เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า - ตอนที่ 291 เจียหลัวปรากฏกาย
ตอนที่ 291 เจียหลัวปรากฏกาย
ทันทีที่สิ้นเสียงนี้
แผ่นหลังซูชีพลันขนลุกขึ้น ลางสังหรณ์ขอบเขตดาราชะตาบอกตนว่าหญิงคนนั้นพูดจริงทำจริง!
ความรู้สึกถึงอันตรายร้ายแรงโผล่ขึ้นมาข้างหลัง…จะอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว!
ใต้ดินทะเลทราย
เสียงเรียกที่นุ่มลึกยิ่งซึ่งแฝงความแหบแห้งและเหนื่อยล้าดังขึ้น
“อาชุน…”
ความหนาแน่นของเสียงนี้ข้ามผ่านจิตวิญญาณ พวกหนิงอี้สามคนที่ซ่อนอยู่ส่วนลึกของพายุทรายถูกเสียงนี้ปะทะใส่ทะเลสาบจิตอย่างเต็มที่ ใบหน้าซีดขาวขึ้นมา
นี่คือยอดผู้บำเพ็ญขอบเขตราชันปีศาจใช้จิตสื่อสาร!
อีกทั้งยังเป็นราชันปีศาจที่แข็งแกร่งมาก!
จิตใจของทั้งสามคนบิดเบี้ยวเล็กน้อย
มีความเจ็บปวด
ที่ราบกระดูกของหนิงอี้เฝ้าบ่อเทพไว้ จิตวิญญาณมีความแกร่งกว่าปกติจึงต้านไว้ได้
กระบี่ซ่อนตรงระหว่างคิ้วเผยฝานขยับแสงวาววับ พลังของกระบี่ซ่อนค่อนข้างแกร่ง จิตรุกรานจากภายนอกแทบจะโจมตีปราการที่เผยหมินสร้างไว้ไม่ได้ ดังนั้นเสียงนี้ของเจียหลัวจึงแค่ทำให้นางขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่ได้บาดเจ็บอะไรจริงๆ
สองคนแรกมีวิชาและกลอุบายปกป้องจิตวิญญาณ
มีเพียงหลิ่วสืออีที่ไม่มี
ดังนั้นคนคลั่งกระบี่ชุดขาวจึงรับไปเต็มๆ
เขามีเลือดไหลมาจากมุมปาก จึงเอาหลังมือเช็ด
ดีที่บาดแผลหลิ่วสืออีเกือบจะหายดีแล้ว ไม่อย่างนั้นเสียงฟ้าผ่านี้ตกลงทะเลสาบจิต ก็มีโอกาสสูงมากที่บาดแผลใหม่และเก่าจะกำเริบพร้อมกัน
“อาชุน…”
เสียงนี้กำลังเรียกเหยียนซิ่วชุนหรือ
เป็นอย่างที่คิดจริงๆ
หญิงอาภรณ์แดงได้ยินเสียงนี้ก็หน้าเปลี่ยนสีไป
ส่วนซูชีหน้าเปลี่ยนสีไปอย่างรุนแรง
เขายืนกลางทะเลทราย เงยหน้ามองไปเห็นศีรษะจิ้งจอกปีศาจยักษ์รวมขึ้นจากทรายบริสุทธิ์ ลอยอยู่ตรงหน้าตนเช่นนี้ ตอนนี้ดวงตาเป็นขีดยักษ์จ้องหน้าผากเขา มีเขี้ยวยาวของจิ้งจอกปีศาจ ระหว่างที่หายใจ ทรายร้อนระอุยังแทบจะพัดซูชีปลิว
ในความคิดเขาว่างเปล่า
นี่คือ…ราชันปีศาจเจียหลัวรึ
ไม่อยากเชื่อว่าจะหลุดออกมาได้จริงๆ
เป็นไปได้อย่างไร?
เป็นไปได้อย่างไร!
