เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า - ตอนที่ 260 ร้านเล็กเรื่องเยอะ (3)
ตอนที่ 260 ร้านเล็กเรื่องเยอะ (3)
หลังผู้ถือคำสั่งแซ่ผังเอ่ยคำนี้ก็ตบฝ่ามือลง ทั้งโต๊ะต้อนรับแตกกระจาย ศีรษะเด็กรับใช้สี่คนระเบิดออกดังปังเหมือนกับแตงโมแตก
เขาเบนสายตาไปมองเถ้าแก่คนนั้นช้าๆ ก่อนคำรามด้วยความโกรธ
ผังซานกดฝ่ามือลงอีกครั้ง
เลือดสาดกระจาย
ในร้านน้ำชากลับเข้าสู่ความเงียบ
หญิงรับใช้สองคนที่ประคองหลังรถเข็นตรงสุดทางเดินใบหน้าซีดขาว
พวกนางเป็นเพียงคนรับใช้ที่ร้านน้ำชานี้จ้างมา เป็นผู้ถูกกระทำที่บริสุทธิ์ที่สุดในการต่อสู้ครั้งนี้
เรื่องมาจนถึงตอนนี้ ไม่มีทางให้หนี ไม่มีที่ให้ซ่อน
และก็ไม่มีกำลังทำอะไรได้
พวกนางทำได้แค่มองเจ้านายของตน
อวี้ฮวนมีสีหน้าเจ็บปวดเล็กน้อย เขาหลับตาลงช้าๆ
เปลวเพลิงโดยรอบเปื้อนกลิ่นคาวเลือดนิดๆ
หนิงอี้คิดไว้ไม่ผิด อวี้ฮวนนั่งในตำแหน่งเจ้ากรมผู้คุมกฎน้อยได้ย่อมไม่ใช่คนธรรมดา…หากตอนนั้นไม่เกิดโศกนาฏกรรมนั้น ขาสองข้างของเขาก็คงไม่หัก ขอบเขตพลังบำเพ็ญก็คงไม่ลดลง
เขาใช้แค่มือเดียวก็จัดการผู้ฝึกหลอมกายขอบเขตที่เก้าแซ่ผังคนนี้ได้
แต่ตอนนี้ เขาได้แต่อยู่ในร้านน้ำชาสายลมพิสุทธิ์ หญิงรับใช้สองคนเข็นรถเข็นให้…เพราะว่าโลกนี้มีทุกอย่าง ไม่มีอย่างเดียวคือ ‘ถ้าหาก’
หลายปีมานี้ เนื่องด้วยร่างกายไม่สมบูรณ์ทำให้เดินเหินลำบาก อวี้ฮวนจึงสอดมือเรื่องการเมืองน้อยมาก
เขาทำในสิ่งที่เขาคิดว่าถูกต้อง
คนอื่นคิดว่าเขาไม่เลือกข้าง
เพราะเขายืนแค่ตรงข้างที่เขาคิดว่า ‘ถูกต้อง’
อวี้ฮวนพูดด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก “แดนบูรพาจะต้องชดใช้ให้กับเรื่องในวันนี้”
เขาจับที่จับรถเข็น สื่อให้หญิงรับใช้สองคนถอยไป
ขาสองข้างสั่นไหว แต่ก็ยังยืนขึ้นอย่างยากลำบากได้
ผ้าพันแผลที่รัดตรงน่องไว้แน่นพลันมีเลือดซึมออกมาจำนวนมาก
……
เปลวเพลิงลุกไหม้ในร้านน้ำชาสายลมพิสุทธิ์
กลายเป็นทะเลเพลิงสีแดง
