เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า - ตอนที่ 271-2 ผ่าเปิดแสงสว่าง (2
ตอนที่ 271 ผ่าเปิดแสงสว่าง (2)
ทะเลสาบจิตของหนิงอี้ก็ไม่สงบนิ่งเช่นกัน
ผู้อาวุโสเคียงกระบี่รอมานานแล้ว ในที่สุดก็ได้เห็นฉากนี้ เขาพูดปลงเสียงเบา “จิตใจคนจะดีจะชั่วอยู่แค่หนึ่งความคิด คาดไม่ถึงล่ะสิ พวกเจ้าอยากช่วยเขาให้พ้นทุกข์ แต่เขากลับคิดจะกินพวกเจ้า”
หนิงอี้พูดนิ่งๆ “ผิดเป็นครู ครั้งหน้าไม่มีอีกแล้ว”
เคียงกระบี่ยิ้ม “โอกาสครั้งหน้าไม่มีให้เยอะหรอกนะ แค่ตอนนี้พวกเจ้าสองคนก็จะตายกันอยู่แล้ว”
เสียงนี้ดังขึ้นในทะเลสาบจิต
พลันปรากฏปราณกระบี่ขึ้นโดยรอบ
ความแกร่งของปราณกระบี่นี้เป็นการกดดันจากขอบเขตพลัง กดดันเข้ามาอย่างไร้เหตุผล ทำให้เจตจำนงกระบี่ในตัวกระบี่พินิจเหมันต์ไหลไปไม่ราบรื่น
เป็นการกดขี่คนละระดับกันเลย
ปราณกระบี่หมุนม้วนขึ้นเหมือนพายุหมุน หินภูเขาสั่นสะเทือน
สองคนอยู่ตรงกลางสุดของพายุ
ราชันชนรุ่นหลังที่ถูกขังในถ้ำถามด้วยรอยยิ้ม “ก่อนพวกเจ้าตาย ยังมีกลอุบายใดอีกหรือไม่”
ตรงกลางปราณกระบี่ พลังแทบจะแข็งตัว
หายใจได้ยาก
หนิงอี้จับพินิจเหมันต์ สีหน้ามืดทะมึน เตรียมจะออกกระบี่ด้วยกำลังทั้งหมด
แต่มือเล็กของเด็กสาวดึงแขนเสื้อเขาเบาๆ
หนิงอี้นิ่งอึ้งไป
เขาเห็นเผยฝานส่ายหน้าให้
เหมือนตอนนั้นที่เทือกเขาประจิม หนิงอี้เข้าใจความหมายในแววตานั้นดี
หนิงอี้ปล่อยมือที่จับกระบี่
เผยฝานเอามือกดตราพุทราแดงใหญ่ตรงระหว่างคิ้วเบาๆ
ปรากฏปราณกระบี่แรกขึ้นในระยะสามฉื่อของทั้งสองคน จากนั้นเป็นปราณกระบี่สายที่สองและสาม ปราณกระบี่พวกนี้ไม่มีที่มา พุ่งมาจากระหว่างคิ้วเด็กสาวก็ลอยอยู่ในระยะสามฉื่อ เหมือนแม่น้ำที่ถูกดึงออกมา ไหลมารวมกันและพลันใหญ่ขึ้น แม่น้ำใหญ่คลื่นซัดโหม เดือดพล่าน
ตอนนี้ยังคงสั่งสมพลัง
ราชันชนรุ่นหลังผู้ซึ่งมารเข้าแทรกที่ถูกโซ่ตรึงไว้มีสีหน้าแปลกไป
เขาขมวดคิ้ว ก่อนใช้จิตกระตุ้น กระบี่โบราณเล่มหนึ่งพุ่งออกไปที่ระหว่างคิ้วเผยฝาน
เด็กสาวหลับตาลง สีแดงตรงระหว่างคิ้วขยายออก
ในปราณกระบี่สามฉื่อ กระบี่โบราณที่พุ่งเข้ามานั้น ปลายกระบี่ชนกับปราการปราณกระบี่ก่อนจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ทั้งตัวกระบี่สลายเป็นความว่างเปล่า
ไม่ใช่แค่กระบี่ แม้แต่เจตจำนงกระบี่ของราชันชนรุ่นหลังในฝักกระบี่ยังกลายเป็นน้ำแข็งที่ละลายไปอย่างรวดเร็วในทันทีที่ชนกัน
“นี่มันอะไร”
ราชันชนรุ่นหลังที่มารเข้าแทรกดวงตาเปลี่ยนไปทันที
เผยหลิงซู่เป็นเพียงผู้บำเพ็ญขอบเขตหลัง เหตุใดถึงต้านปราณกระบี่ขอบเขตราชันดาราของตนได้!
