เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า - ตอนที่ 281 ฆ่าหลิ่ว (1)
ตอนที่ 281 ฆ่าหลิ่ว (1)
“หลิ่วสือ ศิษย์พี่ของข้า…ไม่ได้เจอกันนาน”
สวีไหลมีสีหน้าสงสาร มองบุรุษชุดคลุมเต๋าสีฟ้าสภาพสะบักสะบอมตรงหน้าพลางยื่นมือเข้าไป เช็ดคราบเลือดบนหน้าผากให้เขา
หลิ่วสือไม่เงยหน้า
บนตัวเขามีคราบเลือดเป็นรอยด่าง ชุดคลุมเต๋าขาด หัวไหล่ถูกเครื่องจองจำทะลวง ไฟสีขาวลุกไหม้ เพลิงมรรคที่ถูกจุดลุกลามไปในกาย
นี่คือที่คุมขังของตำหนักทะเลสาบกระบี่ มีชื่อว่าแดนเทวายอดเหมันต์ รอบๆ เป็นน้ำแข็งหนาวสุดขั้ว
แดนเทวายอดเหมันต์เป็นแดนผนึกแสงดารา
ทั้งตำหนักทะเลสาบกระบี่มีเพียงที่นี่ที่จะขังยอดผู้บำเพ็ญขอบเขตราชันดาราได้อย่างแท้จริง
เสียงอ่อนแรงดังขึ้นในแดนเทวา
มีความเย้าหยอกสามส่วน
และยังมีการเย้ยเยาะตัวเองเจ็ดส่วน
“สวีไหล…ตอนแรกข้าคิดว่าเจ้าลงเขาไปจะได้อะไรกลับมาเยอะ แต่ไม่นึกเลยว่าเจ้าไม่ใช่แค่ทิ้งเกียรติของผู้บำเพ็ญ แม้แต่ความภูมิใจในตอนนั้นก็ยังทิ้งไป”
หลิ่วสือเงยหน้าขึ้นช้าๆ “ข้ายอมรับการต่อสู้อย่างยุติธรรมได้ แต่ไม่ยอมรับผลในตอนนี้”
สวีไหลขมวดคิ้ว
เขาพูดนิ่งๆ “ข้าไม่เคยทิ้งอะไรไป สวีไหลหลังออกจากตำหนักทะเลสาบกระบี่กับสวีไหลก่อนออกจากตำหนักทะเลสาบกระบี่ไม่ต่างกันเลย เมื่อก่อนไม่มี ตอนนี้ก็ไม่มี จากนี้ก็ไม่มีทางมี”
“เจ้ากับข้าควรสู้กันอย่างยุติธรรมจริงๆ ประชันด้วยเจตจำนงกระบี่…ตัดบุญคุณความแค้นทุกอย่างในตอนนั้น” สวีไหลเช็ดคราบเลือดให้ศิษย์พี่ เสียงเขาดังก้องในแดนเทวายอดเหมันต์นี้ “ผู้อาวุโสใหญ่แห่งตำหนักทะเลสาบกระบี่หยวนฝูอินเหมือนจะแค้นเจ้ามาก ข้ายังนึกไม่ถึงเลยว่าคืนนั้นเขาจะลงมือกับเจ้า”
วันนั้นที่สวีไหลขึ้นภูเขา พวกเขาสองคนประชันกระบี่กัน
ในช่วงที่กำลังใจจดจ่อนั้น พลันมีร่างหนึ่งพุ่งมาข้างหลังหลิ่วสือ
ผู้อาวุโสใหญ่ตำหนักทะเลสาบกระบี่หยวนฝูอินถือกระบี่แทงไหล่ซ้ายหลิ่วสือ ภายใต้การเหนี่ยวนำด้วยพลังทำให้ไปกระตุ้นปราณกระบี่ที่เหลือในร่างกายเจ้าตำหนักทะเลสาบกระบี่ เป็นการจบการต่อสู้ของศิษย์พี่ศิษย์น้อง
หลิ่วสือถูกขังในแดนเทวายอดเหมันต์มาหลายวันแล้ว
เขามองสวีไหลพลางพูดทีละคำ “เจ้ากลับมาที่นี่เพื่อชิงอำนาจรึ”
