินไปทะเลนั้นทางเหนือเถอะ…กำแพงเมืองแดนอุดรขวางเจ้าไว้ไม่ได้…ที่นั่นคือบ้านเกิดของข้า เป็นบ้านเกิดของปีศาจทุกตน…จะไม่มีมนุษย์มาล่าปีศาจอีก…จะไม่มีกลิ่นคาวเลือดอีก…จะไม่มีความแค้นและเศร้าอีก…”
หญิงหน้าตาสะสวยใบหน้าเลือนรางแล้ว สีหน้านางร้อนใจขึ้นมา นางรีบโผไปข้างหน้า แต่ก็คว้าทรายไว้ไม่ได้
อาชุนก้มหน้าลง เหม่อมองแขนขาตนหายไปทีละนิด
พลังของราชันปีศาจเปลี่ยนนางเป็นเมล็ดอีกครั้ง ตอนนี้ร่างมนุษย์อ่อนแอยื้อไว้ได้อีกไม่นานก็จะหายไป
ร่างมนุษย์ของอาชุนโซเซลุกขึ้น ระหว่างที่กำลังลุกนั้นก็ยังสลายเป็นเถ้าธุลีไปทีละนิด
เมล็ดอ่อนเยาว์นั้นรับเจตนารมณ์ของราชันปีศาจ ถูกสายลมพัดลอยขึ้น
พายุทรายแรงมาก ชั่วอึดใจเดียวก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
ทรายส่งเสียงร้องไห้เบาๆ
ราชันปีศาจลุกขึ้น เขามอง ‘ราชาหัวใจราชสีห์’ นิ่งๆ “ข้ายังเหลือพลังเฮือกสุดท้าย หากเจ้ายึดมั่นจะลงมือขวาง เช่นนั้นข้าก็จะสละทุกอย่างสู้ตายกับเจ้า”
หนิงอี้ในชุดดำหัวเราะเบาๆ “ไร้สาระ…เจ้าตายไปแล้ว ยังจะมาสู้ตายอะไรกับข้าอีก”
ราชันปีศาจเผยใบหน้าไร้ความรู้สึก
ดวงจิตสุดท้ายของราชาหัวใจราชสีห์เอ่ยอย่างเฉยชา “หากกลายเป็นเมล็ดพันธุ์ต่ำต้อยจริงๆ ก็คงจะบินข้ามสมุทรได้แน่…แต่ปัญหาคือ นางอยากไปทางนั้นของทะเลจริงรึ”
ราชันปีศาจอึ้งงัน
เขาเงยหน้าขึ้น
ในทรายไกลลิบ
เมล็ดหนึ่งลอยลิ่วไปตามลม ไปและก็กลับมา
ตกลงที่ทะเลทรายประตูหยก จมลงกลางทราย
ดวงจิตของราชาหัวใจราชสีห์หายไปแล้ว
หนิงอี้มองราชันปีศาจที่อีกไม่นานจะหายไปตนนั้นด้วยสีหน้าซับซ้อน
ใบหน้าราชันปีศาจบอกไม่ถูกว่าดีใจหรือเสียใจ
เขาก้มหน้าลง ยิ้มเย้ยเยาะตัวเอง
“ที่แท้…ก็เป็นเช่นนี้เอง”
………………………..