เพราะเหตุใดกัน!
บุรุษผอมแห้งหน้ามืดลง ก่อนจะกดฝ่ามือลงอย่างไม่ลังเล
กระบี่พลันร่ายรำอย่างบ้าคลั่ง!
กระบี่ส่งเสียงระเบิดดังเปาะแปะ กระจายเหนือศีรษะหนิงอี้กับเผยฝาน ทันทีที่กระบี่แตกก็เหมือนงานศิลปะเก่าแก่ได้รับการหลุดพ้นครั้งสุดท้าย…ฝุ่นหวนคืนสู่ฝุ่น ธุลีหวนคืนสู่ธุลี หมอกควันลอยกลับเข้าไปในอ้อมกอดของถ้ำอย่างอ่อนโยน ส่วนจิตสังหารราชันดาราที่ซ่อนไว้ในนั้น พังทลายลงทั้งหมดในตอนที่ชนกับปราการกระบี่ซ่อนแล้ว ตรงจุดนั้นไม่มีเลือด แต่เป็นหมอกสีแดงกระจาย
เด็กสาวหลับตาลง ในความคิดนางว่างเปล่า แต่ไม่รู้สึกหนาวเหน็บ ยังคงอบอุ่น สี่ฤดูเหมือนใบไม้ผลิ
ตรงหน้าเหมือนมีเงาสีแดงอยู่ร่างหนึ่ง
ในทะเลสาบจิตของนางปรากฏภาพขึ้นทีละภาพ เงาสีแดงนั้นให้ความอบอุ่นกับนางเหมือนตราพุทราแดงตรงระหว่างคิ้วทุกประการ
นางเหมือนเห็นใบหน้าบุรุษคนนั้นยิ้มให้ตน หยอกล้อตน
เสียงอ่อนหวานตอนตนยังเด็กดังเข้ามา
“พ่อ”
กระบี่แตกหัก ฝักโบราณสลายเป็นธุลี จิตสังหารกระเพื่อม หมอกแดงกระจาย
หนิงอี้เหม่อมองภาพตรงหน้า เขาไม่คาดคิดเลยว่าตนจะได้เห็นภาพนี้ในถ้ำ
บุรุษวัยกลางคนสวมอาภรณ์เก่าแก่รวมร่างขึ้นกลางหมอกแดง
มองเห็นใบหน้าไม่ชัด
และไม่อาจรู้กลิ่นอายพลังในตัว
ทันทีที่บุรุษชุดแดงปรากฏ ทั้งถ้ำสั่นสะเทือน แผ่นดินสั่นไหว
ราชันชนรุ่นหลังหน้าซีดขาว ไม่อยากจะเชื่อ
เขาร้องตกใจเสียงแหลมเล็ก “เผยหมิน! ท่านยังไม่ตาย เป็นไปได้อย่างไร!”
เผยหมิน!
เผยหมิน!
เกิดคลื่นลูกใหญ่ขึ้นในทะเลสาบจิตของหนิงอี้
เสียงเคียงกระบี่ดังขึ้นอย่างเฉยชา “ไม่ใช่ร่างจริง คนตายดุจตะเกียงดับ เป็นเพียงดวงจิตปกป้องลูกสาวเท่านั้น ใช้ครั้งหนึ่งก็หายไปครั้งหนึ่ง”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หนิงอี้ถึงค่อยๆ มีสีหน้ากลับมาเป็นปกติ
เขามองเด็กสาวข้างกาย นางหลับตา น้ำตาไหลลงมา มือข้างหนึ่งกดระหว่างคิ้ว แสงสีแดงขยับไปมา ไม่รู้ว่าเห็นอะไร
เสียงของราชันชนรุ่นหลังเพิ่งดังขึ้น กระบี่บินเต็มฟ้าก็เสียการควบคุม ระเบิดออกทันที
ร่างของท่านเผยหมินเหมือนตัวอ่อน มองเห็นไม่ชัดเจน ลอยอยู่ตรงหน้าทั้งสองคน
