เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า - ตอนที่ 284 ทรายเหลืองทะเลทราย ฟ้าผ่าจากบนฟ้า
ตอนที่ 284 ทรายเหลืองทะเลทราย ฟ้าผ่าจากบนฟ้า
ชุดคลุมหยาบสีขาวพัดขึ้นเบาๆ กลางสายลม
จากนั้นตกลงช้าๆ
บุรุษชุดขาวที่ถือกระบี่ด้วยมือเดียว ดาราชะตาข้างหลังนั้นแยกออกช้าๆ กลายเป็นพลังปราณแสงดาราแผ่กระจายออกเป็นจุดๆ
เขายืนอยู่หน้าประตูโรงเตี๊ยม อาภรณ์ไม่เปื้อนธุลีดินแม้แต่น้อย
บุรุษมีใบหน้าสงบนิ่งถึงที่สุด ตามองตรงเดินมาช้าๆ ศพที่นอนบนพื้นห้อยอยู่กับโต๊ะพวกนั้นดูเหมือนไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขาเลย
เขาเดินไปข้างหน้า
ความเคลื่อนไหวของทั้งโรงเตี๊ยมสร้างความตกใจกับแขกชั้นสองทั้งหมด
บุรุษชุดขาวเดินขึ้นบันไดไม้ไปทีละก้าว เด็กรับใช้ในร้านกอดสองแขน พิงกำแพงหินของโรงเตี๊ยม เงยหน้ามองอาภรณ์บุรุษชุดขาวที่เดินขึ้นบันไดไป ฝุ่นดินกระเทือนตกลงมา ตกลงบนบ่าเขา ใบหน้าขาวซีด ไม่พูดไม่จา
ชั้นสองวุ่นวายขึ้นมาแล้ว
แขกชุดคลุมดำคนหนึ่ง ตรงเอวห้อยดาบลักษณะโค้งหัวพยัคฆ์ หนวดมังกรแผงคอพยัคฆ์ รูปร่างองอาจกล้าหาญ ผลักประตูออกมา สิ่งแรกที่เห็นคือคุณชายชุดขาวสะโอดสะอง
เขาขมวดคิ้ว
โรงเตี๊ยมวุ่นวาย ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
สถานการณ์ข้างล่างถูกบุรุษชุดขาวที่เดินขึ้นบันไดมาบังไว้ เปิดประตูห้องออกมา ทางเดินทั้งชั้นสองมีกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งขึ้นทีละนิด
ชายร่างใหญ่ชุดดำย่างสามขุมเข้ามา สองสามก้าวก็มาอยู่ข้างหน้าคุณชายชุดขาว
เขายื่นมือออกไปข้างหนึ่ง หมายจะกดบ่าอีกฝ่าย
บ่าบุรุษชุดขาวสั่นไหวเบาๆ ในระยะหนึ่งฉื่อ ชั่วอึดใจเดียว ทั้งสองคนก็เฉียดไหล่ผ่านกัน
ชายร่างใหญ่ชุดดำเห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นข้างล่างโรงเตี๊ยมแล้ว
เลือดไหลนอง
ปึก!
เด็กรับใช้ในร้านที่นั่งกอดเข่าตรงโต๊ะต้อนรับมองศีรษะหลุดออกมาหัวหนึ่ง ตกลงพื้นแตกตรงหน้าตน เลือดสาดกระจายเต็มใบหน้าเขา
หัวชายร่างใหญ่ชุดดำคนนั้นมีสีหน้างุนงง เบิกดวงตากลมโตจ้องมองตน
เด็กรับใช้ตาเหลือก หมดสติไป
….
