เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า - ตอนที่ 281 ฆ่าหลิ่ว (2)
ตอนที่ 281 ฆ่าหลิ่ว (2)
หลิ่วสือหรี่ตาลง
เขานึกไปถึงภาพที่เห็นในวันที่สวีไหลขึ้นเขา
ตรงตีนเขา ชุดคลุมยาวสีขาวและเทาตามหลังสวีไหลมาซ้ายและขวา ขณะเคลื่อนไหวยังเผยกลิ่นอายพลังที่แปลกมาก มองทีแรกไม่เหมือนผู้บำเพ็ญใต้ฟ้าต้าสุย ในชุดคลุมมี ‘ไอเซียน’ จากนอกทะเลหมุนวนเต็มไปหมด
อยู่สูงส่ง ไม่ปนเปื้อนธุลีดิน
ศิษย์สองคนของสวีไหลอายุไม่มาก แต่พลังบำเพ็ญสูงจนน่าตกใจ
สวีไหลพูดไว้ไม่ผิดเลย ศิษย์สองคนของเขา เกรงว่าคงมีพลังบำเพ็ญสูสีกับเฉาหลันและเยี่ยหงฝูจริงๆ
หลิ่วสือรู้ว่าสักวันสวีไหลต้องกลับมา
หลิ่วสือรับศิษย์ที่ถูกใจมากมาคนหนึ่ง อีกไม่นาน วิถีกระบี่ของศิษย์เขาจะเติบโตอย่างรวดเร็ว ไร้พ่ายในขอบเขตที่เจ็ดแล้วก็จะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นไร้พ่ายในขอบเขตที่แปด ไร้พ่ายในขอบเขตที่เก้า ไร้พ่ายในขอบเขตที่สิบ
หลิ่วสืออีเป็นคนคลั่งกระบี่ที่หาได้ยากในต้าสุย
นี่คือหยกงาม
หลิ่วสือขัดเกลาหลิ่วสืออีช้ามาก และใช้ใจอย่างมาก เขาไม่ให้หลิ่วสืออีกินโอสถทะลวงพลัง และไม่ให้เขาตั้งใจเร่งความเร็วในการฝึกฝน
เขาชี้แนะหลิ่วสืออีว่าต้องเข้าสู่สภาวะตระหนักกระบี่ตลอดเวลา
ทุกสรรพสิ่งคือกระบี่
นี่ก็คือศาสตร์การบำเพ็ญที่สืบทอดกันมาของเจ้าตำหนักทะเลสาบกระบี่รุ่นแรกผู้ครองยอดเหมันต์ท่านนั้น
กดพลังบำเพ็ญฝึกฝน
ตอนนั้นหลิ่วสือนั่งบำเพ็ญใต้ภูเขาน้ำตกสิบปี
ตอนออกมายังสั่งสมพลังไว้มหาศาลรอปะทุ
เขามองศิษย์น้องของตน…
ศิษย์น้องเป็นคนที่ถือดีมาก
และเป็นคนที่มีพรสวรรค์สูงมาก
อาจารย์ของสองคนแนะให้กดพลังบำเพ็ญฝึกฝน หลิ่วสือเลือกเชื่อฟัง สวีไหลเลือกต่อต้าน
ศิษย์น้องเดินบนเส้นทางบำเพ็ญของวิมานเทพ ใช้กำลังวังชาทั้งหมดไปกับการตระหนักวิถีกระบี่ สิ่งที่ต่างกับตนคือกินโอสถฝึกบำเพ็ญ ขอบเขตพลังแสงดาราก้าวหน้าหนึ่งวันพันลี้
สามพันมหามรรค ไม่มีถูกผิด
หลิ่วสือไม่แน่ใจเล็กน้อยว่าเขาจะเอาอะไรมาพูดได้ว่าศิษย์น้องของตนผิด?