กรมปราบปีศาจขังเจียหลัวที่ประตูหยกมาสองพันปี ยอดปีศาจตนนี้ควรจะตายไปตั้งนานแล้ว…ค่ายกลผนึกหลายปีมานี้ แม้แต่ผู้คุมกฎฝ่ายในของกรมปราบปีศาจยังรู้สึกว่านี่เป็นเพียงธรรมเนียมอย่างหนึ่ง
ในค่ายกลด่านประตูหยกไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ มาตั้งนานแล้ว
อีกไม่นานก็จะมีเจ้ากรมปราบปีศาจใหญ่มาประตูหยกด้วยตัวเอง เปิดค่ายกลดูว่าเจียหลัวถูกขังตายไว้หรือไม่ หากตายแล้ว เช่นนั้นในเมืองหลวงก็จะมีข่าวยืนยันการตาย
ใครจะไปคิดว่าตอนนั้นเจียหลัวจะใช้เลือดตัวเองเปิดจิตวิญญาณให้ต้นหลิ่วรวงสั้นที่ทะเลทรายประตูหยก
ต้นหลิ่วรวงสั้นนั้น หลายปีต่อมาก็กลายเป็นคน ท่องใต้ฟ้าต้าสุยอย่างเงียบเชียบ เพื่อรอโอสถปลดผนึกประตูหยก
ดังนั้นถึงมีวันนี้
แสงดาราแว้งกัด ราชันปีศาจหลุดจากผนึก แค่ความคิดเดียวก็ก่อร่างจากทราย…กลอุบายปล่อยแสงดาราออกมาข้างนอกเช่นนี้ เป็นฝีมือของยอดผู้บำเพ็ญขอบเขตราชันปีศาจจริงๆ
ซูชีมีเหงื่อเย็นๆ ซึมออกมาเต็มหน้าผาก
ราชันปีศาจหลุดจากผนึก นี่เป็นเรื่องที่สร้างความตกใจแก่เจ้ากรมปราบปีศาจใหญ่ได้…หากเจียหลัวหลุดออกมาจริงๆ เช่นนั้นด้วยพลังบำเพ็ญขอบเขตดาราชะตาของเขาก็ไม่มีทางขวางราชันปีศาจได้เลย
มีเพียงเจ้ากรมปราบปีศาจใหญ่ออกหน้าถึงจะปราบลงได้
คุณชายหยวนฉุนแห่งเมืองหลวงพยากรณ์ใต้ฟ้า หรือจะพลาดราชันปีศาจในด่านประตูหยกตนนี้ไปกัน?
ซูชียื่นมือออกมาวางที่ปิ่นปักผมตนเอง
เสียงแหบแห้งของเจียหลัวดังขึ้นข้างหูเขา
“เจ้ามนุษย์ ข้าว่าเจ้าอย่าลองชักกระบี่เลยจะดีกว่า”
ดังนั้นมือของซูชีจึงหยุดอยู่บนปิ่นปักผม
เขามีสีหน้าย่ำแย่
พายุทรายสงบลง หางทรายยักษ์เก้าหางขยับไปมา ห่อหุ้มที่นี่ไว้ทั้งหมด
ร่างมนุษย์เลือนรางรวมขึ้นจากพายุทราย ยืนขึ้นข้างอาชุนช้าๆ
ซูชีหมุนตัวกลับอย่างยากลำบาก เขาจ้องร่างเลือนรางนั้น เห็นใบหน้าอีกฝ่ายไม่ชัด กลิ่นอายพลังในตัวก็ลึกล้ำคาดเดาไม่ได้
เขาพูดเสียงแหบ “ผะ…ผู้อาวุโส”
ซูชีพยายามให้เสียงเขาราบเรียบ มือหนึ่งยังวางบนปิ่นปักผม สูดลมหายใจเข้าลึกทีหนึ่งก่อนจะพูด “ผู้เยาว์ซูชี มาจากตำหนักทะเลสาบกระบี่เขาศักดิ์สิทธิ์แดนประจิม”