“ท่านอวี้ฮวน ปุถุชนเคารพท่าน ก็เพราะตอนที่ท่านทำสงครามที่แดนอุดรเคยนำหัวราชันปีศาจกลับมา แค่ความดีตรงนี้ก็ได้นั่งตำแหน่งเจ้ากรมน้อยในเมืองหลวงแล้ว” ผู้ถือคำสั่งแซ่ผังมองบุรุษผมขาวดอกเลาตรงหน้าพลางพูดด้วยรอยยิ้ม “ทว่าตอนนี้มันต่างกัน คนละเรื่องกัน วีรบุรุษอยู่ในช่วงบั้นปลายชีวิตแล้ว ไฉนต้องดิ้นรนล่ะ”
เขามองไปรอบๆ ก่อนจะยิ้มตาหยี “ความจริงข้าก็อยากรู้เหมือนกันว่าท่านยืนกรานเช่นนี้ เบื้องหลังมีคนใหญ่คนโตที่สุดยอดหรือไม่ หรือจะใหญ่กว่าท่านนั้นแห่งหลอดแก้วแดนบูรพากัน”
อวี้ฮวนมีสีหน้าเฉยชา
ผังซานย่อตัวลง หยิบเศษถ้วยลายครามขึ้นมา พิจารณาในมือ
พริบตาต่อมา ดวงตาเขาพลันจริงจังขึ้นมา
เศษที่แตกนั้นหายไปในมือเขา
เกิดเสียงดังในอากาศอย่างรุนแรง เศษถ้วยนั้นทะลวงผ่านเสียงระเบิด เฉียดผ่านแก้มอวี้ฮวนเกิดเป็นดอกไม้เลือด
ชายชราผมขาวดอกเลานั่งลงบนรถเข็นไม้อีกครั้ง สีหน้าเซื่องซึมเล็กน้อย
ขาสองข้างของอวี้ฮวนพันด้วยผ้าพันแผลสีขาว ตอนนี้เป็นสีแดงสดแล้ว
ดีที่ตอนลุกขึ้น เขาไม่สนใจคำกำชับของ ‘ท่านนั้น’ ยืนหยัดร่ายมนตร์ของตนจนเสร็จ
ในร้านน้ำชาสายลมพิสุทธิ์ จากที่รอบๆ มีแต่เปลวเพลิง ตอนนี้ไม่ลุกลามเพิ่มอีก
จอนผมสีขาวดอกเลาพลิ้วไหวและตกลง
ปิ่นปักผมที่ปักก้อนกลมบนศีรษะเกิดเสียงแตกหักดังกึก เส้นผมยาวที่อวี้ฮวนเลี้ยงมานานสยายลงสองข้างบ่า สภาพเขาดูจนตรอกที่สุด แต่สองมือกลับซ้อนทับกัน ดวงตาเปล่งแสงสว่างอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“รวม!”
ตอนนี้ค่ายกลที่วางในร้านน้ำชามานานทำงานแล้ว
วิ้ง!
เป็นเสียงดังกังวาน
ผู้ถือคำสั่งแซ่ผังขมวดคิ้วขึ้น เกิดเสียงทะลวงอากาศดังฟิ้วๆๆๆ สี่ครั้ง ก่อนโซ่เปลวเพลิงสี่เส้นจะพุ่งมาจากสี่มุมหลังคา พลังถาโถมเข้ามาอย่างน่าเหลือเชื่อ รัดที่ข้อมือข้อเท้าเขาทันที เขาลองเดินไปข้างหน้า ยกเท้าขึ้นสูงและเหยียบลง ก็พบว่าเท้าลอยจากพื้นหนึ่งฉื่อ เป็นการหยุดนิ่งที่ ‘ช้า’ อย่างยิ่ง เดินหน้าไปต่อไม่ได้
โซ่เปลวเพลิงสี่เส้นพลันมัดแขนขาเขาไว้
ผังซานขมวดคิ้วขึ้น พูดตะโกน “จงแหลก!”
