เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า - ตอนที่ 285 ส่วนลึกทะเลทรายมีปีศาจจิ้งจอก
ตอนที่ 285 ส่วนลึกทะเลทรายมีปีศาจจิ้งจอก
เมื่อยันต์ปกติไม่ใช้แสงดาราสำแดงพลังอีกต่อไป
และเปลี่ยนไปใช้ ‘ความเป็นเทพ’ แทน
เช่นนั้นยันต์นี้จึงแสดงอานุภาพน่าเหลือเชื่อ ต่อให้เป็นยันต์สายลมที่เห็นได้ทุกที่ ภายใต้การอัดแน่นด้วยความเป็นเทพ ก็อาจจะกลายเป็นยันต์พายุหมุนที่ถล่มบ้านเรือนได้
คำสาปห้าอัสนี หัวใจสำคัญของวิชาอัสนีสำนักเต๋า ทำขึ้นเป็นยันต์ ต่อให้เป็นคนนอกที่ไม่เคยฝึกวิชาจิตสำนักเต๋าก็ใช้วิชาสายฟ้าสังหารสิ่งชั่วร้ายได้
ความจริงหนิงอี้ก็ถือว่าเป็นศิษย์สำนักเต๋าในบางความหมาย ตอนโจวโหยวข้ามกำแพงเมืองแดนประจิมก็เคยถ่ายทอดคัมภีร์จิตม่วงเร้นให้เขา มีวิชาบำเพ็ญสามขอบเขตแรก ใช้วิชาจิตของสำนักเต๋าเป็นรากฐานที่สุด ฝังรากลงลึก
บนที่ราบภูเขาแดงก็ยังใช้คำสาปห้าอัสนีผ่าใส่ร่างแยกหานเยวีย
ตอนนี้ใช้อีกครั้งจึงคล่องมือกว่าเดิม
หนิงอี้สะบัดยันต์
คำสาปห้าอัสนีลุกไหม้ บ่อเทพในที่ราบกระดูกเปล่งแสงเทพออกมาหลายสาย ความเป็นเทพบริสุทธิ์ที่ลอกออกมาจากในแกนกระบี่ไหลบนลายยันต์ คำสาปห้าอัสนีที่เผยฝานวาดขึ้นเลียนแบบตามภาพยันต์ของสำนักเต๋า วัตถุดิบที่ใช้มีมากมาย ซับซ้อนหาได้ยาก คำสาปห้าอัสนีที่ทำออกมาจริงๆ ต้องไม่พิถีพิถันเท่าของแท้สำนักเต๋าแน่ ดังนั้นกระดาษยันต์จึงใส่แสงดาราไม่ได้มากนัก
ตอนนี้ความเป็นเทพนิดเดียวก็จุดไฟเผาได้
ซูชีผู้อาวุโสหนุ่มตำหนักทะเลสาบกระบี่ที่ขี่กระบี่ไม้อยู่เพ่งสายตามอง เขาทะยานไปบนทะเลทรายใหญ่ อากาศรอบๆ เดิมทีแห้งแล้งถึงที่สุด ตอนนี้กลับมีเสียงทะลวงอากาศรุนแรงขึ้นสามส่วน เขาลดความสูงลงเรื่อยๆ ปลายผมข้างหูพลันเกิดสายฟ้าสีทองเฉียดผ่านไปในพริบตา ระเบิดเส้นผมกระจายไปหย่อมเล็ก กลายเป็นเถ้าถ่านกลางอากาศ
ซูชีทะยานแนบไปกับพื้น
เขาเงยหน้าขึ้นจ้องเด็กหนุ่มชุดดำที่ขี่ร่มกระดาษมันโปรยยันต์สีทองออกมาไม่หยุด
เด็กหนุ่มแซ่หนิงจากเขาสู่ซานคนนั้นพกยันต์ไว้จำนวนมากอย่างที่ตนคิดไว้จริงๆ…ซูชีรู้จักวิถีแห่งยันต์ ไม่ถือว่าชำนาญ แต่ก็พอเป็นกึ่งผู้เชี่ยวชาญ
ยันต์หลายสิบแผ่นแล่นผ่านในความคิดเขา มีแต่พวกใช้เรียกลมเรียกฝนเรียกสายฟ้า แต่ไม่เคยเห็นยันต์สีทองเช่นนี้มาก่อน กระดาษยันต์ที่ลุกไหม้นั้น มองทีแรกก็รู้ว่าไม่ใช่ของธรรมดา ดูเหมือนคำสาปห้าอัสนีของสำนักเต๋า แต่คำสาปห้าอัสนีมีสีทองที่ไหนกัน
แม้แต่สายฟ้าที่เรียกออกมายังเป็นสีทองบริสุทธิ์
หากตนเป็นผู้บำเพ็ญภูตผีแดนทักษิณที่ฝึกวิชาภูตผี ทันทีที่สายฟ้ากำเนิด ไอวิญญาณฟ้าดินก็จะจับเป้ามาที่ตน ผู้บำเพ็ญภูตผีไม่มีทางหนี หากไม่เกิดอะไรผิดพลาด สิ่งที่ตนต้องเผชิญต่อจากนี้ก็คือเคราะห์สายฟ้าใหญ่!