“ข้าเคยบอกแล้วว่าข้าไม่เคยเปลี่ยนไป ข้ามองอำนาจเป็นเหมือนขยะ”
สวีไหลยิ้ม เขาเอามือลูบโซ่เย็นเยียบ เอานิ้วปัดโซ่ที่ใช้ขังยอดผู้บำเพ็ญโดยเฉพาะในแดนเทวายอดเหมันต์ ปลายนิ้วกับโซ่สัมผัสกันแล้วก็แยกออก พลันเกิดเศษน้ำแข็งเกาะขึ้นก่อนจะแตกร่วงลงพื้นทันที
สวีไหลพูดเสียงเบา “ศิษย์พี่ ข้าอยากจะปลดโซ่ให้เจ้าจริงๆ ที่นี่ ตอนนี้เลย…แล้วก็มาตัดสินแพ้ชนะที่ยังไม่รู้ผลในตอนนั้น”
หลิ่วสือยิ้ม เขาพูดอย่างอ่อนแรง “สู้อย่างยุติธรรม…ที่นี่รึ”
ที่นี่คือแดนผนึกแสงดารา
พลังเลือดลมของหลิ่วสือถูกแดนเทวายอดเหมันต์กดไว้ เพลิงมรรคในกายเขายังลุกไหม้ หากเผาไหม้ไปเช่นนี้ มีโอกาสสูงมากที่จะตายที่นี่
หากปลดโซ่ออก
จะสู้กับสวีไหลที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ได้อย่างไร
บุรุษวัยหนุ่มชุดดำโบกสะบัดผู้นี้ฝึกที่วิมานเทพทะเลตะวันตกมานาน วิมานเทพเก่งเรื่องหลอมโอสถ หลายปีมานี้ ไม่รู้ว่าเขากินโอสถไปเท่าไร ใบหน้ายังเหมือนกับตอนที่ออกจากตำหนักทะเลสาบกระบี่ ยังดูอ่อนวัย เหมือนหนุ่มเพิ่งเติบใหญ่ ในตัวไม่มีกลิ่นอายของกาลเวลาเท่าไร
นี่เป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์มาก
สายลมเย็นพัดผ่าน พัดร่องรอยของวันเวลาและกาลเวลาที่เขาประสบมาหายไป สวีไหลมีอายุไล่เลี่ยกับหลิ่วสือ ในตัวหลิ่วสือแผ่กลิ่นอายที่ผ่านโลกมาอย่างโชกโชน ส่วนอีกฝ่ายเหมือนเด็กหนุ่มที่เพิ่งก้าวสู่ทางโลก
เด็กหนุ่มฮึกเหิมเร่าร้อน
สวีไหลฝึกที่ทะเลตะวันตก ไม่สนใจเรื่องทางโลก กลับมาต้าสุย เขาไม่รู้เลยว่าหลายปีมานี้มีอัจฉริยะนักกระบี่แซ่เดียวกับเขาคนหนึ่ง ชื่อสวีจั้ง
เพราะไม่เข้าใจ และเพราะในตัวเขามีความฮึกเหิมของเด็กหนุ่มสลักลงในกระดูก
ดังนั้นเขาจึงไม่เข้าใจการกระทำของหลิ่วสือ
“หลิ่วสือ ทั้งตำหนักทะเลสาบกระบี่แค้นเจ้ามากเลย”
สวีไหลพูดเสียงเย็นชา “บุรุษที่ชื่อสวีจั้งคนนั้นเป็นยอดผู้บำเพ็ญขอบเขตนิพพานรึ เขามีสิทธิ์อะไรถึงทำให้เจ้าสังหารยอดผู้บำเพ็ญดาราชะตาในตำหนักไปสามคนได้ เจ้าไม่คิดว่านี่เป็นเรื่องน่าอัปยศรึ”
สวีไหลกลับมาจากทะเลตะวันตก ได้ยินผู้อาวุโสใหญ่หยวนฝูอินบอกเรื่องที่เกิดขึ้นในตำหนักทะเลสาบกระบี่ จึงไม่เข้าใจอย่างมาก
