เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า - ตอนที่ 263 รัชทายาทไป๋เจียว
ตอนที่ 263 รัชทายาทไป๋เจียว
“องค์รัชทายาท…”
อวี้ฮวนใช้สองมือประคองที่จับรถเข็น เข็นเข้ามาช้าๆ
บุรุษไว้มวยผมวางโคมไฟในมือหงลู่หญิงข้างกาย ก่อนเดินเข้าไปเบาๆ ประคองคนชราที่จะคุกเข่าลง จับสองแขนไว้ ดวงตาแน่วแน่ พูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ท่านอวี้ลำบากแล้ว ข้าจะไม่ปล่อยคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องในวันนี้ไปเด็ดขาด!”
อวี้ฮวนเอามือข้างหนึ่งปิดปาก เลือดไหลมาตามซอกนิ้วมือ หลังจากศึกนี้ กายและใจเขาเหนื่อยล้า เดาว่าพลังปราณเดิมคงลดลงไปไม่น้อย ตอนนี้ขาสองข้างคนชราแห้งเหมือนกับฟืน สั่นไหวไม่หยุด ผ้าพันแผลสีขาวที่รัดน่องขาอาบไปด้วยสีแดง อนาถจนทนดูไม่ได้
อวี้ฮวนกลับไปนั่งบนรถเข็น ตัวเบาขึ้นสามส่วน
เมื่อเห็นสีหน้าซีดเซียวของคนชราแล้ว แววตาองค์รัชทายาทก็ดุดันขึ้นมาสามส่วน เขาปรายตามองผังซานที่ฝังเข้าไปในกำแพงหิน ก่อนสูดลมหายใจเข้าช้าๆ หลับตาลง ตอนที่ลืมตาขึ้นอีกครั้ง โทสะในแววตาก็ถูกกลบไว้อย่างดี
ความจริงองค์รัชทายาทตัวสูงมาก และเพราะสวมชุดคลุมยาว โคมไฟในมือแกว่งไปมาไม่หยุด รูปร่างเขาจึงดูผอมไปเล็กน้อย เหมือนมีแต่กระดูก อ่อนแอไม่สู้ลม
อวี้ฮวนเป็นขุนนางที่มีคุณความดีกับต้าสุย อยากจะเกษียณตั้งนานแล้ว หากไม่ใช่เพราะคำสั่งของเขา คนชราคงไม่นั่งตำแหน่งเจ้ากรมผู้คุมกฎน้อยแน่นอน นั่งทีก็สิบกว่าปี เมฆลมในเมืองหลวงตอนนี้เปลี่ยนไป มีแต่คนอยากได้ตำแหน่งเจ้ากรมน้อย เขานั่งตำแหน่งนี้ด้วยอายุนี้ ความจริงไม่เหมาะสมเท่าไร
องค์รัชทายาทพูดเสียงเบา “นับจากนี้ไป ท่านอวี้พักอยู่ในหอบัวข้าเถอะ ทำในสิ่งที่อยากทำเมื่อก่อน แต่ก็ทำไม่ได้เถอะ”
อวี้ฮวนส่ายหน้า “องค์ชาย ข้าไม่กลัว อีกอย่าง…”
“ไม่ได้ก็ไม่ได้” องค์รัชทายาทมีสีหน้าจริงจัง เขาโบกมือสื่อให้คนชราไม่ต้องพูด ก่อนจะกวาดสายตามอง หญิงรับใช้สองคนรีบนั่งยองลงทำความสะอาดบาดแผลและพันแผลใหม่ให้ท่านอวี้ฮวน