ซูชีเงยหน้าขึ้น เส้นผมยาวปลิวไสว
ในไอวิญญาณที่นี่ไม่แห้งแล้งอีกต่อไป แต่เกิดเจตจำนงสายฟ้า เมฆดำที่กดลงมาข้างบน เมฆม้วนเป็นคลื่นดุจภูเขา นั่นคือสั่งสมสายฝนแล้ว ในชั้นเมฆมีสายฟ้าผลุบโผล่ ไหลเวียนไปมาเหมือนท้องมังกรแก่
หากผ่าใส่ตน…ไม่ตายก็ต้องหนังหลุด
ยันต์ที่เด็กหนุ่มคนนั้นใช้ใส่ตนไม่หยุดคืออะไรกันแน่
ดูท่าแล้วเป็นคำสาปสายฟ้าทรงพลัง…เขาบ้าไปแล้วรึ!
หรือคนแซ่หนิงไม่รู้ว่าการเรียกสายฟ้าที่นี่ สายฟ้าไม่มีตา ฟ้าผ่าไร้ความปรานี หากเรียกเคราะห์สายฟ้ามาจริงๆ ใครจะกล้าบอกว่าตัวเองจะไม่โดนผ่าแน่ๆ
ซูชีสบตากับหนิงอี้
ยอดนักกระบี่ตำหนักทะเลสาบกระบี่เห็นความนิ่งในส่วนลึกแววตาเด็กหนุ่มคนนั้น
ซูชีกัดฟันหัวเราะเสียงต่ำ “เจ้าจะเดิมพันรึ เดิมพันว่าข้าไม่กล้าตามต่อรึ”
เสียงนี้ดังไปพร้อมกับปราณกระบี่ แม่นางชุดครามข้างกายหนิงอี้ยกมือขึ้นอย่างไม่มีสัญญาณใดๆ ฝ่ามือพลันมีกระบี่เหล็กสีดำพุ่งเข้ามา ก่อนจะฟันจากบนลงล่าง
ปราณกระบี่ของซูชีปะทะกับกระบี่เหล็กสีดำนั้นกลางอากาศ
เด็กสาวร้องออกมาเสียงเบา
กระบี่เหล็กถูกปราณกระบี่ของยอดผู้บำเพ็ญขอบเขตดาราชะตาฟันกระเด็น
เสียงของซูชีดังก้องข้างหูสามคนราวกับฟ้าผ่า
หนิงอี้ไม่พูด
พินิจเหมันต์ลอยขึ้นข้างบน
เขายืนบนตัวกระบี่พินิจเหมันต์ ไม่มองไปข้างหน้าอีก แต่หมุนตัวกลับมา แขนเสื้อสองข้างสะบัด เผชิญหน้ากับยอดผู้บำเพ็ญแห่งตำหนักทะเลสาบกระบี่ที่ชุดขาวสะบัดไปมาไม่หยุดคนนั้น
หนิงอี้กดสองแขนลง เสียงของเขาก่อคลื่นในทะเลทรายโดยรอบหนึ่งลี้
มีเพียงคำเดียว
“มา!”
