เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า - ตอนที่ 286 ดอกบัวม่วง (1)
ตอนที่ 286 ดอกบัวม่วง (1)
หอบัวเมืองหลวง
ดอกบัวสีม่วงที่เป็นสัญลักษณ์ของความสงบแดนอุดรลอยอยู่บนหอ ม้วนตำรากระดาษเหลืองลอยไปตามสายลม
คนชรายื่นมือไปข้างหนึ่ง ดันฝ่ามือขึ้นข้างบน ดันดอกบัวม่วงนั้นเบาๆ
เดินในหอคลังตำราแห่งหอบัว เงามืดถูกส่องทำลาย ดอกบัวม่วงเหมือนกับตะเกียงสว่าง
คนที่ตามหลังคุณชายหยวนฉุนคือเจ้ากรมปราบปีศาจใหญ่สองคน
หลงหวงในอาภรณ์ดำ รูปร่างสูงโปร่ง หุ่นงดงาม ผ้าปิดหน้าใต้งอบพลิ้วไหวไปตามสายลม นางยื่นมือไปข้างหนึ่งสัมผัสม้วนตำราในหอคลังตำราเบาๆ ม้วนตำราที่นางสัมผัสจะออกจากชั้นวางไม้เองและลอยอยู่กลางอากาศ
ขู่เช่อเจ้ากรมปราบปีศาจใหญ่อีกคนนั่งเก้าอี้กลองไม้ชั้นล่างหอคลังตำราอย่างว่าง่าย สองมือกดหัวเข่า เงยหน้าขึ้น ตอนนี้ในหอคลังตำราลักษณะเป็นวงแหวนมีม้วนตำราลอยอยู่กลางอากาศเป็นร้อยเป็นพันเล่ม
คุณชายหยวนฉุนถือตะเกียงเดินมาถึงจุดสูงสุดของหอคลังตำรา คุณชายชรามองตรงไป ม้วนตำราข้างหลังเหมือนกับน้ำหลากล้นฟ้า ภายใต้การควบคุมด้วยแสงดาราของหลงหวง มันไหลไปอย่างมั่นคงแล้วรวมกันเหมือนธารเล็ก หลังลอยอยู่กลางอากาศกลางหอคลังตำราแล้ว แสงจากดอกบัวม่วงก็จะไหลเข้าไปในนั้น
สายลมเบาเปิดตำราเหมือนธารน้ำเงิน
คุณชายหยวนฉุนใช้มือหนึ่งดันดอกไม้เหมือนถือตะเกียง อีกมือซ่อนในแขนเสื้อ ส่งเสียงป๊อกๆ กังวานแต่ก็เบาเหมือนวางตัวหมากบนกระดาน
เดินในหอคลังตำรา ในแขนเสื้อพยากรณ์ความลับสวรรค์
หลงหวงตามหลังอาจารย์ นางยังคงอยู่ในท่าทางยกมือสัมผัสม้วนตำราในหอคลังตำรา ใช้แสงดาราดึงม้วนตำราออกมาเรื่อยๆ ส่งไปในอากาศ
‘ดอกบัวม่วง’ เท่ากับดวงตาของอาจารย์
แสงสว่างอยู่ที่ใดนั่นคืออาจารย์กำลังอ่าน
ม้วนตำราที่ถูกดึงออกมาและส่งออกไปพวกนี้ อาจารย์อ่านหมดแล้ว
เมื่อครู่นี้นางปรายตามอง ในม้วนตำราเหล่านี้มีเรื่องราวต่างๆ ตลอดหลายวันมานี้ของเมืองหลวง ข่าวสงครามแดนอุดร การต่อสู้ของแมลงพิษแดนทักษิณ การประชันของสองแดนบูรพาและประจิมรวมถึงข่าวลือของทะเลตะวันตก…เรื่องราวต่างๆ ใต้ฟ้า ตอนที่อาจารย์ใช้ดอกบัวม่วงอนุมานสภาพการณ์ของเมืองหลวงล้วนเป็นเอกสารลับของสามกรมในระยะโดยรอบพันลี้ทั้งนั้น
ส่วนไกลกว่านั้น…หลงหวงไม่แน่ใจ เหตุใดอาจารย์ถึงสนใจเรื่องแมลงพิษแดนทักษิณกับข่าวลือทะเลตะวันตกกัน