หลังจากเห็นว่าเรียบร้อย องค์รัชทายาทก็หมุนตัวกลับมาชำเลืองมองนอกประตูก่อน ให้มั่นใจว่ายันต์นั้นยังอยู่ ตอนนี้มีคนมารวมนอกร้านน้ำชาสายลมพิสุทธิ์มากขึ้นเรื่อยๆ เพียงแต่มียันต์ปิดพลังนั้น คนนอกจึงมองไม่เห็นว่าข้างในเกิดอะไรขึ้น
องค์รัชทายาทหยิบเก้าอี้มานั่งตรงข้ามหนิงอี้อย่างไม่ยี่หระ
ไม่มีการวางมาดแม้แต่น้อย
เขาคลึงใบหน้า เปลี่ยนเป็นหน้ายิ้ม ก่อนพูดเสียงเบา “ข้ากลับมาจากการล่าสัตว์ที่ภูเขาสน ได้ยินว่าร้านน้ำชาเกิดเรื่องเลยรีบมา แต่ก็ช้าไป หากไม่ได้คุณชายหนิงอี้ช่วยลงมือ เกรงว่าวันนี้ไป๋เจียวคงต้องเสียใจไปตลอดชีวิต”
หนิงอี้ส่ายหน้า “ท่านอวี้ฮวนไม่ยอมเอ่ยนามเถ้าแก่ใหญ่ แซ่หนิงก็ไม่อยากลงมือ และไม่กล้าลงมือ”
“คุณชายหนิงอี้ล่วงเกินแดนบูรพากับประจิม ทำอะไรต้องระมัดระวัง เข้าใจได้ เรื่องนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่โทษเจ้าอยู่แล้ว” องค์รัชทายาทหลี่ไป๋เจียวยิ้มแห้งๆ “แต่คุณชายอวี้ก็มีนิสัยเช่นนี้อยู่แล้ว ตอนที่สร้างร้านน้ำชานี้ ข้าไม่อยากเผยตัวตน เลยกำชับไว้ วันนี้เจอหายนะความเป็นตาย เรื่องเล็กแค่นี้…กลับมองว่าใหญ่กว่าความเป็นตายได้อย่างไร”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ แววตาองค์รัชทายาทมัวหมองลงสามส่วน
หนิงอี้มีสีหน้าเรียบนิ่ง
“คุณชายอวี้เคยออกหน้าช่วยตอนข้ายังหนุ่ม จ่ายขาไปสองข้าง นับจากนั้นมาก็เดินไม่ได้ ลงพื้นไม่ได้ พลังบำเพ็ญลดลงเรื่อยๆ” หลี่ไป๋เจียวมีสีหน้าเศร้า ก่อนพูดเสียงอ่อนโยน “วันนี้ยังเกือบทิ้งชีวิต มันเป็นความผิดของข้าเอง”
“หลายปีมานี้ อวี้ฮวนคอยดูแลร้านน้ำชา ตอนแรกคิดว่าด้วยชื่อเสียงเจ้ากรมผู้คุมกฎน้อยอันดับหนึ่งในเมืองหลวงจะทำให้ร้านน้ำชานี้อยู่รอดได้ แต่ไม่นึกเลยว่า…” องค์รัชทายาทส่ายหน้าและเงียบไป
หนิงอี้ยิ้มก่อนพูดตรงๆ “องค์ชายคงนึกไม่ถึงว่าชื่อเสียงเจ้ากรมผู้คุมกฎน้อยอันดับหนึ่งในเมืองหลวงจะทำให้ร้านน้ำชาเจอกับหายนะใช่หรือไม่”
ในใจเขา องค์รัชทายาทคนนี้ไม่ใช่คนดีอะไร
ยิ่งมองดูใจดีไม่มีพิษมีภัยเท่าไรก็ยิ่งซ่อนไว้ลึกมากเท่านั้น ในเมืองหลวงแห่งนี้มีใครเป็นคนดีบ้างกัน
องค์รัชทายาทอยู่แต่ซ่องนางโลม? ลุ่มหลงในกามารมณ์?