เจียหลัวยิ้ม “ข้ารู้จักตำหนักทะเลสาบกระบี่…ยอดเหมันต์ของตำหนักทะเลสาบกระบี่มีชื่อเสียงมาก แต่เจ้าตำหนักขอบเขตนิพพานผู้ถือกระบี่ในตอนนั้นคงจะตายไปแล้ว”
สองพันปีผ่านไป
เขาตายแล้วจริงๆ กระดูกยังสลายเป็นเถ้าธุลี
ซูชีหน้าแข็งทื่อ มองร่างผอมแห้งที่ดูอันตรายยิ่งนั้น
บุรุษชุดคลุมยาวที่รวมขึ้นจากพายุทรายยื่นมือมาข้างหนึ่ง ลูบเส้นผมอาชุนข้างกายเบาๆ ในกระบอกตาหญิงอาภรณ์แดงชื้นขึ้นมาแล้ว
นางพูดเสียงเบา “มีบุญคุณทดแทนคุณ มีแค้นต้องชำระ นี่คือสิ่งที่เจ้าสอนข้า”
เจียหลัวพยักหน้า
“หากไม่ได้คุณชายหนิงแห่งเมืองหลวง ข้าก็คงปลดผนึกไม่ได้อย่างราบรื่น” อาชุนก้มหน้าลงพูดเสียงเบา “นี่คือบุญคุณ ข้าต้องตอบแทน”
จิ้งจอกสวรรค์ตอบอืมเสียงเบา “เป็นบุญคุณจริงๆ เราต้องตอบแทน”
ตอบแทนอย่างไร?
เมื่อครู่อาชุนก็พูดแล้ว
เจียหลัวมองไปที่ยอดผู้บำเพ็ญชุดขาวตรงหน้า
ซูชีที่ก่อนหน้านี้ลั่นวาจาว่าจะสังหารปีศาจ ตอนนี้ขยับก็ไม่ได้ ไม่ขยับก็ไม่ได้
เขายืนอยู่ที่เดิม ทรายกระทบใส่อาภรณ์ขาว ทั้งแผ่นหลังชุ่มไปด้วยเหงื่อ
ซูชีกลืนน้ำลายลงคอก่อนพูดอย่างยากลำบาก “ผู้อาวุโสจะต้องลงมือฆ่ากันเลยรึ แม้ผู้เยาว์จะมีพลังบำเพ็ญเทียบไม่ได้ แต่หากสู้กันจริงๆ บางทีอาจจะยังมีตัวแปรอื่นอีก มิหนำซ้ำ เบื้องหลังผู้เยาว์ก็คือตำหนักทะเลสาบกระบี่แดนประจิม”
ความหมายในคำพูดชัดเจนมาก
เจียหลัวหลุดจากผนึกไม่ใช่เรื่องเล็ก
หากสู้กันที่นี่จะเสียโอกาสดีในการหนีไป จนเมื่อเจ้ากรมปราบปีศาจใหญ่มาถึง ราชันปีศาจเจียหลัวมีพลังบำเพ็ญสูงแค่ไหนก็ไม่มีทางสู้หลงหวงหรือขู่เช่อผู้ไร้พ่ายในแดนอุดรได้
ศิษย์สองคนของคุณชายหยวนฉุนดอกบัวม่วงเป็นหัวกะทิของกรมปราบปีศาจแดนอุดร ศักยภาพแข็งแกร่งพอจะกำราบราชันปีศาจใต้ดินต้าสุยทุกตนอีกครั้ง
มิหนำซ้ำ ตัวเขาซูชียังมาจากตำหนักทะเลสาบกระบี่ ราชันปีศาจตนหนึ่งหลุดจากผนึกต้าสุย นี่เป็นเรื่องเร่งด่วน จะต้องซ่อนตัวแอบกลับไปใต้ฟ้าเผ่าปีศาจ ระหว่างทางจะต้องเจอกับการตรวจสอบของกรมปราบปีศาจและล่าค่าหัวของเมืองหลวงแน่นอน เดิมทีนี่เป็นเรื่องบ้าบอแทบจะไม่มีทางสำเร็จอยู่แล้ว หากมีความแค้นกับตำหนักทะเลสาบกระบี่อีก…ก็จะตัดเส้นทางการออกจากแดนประจิมไปทันที