เขาเป็นเพียงดวงจิต ผูกติดกับบุตรสาว ปล่อยวางไม่ลง ดังนั้นจึงไม่เคยหายไป
ท่านเผยหมินฝากกระบี่ซ่อนไว้ เพื่อปกป้องบุตรสาวให้ปลอดภัยทั้งชีวิต
เขาจึงฝากเจตจำนงกระบี่ของตนไว้ในนั้น
ตอนนี้เผยตัวออกมา
บุรุษชุดแดงมองร่างผอมแห้งที่ถูกล่ามในถ้ำ นัยน์ตาฉายประกายผิดหวังเล็กๆ
“อิ้นโหลว”
เผยหมินเรียกนามจริงของราชันชนรุ่นหลัง เสียงเขาฟังดูไม่น่าเกรงขาม แต่เหมือนกำลังสอนนักเรียนมากกว่า
เขาพูดสี่คำด้วยความเสียดายมาก
“เจ้ามารเข้าแทรก”
อิ้นโหลว เจ้ามารเข้าแทรกแล้ว
คำพูดนี้เข้าสู่หัวใจ แต่ดูน่าขำเล็กน้อย
บุรุษผอมแห้งหัวเราะออกมา หน้าผากเขาเกิดหมอกดำลอยขึ้น เมื่อเห็นบุรุษชุดแดงปรากฏตัวกลับไม่มีสีหน้าตึงเครียด ในทางตรงข้ามกลับปล่อยวางลงสามส่วน
ราชันชนรุ่นหลังจ้องแม่ทัพที่ตนเคารพมากที่สุด สามสี่ลมหายใจต่อมาก็พบว่าเป็นเพียงเงา
ดังนั้นราชันชนรุ่นหลังที่ทั้งใบหน้าถูกไอดำกัดกินจึงเย้ยเยาะทีละคำ “หากข้าไม่มารเข้าแทรกก็คงตายไปนานแล้ว แม่ทัพใหญ่ ข้าไม่อยากตาย ท่านช่วยข้าได้หรือไม่”
“หลังคืนโลหิตเมืองหลวง จวนแม่ทัพใหญ่แดนอุดรถูกกวาดล้าง ข้าอิ้นโหลวทำผิดอะไรถึงต้องถูกขังอยู่ในถ้ำอาทิตย์อุทัยนี่ ไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันตลอดชีวิต พวกพี่น้องข้าทำผิดอะไร” เสียงของราชันชนรุ่นหลังทุกคำพุ่งตรงถึงหัวใจ เขาจ้องคนชุดแดงนั้นพลางพูดเนิบนาบ “ข้ามีทางเลือกรึ”
ไอดำลุกลามไปบนตัวราชันอิ้นโหลว หลายปีมานี้ เลือดเนื้อที่เขากินไปกลายเป็นพลังต้นกำเนิดทำให้เขามีชีวิตรอด ต่อลมหายใจ ถ้าจะบอกว่าถูกขังอยู่ในน้ำตก สู้บอกว่าซ่อนอยู่ในน้ำตกนี่เสียดีกว่า
ทุกคำพูดเข้าสู่ในใจเผยหมิน
สีหน้าบุรุษชุดแดงไม่สั่นคลอนแม้แต่นิด
เขาพูดเสียงเบา “ถ้าข้ายังมีชีวิต เจ้าคงไม่ถูกขังอยู่ใต้น้ำตกอาทิตย์อุทัยนี้”
ราชันชนรุ่นหลังหรี่ตาลง
เผยหมินพูดช้าๆ “ข้าจะขังเจ้าไว้ใต้ดินจวนแม่ทัพแดนอุดร ให้เจ้าไม่ได้กินวิญญาณสักดวง”
เมื่อเอ่ยจบ บุรุษชุดแดงก็เดินหนึ่งก้าวมาอยู่ตรงหน้าราชันชนรุ่นหลัง