ได้ยินว่าคนใหญ่คนโตบางคนจากเกาะวิมานเทพมาถึงต้าสุยแล้ว
เกาะเซียนวิมานเทพแห่งทะเลตะวันตกแทบจะออกไปนอกใต้ฟ้าต้าสุย ไม่เกี่ยวกับเรื่องสงครามแดนอุดร เพราะมียอดผู้บำเพ็ญขอบเขตนิพพานอยู่ ผนึกของวิมานเทพทะเลตะวันตกจึงแกร่งมาก ใต้ฟ้าเผ่าปีศาจไม่รีบร้อนรุกราน ‘แผ่นดินเซียน’ แห่งนี้ หลายปีมานี้ความสัมพันธ์ระหว่างทะเลตะวันตกกับต้าสุยก็ไม่ถือว่าแย่นัก
หลังจากร่างแยกดอกบัวม่วงของอาจารย์กลับเมืองหลวงก็มีนัดเข้าพบกับคนใหญ่คนโตคนนั้น
หญิงสวมผ้าปิดหน้าสีดำมีสีหน้าไม่แน่ใจ คนที่มีสิทธิ์นัดพบกับอาจารย์ได้ ทั้งวิมานเทพทะเลตะวันตกมีเพียงท่านเดียว…พลังบำเพ็ญของเจ้าเกาะวิมานเทพได้รับการยืนยันมาตั้งนานแล้ว เจ้าเกาะคนนั้นไปถึงขอบเขตนิพพานนานแล้วเช่นกัน อีกทั้งเล่าลือว่าการนิพพานของเขาอัศจรรย์กว่าที่ชาวโลกคิดไว้
อาจารย์เคยบอกตนว่าจะดูถูกผู้บำเพ็ญทะเลตะวันตกไม่ได้ พลังบำเพ็ญทั่วไปของพวกเขาสูงกว่าเราขั้นหนึ่ง
เนื่องด้วยบรรพจารย์รุ่นแรกแห่งวิมานเทพ…เส้นทางการบำเพ็ญของผู้บำเพ็ญตะวันตกจึงง่ายกว่าในบางความหมาย
คุณชายหยวนฉุนที่เดินขึ้นบันไดหอคลังตำราช้าๆ เดินมาถึงสุดทางของบันได
ด้านบนหอคลังตำราไม่มีหลังคา ด้านบนวาดค่ายกลด้วยมือคุณชายหยวนฉุนเอง แสงสว่างในยามกลางวันตกลงมา รอบๆ ทั้งหอคลังตำราเหมือนถูกน้ำตกดวงตะวันใหญ่ซัดสาด เปล่งประกายระยิบระยับ
ตอนนี้กลางดึก บนฟ้าหอคลังตำราจะเห็นผืนฟ้าดาราประดับ
และยังมีดวงจันทร์ใหญ่อีกดวง
นี่เป็นภาพที่น่าเหลือเชื่อจริงๆ…ผืนดารากับดวงจันทร์ใหญ่อยู่คู่กัน
คุณชายหยวนฉุนเดินมาถึงชั้นสิบของหอคลังตำรา
ไม่มีบันไดแล้ว
แต่ด้านบนยังมีตำรา
คุณชายชรายืนตรงสุดทาง ข้างล่างเป็นชายร่างใหญ่ขู่เช่อที่เงยหน้ามองตน ได้ยินเสียงลมพัดเบาๆ ตกลงจากที่นี่ก็ไม่ต่างอะไรกับโดดลงจากยอดหอสุราเลย
เขาเดินหนึ่งก้าว
ดอกบัวม่วงดอกหนึ่งลอยขึ้นมาใต้เท้า รับก้าวชายชรา ดอกบัวตกลงเล็กน้อย เมื่อชายชราก้าวเดิน ดอกบัวก็จะลอยขึ้นมาใต้เท้าเรื่อยๆ
ทุกก้าวจะเกิดดอกบัว
หลงหวงที่ตามหลังอาจารย์หยวนฉุน มีวาสนาได้สวัสดิการเช่นนี้เหมือนกัน
สองคนเดินตามหลังกัน
ชุดคลุมเต๋าสีม่วงของคุณชายชราสะบัดไปตามลม ยิ่งเดินขึ้นข้างบน ม้วนตำราก็ยิ่งน้อยลง ยิ่งเข้าใกล้ยอดค่ายกลด้านบนหอคลังตำรา พายุก็ยิ่งรุนแรงขึ้น ตำราเหนือสิบชั้นวางผนึกไว้ หลงหวงที่ตามหลังเก็บมือขวาที่ดึงม้วนตำรานั้นกลับมาเงียบๆ