บุรุษชุดขาวเดินไปตามทางเดินชั้นสองโรงเตี๊ยม
ยันต์แผ่นหนึ่งพุ่งออกไปจากแขนเสื้อเขา
ผู้อาวุโสใหญ่หยวนฝูอินแห่งตำหนักทะเลสาบกระบี่ใช้วิชาลับเพาะบ่มยันต์สะกดรอยนี้ การเดินทางครั้งนี้จากแดนประจิมมาถึงด่านประตูหยกแดนกลาง ล้วนอาศัยการสะกดรอยพันลี้ของยันต์นี้ทั้งสิ้น
สองข้างระเบียงทางเดิน ปราณกระบี่พุ่งเข้าไป ประตูไม้แตกกระจาย
ใบหน้าบุรุษยังคงนิ่งเฉย นิ่งจนเหมือนน้ำทะเลสาบที่ปกคลุมด้วยน้ำแข็ง
ในปราณกระบี่ซ่อนจิตสังหารไว้ เขาทำการฆ่าล้างครั้งใหญ่ที่ประตูหยก เรื่องนี้ผิดกฎต้าสุย หากถูกผู้คุมกฎพบเข้า ถึงตอนนั้นจะเจอปัญหามากมาย
เขาเข้าใกล้สุดทางเดินโรงเตี๊ยมชั้นสองเข้าไปเรื่อยๆ
จิตสังหารที่ปะทุทีละนิดนั้นก็ยิ่งกดไว้ไม่อยู่
ตอนออกจากตำหนักทะเลสาบกระบี่แดนประจิม ผู้อาวุโสใหญ่ได้มอบหมายให้เขาสังหารศิษย์คลั่งกระบี่ของหลิ่วสือ…นี่ไม่ใช่สาเหตุหลักที่ปลุกจิตสังหารของเขา
หลิ่วสือหมดอำนาจ คนคลั่งกระบี่เป็นเพียงผีดวงซวยน่าสงสาร พรสวรรค์สูงเพียงใด อนาคตมีขีดจำกัดสูงแค่ไหน เจอกับเขาก็จบลงได้ด้วยกระบี่เดียว
หาหลิ่วสืออี ฆ่าหลิ่วสืออี
บุรุษชุดขาวมาถึงสุดทางเดินชั้นสอง
ห่างกันเพียงประตูไม้
ยันต์เกิดปฏิกิริยารุนแรงขึ้นทีละนิด
เขาเอามือข้างหนึ่งกดด้ามกระบี่ไว้
จิตสังหารวูบไหว พร้อมจะถาโถมออกไปทุกเมื่อ
ซูชีจ้องประตูไม้นั้นด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก
หลังประตูเป็นเพียงคนคลั่งกระบี่หลิ่วสืออีนั่น และยังมีเด็กหนุ่มแซ่หนิงที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงต้าสุย
คนที่เขาจะฆ่าไม่ได้มีแค่หลิ่วสืออี
บุรุษคนที่สังหารน้องชายเขา ทำให้ตำหนักทะเลสาบกระบี่ขายหน้าย่อยยับ เขาไม่มีวันลืมโดยเด็ดขาด
สวีจั้งตายแล้ว
บัญชีเก่านี้จึงตกอยู่ที่คนต่อไป
อาจารย์อาน้อยคนใหม่ของเขาสู่ซานตอนนี้
“หนิงอี้!”
