เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า - ตอนที่ 287 ดอกบัวม่วง (2)
ตอนที่ 287 ดอกบัวม่วง (2)
ตอนที่สองคนเดินลงจากหอคลังตำรา ดอกบัวม่วงก็ยังตามมาตลอดทาง
หนึ่งก้าวตกลง ดอกบัวเปล่งแสงสว่างทั้งหอตำรา
เมื่อก้าวลงพื้นที่ชั้นสิบ หลงหวงเงยหน้าขึ้นตามจิตใต้สำนึก นางเห็นภาพน่าตกใจภาพหนึ่ง…ดวงจันทร์ในมือตนยังอยู่ ดวงจันทร์บนฟ้าหอตำราก็ยังไม่หายไป เพียงแค่อ่อนแสงลงเล็กน้อย เพ่งสายตามองจะเห็นว่าดวงจันทร์นั้นเว้าหายไปเพียงเล็กน้อยมากเท่านั้น
หากนำกุญแจใส่เข้าไปก็จะกลมพอดี
นางก้มหน้าลงเก็บดวงจันทร์อย่างจริงจัง ผูกเชือกไว้ ซ่อนไว้ตรงอกตน
หลงหวงสูดลมหายใจเบา
นี่เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่อาจารย์ฝากฝังไว้กับตน
นางจะมองของเช่นนี้…สำคัญกว่าชีวิตตัวเอง!
เดินลงหอตำรามาแล้ว
คุณชายหยวนฉุนพูดต่อจากเมื่อครู่ เพียงแต่ครั้งนี้ ดอกบัวม่วงไม่ได้ทำลายเสียงของทั้งสองคน
ดังนั้นขู่เช่อที่นั่งใต้หอตำราสัปหงกจะหลับจึงได้ยินคำพูดรางๆ
“ก่อนหน้านี้บอกเจ้าไปว่า…ตำหนักทะเลสาบกระบี่มีกระบี่สองเล่ม” หยวนฉุนพูดเสียงเบา “เล่มหนึ่งชื่อยอดเหมันต์ อีกเล่ม…ชื่อชีวิตนิรันดร์”
หลงหวงจดจำชื่อชีวิตนิรันดร์ไว้เงียบๆ
“กระบี่สองเล่มนี้มาจากยอดผู้บำเพ็ญยุคแรกสองท่านของตำหนักทะเลสาบกระบี่” คุณชายหยวนฉุนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง เล่าความเป็นมาของสมบัติประจำตำหนักสองเล่มนี้
ระหว่างพูดอยู่นั้น คุณชายชราสะบัดแขนเสื้อเบาๆ ม้วนตำราเจ็ดแปดม้วนลอยเข้ามา
หลงหวงความจำดีเยี่ยม นางยื่นมือออกมา ห้านิ้วมือเปิดม้วนตำรา สายตาอ่านจากบนลงล่าง…ประวัติศาสตร์ตำหนักทะเลสาบกระบี่ถูกเด็กหอตำราของหอบัวบันทึกไว้เป็นม้วนตำรา
ทะเลสาบกระบี่กับวิมานเทพ ต้าสุยกับทะเลตะวันตก…และยังมียอดเหมันต์กับชีวิตนิรันดร์
“ในตำราบันทึกไว้ครบถ้วนมาก แต่ไม่ครบทั้งหมด ความจริงกระบี่สองเล่มนี้เป็นกระบี่คู่ เพราะบรรพจารย์ก่อตั้งในตอนนั้น ทั้งสองท่านแท้จริงแล้วเป็นฝาแฝด ดังนั้นวิชาของนักกระบี่ตำหนักทะเลสาบกระบี่กับวิมานเทพจึงมาจากต้นกำเนิดเดียวกัน วิชาคุมกระบี่ ทำนองปราณกระบี่อะไรพวกนี้…มีความต่างกันแค่เล็กน้อย”