ซูชีพลันกดกระบี่ไม้ ตัวลดระดับลง เมื่อหนิงอี้กดสองแขนเสื้อลง เศษหลังเผาไหม้ของยันต์สีทองสลายเป็นเถ้าถ่าน แหลกเป็นเสี่ยงๆ เหมือนมีการเหนี่ยวนำลับๆ มันพลันตกลง พุ่งเข้าไปในทรายเหมือนลูกธนู หลังลงดินก็เหมือนพุ่งลงมหาสมุทร ความเร็วช้าลง แต่ก็ยังดำดิ่งลงไปข้างล่าง
คำสาปห้าอัสนี!
เมฆดำบนฟ้า ไม่ใช่แค่ส่งเสียงฟ้าร้องดังแต่ฝนตกน้อยอีกต่อไป
ชั่วอึดใจเดียว สายฝนถาโถมลงมาพร้อมกับสายฟ้าสีทองมากมาย สว่างวาบบนฟ้าทะเลทรายด่านประตูหยก
ที่นี่ไม่เคยมีฝนตกมานานแล้ว
กลางฝนตกหนัก สายฟ้าฟาด เม็ดทรายร้อนถูกระเบิดกระจาย
ยอดนักกระบี่ชุดขาวแห่งตำหนักทะเลสาบกระบี่ที่ระนาบไปกับพื้น ตัวแทบจะชิดกับพื้นทราย ปลายกระบี่ไม้เหมือนทะลวงเข้าไปกลางกองทหารม้านับหมื่น ปราณกระบี่แหวกเป็นคลื่นเม็ดทรายนับไม่ถ้วน
ชุดคลุมสีขาวพองขึ้น
ตัวซูชีเหมือนขนนกเบา เท้าซ้ายอยู่ข้างหน้า ปลายเท้าปัดไปทางขวา ตัวกดต่ำลง ครึ่งตัวบนกดลงต่ำมาก งอเข่า ตั้งมือข้างหนึ่งตรงริมฝีปาก ปราณกระบี่ฟันทรายเหมือนตัดหญ้า อีกมือไพล่ไว้ข้างหลัง กระบี่ไม้ท้อที่ดูธรรมดาเปล่งแสงสีเขียวสว่างวาบ
ปราณกระบี่ขอบเขตดาราชะตาบ่มเพาะแสงสว่างดารายิ่งใหญ่ ตอนนี้ห่อหุ้มไว้บนกระบี่บินใต้ฝ่าเท้า
แสงเขียวนี้ห่อหุ้มซูชี สายฟ้าสีทองมากมายผ่าลงมา เชื่อมกันเป็นทะเล
ยอดผู้บำเพ็ญตำหนักทะเลสาบกระบี่เข้าใกล้หนิงอี้มากขึ้นเรื่อยๆ
ท่ามกลางสายฟ้ามากมายนั้น ใบหน้าทั้งสองคนถูกส่องแสงจนเป็นสีขาว
สายฟ้าสีทองสายหนึ่งผ่าลงมากลางศีรษะพวกเขา
“เร็ว!”