ปราณกระบี่ออกจากฝัก เหมือนสายน้ำเงินไหลหลาก ทั้งประตูไม้ถูกพุ่งชนแตกกระจาย ทั้งห้องเหมือนเจอมรสุม พลันถูกฟันทำลายแหลกลาญ ทั้งโรงเตี๊ยมถล่มลง พายุคลั่งพุ่งออกจากในฝักกระบี่บุรุษชุดขาว กลายเป็นพายุหมุนปราณกระบี่ยักษ์
ดาราชะตาสีขาวหิมะรวมตัวกัน เหมือนตะเกียงส่องสว่างเงามืดในโลก
ท่ามกลางพายุปราณกระบี่ ซูชีหรี่ตาลง ในห้องสุดท้ายนี้ไม่ได้เหมือนครั้งก่อนๆ ที่หลังประตูไม้พังแล้วจะมีเลือดสีแดงสาดกระจายออกมา ปราณกระบี่ทำลายประตูไม้แล้ว เขากลับไม่เห็นอะไรเลย เห็นเพียงหน้าต่างไม้ถูกพุ่งชนพัง
ซูชียืนกลางพายุปราณกระบี่ของตน ทั้งโรงเตี๊ยมกลายเป็นเศษไม้กระจายเต็มฟ้า ก่อนเขาจะกระโดดขึ้นเบาๆ
ตรงเอวยอดผู้บำเพ็ญดาราชะตาชุดขาวแห่งตำหนักทะเลสาบกระบี่ สองด้านซ้ายขวาห้อยกระบี่ไว้เล่มหนึ่ง ทางซ้ายคือกระบี่ออกจากฝักสังหารคน มีชื่อว่า ‘ใยฝน’ มีเส้นใยทุกส่วนเหมือนเหล็กเจาะด้ามหนึ่ง แทงใบหน้าคน ฟันแขนขาได้สบายมาก หลังรวมแสงดารา ใยฝนออกจากฝักก็จะไม่เป็นเส้นใยเล็กๆ อีก แต่จะมีพลังมหาศาล
ทั้งโรงเตี๊ยมยกลอยขึ้นจากพื้น
ทางขวาเป็นกระบี่ไม้ธรรมดา กระบี่ไม้ไม่ออกจากฝัก ผูกไว้ด้วยเชือกเหลือง เรียบง่าย ไม่มีการตกแต่งอะไร บนตัวกระบี่ก็ไม่ได้สลักลายค่ายกลอะไรไว้ ไม่มีแม้แต่คมกระบี่
กระบี่ไม้ธรรมดาที่ห้อยด้านขวาของเอวนั้นเหมือนมีจิตวิญญาณ หลุดออกจากเชือกเหลืองเองแล้วตกลงข้างล่าง หลังตกลงพื้นก็ดีดขึ้นเบาๆ ตัวกระบี่เปลี่ยนองศา หน้ากระบี่ระนาบไปกับพื้น ถูกซูชีเหยียบไว้ก็ตกลงเล็กน้อย แต่ไม่นานก็กลับมามั่นคง
คนกับกระบี่ลอยกลางอากาศ
ซูชีเหยียบบนกระบี่ไม้ มองทอดไกลด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก
ทรายเหลืองตรงทะเลทรายเห็นสามร่างเงารางๆ ซ่อนอยู่ในนั้น หนีไปหลายลี้แล้ว
“หนีไปเร็วจริงๆ…” ซูชีก้มหน้าลง เขาปล่อยมือจากด้ามกระบี่ ใยฝนวาดเป็นเส้นโค้งสวยงามสองวงกลางอากาศ ก่อนจะเข้ากลับฝักอีกครั้ง
ยอดผู้บำเพ็ญดาราชะตาแห่งตำหนักทะเลสาบกระบี่คนนี้ไม่ได้รีบร้อนตามออกไป แต่ใช้มือเล่นยันต์ที่ผู้อาวุโสใหญ่ให้มา เขาไม่เข้าใจเล็กน้อย ยันต์นี้สะกดรอยตามพันลี้ไม่เคยพลาด เห็นๆ ว่าจับร่องรอยคนคลั่งกระบี่ได้แล้ว แต่เหตุใดเมื่อครู่ถึงพลาดกัน
สามคนหนีไปก่อนที่ตนจะมาถึง