ยากแล้วก็ยากยิ่งขึ้นไปอีก
หลังซูชีพูดจบ ทะเลทรายก็เงียบสงัด
ราชันปีศาจเจียหลัวหัวเราะเบาๆ
เขาเอ่ยเสียงเบา “ฆ่าเจ้าจะมีตัวแปรอื่นรึ เจ้ากรมปราบปีศาจใหญ่ตอนนี้แกร่งมากรึ”
คำพูดนี้มีการเย้าหยอกสามส่วน
ซูชีหรี่ม่านตาลง
ชุดคลุมของเจียหลัวเดิมทีรวมขึ้นจากพายุทราย ตอนนี้พลิ้วไหวในพายุทราย เผยขาสองข้างของเขา เป็นโครงกระดูกเปล่า ไม่เห็นเลือดเนื้อใดๆ กระดูกแห้งถูกเม็ดทรายกระทบ ส่งเสียงแปะๆๆ น่ากลัว
ข้างหลังเขามีประกายไฟลอยขึ้น
ซูชีจ้องเจียหลัว
ร่างผอมแห้งในชุดคลุมใหญ่กลางพายุทราย ในดวงตามีเปลวไฟสีแดงลุกโชน ข้างหลังมีเพลิงจิ้งจอกลอยขึ้นทีละดวง
การฝึกบำเพ็ญของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ หนึ่งร้อยปีจะงอกหนึ่งหาง
หลังเก้าหางก็จะเป็นยอดปีศาจพันปี เท่ากับยอดผู้บำเพ็ญขอบเขตดาราชะตาของเผ่ามนุษย์
และตอนที่เจียหลัวถูกขังใต้ดินประตูหยกก็เป็นราชันปีศาจที่มีตบะห้าพันปีแล้ว!
หลังจากเก้าหางก็ฝึกเพลิงจิ้งจอก
เพลิงจิ้งจอกหนึ่งดวงหมายถึงขอบเขตพลังเท่ากับพันปี
บุรุษผอมแห้งในตอนนี้มีเพลิงจิ้งจอกสีแดงเข้มลอยอยู่บนบ่าเจ็ดดวง
ยอดปีศาจเจ็ดพันปี!
ซูชีเห็นเค้าโครงของเพลิงจิ้งจอกบนบ่าบุรุษชัดเจน และนับจำนวนเพลิงจิ้งจอกได้แม่นยำ ถึงกับตาลายขึ้นมา
เพลิงจิ้งจอกเจ็ดดวง…ไม่อยากเชื่อว่าจะมีเพลิงจิ้งจอกเจ็ดดวง
พลังบำเพ็ญเจ็ดพันปี
หากออกจากต้าสุยกลับไปใต้ฟ้าเผ่าปีศาจได้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะสามารถยึดครองหนึ่งดินแดนเป็นราชาปีศาจได้
เขาถึงกับเหม่อลอย ริมฝีปากแห้ง มิน่าขณะที่เจียหลัวพูดเมื่อครู่ถึงไม่ยี่หระ ‘การเดิมพันเป็นตาย’ กับตนเลย
ราชันปีศาจที่น่ากลัวในขอบเขตพลังนี้ อย่าว่าแต่สู้เป็นตายกับตนเลย ต่อให้ตนเป็นราชันดาราระดับผู้อาวุโสใหญ่ตำหนักทะเลสาบกระบี่ก็มีแต่ถูกทุบตี
เจ้ากรมปราบปีศาจใหญ่สองคนในตอนนี้ หากมาแค่คนเดียว…จะกำราบเจียหลัวไหวหรือไม่?
ซูชีกัดฟันพูด “ผู้อาวุโส ข้าไม่มีเจตนาจะรบกวน! ผู้เยาว์จะไปเดี๋ยวนี้แล้ว!”
