เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า - ตอนที่ 262 ออกจากฝักสังหารคน
ตอนที่ 262 ออกจากฝักสังหารคน
หลังจากปาถ้วยน้ำชาออกไป ห้านิ้วมือก็กดลงตาม
วางลงบนด้ามร่มกระดาษมันเช่นนี้ ทั้งราบรื่นและเป็นธรรมชาติมาก
พินิจเหมันต์เปล่งเสียงที่อดรนทนไม่ไหว
ตั้งแต่ที่หนิงอี้ปลุกจิตสังหาร ทะเลสาบจิตก็ไม่สงบนิ่งแล้ว ความเป็นเทพซึ่งดูดมาจากที่สวีชิงเยี่ยนสั่งสมมานานเดือดพล่านทั้งบ่อ ไหลไปมาบนตัวกระบี่พินิจเหมันต์เหมือนกับสายฟ้า
เพียงแต่ก่อนหน้านี้เสียงฟ้าร้องดังอยู่ในฝัก
หนิงอี้กดมือสวีชิงเยี่ยนไว้
ผ้าปิดหน้าตกลง สวีชิงเยี่ยนหลับตา
จากนั้น…ก็ชักกระบี่
เสียงฟ้าร้องถูกปลดปล่อยออกมา!
ในร้านน้ำชาพลันเกิดแสงสว่างจ้าเหมือนยามกลางวัน
คนชราผมขาวดอกเลาอวี้ฮวนที่นั่งแผ่ตรงสุดทางเดินมองเห็นสายฟ้าสายหนึ่ง ยังไม่ทันเอามือปิดหน้า ปราณกระบี่ก็พุ่งเข้ามา เสียงแหบของคนชราถูกกลบไปในคลื่นปราณกระบี่ หลังศีรษะเขากระแทกกับกำแพงอย่างแรง หน้าหงายรถเข็นคว่ำ น้ำตาไหลออกมายาวเป็นเส้นสายอย่างไร้การควบคุม
บัณฑิตหลายคนเห็นเพียงสีขาวเงินตรงหน้า จะลืมตาหลับตาก็เป็นเช่นนี้ ข้างหูได้ยินเป็นเสียงวิ้งๆ
ไม่ได้ยินอะไรเลย ไม่เห็นอะไรเลย
ในเวลาที่ผ่านไปอย่าง ‘เชื่องช้า’….มีเสียงพายุดังถาโถมเข้ามา
ร่างใหญ่หนึ่งพลันกระเด็นออกไป ฝังเข้ากับกลางกำแพงหินร้านน้ำชา
พายุคลั่งสงบลง
อวี้ฮวนหอบหายใจแรง เขากลับมาสงบนิ่งทีละนิด…
คนชราลุกขึ้นอย่างยากลำบาก ตะเกียกตะกายขยับรถเข็นกลับมา เนื่องด้วยพลังบำเพ็ญที่ลึกล้ำทำให้สายตาเขากลับมาเป็นปกติเร็วที่สุด หญิงรับใช้สองคนยืนเหม่ออยู่ที่เดิม น้ำตาไหลพราก นี่เป็นเพราะใช้ตาเนื้อ ‘รับ’ ปราณกระบี่โดยไม่ทันตั้งตัว
กระบี่เมื่อครู่เหมือนกับสายฟ้าผ่าลงมาจริงๆ
พลังของผังซานขาดหายไปนานแล้ว ร่างกายและกระดูกถูกปราณกระบี่บีบจนไม่ใช่คน กระดูกและเนื้อยังไม่แยกจากกัน ฟันกระบี่นี้ออกไปก็เหมือนขวานตัดต้นไม้ ทำลายจิตวิญญาณเขาในพริบตา
ในหลอดแก้วแดนบูรพาเล่าลือว่ามีวิชาที่ลี้ลับยิ่ง ทำให้คนตายคืนชีพได้ ‘นักรบผู้มีปณิธาน’ ใต้บัญชาหานเยวีย ยอมตายและกระทั่งไม่กลัวความตายก็เพราะเหตุนี้ ไม่ว่าจะบาดเจ็บหนักเพียงใด ขอแค่คุณชายน้ำค้างยินดีช่วย เช่นนั้นอยู่ในหลอดแก้วก็จะหาร่างที่สมบูรณ์แบบไร้ที่ติ ใส่จิตวิญญาณเขาเข้าไปในร่างใหม่ได้
ร่างกายเหมือนตะเกียง วิญญาณเหมือนไส้ตะเกียง
จุดเพลิงวิญญาณขึ้นใหม่
มรรคผลไม่มอดดับ
ผังซานในตอนนี้ตายจนไม่รู้จะตายอย่างไรได้อีก อย่าว่าแต่คุณชายน้ำค้างลงมือเลย ต่อให้เซียนทองคำต้าหลัวลงมาก็ไม่มีทางช่วยได้
เจ็ดจิตหกวิญญาณดับสลายไปทั้งหมด
ทั้งตัวเหลือแต่ปราณกระบี่
และผู้สร้างสรรค์กระบี่นี้ ตอนนี้นั่งบนเก้าอี้ อยู่ในท่าทางมือข้างหนึ่งถือชามาจิบเบาๆ
