เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า - ตอนที่ 272 พวกเม็ดข้าวก็เปล่งแสงได้รึ
ตอนที่ 272 พวกเม็ดข้าวก็เปล่งแสงได้รึ
เมืองอาทิตย์อุทัย
ถ้ำน้ำตก
เป็นเงามืดถึงที่สุด เงาที่ขดบนผนังหินนั้นถูกฉีกออกดัง ‘แควก’
เสียงกระบี่นี้ฟันลงเหมือนฟันบนผ้าฝ้าย เส้นใยฉีกขาด แสงสว่างในกระบี่ลุกลามออกไปดุจเปลวไฟ ชั่วอึดใจเดียวทั้งผนังหินก็เปล่งแสงสว่างขึ้น!
บนหน้าผากราชันชนรุ่นหลังมีไอดำวนเวียนออกมา พุ่งเข้าใส่เผยหมิน
ท่านเผยหมินมีใบหน้าปกติ หลังเขาออกกระบี่นี้ก็ไม่เคลื่อนไหวอีก
ไม่คิดจะออกกระบี่ที่สอง
ระยะสามฉื่อรอบตัวบุรุษวัยกลางคนชุดแดงจุดแสงไฟขึ้น ไอดำนั้นขยายใหญ่ขึ้นตามสายลม ชนหน้าเผยหมินดังโครมเหมือนมหาสมุทรมวลหนัก และพลันถูกเผาเป็นความว่างเปล่า!
เปลวเพลิงไหลหลากดังซู่ๆ ตอนนี้ฟังดูเหมือนสายน้ำไหล
น้ำตกอาทิตย์อุทัยกลับเข้าสู่ความสงบ
ในแววตาท่านเผยหมินมีความตำหนิตัวเอง เขามองบุรุษผอมแห้งที่ถูกโซ่ตรึงแขนขาไว้ตรงหน้าพลางพูดเสียงเบา “อิ้นโหลว ตอนพาเจ้ากลับจวนแม่ทัพ ข้าเห็นว่าเจ้ามีคุณสมบัติวิถีกระบี่ดี เป็นหนึ่งในหมื่น ข้าจึงสอนทักษะกระบี่ที่แกร่งที่สุดในโลกให้กับเจ้า แต่ลืมสอนการเป็นคนให้กับเจ้า…ตอนนี้เจ้าตกต่ำถึงเพียงนี้ เป็นความผิดของข้าเอง”
เมื่อเอ่ยจบ
ราชันชนรุ่นหลังมีสีหน้าอ้อนวอนและเจ็บปวดขึ้นมา
เขาจุกอยู่ในลำคอ น้ำตาไหลนองหน้า “ท่านแม่ทัพ…ฆ่าข้าเถอะ”
นัยน์ตาเผยหมินซับซ้อนเข้าใจยากถึงที่สุด
อิ้นโหลวพูดด้วยใบหน้าอ้อนวอนต่อเพียงประโยคเดียว เขาก็ตัวสั่นขึ้นมา พลันเงยหน้าขึ้น ในดวงตายังคงมืดหม่น กัดฟันแผดเสียงตะโกน “เผยหมิน…เจ้าจะฆ่าศิษย์ของเจ้าได้ลงคอรึ”
เผยหมินส่ายหน้า “ศิษย์ของข้า ทำความผิด เป็นอาจารย์ก็ไม่ควรหนี ควรจะรับไว้ด้วยกัน วิญญาณที่ตายไปในถ้ำน้ำตกนี้ และยังมีชีวิตของกรมผู้คุมกฎที่จ่ายไปเพื่อกำราบเขา ข้าชดใช้ให้ไม่ได้…สิ่งเดียวที่ทำได้คือออกกระบี่นี้”
“กระบี่นี้ ไม่ได้จะฆ่าอิ้นโหลว แต่จะฆ่าเจ้า!”
“อิ้นโหลวทำความผิดไว้มากขนาดนี้ ไม่รู้มีกี่เรื่องที่ถูกเจ้าควบคุม!”