หนิงอี้ผู้ที่เคยเห็นร่างแยกดอกบัวม่วงของคุณชายหยวนฉุนที่หน้าประตูจวนกับตาตัวเองมาแล้ว ไม่เชื่อเลยว่าองค์รัชทายาทจะเป็นพวกเสเพลไม่เอาถ่านเช่นนี้ กลอุบายของคุณชายชรานั้น แม้แต่คนโหดแดนอุดรอย่างเฉาหลันยังน้ำตาตก แล้วจะสอนองค์รัชทายาทไม่ได้ดีได้อย่างไร
หลี่ไป๋เจียวที่ลงพื้นมาก็เป็นองค์รัชทายาทเมืองหลวง ต่อให้เป็นหินโง่ ล้างหูล้างตามาหลายสิบปี ต่อให้โง่เพียงใดก็ถูกเปลี่ยนจากหินเป็นทองได้
ซ่อนฝีมือไว้
เป็นการซ่อนฝีมือไว้อย่างไม่ต้องสงสัย
คนที่มาในร้านน้ำชานี้ล้วนเป็นขุนนางสามกรม บรรยากาศในร้านดีมาก แลกเปลี่ยนข่าวกรองกัน เป็นสถานที่หาข่าวที่มีไม่มากในเมืองหลวง เชื่อมสองกรมใหญ่ระหว่างผู้คุมกฎกับข่าวกรอง องค์รัชทายาทคนนี้ดูอ่อนโยนใจดี ปากบอกว่าไม่อยากให้คนอื่นขายชีวิตให้เขา แต่อวี้ฮวนเพิ่งจะเกือบตายก็ยังไม่เผยความลับใดๆ เห็นได้ว่าเขามีวิธีจัดการกับใจคน
หนึ่งร้านน้ำชา หนึ่งหอสุรา หากไม่มีอะไรผิดพลาด สถานที่ฆ่าเวลาสองแห่งนี้ต้องซ่อนความลับเอาไว้
คนคนนี้…จะดูถูกไม่ได้ง่ายๆ
หลังครุ่นคิดอย่างรวดเร็วแล้ว หนิงอี้ก็หยิบถ้วยน้ำชาขึ้นมา เอ่ยเสียงเบา “องค์ชาย เรื่องร้านน้ำชาสายลมพิสุทธิ์ เกรงว่าข้างนอกคงจัดการได้ยากกระมัง”
สวีชิงเยี่ยนหน้าแดงเล็กน้อย
คุณชายหยิบถ้วยชาของตนขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
จะดื่มหรือไม่?
หนิงอี้จิบไปคำหนึ่ง หลังได้สัมผัสรสชาติหวานอ่อนๆ แล้วก็รู้ทันทีว่าตนเผลอหยิบมาอีกแล้ว…จึงคีบก้นถ้วยชาทำเป็นไม่มีอะไร ชาขมไม่ขม มีกลิ่นสายลมอยู่สามส่วน
“ร้านน้ำชาจะปิดชั่วคราวสักระยะ ส่วนเรื่องอื่นหลังจากนี้ คุณชายหนิงอี้วางใจได้เลย” องค์รัชทายาทหัวเราะเหอะๆ “ขอแค่คุณชายไม่พูดออกมาเอง แดนบูรพาก็จะตรวจสอบมาไม่ถึงคุณชาย”
หนิงอี้ยิ้มไม่ใส่ใจ “ไม่มีอะไรต้องกลัว แดนบูรพาไม่มาหาข้า ข้าก็ต้องไปหาแดนบูรพาอยู่แล้ว”
องค์รัชทายาทพูดอย่างมีความหมายลึกซึ้ง “หากคุณชายหนิงอยากดื่มชาเมื่อไรก็มาหาข้าได้ที่หอบัว”
นี่คือการแสดงเจตนาดี
หนิงอี้ถือโอกาสวางถ้วยชาลง ป้องมือเล็กน้อย หัวเราะเสียงดัง “ข้าจะจำไว้ ว่างเมื่อไรต้องไปรบกวนแน่”
องค์รัชทายาทยิ้ม “แล้วท่านนี้คือ?”