คุณชายหยวนฉุนเอ่ยเนิบนาบเบาๆ “ตำหนักทะเลสาบกระบี่เน้นการกดพลังบำเพ็ญฝึกฝน วิมานเทพเน้นการดันพลังบำเพ็ญไปข้างหน้า อย่างแรกบ่มเพาะปราณกระบี่ ศึกษาให้ถ่องแท้ หลอมร้อยครั้งขึ้นเป็นเหล็กกล้า อย่างหลังกินโอสถฝึกบำเพ็ญ พลังบำเพ็ญสูงจนน่าตกใจ ทิ้งไปไม่เห็นฝุ่น”
หลงหวงพอจะเข้าใจแล้ว
มิน่าคุณชายถึงบอกว่าผู้บำเพ็ญจากทะเลตะวันตกมีพลังบำเพ็ญสูงกว่าขั้นหนึ่ง
“ยอดเหมันต์กับชีวิตนิรันดร์ เหตุที่เป็นกระบี่คู่ อีกทั้งอย่างแรกยังมีอานุภาพสะท้านฟ้า แต่อย่างหลังไร้ชื่อเสียงก็เพราะว่า…เล่มหนึ่งคือตัวกระบี่ อีกเล่มคือฝักกระบี่ ยอดเหมันต์มีความคมเป็นหนึ่ง แต่ไม่มีชีวิตนิรันดร์ หลังออกจากฝัก อานุภาพปราณกระบี่จะลดลงอย่างมาก”
คนชราพูดเนิบๆ “เจ้าตำหนักทะเลสาบกระบี่คนก่อน ก่อนร่วมสงครามคืนโลหิตเมืองหลวง จริงๆ แล้วก็เคยสู้กับเผยหมินมาก่อน…ตอนนั้นเผยหมินพาเด็กหนุ่มสวีจั้งไปเยือนเขาศักดิ์สิทธิ์มากมาย ประลองฝีมือกับเจ้าภูเขาศักดิ์สิทธิ์กันพอประมาณ”
“เจ้าตำหนักทะเลสาบกระบี่คนก่อนในตอนนั้นใช้ยอดเหมันต์สู้ ในสิบกระบวนท่าไม่ตกเป็นรอง เผยหมินก็ชมว่าปราณกระบี่ยอดเหมันต์เป็นที่สุดแห่งยุค ความคมยากจะหาคู่ต่อกรได้”
หยวนฉุนชะงักไปก่อนจะพูดต่อ “วันนั้นในคืนโลหิตเมืองหลวง เจ้าตำหนักทะเลสาบกระบี่คนก่อนนำยอดเหมันต์ที่เป็นที่สุดแห่งยุคนั้นมา แต่ไม่ได้นำชีวิตนิรันดร์มา”
หลงหวงกลั้นใจฟัง
“ฝักกระบี่ชีวิตนิรันดร์ของยอดเหมันต์ถูกศิษย์ที่เขาภูมิใจที่สุดสวีไหลชิงเอาไป ส่วนหลิ่วสือที่เห็นสวีไหลชิงกระบี่แต่ไม่ออกมือขัดขวางก็ถูกเจ้าตำหนักคนก่อนขังไว้ใต้ภูเขาน้ำตกใหญ่ เป็นเวลาสิบปีเต็ม”
คุณชายชราส่ายหน้ายิ้มแห้งๆ “บางทีคงคิดไม่ถึงว่าหลังกระบี่ยอดเหมันต์เสียฝักกระบี่ไปแล้วจะเปราะบางถึงเพียงนี้…เผยหมินดีดนิ้วสามทีก็ทำลายกระบี่ได้ สังหารเจ้าตำหนักคนก่อน เรื่องการต่อสู้ครั้งนั้น มีคนมากมายตั้งใจมาฆ่า และมีบางคนต้องจำใจมา เผยหมินไม่ได้คิดจะสังหารพวกที่ไม่มีความแค้นอะไรพวกนั้น หากวันนั้นเจ้าตำหนักทะเลสาบกระบี่คนก่อนมียอดเหมันต์กับชีวิตนิรันดร์ก็คงจะปกป้องตัวเองได้ บางทีจุดจบอาจจะไม่อนาถขนาดนั้น อย่างน้อยก็ไม่ต้องตายอย่างกล้ำกลืนความแค้น”