เขาเอาสองมือไขว้กัน ลองระเบิดพลังให้หลุดจากโซ่เปลวเพลิงในชั่วพริบตา
เกิดเสียงดังแก๊ง เชื้อไฟซ้อนทับกันดังสนั่น แขนเสื้อเขาเริ่มลุกไหม้ ผิวหนังของผู้ฝึกหลอมกายทนทานยิ่ง แต่ถึงอย่างนั้นตอนนี้ก็เริ่มเป็นสีแดง โดยเฉพาะข้อมือข้อเท้าที่ถูกโซ่เปลวเพลิงรัดไว้ เกิดควันขาวขึ้นมาดังซ่าๆ
งอบของผังซานระเบิดกระจายในทันควัน
ในดวงตาเขามีโทสะสีแดงเพลิงปรากฏขึ้น
โซ่สี่เส้นรวมถึงทั้งร้านน้ำชาถูกดึงจนตึงเป็นเส้นตรง
บนหลังคาเกิดเสียงเพดานแตก
นี่ต้องมีกำลังมหาศาลเพียงใดกัน
อวี้ฮวนหรี่ตาลง เขาใช้สมาธิทั้งหมดไปกับค่ายกลนั้น ตอนนี้ขังผู้ถือคำสั่งแซ่ผังได้ เขาไม่นึกเลยว่าผู้บำเพ็ญจากแดนบูรพาคนนี้จะมีกำลังป่าเถื่อนน่ากลัวเช่นนี้ ในร่างนี้คงจะมีกำลังของมังกรกับคชสารซ่อนอยู่
“หรือจะเป็นผู้บำเพ็ญของสำนักวิญญาณยักษ์”
คนชราผมยาวสีดอกเลา เส้นผมแห้งบดบังใบหน้า สีหน้าของเขาค่อนข้างซีดเซียว เพียงแค่ปะทะสามสี่ลมหายใจเขาก็หมดแรง ไม่เคยต่อสู้อย่างยากลำบากเช่นนี้มาก่อน
หากหนุ่มกว่านี้สิบปี ต่อให้ขาหักไปสองข้าง ก็ยังจับคนคนนี้ได้สบาย
หมัดกลัวความหนุ่ม
คนชราก็ต้องจำใจ
……
“หนิงอี้…”
อุณหภูมิในห้องเพิ่มขึ้นทีละนิดจนสูงเล็กน้อย
เปลวเพลิงลุกไหม้ ผ้าม่านหน้าประตูถูกไฟเผาแล้ว
ผิวขาวหิมะของสวีชิงเยี่ยนกลายเป็นสีแดง นางถือหมวกในมือ ในมือมีแต่เหงื่อ นางกัดฟันพูด “มีคนตายแล้ว”
สำหรับสวีชิงเยี่ยน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าภาพเมื่อครู่นั้นเป็นเรื่องที่น่าตกใจ
ฆ่าคนเหมือนกินข้าวดื่มน้ำ
นางไม่อาจเชื่อ ไม่อาจเข้าใจ และยอมรับไม่ได้
ดังนั้นนางจึงมองหนิงอี้
หนิงอี้หลับตาลง เขาไม่ได้แผ่แสงดาราของตนและไม่ปิดบังกลิ่นคาวเลือด เขาไม่ได้ปิดบังสวีชิงเยี่ยน และไม่ได้พูดโกหกหรืออธิบาย
หนิงอี้เอ่ยนิ่งๆ “เจ้าคิดว่าฆ่าคนง่ายกว่าดื่มน้ำ เข้าใจได้ยากจริงๆ”
สวีชิงเยี่ยนพูดอย่างขมขื่น รู้สึกไม่สบายไปทั้งตัว ได้แต่พูดมาจากในลำคอ “อืม…”