สวีชิงเยี่ยนที่เห็นหนิงอี้ดื่มชาของตนก็หน้าแดง จิตใจลอยออกไปนอกเมฆหมอก ตอนนี้พลันได้สติกลับมา
นางพูดเสียงเบามาก “สวีชิงเยี่ยน…จากห้องบูรพา”
องค์รัชทายาทเข้าใจแจ่มแจ้งแล้ว เขาเคยได้ยินเรื่องราวซับซ้อนของแม่นางสวี ในร้านน้ำชาสายลมพิสุทธิ์ไม่ได้มีแค่ขุนนางของกรมผู้คุมกฎกับกรมข่าวกรองเข้าๆ ออกๆ ความจริงยังรวมสามลัทธิเก้าสายไว้ มีคนหลากหลายนับไม่ถ้วน การแลกเปลี่ยนข่าวกรองยิ่งใหญ่และมีลำดับขั้นตอน ซึ่งในมือเขากุมข่าวกรองที่สำคัญที่สุดของทั้งเมืองหลวงเอาไว้
ในนั้นแบ่งเป็นสองประเภท หนึ่งคือคนใหญ่คนโตที่มีชื่อเสียงประสบความสำเร็จ อีกประเภทคือคนหนุ่มสาวที่จะโดดเด่นในภายภาคหน้า
องค์ชายสามหลี่ไป๋หลินแห่งแดนประจิม คุณชายสวีชิงเค่อผู้ใต้บัญชา ก้าวออกมาจากคืนฝนตกหนักจวนเขาคราม เข้าไปอยู่ในสายตาขององค์รัชทายาท คุณชายสวีชิงเค่อคนนี้มีชาติกำเนิดแปลก ตรวจไม่พบบุพการีและภูมิลำเนาเดิม เป็นพวกที่ไม่มีความสัมพันธ์ใดๆ เลย แต่เขามีน้องสาวเพียงคนเดียว
นั่นคือสวีชิงเยี่ยนจากห้องบูรพาในตอนนี้
สวีชิงเยี่ยนถูกเลี้ยงในกรงทองแดนประจิม ได้ยินว่างดงามล่มเมือง ในหอบัวก็มีคนว่างจัดอันดับหญิงงามใต้ฟ้า หงลู่หญิงรับใช้ของตนอยู่ในสิบอันดับแรก ติดอันดับหก
ส่วนคนที่ติดห้าอันดับแรกได้ ล้วนเป็นหญิงงามล่มแคว้นล่มเมือง ‘คนว่าง’ ที่ติดตามคุณชายหยวนฉุนเรียนวิชาเสี่ยงทายเคยบอกตนว่า น้องสาวของคุณชายสวีชิงเค่อคนนั้น หากเผยใบหน้าต่อทุกคนในเมืองหลวง จะอยู่อันดับหนึ่งในรายนามได้อย่างไม่มีข้อกังขา
หลี่ไป๋เจียวหรี่ตาลง เขาไม่เคยสงสัยในวิชาเสี่ยงทายของหอบัว แต่ตอนนี้เขาเกิดความอยากรู้อยากเห็นสามส่วน ว่าหญิงสวมหมวกที่น่าเชยชมคนนี้ เมื่อถอดผ้าปิดหน้านั้นออกมา จะงามกว่าหญิงรับใช้ข้างกายตนจริงๆ หรือ
เขาพลันเอนตัวไปข้างหลัง พิจารณามองหนิงอี้กับสวีชิงเยี่ยน
คนหนึ่งเป็นอันดับหนึ่งรุ่นเยาว์อย่างไม่มีข้อโต้แย้งหลังจากเฉาหลันออกจากรายนามดารา
อีกคนเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งในใต้ฟ้าในภายภาคหน้าที่คน ‘ว่างงาน’ บอก
ฟังดูคู่ควรกันมาก