หลงหวงเม้มปาก ถามอย่างระมัดระวัง “ข้าได้ยินว่าตำหนักทะเลสาบกระบี่ตอนนี้ไม่สงบ หลิ่วสือถูกขังในแดนเทวายอดเหมันต์ คนใหญ่คนโตจากวิมานเทพท่านนั้นมาต้าสุยเพื่อจะทวงคืนยอดเหมันต์รึ”
หยวนฉุนส่ายหน้าช้าๆ
“แทบจะไม่มีใครรู้ว่ายอดเหมันต์หักในคืนโลหิตเมืองหลวง” คุณชายชราพูดพึมพำ “ท่านนั้นแห่งวิมานเทพ…เป็นคนรู้จักเก่ากับข้า เคยมาเยือนที่เมืองหลวง ความจริงก็ไม่มีอะไรไม่เหมาะสมเลย เขายืนเหนือเรื่องทางโลก จะไปสนใจกระบี่ทางโลกเช่นนั้นได้อย่างไร ถ้าวัดกันที่ความอาวุโสจริงๆ เจ้าตำหนักทะเลสาบกระบี่คนก่อนเองก็อ่อนกว่าเขามาก”
หลงหวงเข้าใจนิดๆ แล้ว
ก็เหมือนศึกสุดท้ายของเผยหมิน
ไม่รับกระบี่จากสวีจั้ง ใช้แค่สองหมัดสิบนิ้วมือและวิชาคุมกระบี่ดรรชนีสังหารรับคำท้าสู้กับเจ้าภูเขาทั้งหลาย ความกล้าหาญเช่นนี้ คนปกติไม่มี แต่ต้องเป็นคนใหญ่คนโตที่ไปถึงจุดสูงสุดขอบเขตนิพพานได้ถึงจะมี
เจ้าเกาะวิมานเทพคนนั้นอยู่มานานมาก เป็นสหายกับอาจารย์มานานแล้ว
เกรงว่ามาต้าสุยครั้งนี้ก็แค่อยากดูบทสรุปของเรื่องราวว่าจะไปในทิศทางใด จะไม่ลงมือง่ายๆ และยิ่งไม่สนใจความพัวพันของทางโลก…ขอแค่ไม่แตะต้องรากฐานของวิมานเทพกับทะเลสาบกระบี่ เขาก็จะไม่ออกหน้า
ดูท่า ‘สายลมเบาพัดผ่าน’ ที่กลับมาต้าสุยอีกครั้งคนนั้น คงไม่รู้ว่าเจ้าเกาะวิมานเทพก็ออกจากทะเลตะวันตกเช่นกัน
“วิมานเทพกับทะเลสาบกระบี่แบ่งแยกกัน เพราะตำหนักทะเลสาบกระบี่กดพลังบำเพ็ญฝึกฝน…ไม่ปรากฏคนใหญ่คนโตที่แบกรับกระบี่ได้มานานมาก” หยวนฉุนกล่าว “เจ้าเกาะวิมานเทพอยู่มานานมาก เขายังมีชีวิตได้อีกนาน ยอดเหมันต์กับชีวิตนิรันดร์ไม่สำคัญกับเขา บนโลกนี้หากจะมีเซียนพเนจรอยู่จริงๆ เช่นนั้น…ก็คงจะเป็นเขา”
ตอนที่พูดถึงตรงนี้ หยวนฉุนจนปัญญาเล็กน้อย คนชราคลึงระหว่างคิ้ว “เขามาเมืองหลวง…ก็เพราะเดิมพันข้า”
ใบหน้าเย็นชาดุจน้ำแข็งของหลงหวงเผยความประหลาดใจอย่างพบเห็นได้ยาก นางกะพริบตาก่อนจะถาม “ท่านกับท่านนั้นแห่งวิมานเทพ…เดิมพันอะไรกันรึ”