“ที่ข้ายังดูอยู่ที่นี่ก็เพราะข้าต้องดู” หนิงอี้ถอนหายใจ “เดิมทีคิดว่าเปลวเพลิงครั้งนี้ลามมาไม่ถึงข้า มีแต่คนบอกว่าท่านอวี้ฮวนพลังบำเพ็ญลดลง แต่ไม่คิดว่าจะหนักขนาดนี้ แม้แต่ผู้ฝึกหลอมกายขอบเขตที่เก้าคนเดียวยังจัดการไม่ได้ มิน่าถึงได้แต่ซ่อนอยู่ข้างหลังเป็นเจ้าของร้านน้ำชา ทำงานข่าวกรองใต้ดิน…ส่วนคนแซ่ผังนี่ดันเป็นตัวอ่อนสังหารจากแดนทักษิณ ทำงานฆ่าลักพาตัวเบื้องหลังหลอดแก้วแดนบูรพา มาเมืองหลวงด้วยแผนการนี้ ป้ายคำสั่งให้เอาแค่หัวอวี้ฮวนแท้ๆ แต่เขากลับจะเอาหลายหัวกลับไปรับรางวัล”
หนิงอี้พูดด้วยความกลัดกลุ้ม “อวี้ฮวนไม่อยากเลือกข้าง ข้าก็ไม่อยากเลือกข้างเช่นกัน”
สวีชิงเยี่ยนเม้มริมฝีปาก “คนแซ่ผังคนนี้เป็นหัวใจของแดนบูรพารึ”
“ไม่เรียกว่าหัวใจหรอก เรียกว่าพวกเดนตายดีกว่า” หนิงอี้ปรายตามองแม่นางสวีที่หน้ารูปไข่แดงไปหมด พบว่าตอนนี้ แม่นางสวีหน้าแดงเกินไป มองไปจึงเหมือนมีความเหนียมอายสามส่วน ดูน่ารักมาก เขากดความคิดฟุ้งซ่านกลับไปก่อนจะอธิบายอย่างไม่มีอะไร “อวี้ฮวนพูดไว้ไม่ผิด หลังจากวันนี้ไม่ว่าผลลัพธ์เป็นอย่างไร ผังซานจะถูกฆ่าล้างเก้าชั่วโคตร แดนบูรพาน่าจะแค่อยากใช้ชีวิตพวกเดนตายเชือดไก่ให้ลิงดู ถือเป็นการเตือน”
“คุณชายมีความแค้นกับแดนบูรพา” สวีชิงเยี่ยนพูดเตือนเสียงเบา
หนิงอี้ชะงักไปก่อนจะพูดอย่างจำใจ “ใช่…ข้าฆ่าผังซานได้แน่ แต่ถ้าข้าฆ่าผังซานก็เท่ากับช่วยอวี้ฮวน”
สวีชิงเยี่ยนงุนงงเล็กน้อย
“อวี้ฮวนไม่เลือกข้าง ใครจะรู้ว่าเบื้องหลังเขามีฝักฝ่ายหรือไม่” นี่เป็นจุดที่หนิงอี้กลุ้มใจ เขาพูดอย่างจนปัญญา “ถ้าเกิดคุณชายอวี้เป็นแขกผู้ทรงเกียรติของแดนประจิม ข้าช่วยเขาฆ่าคน นั่นไม่ใช่เรื่องดี”
สวีชิงเยี่ยนเข้าใจแจ่มแจ้งแล้ว
นางพยักหน้าอย่างจริงจัง “เจ้าอย่าช่วยพี่ข้าเด็ดขาดเลย เราซ่อนตัวดูอยู่เฉยๆ ก็ดีแล้ว”
หนิงอี้ยิ้มแห้งๆ “เรื่องนี้มีอะไรให้น่าดูกัน”
สวีชิงเยี่ยนไม่เข้าใจเหตุผล
หนิงอี้เอามือข้างหนึ่งกดร่มกระดาษมันตรงเอว อีกมือหยิบหมวกขึ้นมาเบาๆ สวมศีรษะสวีชิงเยี่ยน จัดผ้าปิดหน้าให้นางเรียบร้อยแล้วก็จับมือเล็กเนียนนุ่ม สร้างสะพานเทพขึ้น