คุณชายหยวนฉุนพลันพูดขึ้น
“สวีไหลจากทะเลตะวันตกกลับไปตำหนักทะเลสาบกระบี่แล้ว”
หลงหวงหรี่ตาลง
นางเคยได้ยินชื่อนี้ เมื่อนานมาแล้ว ตอนที่เจ้าตำหนักทะเลสาบกระบี่คนก่อนยังไม่ตาย บนฟ้าเมืองน้ำหลากแดนประจิมได้มีอัจฉริยะหนุ่มสองคนเด่นออกมา
คนหนึ่งชื่อหลิ่วสือ
อีกคนชื่อสวีไหล
สายลมเบาพัดผ่าน คลื่นน้ำไม่สงบ นามนี้ตามหลักแล้วน่าจะเป็นราชันในกระบี่ผู้สุภาพเรียบร้อย หรือบัณฑิตที่ออกท่องเล่าเรียนอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย แต่น่าเสียดายที่ไม่ใช่ สวีไหลกับหลิ่วสือสองคน ตอนนั้นแย่งตำแหน่งเจ้าตำหนักทะเลสาบกระบี่น้อยกัน และยังแย่งชิง ‘ยอดเหมันต์’ ที่ยังไม่ถูกหิมะซ่อนเล่มนั้น
การแย่งชิงดุเดือด บทสรุปสุดท้ายคือสวีไหลออกจากตำหนักทะเลสาบกระบี่
“ความจริงตำหนักทะเลสาบกระบี่มีกระบี่สองเล่ม หนึ่งคือยอดเหมันต์ หลายยุคในอดีต เจ้าตำหนักทะเลสาบกระบี่ทุกรุ่นจะถือกระบี่ยอดเหมันต์” คุณชายหยวนฉุนยิ้ม “แต่ความจริงยังมีอีกเล่ม”
“ยังมีอีกเล่มหรือ”
หลงหวงสงสัยเล็กน้อย
นางเป็นเจ้ากรมปราบปีศาจใหญ่ เรื่องข่าวและข้อมูลเกี่ยวกับเขาศักดิ์สิทธิ์ต้าสุยมากมาย ตนรู้จนติดอันดับต้นๆ ของทั้งใต้ฟ้าได้แน่…รากฐานของเขาศักดิ์สิทธิ์ หลายปีมานี้ไม่เปลี่ยนแปลง สมบัติสูงสุดที่ตกตะกอนมาหลายพันปี ทุกเขาศักดิ์สิทธิ์ก็มีอยู่แค่นั้น นับนิ้วได้เลย
ความแกร่งของยอดเหมันต์ของตำหนักทะเลสาบกระบี่แทบจะจัดอยู่ในสามอันดับแรกของอาวุธเทพใต้ฟ้า
หินผาบูรพาคุณชายเจ้าหรุย ตอนนั้นที่ใช้ร่มกระดาษมันสีขาวสร้างพินิจเหมันต์ขึ้น ก็ใช้ยอดเหมันต์เป็นต้นแบบเดิม เดิมทีแค่อยากสร้างยอดเหมันต์แบบง่ายๆ ไม่ขอทัดเทียมกับกระบี่ยอดเหมันต์ แต่ขอสองเล่มปะทะกัน แค่ไม่แพ้ก็พอ
“ยอดเหมันต์ปรากฏมาในศึกคืนโลหิตเมืองหลวง” ดอกบัวม่วงตรงหน้าผากคุณชายหยวนฉุนสว่างวาบ เขาพูดเสียงแหบแห้ง “ในคืนโลหิตเมืองหลวง เผยหมินเคยได้รับกระบี่จากศิษย์สวีจั้ง แม่ทัพใหญ่แดนอุดรกลับไม่รับกระบี่ไว้ แต่ใช้สองหมัดสิบนิ้วรวมถึงปราณกระบี่ที่บ่มเพาะในปอดตัวเอง รับคำท้าสู้กับเจ้าภูเขาศักดิ์สิทธิ์สิบคน”
หยวนฉุนยืนนิ่ง
“ยอดเหมันต์ทะเลสาบกระบี่ ถูกเผยหมินดีดนิ้วสามทีแตก เจ้าตำหนักคนก่อนถูกเผยหมินใช้คุมกระบี่ดรรชนีสังหารฆ่า”