ซูชีหน้าดำมืด เขายกนิ้วหนึ่ง ปราณกระบี่วนเวียนตรงปลายนิ้ว ภายใต้นิ้วนี้ สายฟ้าสีทองที่เดิมทีจะผ่าระหว่างสองคนถูกปราณกระบี่นี้แทงเอียง หยุดชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะเปลี่ยนทิศทางพุ่งไปหาหนิงอี้
ในเมื่อเจ้าชอบเรียกสายฟ้า ข้าก็อยากจะรู้นักว่าถ้าโดนสายฟ้าเข้าไป เจ้าจะหนีอย่างไร
สายฟ้าสีทองนั้นพุ่งเข้าไป
หนิงอี้ยังคงมีใบหน้าเรียบนิ่ง
ประกายสายฟ้าพุ่งตรงเข้าไปหา
ทันทีที่เข้ามาในระยะสามจั้งรอบตัว หนิงอี้ออกแรงที่มือเล็กน้อย
ปลายร่มกระดาษมันตกลงเบาๆ
คว้าด้ามร่มไว้
ขาสองข้างเหยียบบนพื้นทราย
กางร่ม
เกิดเสียงดัง ‘พรึ่บ’ พินิจเหมันต์กางร่มออกเหมือนนกยูงรำแพนหาง เด็กหนุ่มเหยียบบนพื้นทรายร้อนระอุ ใต้เท้าเหมือนมีรากงอก แต่กลับไถลถอยออกไป ข้างหลังจึงกองเป็นทรายเหมือนภูเขา
ชั่วพริบตาเดียว สายฟ้าสีทองนั้นก็ผ่าที่ใบร่มพินิจเหมันต์
ห่างเพียง ‘กระดาษมัน’ ชั้นหนึ่ง…หนิงอี้เห็นยันต์สีสันต่างๆ ที่เด็กสาวตั้งใจแปะในร่มอย่างชัดเจน ในตอนนี้มันเปล่งแสงสว่างกันทั้งหมด ขนห่าน เขาไท่ซาน ซ่อนพลัง ต้านอัสนี อมตะ ยันต์พวกนี้แปะแนบเข้ากับแกนกระบี่ด้ามร่มพินิจเหมันต์ ตอนนี้เปล่งแสงสีแดงส้มเหลืองเขียวฟ้าม่วงกันเต็มไปหมด
คนกับสายฟ้า หยุดชะงักไปพริบตาหนึ่ง
นกยูงรำแพนหาง สายฟ้านั้นโจมตีใส่ใบร่ม รวมกันไม่หยุด สั่งสมพลังไม่หยุด
จากนั้นหนิงอี้ก็ถูกพลังมหาศาลกระแทกลอยออกไป ขณะอยู่กลางอากาศยังบิดตัวอย่างมั่นคง หุบใบร่ม เหยียบพินิจเหมันต์และหนีออกจากทะเลสายฟ้าด้วยความเร็วมากกว่าเดิม
ส่วนสายฟ้าสีทองที่พุ่งเข้ามาและควรจะทะลวงร่มกระดาษมันรวมถึงร่างเด็กหนุ่มข้างหลังร่มนั้น มันหมุนวนในใบร่มรอบหนึ่ง ก่อนจะสงบนิ่งและย้อนกลับไปโดยไม่ได้บรรลุจุดประสงค์เดิม ตอนนี้เปลี่ยนทิศทางด้วยพลังรุนแรง พุ่งตรงไปหายอดผู้บำเพ็ญตำหนักทะเลสาบกระบี่ชุดขาวดุจหิมะคนนั้น
ซูชีหน้าซีดขาว
คำสาปห้าอัสนีที่ใช้ความเป็นเทพ สายฟ้าที่เรียกออกมาและความเร็วของพลังเรียกได้ว่าน่าเหลือเชื่อ
ซูชีไม่นึกเลยว่าจะยังมีกลอุบายควบคุมสายฟ้าเช่นนี้!
สายฟ้าสีทองพุ่งใส่ยอดผู้บำเพ็ญขอบเขตดาราชะตาคนนี้อย่างจัง กระบี่ไม้ใต้ฝ่าเท้าซูชีเกิดเสียงดังปัง เดิมทีแหวกกลางทรายไปได้เหมือนปลา ไม่ปนเปื้อนธุลีดิน แต่ตอนนี้เสียสมดุลอย่างแรง ปลายกระบี่ปักลงกลางทราย
เคราะห์ซ้ำกรรมซัด สายฟ้ามากมายพุ่งมาใส่ซูชี…
ดาราชะตาขาวหิมะที่เดิมทีควรจะลอยสูงถึงสวรรค์เก้าชั้นนั้นถูกสายฟ้าสิบกว่าสายผ่าจนถูกบีบออกมา ปราณกระบี่วนเวียนแนบกาย ร่างไถลเป็นรอยยาวในทะเลทราย