เผยหมินมีใบหน้าไร้ความรู้สึก เอ่ยถึง ‘โทษต้องประหาร’ แล้วก็หยิบพินิจเหมันต์ขึ้นมา ฟันกระบี่ที่สองจากบนลงล่าง
เกิดเสียงดังฉึกกังวานขึ้น หน้าผากของราชันชนรุ่นหลังปรากฏเส้นเลือดสีแดง
เขานิ่งอึ้งไป ปราณกระบี่ลากผ่าน เศษหินกระเด็น ไอสีดำที่กระจายไปทั่วร่างและฝังลึกลงไขกระดูกของราชันชนรุ่นหลังเริ่มสลายหายไป…
หลังจากท่านเผยหมินออกกระบี่ ไอชั่วร้ายตรงหน้าผากอิ้นโหลวก็ถูกกดลงมาอยู่ในพื้นที่เล็กมาก พุ่งไปมาอย่างบ้าคลั่ง ชนกำแพงไม่หยุด แต่ก็หนีไปไม่ได้
เขาเหมือนมารคลั่ง เหวี่ยงสองแขนไปมา ตัวโน้มไปข้างหน้า โซ่รอบตัวปล่อยยันต์สายฟ้าออกมากำราบเขาเรื่อยๆ
สายฟ้ายิงแสงสว่างเข้ามา…
หนิงอี้ประคองเด็กสาว สายตามองภาพแสบตานี้ เขาหน้าซีดขาว ส่วนเด็กสาวยังตกอยู่ในภาพกระบี่ซ่อน ตอนนี้อยู่ในสภาวะถอดจิต
กลางแสงสว่าง เผยหมินมองศิษย์ของตน
และก็มองไอดำที่น้อยลงทีละนิดนั้น
เขาพึมพำกับตัวเอง “เจ้า…เป็นตัวอะไรกันแน่”
คำพูดนี้ไม่มีวันได้คำตอบ
คำพูดของท่านเผยหมินก็เป็นสิ่งที่หนิงอี้อยากรู้เช่นกัน…เขาเจอกับเงานั้นที่หลังเขาสู่ซาน ฆ่าได้ยาก ไม่อาจล่วงรู้เบื้องลึก แต่ไม่ใช่มนุษย์แน่นอน ตอนนี้ดูแล้วก็ไม่ใช่เผ่าปีศาจเช่นกัน
เช่นนั้นมันคืออะไรกันแน่
ความหมายของการกำเนิดขลุ่ยกระดูกเหมือนจะมีไว้เพื่อต่อกรกับ ‘เงา’
ท่านเผยหมินรู้จักผู้ครองกระบี่ แต่ไม่รู้ว่าเงาคืออะไรกันแน่…
เผยหมินเป็นผู้อยู่สูงสุดของทั้งใต้ฟ้าต้าสุย แม้แต่เขายังไม่รู้ที่มาของอีกฝ่าย สิ่งนี้ยืนยันได้ว่าเบื้องหลังของเงาซ่อนความลับยิ่งใหญ่เอาไว้
ไอดำที่ฝังตัวในหน้าผากราชันชนรุ่นหลังถูกปราณกระบี่ของท่านเผยหมินลบล้าง
ทุกอย่างต้องยกความดีให้พินิจเหมันต์
ไม่ใช่พินิจเหมันต์ของคุณชายเจ้าหรุย แต่เป็นพินิจเหมันต์ที่มีแกนกระบี่
ในตันเถียนความเป็นเทพของหนิงอี้ หยดความเป็นเทพที่ลอยอยู่พวกนั้นส่งเสียงร้องดีใจ ไม่สงบนิ่งอีกต่อไป
ไอดำนั้นลุกไหม้อย่างรวดเร็ว สามสี่ลมหายใจต่อมาก็เหลือเพียงเถ้าถ่านสุดท้าย
ราชันชนรุ่นหลังเงยหน้าขึ้นช้าๆ มองหนิงอี้
“ผู้ครองกระบี่คนใหม่ปรากฏตัวแล้ว ดีมาก ดีมากๆ…”
เสียงของเงาเงียบหายไปอย่างรวดเร็วท่ามกลางเปลวเพลิงแผดเผา
บุรุษผอมแห้งที่ถูกเจ้ากรมผู้คุมกฎใหญ่วางค่ายกลผนึกไว้ร้องออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะเข่าอ่อน ตัวล้มลง ยันต์ในโซ่ไม่ลอยออกมาข้างนอกอีก เหลือแค่โซ่ยักษ์สองเส้นตรึงเขาไว้เท่านั้น
อิ้นโหลวกลับมามีน้ำเสียงขมขื่น กลับมาเป็นตัวเอง
เขามองเผยหมิน มองแม่ทัพที่ในอดีตตนเคยอยากจะเป็นให้ได้อย่างเขา มองอาจารย์ที่พาตนกลับจวนและสอนวิชากระบี่ให้
อิ้นโหลวมองไปรอบๆ มองไปด้วยความสับสน บนพื้นกองเต็มไปด้วยกระดูก บ้างเป็นผู้บริสุทธิ์ที่หลงเข้ามาที่นี่ บ้างเป็นสหายตนในอดีต…กระบี่โบราณแตกหัก เศษฝักกระบี่ เถ้าธุลีของศีรษะยังลอยล่องอยู่