หลงหวงได้ยินดังนั้นถึงกับขนลุกไปทั้งตัว
คำพูดง่ายๆ แต่กลับวาดภาพน่ากลัวไร้พ่ายของเผยหมินได้
นางเคยพบเจ้าตำหนักทะเลสาบกระบี่คนก่อนที่แดนอุดร ถือกระบี่ยอดเหมันต์เอาชนะราชันปีศาจห้าพันปี เนื้อตัวไม่เปื้อนฝุ่นแม้แต่นิด…ความน่ากลัวของกระบี่ยอดเหมันต์นั้นยังเหมือนอยู่ตรงหน้านางอยู่เลย
ไม่อยากเชื่อว่าจะถูกเผยหมินดีดนิ้วสามทีแตก
หยวนฉุนถอนหายใจ “ไม่ใช่ว่าชนะทั้งหมดหรอก เผยหมินเองก็มีอาการบาดเจ็บแฝงเร้นจากปราณกระบี่ยอดเหมันต์เหมือนกัน บุรุษคนนั้นต่อให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุด เผชิญหน้ากับการปิดล้อมของสิบเขาศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่มีทางที่จะไม่เป็นอะไรเลยได้ มิหนำซ้ำ…คู่ต่อสู้ของเขา เดิมทีก็ไม่ใช่เจ้าภูเขาทั้งสิบคนอยู่แล้ว”
หลงหวงท่องชื่อขุมอำนาจที่ร่วมมือในคืนโลหิตเมืองหลวงตอนนั้นเบาๆ
“ตำหนักทะเลสาบกระบี่ เขาอนันต์เล็ก เขาเชียงซาน เขาศิลาเต่า เขาล่องโอฬาร เขาคุนหลุน เขาวิญญาณ อารามยอดเสียงอัสนี ตำหนักสวรรค์ จวนปฐพี…” เสียงนางสั่นนิดๆ แล้ว “ตอนนี้ภูเขาศักดิ์สิทธิ์พวกนี้เปลี่ยนเจ้าภูเขาไปแล้ว”
หยวนฉุนตอบอืมเบาๆ “เจ้าภูเขาอนันต์เล็กโชคดีรอดมาได้ สิบปีต่อมาก็ถูกสวีจั้งศิษย์ของเผยหมินสังหารในกระบี่เดียว”
หลงหวงหน้าซีดขาวเล็กน้อย
ต้องมีกำลังรบน่ากลัวเพียงใดกัน
หลังจากเผยหมินรับคำท้าสู้กับเจ้าภูเขาทั้งสิบ คู่ต่อสู้ที่แท้จริง…ก็คือฝ่าบาท!
“หากเผยหมินยังอยู่ สงครามโลกเทาในตอนนี้จะเป็นอีกสถานการณ์เลย” คุณชายหยวนฉุนพูดเสียงเบา “เผยหมินในยุครุ่งเรืองที่สุดเคยมีผลงานปราบขอบเขตนิพพานเผ่าปีศาจสามตนด้วยตัวคนเดียวที่แดนอุดร หากแดนอุดรมีเทพอยู่จริง เช่นนั้นเขาก็คือเทพเพียงหนึ่งเดียวของแดนอุดร”
สงครามแดนอุดรในตอนนี้…
เลือดเจิ่งนอง สิ่งมีชีวิตตายไปไม่รู้เท่าไร อัจฉริยะใต้ฟ้าเผ่าปีศาจปรากฏออกมา สายเลือดทองคำโผล่กันมาเต็มไปหมด ความรุ่งเรืองของใต้ฟ้าต้าสุยดูจะช้ากว่าเล็กน้อยแล้ว
แต่หากยอดขุนพลแดนอุดรในตอนนั้นยังอยู่…
เมื่อนึกถึงตรงนี้ หลงหวงแววตามืดหม่นลง นางพูดเสียงเบา “เหตุใดฝ่าบาทต้องฆ่าเขา”
เมื่อสิ้นเสียง
ดอกบัวม่วงของคุณชายหยวนฉุนสั่นไหวเบา
เสียงของหลงหวงถูกแสงดาราทำลาย ลอยหายไปในอากาศ
คุณชายชราส่ายหน้า “มีเหตุผลมากมาย”