เขาหมุนตัวกลับไม่คิดจะดึงปิ่นปักผมออกกระบี่อีก ทว่าพายุทรายกลับหมุนตลบ ร่างผอมแห้งนั้นแทบจะมาอยู่ตรงหน้าเขาในชั่วพริบตา
ซูชีหน้าขาวซีด
ราชันปีศาจเจียหลัวมองซูชีจากข้างบนด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก “ข้าไว้ชีวิตเจ้าได้ เจ้าไปจากที่นี่เป็นๆ ได้ แต่ข้าต้องการ…”
คำพูดหยุดลง
เจียหลัวไม่พูดอีก
เพลิงสีแดงลุกโชนในดวงตาเจียหลัวขยับลงมาช้าๆ
เขามองไปในแขนเสื้อของซูชี
นั่นคือมือข้างหนึ่ง
ในแขนเสื้อตอนนี้ยังมีไอวิญญาณสายฟ้าดังเปรี๊ยะๆ อยู่ กำลังไหลเวียนตรงปลายสองนิ้วมือของซูชี
ซูชีซวนเซ เขาจำคำพูดที่พูดกับแม่นางอาชุนคนนั้นได้…ว่าหากตนจะฆ่าปีศาจ ใช้แค่สองนิ้วมือก็ฆ่านางได้
คำพูดราชันปีศาจหมายความว่าอย่างไรกัน
นี่คือ…จะตัดสองนิ้วของตนรึ
ใบหน้าซูชีไม่มีสีเลือดเลย
ทว่าเจียหลัวแค่พูดอย่างเย็นชา “ให้เจ้าสิบลมหายใจ”
บุรุษชุดขาวลมหายใจกระชั้นขึ้นมา เขามองร่างเงาราชันปีศาจในพายุทรายที่แม้จะผอมแห้ง แต่เมื่อเห็นกับตากลับยิ่งใหญ่ดุจภูเขา
กดดันเข้ามาจนหายใจไม่ออก
ซูชีก้มหน้าลง
เขายกสองนิ้วมือขึ้นมาอย่างไร้การควบคุม
ใยฝนออกจากฝัก
เลือดสาดกระจาย
สองนิ้วมือถูกปราณกระบี่ฟันขาด กระเด็นลอยขึ้นสูง
นิ้วขาดตกบนทรายก็ถูกทรายกลบในทันที
เจียหลัวหัวเราะ เหมือนกำลังหัวเราะเยาะ
ซูชีไม่สนใจเรื่องพวกนี้แล้ว ข้างหูเขามีแต่เสียงดังวิ้งๆ โลกทั้งใบขาดสีสัน
ทรายที่รวมเป็นร่างเจียหลัวหายไปในทันที ก่อนข้างหน้าจะเปิดเป็นเส้นทางกว้างใหญ่ให้เขา
ดังนั้นยอดนักกระบี่ตำหนักทะเลสาบกระบี่เส้นผมกระเซอะกระเซิงคนนี้จึงพุ่งออกไปราวกับสุนัขบ้า
ยอดนักกระบี่ตำหนักทะเลสาบกระบี่ในชุดขาวไม่เปื้อนเลือด ดวงตาแดงก่ำ เสียนิ้วชี้กับนิ้วกลางไป สามนิ้วกำหมัดแน่น เลือดไหลมาจากแผลไม่หยุด อีกมือกำหมัดในแขนเสื้อ
ชุดขาวมีสีแดงสดซึมออกมา
เขาไม่เคยตกที่นั่งลำบากเช่นนี้มาก่อน
ห่อตัวเหยียบกระบี่ไม้
ความแค้นท่วมท้นฟ้าเหนือกว่าความเจ็บปวด
ซูชีริมฝีปากขาวซีด เสียงแหบ พูดอยู่ในใจไม่หยุด
‘หนิงอี้…หนิงอี้…หนิงอี้!’
………………………..