หยวนฉุนพูดอย่างจำใจ “เขาบอกว่าหลังชีวิตนิรันดร์แห่งวิมานเทพรวมกับยอดเหมันต์แห่งทะเลสาบกระบี่แล้ว จะเป็นกระบี่ที่คมที่สุดในโลก จะไม่มีทางมีเผยหมินคนที่สองที่ดีดนิ้วทำลายกระบี่ได้อีก และโลกนี้ก็จะไม่มีกระบี่เล่มที่สองที่ทัดเทียมกับความคมของมันได้เช่นกัน”
หลงหวงขมวดคิ้วขึ้น ก่อนพูดพึมพำ “การเดิมพันนี้ จะพิสูจน์อย่างไรว่าใครถูกใครผิด”
คนชราหัวเราะเหมือนกับเด็กที่แข่งชนะได้ลูกอม ก่อนจะหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์ “ดูไปเถอะ เขาจะต้องเสียโอสถเซียนวิมานเทพระดับทองชาดให้ข้าหนึ่งเม็ด”
หลงหวงยิ้มมุมปาก นางไม่เคยเห็นอาจารย์มีมุมเด็กเช่นนี้มาก่อน
ทั้งสองคนเดินลงบันไดมาทีละก้าว
หลงหวงพลันถาม “อาจารย์ เหตุใดช่วงนี้ท่านถึงสนใจแดนทักษิณเป็นพิเศษกัน”
หยวนฉุนยกนิ้วขึ้นมาเบาๆ ทำมือว่าอย่าส่งเสียง
คนชรากระแอมไอเสียงเบา “ต้องเก็บเป็นความลับนะ”
หลงหวงอดใจอยากรู้ไม่ไหวแล้ว จึงพยักหน้าเบาๆ เหมือนลูกเจี๊ยบจิกข้าวเปลือก
“ลูกชายของซ่งเชวี่ยถูกส่งไปแดนทักษิณ เขาพาหลี่ไป๋เถา…หนีงานแต่ง แต่นี่ไม่ใช่การหนีตามคนรัก” คนชราพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ลูกชายของซ่งเชวี่ยพาหญิงรับใช้ไปปิดด่านบำเพ็ญที่เขาวิญญาณอยู่ช่วงหนึ่ง ส่วนหลี่ไป๋เถาก็ตาม ‘หนุ่มน้อยหน้าขาว’ ไป”
นางมองใบหน้าด้านข้างที่เหี่ยวย่นและมีเมตตาของคนชราพลางถามด้วยความสงสัย “องค์หญิงต้าสุยออกจากแดนทักษิณรึ ทำได้อย่างไรกัน”
ค่ายกลคุมขังของกรมผู้คุมกฎแดนทักษิณค่อนข้างจะแน่นหนา
“โอกาสอำนวย” คนชราพูดปลง “กรงของแดนทักษิณถูกคนทำลาย ปีศาจมีอยู่ทั่วทุกที่ แมลงพิษบินว่อน ตอนนี้กรมผู้คุมกฎกำลังรีบปราบมาร ไม่มีเวลามาสนใจเรื่องพวกนี้…ใครจะไปคิดว่าในตัวลูกชายซ่งเชวี่ยจะซ่อนอุบายที่ทำลายค่ายกลมิติคุมขังของกรมผู้คุมกฎได้”
ส่วนบุตรชายซ่งเชวี่ยซ่งอีเหริน เจาะทำลายค่ายกลกรมผู้คุมกฎได้อย่างไรนั้น
ความจริงคุณชายหยวนฉุนก็ไม่รู้เหมือนกัน…
หลงหวงถามอีก “เดี๋ยวก่อน เมื่อครู่อาจารย์เพิ่งบอกว่า…องค์หญิงต้าสุยตามหนุ่มน้อยหน้าขาวไปรึ”
หนุ่มน้อยหน้าขาว?