กระบี่เข้าฝักแล้ว
ถ้วยชาหนิงอี้แตกแล้ว ออกกระบี่นั้นเสร็จ เพื่อให้ยังดูสุขุมและปกปิดริมฝีปากแห้งผากของตน เขาจึงหยิบถ้วยชาที่เหลืออีกถ้วยเดียวข้างมือขึ้นมา
เข้าปาก…อืม หวานมาก หอมมาก ชานี่ไม่ขมเลยสักนิดหรือ
หนิงอี้เงียบไปชั่วขณะ อยากเข้าใจเหตุผล
นี่เป็นชาที่สวีชิงเยี่ยนดื่ม
เขาหันหน้าไปช้าๆ ก็เห็นภาพที่กลั้นขำไว้ไม่ได้ ตอนนี้สวีชิงเยี่ยนหลับตาอย่างเชื่อฟัง สีหน้าดูกังวล ประสานห้านิ้วมือกับหนิงอี้ ฝ่ามือกดเข้าหากัน เหงื่อซึม คงจะตึงเครียดมาก
หนิงอี้ถอนหายใจโล่งอกเบาๆ ก่อนจะวางชากลับไปบนโต๊ะอย่างเบามือ
ดีที่ไม่เห็น
สายลมพัดเข้ามาในห้อง พัดจอนผมแม่นางสวี ผ้าปิดหน้าพลิ้วไหวไปตามสายลม
ในห้องที่มีเพียงสองคนนี้ มีเสียงเด็กสาวดังขึ้นด้วยความกังวล
“คุณชายหนิงอี้ ข้าลืมตาได้เลยหรือไม่”
“รอเดี๋ยว!”
หนิงอี้มือเท้าพันกัน วางถ้วยชาบนโต๊ะเบาๆ จากนั้นปัดฝุ่นบนอาภรณ์ของตนแล้วกระแอมไอเบาๆ “ได้แล้ว”
สวีชิงเยี่ยนลืมตาขึ้นช้าๆ
ดวงตาใสชำเลืองมอง แสงสว่างวูบไหว
ต่อให้มีผ้าปิดหน้าบังไว้ก็ยังทำให้คนจิตใจสั่นกระเพื่อม
หนิงอี้ถอนหายใจเบาอยู่ข้างใน สวีชิงเยี่ยนหนอ เจ้าคือผู้ก่อหายนะโดยแท้
นี่เป็นใบหน้าที่งามที่สุดในใต้ฟ้าจริงๆ ไม่มีใครเทียบได้
เขาปล่อยมือนั้นที่จับมือเด็กสาวออก ก่อนพูดเสียงเบา “ฆ่าคนไปแล้ว ข้างนอกมีกลิ่นคาวเลือดหน่อยๆ อย่าดูเลยเถอะ”
สวีชิงเยี่ยนพยักหน้าก่อนพูดอืมเบาๆ
ฝ่ามือนางมีเหงื่อออกเยอะมาก เดิมทีหนิงอี้คิดว่าเป็นเพราะกลัวและรังเกียจ
แต่ความจริงไม่ใช่เลย
สวีชิงเยี่ยนพ่นลมหายใจ หน้าอกขยับขึ้นลงไม่หยุด นางใช้สองมือยกถ้วยชาของตนขึ้น ภายนอกถ้วยลายครามยังมีอุณหภูมิของหนิงอี้อยู่ ดังนั้นถือแล้วยังอุ่นๆ ร้านน้ำชาในตอนนี้เข้าสู่ความเงียบสงัด ความคิดเด็กสาวเองก็ว่างเปล่าเช่นกัน นางงอเข่าสองข้างตามจิตใต้สำนึก นั่งยองบนเก้าอี้ กอดอก จิบน้ำชาทีละอึก
นางพยายามให้ตัวเองยิ้มอย่างผ่อนคลายที่สุด ก่อนกดเสียงต่ำลง “กระบี่เมื่อครู่ของคุณชาย ใช้ความเป็นเทพของข้ารึ”
หนิงอี้ใช้สายตาบอกกับแม่นางสวี เสียงในห้องจะไม่ดังออกไป จึงพูดออกเสียงได้
เขาพยักหน้าอย่างจนปัญญา “ใช่”
สวีชิงเยี่ยนมีสีหน้าดีใจขึ้นมาสามส่วน นางพ่นลมหายใจขุ่น ก่อนจะพูดอย่างมีชีวิตชีวา “เช่นนั้นวันนี้คุณชายออกกระบี่สังหารคน ชิงเยี่ยนก็มีส่วนช่วยใช่หรือไม่”
หนิงอี้เผยแววตาแปลกประหลาด เขาพยักหน้า “หากไม่มีความเป็นเทพ คงไม่มีทางฆ่าได้สบายเช่นนี้…ดังนั้น ถ้าวัดกันที่คุณความดีจริงๆ พวกนี้เป็นความดีของเจ้า”
สวีชิงเยี่ยนก้มหน้าพูดด้วยรอยยิ้ม “ชิงเยี่ยนไม่อยากได้ความดี…คุณชายทำอะไร ชิงเยี่ยนได้ช่วยบ้างก็ดีแล้ว ตอนนี้ข้ามีความสุขมาก”
…..