สองคนเดินมาถึงบนยอดหอคลังตำราโดยไม่รู้ตัวแล้ว
บนยอดเป็นดวงจันทร์ใหญ่สุกสกาว
ผืนดาราขยับไปมาบนฟ้า สว่างวูบไหว
หลงหวงกลั้นลมหายใจ ตอนนี้ขึ้นถึงยอดอย่างแท้จริง นางถึงพบว่าหอคลังตำราที่ล้ำค่าที่สุดของคุณชาย ดวงจันทร์และดาวบนยอดเป็นค่ายกลมหึมา
คุณชายหยวนฉุนพูดเสียงเบา “ชั้นบนหอคลังตำรามีค่ายกล รู้หรือไม่ว่าชื่ออะไร”
หลงหวงส่ายหน้า
นางติดตามร่างแยกดอกบัวม่วงของอาจารย์ ฝึกวิชาฆ่าปีศาจ ร่อนเร่ในแดนอุดรมาตลอด อาจารย์ลงแรงไปอย่างมากเพื่อสงบสงครามแดนอุดร ไม่เคยพาตัวเองกลับเมืองหลวง มาดูที่หอคลังตำรานี้อย่างจริงจังมาก่อน
คุณชายมองดวงจันทร์ยักษ์ที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมนั้น เดิมทีสองมือไพล่หลัง ตอนนี้ยื่นมือออกไปช้าๆ
“ข้ากับฝ่าบาทเติบใหญ่มาด้วยกัน อ่านตำราเป็นเพื่อนเขา ชราตามเขา ตอนนี้ฝ่าบาทอายุหกร้อยปีแล้ว ที่นี่ไม่ใช่สุดทางของฝ่าบาท…แต่เป็นสุดทางของข้า”
หลงหวงอึ้งงัน
นางหรี่ตาลง ไม่กล้าเชื่อว่าอาจารย์จะพูดเช่นนี้…อายุขัยของอาจารย์ใกล้จะถึงสุดทางแล้วหรือ
“ข้าเป็นคนที่อ่านตำราตาย ยอมรับหลักการตาย” หยวนฉุนเผยแววตาซับซ้อน มือนั้นคว้าดวงจันทร์ผ่านทั้งผืนฟ้า
กำมือ
เก็บดวงจันทร์
“หลงหวง อีกไม่นานจากนี้เจ้าจะมีศิษย์น้องเพิ่มมาอีกคน เจ้ากับขู่เช่อต้องดูแลเขาให้ดี โลกนี้จะไม่มีใครรังแกเขาได้อีก” คนชราก้มหน้าลง มองชายร่างใหญ่ที่นั่งขัดสมาธิบนพื้น กำลังยิ้มซื่อๆ ให้กับตน
เขายื่นมือไป ฝ่ามือหยาบกร้านวางดวงจันทร์ที่เล็กลงและบิดรูปเป็นกุญแจลงบนฝ่ามือหลงหวง
“หลักการทั้งชีวิตของข้าง่ายมาก ล้วนอยู่ในกุญแจนี้…” คุณชายหยวนฉุนใช้อีกมือวางบนฝ่ามือนางเบาๆ
เจ้ากรมใหญ่หลงหวงมองกุญแจในมือตัวเอง
นางเห็นอักษรบนกุญแจชัดเจน
ดังนั้นนางถึงได้มีสีหน้าลนลานและตกใจเช่นนี้
นางไม่อยากจะเชื่อว่ากุญแจในตำนานจะซ่อนอยู่บนยอดหอคลังตำรา
นางยิ่งไม่อยากเชื่อว่าอาจารย์จะมอบกุญแจนี้ให้กับตน
“ความลับนี้มีเพียงเจ้าที่รู้ ห้ามบอกใครเด็ดขาด กับอวิ๋นสวินก็ไม่ได้ กับขู่เช่อก็ไม่ได้”
หลงหวงบีบ ‘จันทร์’ ในฝ่ามือไว้แน่น พยักหน้าอย่างหนักแน่น
หยวนฉุนสูดลมหายใจเข้าลึก “หากวันใด…”
เขาชะงักไป
ก่อนจะพูดเสียงแหบแห้ง
“หากวันใด ข้าไม่มีความสามารถปกป้องมันแล้ว เช่นนั้นก็ขอให้เจ้ารับปณิธานก่อนตายของข้าต่อด้วย”
……………………….