ไอชั่วร้ายไหลมาจากหน้าผากราชันชนรุ่นหลัง ทันทีที่เผยหมินยกฝ่ามือก็แตกสลายไปทั้งหมด
ฝ่ามือตบตรงหน้าผากราชันชนรุ่นหลัง
ไอชั่วร้ายสีดำหมุนม้วนดุจทะเลหมอก
เสียงร้องโหยหวนดังขึ้น เห็นได้ว่าเขาเจ็บปวดเพียงใด
ตอนนั้นในเมืองรากษส เผยหมินปาร่มออกไปเป็นการลงทัณฑ์ ทำลายร่างที่หานเยวียรักมากที่สุด
ฝ่ามือในตอนนี้มีแต่หนักไม่มีเบา
เผยหมินใช้ฝ่ามือกดหน้าผากราชันชนรุ่นหลังก่อนพูดอย่างเฉยเมย “อิ้นโหลว เจ้ามารเข้าแทรกไม่ใช่วันสองวัน จวนแม่ทัพใหญ่แดนอุดรถูกปิด เกี่ยวอะไรกับที่เจ้าถูกขังในอาทิตย์อุทัย เจ้าจะเอาเรื่องนี้มาปิดบังความจริง จะให้ข้ารู้สึกละอายใจรึ”
ราชันชนรุ่นหลังอึกอักในลำคอไม่หยุด พูดไม่ออกสักคำ
“เจ้ากรมผู้คุมกฎใหญ่ม่อโส่วจับตามองเจ้ามานานมากแล้ว ด้วยชื่อเสียงของข้า พวกเขาจึงยังไม่กล้าลงมือ” เผยหมินเผยแววตาเย็นชา “เดิมทีข้าคิดว่าจะค่อยๆ เปลี่ยนเจ้า…ตอนนี้ดูแล้วเป็นไปไม่ได้เลย หากให้โอกาสอีกครั้ง ข้าจะไม่ให้เจ้าพ้นไปจากสายตาข้าเด็ดขาด จะได้ไม่สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น”
เกิดเสียงดังแควกเหมือนวิญญาณและกายเนื้อแยกจากกัน ต้องทนเจ็บปวดรุนแรงจนรับไม่ไหว ก่อนจะหลุดออกมาทั้งๆ อย่างนั้น
วิญญาณที่หลุดออกจากทวารกลายเป็นเงาวนเวียน ประทับลงบนผนังหิน
ใบหน้าของราชันชนรุ่นหลังครึ่งหนึ่งมืดมิด อีกครึ่งเป็นแสงสว่าง
หนิงอี้ใจสั่นสะท้าน
เขาจ้องราชันชนรุ่นหลัง ขลุ่ยกระดูกครึ่งหนึ่งกลางบ่อเทพส่งเสียงแหลมเล็กใจกลางทะเลสาบจิต
ภูเขาทะเลส่งเสียงร้อง!
ม่านฟ้าฉีกขาด!
น้ำทะเลไหลย้อนกลับ!
ต้นไม้ยักษ์แห้งเหือด!
ภาพแต่ละภาพเหมือนเศษชิ้นส่วนยัดเข้าไปในความคิด หนิงอี้คุกเข่าข้างหนึ่งกับพื้น มือหนึ่งกุมหน้าผาก เงยหน้าขึ้นอย่างเหนื่อยล้า จ้องเงานั้นที่ออกมาจากกำแพงหิน
นี่เป็นความรู้สึกที่คุ้นเคยมาก…
หลังภูเขาสู่ซาน
นั่นไม่ใช่ ‘คน’ เลย
ความเป็นเทพในบ่อเทพไหลมารวมกันเอง เกิดคลื่นลูกใหญ่ขึ้นและไหลเข้าไปในแกนกระบี่
ท่านเผยหมินจ้องบุรุษผอมแห้งพลางพูดเสียงเย็นชา “อย่างที่คิดจริงๆ…เจ้าไม่ใช่ราชันชนรุ่นหลัง”
…..