นี่นับว่าเป็น ‘การรู้ล่วงหน้าหรือไม่’
ซูชีมองทอดไกลอีกครั้ง ในทะเลทราย นอกจากหลิ่วสืออีชุดขาว หนิงอี้ชุดดำแล้วยังมีแม่นางชุดครามอีกคน สามคนขี่กระบี่บินกลายเป็นสายรุ้งยาวสามสาย รวดเร็วจนน่าเหลือเชื่อ…ไม่มีทางที่นักกระบี่ขอบเขตหลังจะมีความเร็วเช่นนี้ได้
เว้นแต่จะมียันต์เสริมพลัง
ซูชีเข้าใจแจ่มแจ้งแล้ว
เขามองแม่นางน้อยชุดครามนั้นพลางพูดงึมงำ “มีผู้บำเพ็ญคนหนึ่งชำนาญยันต์ค่ายกล มิน่าถึงรู้ล่วงหน้าได้”
ยอดนักกระบี่ตำหนักทะเลสาบกระบี่ที่ขี่กระบี่ไม้อยู่ไม่ลังเลอีก เขายกสองนิ้วมือขึ้นมาตั้งตรงหน้าอก ก่อนตัวเขาจะกลายเป็นสายรุ้งยาวสีขาวลอยขึ้นจากพื้น พลังกระบี่มหาศาลทำให้เกิดคลื่นทรายสองข้างทาง มองไกลๆ เหมือนปลาดำว่ายอยู่ในทราย
ทรายเหลืองกระจาย เม็ดทรายเฉียดผ่านข้างหู
ขี่กระบี่ไปข้างหน้า ปราณกระบี่ฟันทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้า
หลิ่วสืออีหน้ามืดหม่นลง เขาหันไปมองก็เห็นพลังยิ่งใหญ่นั้น ตอนแรกแสงกระบี่สีขาวที่เข้ามาใกล้เรื่อยๆ เป็นเพียงเงาเล็กจนมองไม่เห็น แต่ตอนนี้ทุกลมหายใจ เงานั้นจะใหญ่ขึ้นเล็กน้อย
ปราณกระบี่ส่งเสียงดังเหมือนฟ้าผ่า
“เป็นผู้อาวุโสคุมกฎซูชีแห่งตำหนักทะเลสาบกระบี่ ยอดผู้บำเพ็ญขอบเขตดาราชะตา” หลิ่วสืออีพูดช้าๆ ด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตร “น้องชายเขาซูขู่…ตายด้วยน้ำมือสวีจั้ง ต่อมาอาจารย์ข้าจัดการเรื่องนี้อย่างไร พวกเจ้าก็คงจะรู้แล้ว”
หนิงอี้หันไปมอง
โรงเตี๊ยมก่อนหน้านี้ที่มีแสงกระบี่อยู่ถูกปราณกระบี่ทำลายลงแล้ว
ห่างไปหลายลี้ก็ยังรู้สึกได้ถึงความโกรธของซูชี
เห็นได้ชัดว่าความโกรธท่วมท้นฟ้านี้พุ่งมาหาตน
หลิ่วสืออีพูดถึงซูขู่ หนิงอี้ก็เข้าใจ…ยอดผู้บำเพ็ญตำหนักทะเลสาบกระบี่คนนั้นเป็นตัวการความแค้น ตอนนี้จะคิดบัญชีรวบยอดความแค้นเก่าและใหม่
ฆ่าหลิ่วสืออี
และถือโอกาสฆ่าตน
“ไอดุร้ายยิ่งนัก” หนิงอี้พูดด้วยแววตาเย็นชา “ยอดผู้บำเพ็ญฆ่าผู้บริสุทธิ์ แปลว่ามั่นใจว่าพวกเราอยู่ในโรงเตี๊ยมแน่ๆ เช่นนั้นหรือ”
“สะกดรอยพันลี้ วิถีแห่งยันต์” เผยฝานชุดครามเหยียบกระบี่ ‘ใต้ฟ้าต้าสุยปราณกระบี่ท่องหล้า’ กระบี่ตารางหนาเร็วกว่าของหนิงอี้กับหลิ่วสืออีขั้นหนึ่ง นางตั้งใจลดความเร็วลง ก่อนพูดเสียงเบา “ป้ายชีวิตของหลิ่วสืออีอยู่ตำหนักทะเลสาบกระบี่ ขอแค่ดึงพลังมาส่วนหนึ่งก็จะตามรอยมาได้”