ร้านน้ำชาสายลมพิสุทธิ์เงียบงัน
วิชาคุมเพลิงของอวี้ฮวนเผาร้านน้ำชาเป็นสีแดง โคมไฟสีแดงไหม้ทั้งในและนอก ไฟลุกรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
แต่หลังจากหนิงอี้ออกกระบี่พายุสายฟ้า ทั้งร้านน้ำชาสว่างก่อนแล้วค่อยมืดลง
เปลวไฟดับลงทั้งหมด
เหมือนมีเทพเจ้ายืนอยู่บนยอดภูเขาสูง เป่าลมหายใจดับอัคคีภัย กำแพงรอบร้านน้ำชาในตอนนี้ยังมีสายลมหนาวพัดไปมา พัดจนคนหนาวถึงไขกระดูก
กลางหลุมกำแพงหินร้านน้ำชายังมีเสียงสายฟ้าไหลเวียนดังไม่ขาดสาย
ประกายสายฟ้าระเบิดร่างผังซานและไหลไปมา
ความจริงกระบี่นี้ หนิงอี้แค่ออกตามใจ จิตกระบี่ประจำตัวของเขาตอนนี้ยังอยู่ในช่วงคลำหา เจตจำนงแห่งพายุอัสนีห่อหุ้มกระบี่นี้เป็นความบังเอิญโดยแท้ หากให้ออกอีกครั้งก็อาจจะเปลี่ยนเป็นเจตจำนงกระบี่วิถีอื่น อย่างเช่นน้ำแข็งหรือเปลวไฟ พวกนี้ต้องอาศัยดวงล้วนๆ…เกิดเจตจำนงกระบี่ที่ออกไปเป็นวิถีแพ้ทางผังซาน เช่นนั้นกระบี่ที่หนิงอี้สั่งสมพลังมานานก็อาจจะแทงผู้ฝึกหลอมกายสำนักวิญญาณยักษ์คนนี้ไม่ตาย เรื่องราวจากนี้ก็จะยุ่งยากขึ้นไปอีก
อวี้ฮวนรู้สึกเหลือเชื่อนิดๆ
ด้วยระดับความหนุ่มของดวงจิตนั้นมีโอกาสสูงมากที่จะเป็นรุ่นเยาว์ในสี่แดน บุตรศักดิ์สิทธิ์เขาศักดิ์สิทธิ์มากมายอยู่เพียงขอบเขตที่เก้า การต่อสู้ที่รับมือยากที่สุดเป็นที่ยอมรับกันแล้วว่าคือการสู้ระยะประชิดกับผู้ฝึกหลอมกาย จะต้องสู้หลายร้อยกระบวนท่าเสมอ อีกฝ่ายหนังหนา มักจะสู้กันด้วยความอึด อย่างเช่นตนเมื่อครู่…หากไม่ระวังนิดเดียวก็อาจจะถูกผู้ฝึกหลอมกายชกหมัดเดียวตาย
คนหนุ่มคนนั้นพลังบำเพ็ญขั้นใดยังไม่รู้
หนึ่งกระบี่ก็ฆ่าผู้ถือคำสั่งแซ่ผังได้ เรื่องนี้ ยิ่งมองยิ่งรู้สึกเหมือนเหลวไหล
เจตจำนงกระบี่พายุสายฟ้ารึ
นี่เป็นเทพเซียนจากที่ใดกัน
อวี้ฮวนป้องมือ หันไปทางห้องนั้นก่อนพูดเสียงแหบทีละคำด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “คุณชาย ขอบคุณมาก!”