ตอนนี้…เขาถูกขังอยู่ที่นี่ ศิษย์น้องยืนอยู่ตรงหน้า
ในดวงตาสวีไหลไม่มีความลำพองใจเลย
ตอนนี้ตนเหมือนผู้ล้มเหลวมากกว่า
……
ในแดนเทวายอดเหมันต์
สวีไหลมองหลิ่วสือ เขาไม่คิดว่าศิษย์พี่ที่ถูกโซ่ทะลวงหัวไหล่จะถูกขังไว้ได้ เรื่องการต่อสู้ภายในตำหนักทะเลสาบกระบี่ไม่เกี่ยวกับเขา เขากลับมาที่นี่…เพียงเพื่อทำตามปณิธานเดิมในตอนนั้น
สวีไหลพูดเสียงเบา “ศิษย์ของเจ้าชื่อหลิ่วสืออี เป็นชื่อที่น่าสนใจมาก”
หลิ่วสือจ้องศิษย์น้องพลางพูดเสียงแหบ “ข้าจะไม่ให้เขากลับมา ตอนนี้สืออีไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเจ้า แต่จากนี้ก็ไม่แน่”
สวีไหลยื่นมือมา ตรงปลายแขนเสื้อห้อยป้ายลายครามเจาะสิบรูนั้นไว้
ป้ายลายครามแกว่งไปมาเบาๆ
เขาเองก็ชำนาญการสื่อสารของตำหนักทะเลสาบกระบี่ การจะหาคนหนึ่งผ่านป้ายลายครามนี้ง่ายยิ่งกว่า
สวีไหลยิ้ม “เจ้าบอกให้หลิ่วสืออีหนีไป แต่ตอนนี้เขากลับเข้าใกล้ตำหนักทะเลสาบกระบี่ขึ้นเรื่อยๆ ใกล้จะออกจากเขตแดนกลางแล้ว ศิษย์อาจารย์รักกันมากจริงๆ”
“ไม่ว่าหลิ่วสืออีจะกลับมาตำหนักทะเลสาบกระบี่หรือไม่…บทสรุปก็จะไม่เปลี่ยนไป ข้าให้ฉาวลู่ออกจากตำหนักทะเลสาบกระบี่ไปแล้ว” สวีไหลเก็บป้ายลายคราม เอามาแนบกับแก้มและพูดช้าๆ “ฉาวลู่จะไปหาหลิ่วสืออี ตัดสินแพ้ชนะกันนอกตำหนักทะเลสาบกระบี่ ศิษย์พี่ ถึงตอนนั้นเจ้าจะรู้…ว่าวิถีกระบี่ของเจ้าสู้ข้าไม่ได้จริงๆ”
สวีไหลออกไปจากที่นี่แล้ว
คล้อยหลังเขาทุกอย่างกลับสู่ความเงียบสงบ
แดนเทวายอดเหมันต์ โซ่ส่งเสียงดังกึก เกิดรอยร้าวขึ้น
โซ่ยักษ์สองเส้นที่ตรงเหมือนงู ตอนนี้พลันเกิดรอยแตก
เพลิงมรรคเผาไหม้ไปตามโซ่บนตัวหลิ่วสือ ลุกไหม้ไม่มอดดับ
รอยแตกไม่ได้ลุกลามต่อไป
พายุหิมะปกคลุม กลบลงมา รอยแตกของโซ่สมานกันอีกครั้ง
แดนเทวาเปิดออกอีกครั้ง
คนที่เข้ามาครั้งนี้ไม่ใช่สวีไหลในชุดดำ
แต่เป็นผู้อาวุโสใหญ่หยวนฝูอินที่เส้นผมขาวทั้งศีรษะ
ผู้อาวุโสใหญ่เดินมาหน้าหลิ่วสือ เขาเงยหน้ามองโซ่ที่สั่นไหวอย่างบ้าคลั่งด้วยแววตาเฉยเมย
“บรรพจารย์รุ่นแรกสร้างแดนเทวายอดเหมันต์ขึ้นมาเป็นแดนผนึก ไม่ว่าจะเป็นราชันดาราที่แข็งแกร่งเพียงใดก็ไม่อาจหนีไปจากที่นี่ได้” ผู้อาวุโสใหญ่พูดเนิบๆ “เจ้าตำหนักหลิ่วยอมแพ้ได้ เก็บแรงไว้ ตอนตายจะได้สบายหน่อย”
คนชราปล่อยยันต์สีขาวสองแผ่นออกมาจากในแขนเสื้อ ก่อนจะถามเสียงเบา “ข้าขอถามอีกครั้ง ยอดเหมันต์อยู่ที่ใด”
หลิ่วสือมีใบหน้าไร้คลื่นอารมณ์
ผู้อาวุโสใหญ่รอเงียบๆ อยู่สิบลมหายใจ
ไม่ตอบ
เขาบีบยันต์สองแผ่นไว้และกดลงเบาๆ เล็งสองข้างหัวไหล่ของหลิ่วสือ ซ้ายและขวา ยันต์สีขาวสองแผ่น ด้านบนเหมือนจะเขียนลวดลายแปลกๆ ไว้ กดลงมาก็เกิดเสียงกระดูกละลายน่ากลัว
หลิ่วสือเงยหน้า หลับตาลง สูดลมหายใจเข้าลึก
ฟันสั่น