ตอนที่ไถลออกไปอีกครั้งนั้น
ข้างชุดคลุมของยอดนักกระบี่ชุดขาวถูกสายฟ้าผ่าไหม้เป็นเถ้าถ่าน เผยปลายแขนอาบไปด้วยเลือดครึ่งหนึ่ง ยอดผู้บำเพ็ญขอบเขตดาราชะตามีความสามารถฟื้นฟูได้เร็วยิ่ง แสงดาราตามมาดุจปลาเวียนว่าย ไม่กี่ลมหายใจปลายแขนซูชีก็กลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม ไร้มลทินดั่งหยกขาว ดูแล้วยังเนียนยิ่งกว่าผิวสตรีเสียอีก
หลังจากยอดนักกระบี่ตำหนักทะเลสาบกระบี่ผู้หน้ามืดทะมึนสามส่วนคนนี้ไถลไปในทรายแล้ว เขามีสภาพย่ำแย่ยิ่ง กระบี่ไม้ใต้ฝ่าเท้าเป็นหนึ่งในกระบี่ประจำตัว ตอนนี้ถูกสายฟ้าผ่าจนตัวกระบี่เสียหายไปครึ่งหนึ่ง เสียหายหนัก ฟ้าดินไร้กฎเกณฑ์ ทรงพลังไม่อาจต้าน ต่อให้เป็นผู้บำเพ็ญที่แกร่งเพียงไหนก็ยากจะต้านเคราะห์สายฟ้าอย่างซึ่งหน้าได้ นี่เป็นหลักการพื้นฐาน
หากซูชีไม่ปล่อยจิตสังหาร ไม่ลองเหนี่ยวนำวิชาสายฟ้า ให้สายฟ้าสีทองโจมตีใส่หนิงอี้ เพียงแค่ซ่อนอยู่ใต้ดินอย่างสงบ เช่นนั้นทะเลทรายประตูหยกแห่งนี้ สายฟ้าในระยะหนึ่งลี้ก็จะไม่ควบแน่นกันเป็นเท่าตัว และไม่มีทางผ่าตัวเขา
เปิดประตูปาไฟออกไป ดันถูกไฟเผาเสียเอง
ได้แต่บอกว่าจะกินจะดื่มขึ้นอยู่กับสวรรค์
กระบี่ไม้ประจำตัวของซูชีถูกเคราะห์สวรรค์ชะล้าง เสียหายไม่น้อยแล้ว
ปิ่นปักผมนั้นกลับไม่เป็นอะไรเลย
เขาเอามือข้างหนึ่งกดหลังศีรษะ ห้านิ้วมือกำปิ่นปักผม
ปุถุชนต่างคิดว่าตัวเขาซูชีแห่งตำหนักทะเลสาบกระบี่ฝึกกระบี่ประจำตัวสองเล่ม ซ้ายและขวา หนึ่งสังหารอีกหนึ่งไว้เดินทาง
ความจริงแล้วไม่ใช่เลย
เขามีกระบี่ประจำตัวสามเล่ม
เล่มที่คมที่สุดไม่ใช่ ‘ใยฝน’ ที่ห้อยอยู่ทางซ้าย
แต่เป็นปิ่นไม้ที่ซ่อนอยู่ในเส้นผม
หลังถูกฟ้าผ่า ระยะห่างระหว่างสองคนก็ห่างกันขึ้นเรื่อยๆ เห็นได้ว่าตามไม่ทันในช่วงสั้นๆ แล้ว ในใจซูชี…เกิดความคิดหนึ่งขึ้น
เขาจะดึงปิ่นปักผม!
ออกกระบี่ที่รุนแรงที่สุดในขอบเขตดาราชะตาของตนในระยะหนึ่งลี้
ซูชีดวงตาแดงก่ำ สูดลมหายใจเข้าออกลึกๆ หลายครั้งแล้วก็หยุดความคิดบ้าคลั่งนี้
ออกกระบี่นี้จะทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บสาหัสแน่ แต่จะสังหารหนิงอี้กับหลิ่วสืออีได้หรือไม่ก็พูดยาก
เขาปล่อยมือที่จับปิ่นปักผมไว้
กระบี่ไม้พุ่งออกไปด้วยพลังทั้งหมด ยอดนักกระบี่ชุดขาวซูชีไล่ตามพวกหนิงอี้สามคนเข้าไปในส่วนลึกของทะเลทรายกว้างใหญ่
ส่วนลึกของส่วนลึกทะเลทราย กลางหมอกค่ายกล
หางใหญ่เก้าหางรวมขึ้นจากเม็ดทราย ลอยขึ้นมาช้าๆ
ไอปีศาจกระจายเต็มฟ้า บดบังฟ้าและดวงจันทร์
……………………..