นางหันไปมอง ชะงักไปอึดใจก่อนจะพูดต่อ “ต่อให้ข้าใช้ยันต์ซ่อนพลังชั้นยอดมาอำพรางก็ใช้ได้ครู่เดียว เสียแรงเปล่า ตัดสัมพันธ์กับร่องรอยไม่ขาด”
สามคนมุ่งหน้าไปในทะเลทราย
หนิงอี้มองไกลออกไป
การออกจากโรงเตี๊ยมไม่ใช่การหนีอย่างฉุกละหุก
ตอนนี้พวกเขามุ่งหน้าไปตามทางของพวกเหยียนซิ่วชุนสี่คน
ค่ายกลขังราชันปีศาจเจียหลัวประตูหยก
หนิงอี้สูดลมหายใจเข้าเบาๆ ก่อนพูดเสียงต่ำ “อย่าตัดร่องรอย…ให้เขาตามมา”
เด็กสาวลังเลเล็กน้อย “ดูจากความเร็วแล้ว ต่อให้มียันต์เสริมพลัง เราก็สู้วิชาคุมกระบี่ของซูชีไม่ได้ อีกไม่นานก็จะถูกตามทันแล้ว”
นางมีคำพูดหนึ่งลังเลอยู่ชั่วครู่ แต่ก็ไม่ได้พูดออกมา
หากมีแค่นางคนเดียว ผนวกกับยันต์และกระบี่ซ่อน…ต่อให้เป็นซูชีในขอบเขตดาราชะตา ตอนนี้ก็ตามนางไม่ทัน
แต่ไปกันสามคน เกรงว่าคงอันตรายหน่อยๆ
หนิงอี้หันมา เขามองแสงกระบี่สีขาวที่เข้ามาใกล้เรื่อยๆ พลางพูดเสียงเบา “พี่ชายของซูขู่…แห่งตำหนักทะเลสาบกระบี่”
พินิจเหมันต์ใต้เท้าที่ขี่ไปสั่นไหวเบาๆ
ในบ่อเทพแกนกระบี่ เส้นใยความเป็นเทพถูกดึงออกมา
แขนเสื้อใหญ่ชุดคลุมดำสะบัดเหมือนคลื่น
หนิงอี้นำคำสาปห้าอัสนีแผ่นหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ ใส่ความเป็นเทพเข้าไป ยันต์ห้าอัสนีไม่ใช่สีฟ้าอีก แต่จุดแสงสีทองเข้มขึ้นมาช้าๆ แค่ครู่เดียว ทั้งยันต์ก็เผาสีฟ้าออกทั้งหมด กลายเป็นเปลวเพลิงสีทองเข้มลุกโชน
คำสาปห้าอัสนีไม่ใช่กระดาษ แต่กลับบิดเบี้ยวและถูกเผาไหม้
ทะเลทรายกว้างใหญ่ ท้องฟ้ามืดมิด เมฆดำลอยเข้ามา
ซูชีที่ขี่กระบี่อยู่ขมวดคิ้วขึ้น เขาเงยหน้าเห็นเมฆดำข้างบนกดลงมาต่ำมากในไม่กี่ลมหายใจ ความรู้สึกกดดันนั้นทำให้เขาต้องลดความสูงของกระบี่บินลง
ประกายสายฟ้าสว่างวาบ
เด็กหนุ่มชุดดำข้างหน้าเข้ามาใกล้ตนทีละนิด
กระทั่งเขายังเห็นใบหน้าและสีหน้าอีกฝ่ายชัดเจน
หนิงอี้มีใบหน้าเรียบนิ่ง
เด็กหนุ่มเหยียบกระบี่พินิจเหมันต์ มองยันต์คำสาปห้าอัสนีสีทองเข้มที่ลุกโชนกลางฝ่ามือ
เขาสะบัดยันต์เบาๆ
เปลวเพลิงเผาไหม้ ลอยล่องหายไป
ก่อนจะเกิดเสียงฟ้าผ่าดังมาจากบนฟ้า
…………………………