หนุ่มน้อยหน้าขาวเป็นใครกัน
คุณชายหยวนฉุนกะพริบตา ก่อนพูดอย่างเจ้าเล่ห์ “เรื่องนี้…พูดไม่ได้ๆ”
คุณชายชราโบกแขนเสื้ออีกครั้ง
ม้วนตำราลอยกลับเข้าไปในชั้นวางตำรา
ตรงหน้าหลงหวงมีแผ่นไม้ไผ่สีเหลืองกางออก
นางเพ่งมองไป สิ่งที่เขียนบนแผ่นไม้ไผ่เป็นปีศาจจิ้งจอกที่สมจริงราวกับมีชีวิต
หลงหวงเอ่ยนิ่งๆ “ราชันปีศาจเจียหลัว ถูกขังอยู่ด่านประตูหยกแดนกลางต้าสุย”
คุณชายหยวนฉุนพยักหน้าชื่นชม
“อาจารย์ นี่หมายความว่าอย่างไรกัน”
หลงหวงยกแผ่นไม้ไผ่ขึ้น นางจำได้ว่าทุกด่านเขตแดนต้าสุยจะขังยอดปีศาจไว้…จิ้งจอกสวรรค์เจียหลัวถูกขังอยู่ใต้ประตูหยกแดนกลาง เวลานี้ของทุกปีจะมีผู้บำเพ็ญกรมปราบปีศาจกลุ่มหนึ่งนำเลือดจิ้งจอกสวรรค์ไปเสริมพลังค่ายกล
คุณชายหยวนฉุนมอบแผ่นไม้ไผ่นี้กับตน…เพราะประตูหยกเกิดเรื่องไม่คาดคิดหรือ
หลงหวงนึกถึงตรงนี้ก็หน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย
คนชราพูดเสียงเบา “หน่วยกรมปราบปีศาจเล็กหกคนตายนอกเมืองอาทิตย์อุทัย ตอนนี้คนที่ไปยังผนึกเจียหลัวประตูหยกคือปีศาจน้อยสี่ตน”
“อาจารย์…หลงหวงจะไปผนึกเจียหลัวประตูหยกเดี๋ยวนี้ ข้าจะไปฆ่าปีศาจเอง!” นางเผยใบหน้าเย็นยะเยือก กำแผ่นไม้ไผ่เตรียมจะออกจากหอตำราแล้ว ด้วยความเร็วของนาง หากใช้กำลังทั้งหมดอีกไม่นานก็จะไปถึงประตูหยก
หลายปีมานี้ยังมีปีศาจกล้าเปิดค่ายกลด่านของกรมปราบปีศาจอีก หรือว่าเบื้องหลังจะมีผู้บำเพ็ญปีศาจใต้ฟ้าเผ่าปีศาจบงการอยู่?
คุณชายหยวนฉุนเอามือกดบ่าหลงหวงเบาๆ
เขาส่ายหน้า
หลงหวงขมวดคิ้ว
“ปีศาจพฤกษาสามตน ฝังรากพันปี เพิ่งเปิดสติปัญญา แม้จะเป็นปีศาจ แต่ถึงอย่างไรก็เกิดในใต้ฟ้าต้าสุย…หรือว่าเจ้าลืมที่ข้าสอนเจ้าไปแล้วรึ” หยวนฉุนจ้องหลงหวง
สตรีมีใบหน้าโอนอ่อนลง ก่อนพูดเสียงเบา “หลงหวงจดจำทุกคำที่อาจารย์สอนไว้ในใจ ไม่กล้าลืม…เป็นเจ้ากรมปราบปีศาจใหญ่ คำว่าปราบปีศาจไม่ได้หมายถึงการฆ่าอย่างเดียว”
หยวนฉุนพยักหน้า
หลงหวงเงยหน้าขึ้นพูด “แต่ใต้ประตูหยกขังราชันปีศาจจิ้งจอกสวรรค์ไว้…หากปล่อยออกมา ในระยะสิบลี้จะเจอกับหายนะ”
หยวนฉุนพูดเสียงเบา “ไม่หรอก”
คุณชายชราเดินลงบันไดมา “สองพันปีก่อน เจียหลัวถูกขังไว้ใต้ด่านประตูหยก กรมปราบปีศาจเมืองหลวงลอกหนังมัน หลอมเลือดมัน เสริมพลังผนึกทุกปี เลือดซึมผ่านทะเลทราย ในระยะสิบลี้เป็นสีแดงฉาน มีต้นหลิ่วรวงสั้นต้นหนึ่ง แห้งแล้งเกือบตาย แต่ได้รับเลือดมันจึงโชคดีรอดมาได้”
หลงหวงดวงตาแวววาว
นางพูดเสียงเบา “นี่นับว่าบุญคุณแม้น้ำเพียงหยด ก็ต้องทดแทนดุจสายธารอย่างนั้นรึ”
หยวนฉุนมีสีหน้าซับซ้อน เขาส่ายหน้าก่อนจะพูด “มีเริ่มไม่มีจบ มีเศร้าไม่มีสุข มีพบไม่มีแยกจาก”
………………………