ความหนาวเยือกสุดขั้วซึมผ่านเข้าไปในกระดูกหัวไหล่
ผู้อาวุโสใหญ่แปะยันต์สองแผ่นกับชุดคลุมเต๋าสีฟ้า กดเข้าไปในเลือดเนื้อหัวไหล่ของหลิ่วสือ ยันต์สองแผ่นนั้นเหมือนหิมะตกหนักเข้าไปในเลือดตรงตำแหน่งหัวไหล่ เพลิงมรรคของหลิ่วสือดับลง หากไม่จุดเพลิงมรรค ทั้งตัวเขาจะถูกแช่แข็ง
สวีไหลไม่เคยเห็นภาพนี้ และไม่อาจจินตนาการได้
ผู้อาวุโสใหญ่มีสีหน้าปกติ ชินกับการกระทำเช่นนี้แล้ว
เขาจะมาแดนเทวายอดเหมันต์ทุกวัน มาเยี่ยมเจ้าตำหนักหลิ่วสือที่มีโทษคนนี้
เขามาแล้วจะถามแค่คำถามเดียว
สมบัติประจำตำหนักนั้น ยอดเหมันต์อยู่ที่ใด
คำตอบของหลิ่วสือไม่เคยเปลี่ยน
ไม่ตอบ
หลิ่วสือเพียงแค่เงียบง่ายๆ ไม่พูดสักคำ
ยันต์พายุหิมะกดเข้าไปในสองหัวไหล่ เขายังคงแน่นิ่ง ไม่เคยร้องว่าเจ็บสักคำ ทำแค่อย่างเดียว
เงยหน้า ดวงตาว่างเปล่า
เหมือนเหม่อลอย
ความเจ็บปวดทั้งหมดไหลไปรวมที่สองหัวไหล่ แผลตรงหัวไหล่แทบจะปริแตก เลือดยังไม่ไหลออกมาก็ปกคลุมด้วยไอเย็นบางๆ ก่อนจะกลายเป็นเศษน้ำแข็งอย่างรวดเร็ว
ผู้อาวุโสใหญ่กดยันต์สองแผ่นเข้าไปในกระดูก พูดอย่างเย็นชา “ส่งยอดเหมันต์มา จะแลกกับชีวิตของหลิ่วสืออีได้”
หลิ่วสือหรี่ตาลง
“หลิ่วสืออีอยู่ไปจะมีความหมายอะไร”
ผู้อาวุโสใหญ่พูดอย่างเฉยชา “เขาจะทำอะไรได้ ทำอะไรให้ตำหนักทะเลสาบกระบี่ได้บ้าง”
“ศิษย์สองคนของสวีไหล ฉาวลู่กับตู้คัง หยิบใครสักคนมาวางในต้าสุยก็เป็นอัจฉริยะหินตกกระทบฟ้าแล้ว” ระหว่างที่ผู้อาวุโสใหญ่พูดอยู่นั้น เสียงเขาสูงขึ้น ดังขึ้นเรื่อยๆ “สวีไหลกลับมาจากทะเลตะวันตก เขาพิสูจน์วิถีกระบี่ของเขาแล้ว ทิศทางการบำเพ็ญของเขาต่างหากที่เป็นอนาคตของตำหนักทะเลสาบกระบี่!”
“อัจฉริยะใต้ฟ้าต้าสุย เฉาหลันเยี่ยหงฝูอะไรนั่น เก่งขนาดนั้นจริงหรือ มีอะไรที่ตำหนักทะเลสาบกระบี่ข้าเทียบไม่ได้บ้าง เซียนจุติแห่งเขาเชียงซาน มังกรจู๋หลงแดนอุดร เทพีแห่งเขาลั่วเจีย พวกเขาสามคนทิ้งห่างไม่ต้องเอ่ยถึง แต่บุตรศักดิ์สิทธิ์ทุกเขาศักดิ์สิทธิ์ก็อยู่ขอบเขตที่เก้ากันแล้ว…แล้วหลิ่วสืออีพลังบำเพ็ญใด? ไร้พ่ายในขอบเขตที่เจ็ดรึ ขอบเขตที่เจ็ด! ขอบเขตที่เจ็ด! นี่มันช่างน่าขำ ไร้สาระ!”
หยวนฝูอินจ้องหลิ่วสือเขม็ง “เจ้าส่งยอดเหมันต์ให้ข้า ข้าจะพาตำหนักทะเลสาบกระบี่ไปสู่ความรุ่งโรจน์”
หลิ่วสือเพียงแค่มองผู้อาวุโสใหญ่ด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก
เหมือนกำลังดูเรื่องตลก
“สวีไหลยังไร้เดียงสานัก เขาจะให้ศิษย์เขาตัดสินกับหลิ่วสืออี คิดว่านี่คือจุดจบของทุกอย่าง” หยวนฝูอินพูดเสียงเบา “แต่เขาไม่รู้ว่าตำหนักทะเลสาบกระบี่ในตอนนี้ ห้ามไม่ให้หลิ่วสืออีมีชีวิตรอดกลับมาแล้ว”
“ก่อนฉาวลู่ออกไป ข้าได้ส่งคนออกจากแดนประจิมไปแล้ว หลิ่วสืออีจะต้องตายในแดนกลาง”
…………………………