หลิ่วสือที่ตนมองเป็นคู่ต่อสู้ทั้งชีวิต เหตุใดถึงยอมรับความอัปยศเช่นนี้ได้
“นี่ไม่ใช่ความอัปยศ”
หลิ่วสือพูดอย่างเฉยชา
“เจ้าไม่เคยเจอสวีจั้ง ไม่เข้าใจหรอกว่าวิถีกระบี่ของเขาแกร่งเพียงใด”
เขานิ่งไปก่อนจะพูดต่อ “คืนโลหิตเมืองหลวง อาจารย์ร่วมปิดล้อมเผยหมิน ข้าออกมาจากใต้น้ำตก ศิษย์พี่หญิงของสวีจั้ง ราชันดาราพันกรเจ้าภูเขาสู่ซานน้อยช่วยข้าไว้หลายครั้ง ส่งจดหมายแนะนำให้คนเฝ้าหุบเขา ข้าถึงได้เข้าหุบเขานิรันดร์ไปตระหนักวิถีกระบี่ ตำหนักทะเลสาบกระบี่ติดค้างเขาสู่ซานทั้งส่วนรวมและส่วนตัว ติดค้างสวีจั้ง”
สวีไหลเงียบไป
“อาจารย์ตายในคืนโลหิตเมืองหลวง” หลิ่วสือมองสวีไหล “เจ้าไม่ได้มาเพื่อชิงอำนาจ เช่นนั้นก็คงมาเพื่อยอดเหมันต์ของตำหนักทะเลสาบกระบี่”
สวีไหลไม่ปฏิเสธ
เขาพูดเสียงแหบ “รอหยวนฝูอินมอบยอดเหมันต์ให้ข้าก่อน ข้าจะปล่อยเจ้าออกจากแดนเทวานี้ ถึงตอนนั้นข้าจะให้โอสถวิมานเทพกับเจ้าเม็ดหนึ่ง แล้วก็มาสู้กันอย่างยุติธรรม ไม่มีเสียใจ”
“ขังข้าไว้ที่นี่ เจ้าคิดว่าพวกเขาจะหาที่อยู่ของยอดเหมันต์พบรึ”
หลิ่วสือหัวเราะเบาๆ “ตอนนั้นเจ้าขโมยชีวิตนิรันดร์ไป ข้าเห็นกับตากลับไม่ขวาง อาจารย์ลงโทษข้าให้ข้าปิดด่านบำเพ็ญใต้น้ำตกสิบปี ห้ามออกมา ข้าหวังแค่ว่าเจ้าจะออกจากทะเลสาบกระบี่ได้อย่างปลอดภัย หลังท่องยุทธภพแล้วจะรู้ความผิดของตัวเองในตอนนั้น ตอนนี้ดูแล้ว ข้าคงมองเจ้าสูงไป”
สวีไหลพูดอย่างเย็นชาด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก
“ตำหนักทะเลสาบกระบี่จะให้ศิษย์กดพลังบำเพ็ญฝึกกระบี่ หนึ่งปีออกจากฝัก สิบปีฝึกฝน สำหรับข้า ระหว่างที่หายใจอยู่ การฝึกบำเพ็ญก็เหมือนกินข้าวดื่มน้ำ ข้าแค่ต้องกินโอสถตระหนักรู้ก็จะฝึกกระบี่ที่เร็วที่สุดในโลกได้ ในใจทุกคนมีหนึ่งกระบี่ นี่ก็คือกระบี่ของข้า หรือว่าแค่เห็นต่างจากอาจารย์ก็ผิดรึ”
หลิ่วสือก้มหน้าลง ส่ายหน้า
“ศิษย์สองคนของข้าฝึกวิถีกระบี่กับข้า ข้าได้ยินว่าใต้ฟ้าต้าสุยมีอัจฉริยะเก่งกาจอยู่หลายคน ศิษย์ของข้า ต่อให้สู้กับเฉาหลันเยี่ยหงฝูก็ไม่ตกเป็นรอง” สวีไหลพูดนิ่งๆ “หลักการวิถีกระบี่ของเจ้ากับข้าต่างกัน ใครถูกใครผิด เถียงกันไปก็ไม่มีประโยชน์…ให้คนรุ่นหลังพิสูจน์เถอะ”
…………………………