หนิงอี้ไม่ตอบกลับ
เขาแค่เอ่ยราบเรียบ “เรื่องในวันนี้ไม่เกี่ยวกับข้า ท่านอวี้จำเอาไว้”
อวี้ฮวนยิ้ม “แน่นอน…”
พูดถึงครึ่งหนึ่ง คนชราก็มีสีหน้าแปลกไปเล็กน้อย
ทางเข้าของร้านน้ำชาถูกคนเปิดเป็นเส้นแสงสว่างยาว
หลังจากผังซานทำลายประตูไม้เข้ามาก็ไม่ลืมแปะยันต์ปิดพลัง ภายนอกไม่เห็นว่าข้างในเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้ยันต์นั้นถูกคนฉีกและก็แปะเข้าไปใหม่
คนที่มามีสองคน เป็นชายกับหญิง บุรุษถือของสองสิ่งไว้ในมือ
เป็นโคมไฟสีแดงที่เขาชอบมากที่สุด อีกชิ้นถูกเขาวางลง กลิ้งไปมาบนพื้น ระหว่างทางยังชนกับไม้ที่ยังติดไฟ เถ้าถ่านดับพลันติดไฟขึ้นอีกครั้ง ประกายไฟสว่างวาบ จากนั้นดับเป็นเถ้าธุลี
นั่นคือหัวคน
บุรุษวัยหนุ่มพูดเสียงเบา “คุณชายดื่มชาในร้านน้ำชาข้า ไฉนต้องรีบกลับด้วย”
หนิงอี้หรี่ตาลง
เขาส่งจิตสัมผัสออกไป แต่ไม่อาจรู้ตื้นลึกหนาบางของอีกฝ่ายได้
คนคนนั้นถอนหายใจ “ยังไม่ขอบคุณคุณชายที่ออกหน้าช่วยอีก”
หนิงอี้พูดนิ่งๆ “เถ้าแก่ใหญ่รึ”
พอได้ยินเสียงเขา ก็รู้ว่าไม่ใช่คนคนนั้นของแดนประจิม และน่าจะไม่เกี่ยวกับแดนประจิม
“ไม่ถือว่าเป็นเถ้าแก่ใหญ่หรอก แค่ชาวบ้านในเมืองหลวง ชอบดื่มสุรา ดื่มชา ในมือมีเศษเงินเลยมาเปิดร้านน้ำชากับหอสุราเท่านั้น”
บุรุษวัยหนุ่มเตะหัวคนมาทีละก้าว น้ำเสียงเบาสบาย เดินหน้ามาช้าๆ
เขาหยุดเดิน หัวคนอาบเลือดนั้นกลิ้งมาอยู่ตรงทางเดินร้านน้ำชา
เงียบสงัด
หัวคนมีใบหน้างุนงง เห็นได้ว่าตอนที่ถูกตัดหัวยังไม่ทันรู้ตัวเลย
โจวทิงฉาว
บุรุษผมมวยควงแขนหญิงชุดแดงมาหยุดอยู่หน้าผ้าม่าน
ทั้งสองคนไม่ได้เข้าไป
ห่างกันเพียงผ้าม่านกั้น
บุรุษวัยหนุ่มอุทานเสียงเบา เขามองหญิงสวมหมวกด้วยรอยยิ้มก่อนพูดเสียงเบา “บังเอิญจริง…”
บุรุษผู้นี้เข้าใจแจ่มแจ้งแล้ว จึงทำเสียงจิ๊ๆ “ท่านนี้คือคุณชายคนที่เจ้าชอบมากรึ”
สวีชิงเยี่ยนเบิกตาโตไปก่อน นางไม่นึกเลยว่าเถ้าแก่ใหญ่ของร้านน้ำชาสายลมพิสุทธิ์จะเป็นองค์รัชทายาทที่ตนเจอในภูเขาสน
ตอนนี้ดูแล้วก็สมเหตุผล
หลังจากองค์รัชทายาทบอกว่า ‘คุณชายที่ชอบมาก’ สวีชิงเยี่ยนก็หน้าแดง อ้ำๆ อึ้งๆ พูดไม่ออก
ชาวโลกเล่าลือกันว่าองค์รัชทายาทลุ่มหลงในกามารมณ์ อยู่แต่ในหอนางโลมตลอด เป็นคนไร้ความสามารถ
บุรุษวัยหนุ่มตรงหน้ามวยผมกลม เพราะดื่มสุราเคล้านารีเป็นประจำ หน้าจึงซีดขาว ในตัวมีความเกียจคร้านและเหนื่อยล้าฝังอยู่ลึกๆ
เหมือนจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ
แต่หนิงอี้สบตากับองค์รัชทายาท
ในดวงตาองค์รัชทายาท ภายใต้ดวงตาที่ไม่สนใจอะไรนั้น กลับซ่อนดาบเอาไว้
เขาโค้งตัวเคารพ ก่อนจะพูดชมเสียงเบา “กระบี่เมื่อครู่ของคุณชายหนิงอี้ทรงพลังมากจริงๆ ไม่แพ้ผู้อาวุโสสวีจั้งในตอนนั้นเลย”
………………………