พวกนี้เป็นฝีมือของเขา
อิ้นโหลวมองเผยหมิน นัยน์ตาเต็มไปด้วยความสำนึกเสียใจ “ศิษย์รู้สำนึกแล้ว…ข้าจะขอรับผลกรรมทั้งหมดเอง”
บุรุษชุดแดงโยนพินิจเหมันต์กลับไปทางเดิม
หนิงอี้ใช้สองมือรับพินิจเหมันต์ไว้ ตัวซวนเซก่อนจะเหม่อมองเผยหมิน
“เรื่องที่แล้วก็แล้วกันไปเถอะ” เผยหมินมองศิษย์ของตนพลางพูดเสียงแหบ “อิ้นโหลว เจ้าถูกขังอยู่ที่นี่ ชีวิตของเจ้ามาถึงสุดทางแล้ว เป็นพันเป็นหมื่นคำก็พูดไม่หมด…ความจริงเป็นอาจารย์เองที่ผิดต่อเจ้า หากถอนสิ่งนั้นออกไปโดยเร็ว ก็คงไม่เป็นเช่นนี้”
ราชันชนรุ่นหลังหัวเราะเบาๆ ในดวงตาเต็มไปด้วยการเย้ยเยาะตัวเอง
“วิญญาณจะสลายไปแล้ว เจ้าหลับอย่างสงบที่นี่เถอะ ให้ทุกอย่างสิ้นสุดลง”
เผยหมินถอนหายใจ
อิ้นโหลวพลันเงยหน้าขึ้นมองหนิงอี้พลางพูดเสียงเบา “คนนี้คือผู้สืบทอดของสวีจั้งรึ”
เขาอยู่ในสภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่น ความทรงจำก่อนถอนไอชั่วร้ายยังคงวนเวียนในความคิด ไม่เคยลืม
หนิงอี้เก็บพินิจเหมันต์แล้วพยักหน้า
“ท่านแม่ทัพ…อิ้นโหลวเกิดและเติบโตที่จวนแม่ทัพ คิดว่าข้าเป็นผู้รับช่วงต่อจากท่านได้” บุรุษผอมแห้งพูดด้วยความขมขื่น “การมาของสวีจั้งเปลี่ยนทุกอย่าง ท่านไม่วางข้าอิ้นโหลวไว้ติดปากอีก ชมแต่สวีจั้ง หลังเขาก้าวสู่เส้นทางบำเพ็ญ ทุกอย่างก็ราบรื่นไปเสียหมด สักวันเขาจะเหนือกว่าข้า”
“อิ้นโหลวยอมรับว่าเคยอิจฉา ท่านให้เขาไปเยอะมาก…ตอนนี้ดูแล้ว อิ้นโหลวไม่คู่ควรจะให้ท่านต้องมาเสียแรงชี้แนะขนาดนี้จริงๆ” เสียงเขามีความเศร้าหน่อยๆ “สวีจั้งตายแล้ว เดิมทีข้าควรดีใจ แต่ตอนนี้กลับไม่เลย”
ราชันชนรุ่นหลังมองหนิงอี้พร้อมกับพูดงึมงำ “ก่อนตาย หนึ่งปราณกระบี่นี้ ถือเป็นการขอโทษจากข้า”
หนิงอี้มองบุรุษผอมแห้งใต้โซ่
ราชันชนรุ่นหลังพูดเสียงเบา “หลังฝึกวิชาทาสกระบี่ ข้าก็เข้าสู่วิถีมาร หลายปีมานี้ฝึกวิชาสามลัทธิเก้าสายมาตลอด หากวันใดได้หลุดไปจากที่นี่ ข้าจะต้องเป็นมารที่มีชื่อเสียงในต้าสุยอย่างแน่นอน”
เขามองไปที่กระบี่ตารางหนานั้นข้างหลังเด็กสาว
“มีไอชั่วร้าย มีฝีมือเหนือชั้น เชือกพันด้ามกระบี่ หนิงอี้ กระบี่ตารางหนานี้…ถูกคนทำเป็นเครื่องมือ เกรงว่าคงมีผู้บำเพ็ญภูตผีแดนบูรพากำลังตามพวกเจ้าสองคนอยู่ใช่หรือไม่”
เมื่อสิ้นคำพูดนี้
หนิงอี้ใจสั่นไหว
กระบี่ตารางหนานี้สวีชิงเยี่ยนไหว้วานให้คนหามาจากภูเขาแดง หลังรับกระบี่ เขากับเด็กสาวตรวจตัวกระบี่แล้ว ไม่มีเสียหายและไม่ถูกดัดแปลงอะไร
แต่เขาก็นึกถึงจดหมายแปลกนั่น จดหมายเคยหลบสัมผัสของตนได้
ตอนนั้นตนรู้สึกแปลกๆ แต่พลังบำเพ็ญไม่พอเลยยากจะหาต้นตอพบ
“เจ้าเคยสู้กับหานเยวียรึ” ราชันชนรุ่นหลังหรี่ตาลงมองหนิงอี้ ดวงจิตของเขาวนเวียนอยู่ในเชือกกระบี่ตารางหนา ครู่ต่อมาไอชั่วร้ายที่ซ่อนอยู่ลึกยิ่งก็ถูกถอนรากถอนโคนออกมา!