เงานั้นส่งเสียงหัวเราะน่ากลัวบนผนังหิน
“เผยหมิน…ต้องยอมรับว่าเจ้าเก่งมาก เก่งมากจริงๆ”
เงาบิดเบี้ยวนั้นอยู่ในแสงไฟของผนังหิน กินแสงสว่างและยิ่งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ครู่เดียวมันก็ขดตัวบนผนังหินทั้งถ้ำ พูดอย่างเฉยชา “แต่เจ้าตายไปแล้ว เป็นแค่เสี้ยววิญญาณจะฆ่าข้าอย่างไร”
บุรุษวัยกลางคนชุดแดงสูดลมหายใจเข้าลึก
“ข้าไม่ได้เจอเจ้าเป็นครั้งแรก…หรือต้องพูดว่า พวกเจ้า” เผยหมินหรี่ตาลง ขมวดคิ้วพูด “ไม่ใช่แค่ใต้ฟ้าต้าสุย ใต้ฟ้าเผ่าปีศาจก็มีเงาของพวกเจ้า เดิมทีข้าคิดว่านี่เป็นวิชาเฉพาะบางอย่างของเผ่าปีศาจ แต่ตอนนี้ดูแล้วไม่ใช่แบบนั้น หากร่างจริงข้ายังอยู่ ปราณกระบี่เดียวก็ฆ่าเจ้าได้”
เงานั้นหัวเราะอย่างไม่เกรงกลัว “ตอนนี้ไม่ใช่แบบนั้นแล้วล่ะสิ”
เผยหมินยืนใต้เงา
เขาเงยหน้าขึ้น ตรงหน้าเป็นสีดำไร้ขอบเขต หากเงามืดนี้ลุกลามออกไปเรื่อยๆ สักวันจะกลืนกินแสงสว่างทั้งหมดได้
สิ่งที่เจ้ากรมผู้คุมกฎใหญ่ม่อโส่วจับตามองไม่ใช่ราชันชนรุ่นหลัง แต่เป็นสิ่งนี้
ยันต์บนโซ่ส่งเสียงสายฟ้าดังเปรี๊ยะๆ ทั้งโซ่ขังเงานี้ไว้ แต่น่าเสียดายต่อให้เป็นเจ้ากรมผู้คุมกฎใหญ่เมืองหลวงก็ยังไม่มีกำลังสังหาร ‘มัน’
ได้แต่ขังไว้ที่นี่
เงานั่นยึดครองทั้งผนังหินแล้วก็ยังไม่พอใจ แยกเงาออกมาเหมือนน้ำหมึกเข้ม รวมเป็นกระบี่เล็กสีดำยาว สามสี่ลมหายใจก็รวมเป็นกระบี่เจ็ดแปดเล่ม
ปลายกระบี่เล็งคนสามคน
เผยหมินสูดลมหายใจเข้าเบาๆ
เขาพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “เจ้าหนุ่ม ข้าขอยืมหนึ่งกระบี่”
เขาอยากยืมกระบี่
กระบี่ที่สังหารเงานี้ได้
และที่นี่ตอนนี้มีเด็กหนุ่มเพียงคนเดียว
และมีกระบี่ออกจากฝักเดียวเท่านั้น
หนิงอี้ที่คุกเข่ากับพื้นได้ยินดังนั้นก็เงยหน้าขึ้นทีละนิด
เส้นผมเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อ อาภรณ์หน้าหลังเปียกโซก เสียงเรียกของขลุ่ยกระดูกดังขึ้นในบ่อเทพไม่หยุด
แต่พวกนี้ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้หนิงอี้สนใจ
สิ่งที่ทำให้หนิงอี้ตกใจอย่างแท้จริงก็คือคำพูดต่อไปของเผยหมิน
เขาพูดช้าๆ “ข้าขอยืม กระบี่ของผู้ครองกระบี่”
พินิจเหมันต์ตรงเอวหนิงอี้ พูดให้ถูกคือแกนกระบี่นั้นในพินิจเหมันต์ หลังได้ยินคำพูดนี้ ความตกใจก็ทวีคูณรุนแรงยิ่งขึ้น
เผยหมินยื่นมือไปข้างหนึ่ง
ทำท่าทางคว้ากระบี่
หนิงอี้ส่งกระบี่นั้นออกไป
ดังนั้นพริบตาต่อมา พินิจเหมันต์จึงปรากฏในมืออาจารย์วิถีกระบี่ของสวีจั้ง
ท่านเผยหมิน ปราชญ์กระบี่จริงแท้ในใต้ฟ้าต้าสุย
หนึ่งในนักกระบี่ที่แกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์
หนิงอี้เห็นไม่ชัดว่าเผยหมินออกกระบี่อย่างไร
กระบี่บินที่ลอยอยู่ในเงามืดพุ่งเข้ามาเหมือนกับธนูหนักสามร้อยเล่มปล่อยออกพร้อมกัน
เกิดประกายไฟรุนแรงขึ้นในอากาศ
ลากเป็นเส้นโค้งน่าตื่นตกใจที่สุด
แสงกระบี่ขาวของพินิจเหมันต์ฟันเอียงลงไป ฟันเป็นครึ่งวงกลมอย่างง่ายดาย!
เสียงพังทลายดังโครมครามขึ้นพร้อมกัน
ไม่ใช่แค่กระบี่บินที่พุ่งเข้ามา แม้แต่เงาของทั้งผนังหินรวมถึงทั้งผนังหินยังสั่นสะเทือน
หนิงอี้หน้าซีดขาว เขาเหม่อมองภาพนี้
เดิมทีโลกเป็นสีดำ
กระบี่นี้ของท่านเผยหมินฟันผ่าเปิดแสงสว่างสายหนึ่ง
……………………..