แต่หลี่ไป๋เจียวยิ่งมองยิ่งรู้สึกว่าพวกเขาสองคนไม่คู่ควรกัน
สวีชิงเยี่ยนแห่งห้องบูรพา ตอนนี้อยู่ในวัง ฝึกฝนกับฆราวาสเขาเสียวซาน…
ในข่าวกรองของเขาไม่มีเอ่ยถึงว่าสวีชิงเยี่ยนกับหนิงอี้ไปสนิทสนมกันเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไร แต่เขารู้ว่าแม่นางสวีคนนี้เคยอยู่ในอารามรู้กรรมใต้เขาสู่ซานระยะหนึ่ง แต่หนิงอี้เกิดที่เทือกเขาประจิม ดูแล้วคงไม่ได้รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ
หลี่ไป๋เจียวครุ่นคิด แม่นางสวีคนนี้อยู่ในวันล่าเหยื่อ คลื่นสัตว์ปีศาจภูเขาแดงปะทุ ได้เสด็จพ่อของตนพากลับวัง ออกจากพันธนาการของแดนประจิม เมื่อนึกถึงตรงนี้ เขาก็เหมือนจะเข้าใจนิดๆ แล้ว
นกในกรงชอบคนคนหนึ่ง เป็นเรื่องง่ายและบริสุทธิ์มาก
ใครพานางออกจากกรง นางก็จะชอบคนนั้น
โลกข้างนอกกว้างใหญ่มาก สิ่งแรกที่นางเห็นคือสิ่งที่นางไว้ใจมากที่สุด
องค์รัชทายาทยิ้ม แสร้งทำเป็นไม่มีอะไร “วันนี้ร้านน้ำชาเกิดเรื่อง รบกวนอารมณ์สุนทรีย์ของทั้งสองท่าน ต้องขอโทษจริงๆ คุณชายหนิง แม่นางสวีคนนี้เป็นของเจ้ารึ”
คำพูดนี้ซ่อนความนัยเอาไว้
ก่อนหน้านี้เจอกันที่ภูเขาสน แม่นางสวีคนนี้ดูเป็นคนตรงไปตรงมา ในคำพูดปิดบังความชอบต่อคุณชายท่านนั้นไม่ได้เลย แทบจะเอ่อล้นออกมา
เขาอยากรู้นักว่าความจริงเป็นอย่างไรกันแน่
หงลู่ที่ยืนข้างหลังหลี่ไป๋เจียวถอนหายใจเบาผ่านดวงตา รู้ว่าองค์ชายทำนิสัยเดิมอีกแล้ว อยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับแม่นางสวี
กลัวที่สุดคือดอกไม้ร่วงมีนัย น้ำไหลไร้ไมตรี
หลังองค์รัชทายาทถามคำถามนี้
หนิงอี้ยังไม่ทันตอบ
สวีชิงเยี่ยนก็ใช้สองมือกอบถ้วยชา ใบหน้าแดงทั้งหน้า พูดด้วยความอัดอั้นใจ “แม่นางสวีก็คือแม่นางสวี คุณชายหนิงก็คือคุณชายหนิง มาของเจ้าของข้าอะไร อย่าถามเรื่องเสียมารยาท!”
หนิงอี้อดขำไม่ได้
องค์รัชทายาทถอนหายใจอยู่ข้างใน
เขาลุกขึ้นยืน ก่อนพูดด้วยสีหน้าราบเรียบ “แม่นางสวี คุณชายหนิง ที่นี่มีเรื่องอีกเยอะ ข้าไม่รบกวนแล้ว ขอแนะนำหน่อยนะ ให้ออกจากประตูหลังร้านน้ำชา ถ้ามีใครเห็นเข้าคงจะวุ่นวายกันทั้งเมือง”
……………………….