ใช่จริงๆ!
หนิงอี้เคยสู้ระยะประชิดกับร่างแยกขอบเขตที่สิบของหานเยวียบนที่ราบสูงภูเขาแดง ตอนนั้นใช้คุมกระบี่ดรรชนีสังหาร กระบี่ตารางหนาถึงตกลงบนที่ราบสูงภูเขาแดง
หนิงอี้ยื่นมือออกไปชักกระบี่ตารางหนา ดวงตาเย็นชา เขาจ้อง ‘ใต้ฟ้าต้าสุย ปราณกระบี่ท่องหล้า’ ไม่นึกเลยว่าแดนบูรพาจะมีกลอุบายเช่นนี้อยู่
จะโทษก็ต้องโทษตัวเองที่ประมาทเกินไป
เรื่องนี้น่าจะไม่เกี่ยวกับสวีชิงเยี่ยนในวัง แม่นางสวีแค่ไหว้วานคนให้ตามหา ดังนั้นจึงถูกคนแดนบูรพาจงใจใส่เข้ามา
“นี่เป็นวิชาซ่อนมาร ผู้บำเพ็ญภูตผีใช้ปิดกลิ่นอายมารของตนโดยเฉพาะ ไม่สูงส่งเท่าไร แต่ก็เป็นวิชานอกรีตที่สุด หากไม่เคยเจอจะไม่รู้เลย” ราชันชนรุ่นหลังพูดอย่างเฉยชา “ทั้งกระบี่ล้วนมีวิชาซ่อนมาร จะทำให้คนมองข้ามกระบี่นี้ไปได้ หากในห่อผ้าของคนส่งกระบี่ซ่อนยันต์สังหารที่มีอานุภาพบางอย่างไว้ เกรงว่าเจ้าคงติดกับแน่”
คำพูดของราชันชนรุ่นหลังเตือนหนิงอี้…พอนึกถึงเรื่องนี้ก็กลัวขึ้นมาเล็กน้อย
“ใต้ฟ้าต้าสุย ปราณกระบี่ท่องหล้า”
ราชันชนรุ่นหลังเพ่งมองกระบี่ตารางหนานี้ด้วยแววตาซับซ้อน ก่อนจะหัวเราะเสียงเบา “อาจารย์ เป็นกระบี่ของท่านนี่…ไม่ตระหนักรู้ ม้าขาวข้ามทุ่ง”
เขาจำตอนที่อาจารย์รับกระบี่นี้มาได้
ในจวนแม่ทัพตอนนั้น ราชันหุบเหวลึกกับราชันพันสุรายังอยู่ ตนนั่งบนตอไม้ สวีจั้งในวัยเยาว์กำลังฝึกกระบี่สะเปะสะปะ เด็กหญิงเผยหลิงซู่ถักเปีย ถือขนมถังหูลู่วิ่งไปมาในลานบ้าน
เวลาในตอนนั้นเงียบสงบแต่ก็น่าอึดอัด
ตอนนี้…
ไม่มีจวนแม่ทัพแล้ว
เขาเดินบนเส้นทางที่ไม่มีวันหวนกลับ
ตอนนี้มานึกดูแล้ว หากทุกอย่างเป็นชะตาฟ้าลิขิตจริงๆ เช่นนั้นบทสรุปของเขาก็เหมือนจะไม่ได้แย่มาก
อิ้นโหลวพูดพึมพำ “อาจารย์ ข้าขอโทษ”
เสียงถอนหายใจยาวดังขึ้น
ดวงจิตของเผยหมินเริ่มหายไป
หลังจากบุรุษชุดแดงนั้นออกกระบี่ ร่างกายก็ลอยล่องอย่างไร้การควบคุม
ราชันชนรุ่นหลังสูดลมหายใจเบา ปากพึมพำกับตัวเอง “ให้ข้าดูหน่อยว่าเป็นเทพเซียนที่ใดกัน”
เมื่อเอ่ยจบ ดวงตาเขาก็เฉียบคมขึ้นมา
อิ้นโหลวจ้องไอชั่วร้ายสีดำในเชือกพันด้ามกระบี่ ไอดำนั้นตามไปหารากกำเนิด หา ‘เจ้าของ’ พบในทันที
บุรุษผอมแห้งที่ถูกขังตายอยู่ในถ้ำน้ำตกยื่นมือออกไปข้างหนึ่ง บีบไอดำลอยล่องนั้นเบาๆ ก่อนจะยิ้มเย้ยเยาะ “พวกเม็ดข้าวก็เปล่งแสงได้รึ”
……………………..