ความเป็นเทพไหลเวียนเหมือนสายฟ้าในฝักกระบี่ พลังตื่นขึ้นทีละนิด
หนิงอี้พูดเสียงเบา “อีกเดี๋ยวหากจะออกกระบี่ ข้าจะจับมือเจ้าไว้ เจ้าก็หลับตาลง”
เขาชะงักไปก่อนจะพูดต่อ “นอกจากข้า อย่าตอบกลับคำพูดคนอื่น”
สวีชิงเยี่ยนพยักหน้า ท่องสองประโยคนี้เงียบๆ ในใจ “ได้ ข้าจำไว้แล้ว”
ทำทุกอย่างเรียบร้อยแล้วหนิงอี้ก็เงยหน้าขึ้น
กลิ่นคาวเลือดในอากาศส่งมาในห้องม่านกั้น ถ้วยน้ำชาบนโต๊ะสั่นไหว
ทั้งร้านกำลังสั่นสะเทือน
อวี้ฮวนตรงสุดทางเดินใช้กำลังวังชาไปจนหมดแล้ว
เขาใกล้จะต้านไม่ไหวแล้ว
โซ่เปลวเพลิงสี่เส้นดึงจนตึงเปรี๊ยะ ผังซานที่ถูกขังไว้ในร้านน้ำชาสายลมพิสุทธิ์ยังคงเพิ่มพลังขึ้นเรื่อยๆ
ถึงช่วงวิกฤติ
ดวงจิตของอวี้ฮวนพุ่งผ่านไปกลางร้านน้ำชา ขอให้สหายของตนมาช่วยอีกแรง
วันนี้คนที่มาดื่มชาที่ร้านน้ำชาส่วนใหญ่เป็นพวกหน้าใหม่ในการเมือง ส่วนใหญ่เป็นข้าราชการพลเรือน กระทั่งไม่มีพลังบำเพ็ญ เจอกับเรื่องนี้ก็ได้แต่นั่งรอความตาย
อย่างเช่น โจวทิงฉาว…ก็เป็นหนึ่งในนั้น
หาไปหามาก็ใช้ไม่ได้สักคน!
อวี้ฮวนแทบจะแผ่พลังออกไปไม่ได้แล้ว
ทันใดนั้นเขาเลิกปลายคิ้วขึ้น ดวงจิตเคาะประตูไปมาก็พบว่าในร้านน้ำชาของตนยังมีแขกแปลกหน้าอีกท่าน
ดวงจิตเขาพุ่งเข้าไปแต่กลับถูกปราณกระบี่ขวางไว้นอกประตู ดูท่าพลังจิตของอีกฝ่ายคงค่อนข้างแข็งแกร่ง อย่างน้อยก็ไม่อ่อนแอกว่าตน
อวี้ฮวนเหมือนหาฟางช่วยชีวิตพบ เขารีบส่งกระแสจิตไปอย่างร้อนใจ “คุณชาย ในเมื่อมาดื่มชาที่นี่ ตอนนี้จะไม่ลงมือหน่อยรึ”
เงียบ ไม่มีเสียงตอบกลับ
อวี้ฮวนกัดฟันพูด “คุณชายไม่อยากล่วงเกินแดนบูรพาใช่หรือไม่”
ภายในห้องนั้นเหมือนจะมีดวงจิตสั่นไหวนิดๆ
เป็นเช่นนั้นจริงๆ
เจ้ากรมผู้คุมกฎน้อยผมขาวดอกเลาไม่อยากพลาดการช่วยเหลือจากยอดฝีมือลึกลับท่านนี้ จึงเอ่ยเสียงแหบ “หากวันนี้คุณชายช่วย แซ่อวี้รับรองว่าจากนี้ไปคุณชายจะไม่เสียใจภายหลัง”
หนิงอี้เอามือข้างหนึ่งกดร่มกระดาษมัน หรี่ตาลง ส่งกระแสจิตเสียงแหบกลับไป “หืม?”
……………………….